หลังจากผ่านมาได้หนึ่งเดือนลู่เสวียนจีก็ใช้เวลาอยู่แต่ในห้องนอนมาแทบทั้งวันฉินเย่เดินมาดูด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าพ่อบุญธรรมจะคิดมากเรื่องเทพวสันต์จึงถือวิสาสะเข้ามาพร้อมยกสำรับอาหารวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้ามาหาลู่เสวียนจี
"ท่านพ่อ"
"...."
"ท่านพ่อ"
"...."
"ท่านพ่อขอรับ!!!"
"โว๊ย! เจ้าจะเรียกข้าทำไม"
[OOC!! ลู่เสวียนจีไม่เคยตกใจขนาดนี้]
'หุบปากไปซะ คนกำลังใช้ความคิดอยู่ๆก็มาเรียกจะไม่ให้ตกใจได้ยังไงเล่า!'
[คะแนนติดลบ30คะแนน หากคะแนนติดลบถึง100 ภารกิจของโลกนี้จะล้มเหลวแล้วบอสก็จะตายอย่างสมบูรณ์]
'อืม ว่าแต่มีเควสอะไรไหม'
[ขึ้นอยู่กับโชคของบอสว่าจะหาของไอเทมสำคัญอะไรที่ทำคะแนนได้บ้างหรืออยู่ในสถานที่ที่มีเควสใหม่]
'ไอ้บ้านี่! ไม่มีการวางแผนอะไรก่อนเลย!'
[จีจี้ขอพักผ่อนก่อน]
ลู่เสวียนจีถอนหายใจเบาๆ
"ท่านพ่อ ขอโทษขอรับที่ทำให้ตกใจ"
"ชั่งเถิด มีอะไรรึ"
"ปะ...ป่าวขอรับ แค่เห็นท่านพ่อเหม่อลอยมาทั้งวันเเล้วก็รู้สึก...เป็นห่วงไม่ได้น่ะขอรับ"
ลู่เสวียนจีเงยหน้ามองฉินเย่สักพักก่อนจะลุกขึ้นเดินผ่านตัวฉินเย่ไป
"ข้าไม่เป็นอะไร ความสมดุลของเผ่าปีศาจเป็นอย่างไรบ้าง"
"ในวังจูเชวี่ยสมดุลแล้วขอรับ ยอดเขาไป๋หู่ ตำหนักเสวียนอู่ ก็เริ่มปรับสมดุลได้เเล้วขอรับเว้นเสียแต่หุบเขาชิงชิวที่ยังมีการแก่งแย่งชิงดีตำแหน่งผู้นำคนใหม่ในเผ่าขอรับ"
"อืม อีกไม่นานก็คงปรับสมดุลกันได้ฉินเย่ ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว"
"ลูกอายุ1หมื่น5พันปีแล้วขอรับ"
"เจ้าเติบโตพอแล้ว สมควรออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกบ้าง"
"ท่านพ่อ เผ่ามนุษย์วุ่นวายเกินไปขอรับ ถ้าจะไปลูกขอไปกับท่านพ่อ"
"เจ้าเป็นเด็กติดข้าตั้งแต่เมื่อไหร่"
ฉินเย่ก้มหน้าเงียบไม่พูดต่อ ลู่เสวียนจีไม่ได้ว่าอะไรก็ถอนหายใจเบาๆก่อนจะหันไปเห็นนกคู่กายบินโฉมมาเกาะไหล่ของเขา ที่ขาของมันมีจดหมายเล็กๆติดอยู่ ลู่เสวียนจีเเกะออกมาแล้วคลี่อ่าน
"ท่านพ่อ นี่..."
ฉินเย่สงสัยมองกระดาษจดหมายไม่วางตา ลู่เสวียนจีอ่านจบก็กำกระดาษไว้ในมือแล้วแผดเผามันจนสลายไป ฉินเย่ไม่เข้าใจจึงมองใบหน้าของลู่เสวียนจี เขามองเจ้าลูกขี้สงสัยก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ
"แค่จดหมายของสหายเท่านั้น"
ฉินเย่งงหนักกว่าเดิมทั้งยังเอียงคอมองเขาด้วยความน่ารักน่าเอ็นดู ทำเอาลู่เสวียนจีคันไม้คันมืออยากจะลูบหัวเขาเดี๋ยวนี้
[OOC!!! OOC!!!]
'เออรู้แล้วไม่ต้องพูด แค่คิดอ่ะเข้าใจม๊ะ แค่คิด!!! ไปนอน!!!'
ลู่เสวียนจีสั่งให้ฉินเย่ออกจากห้องไปก่อนที่เขาจะให้เจ้านกขนสีดำบินไปเกาะไม้เช่นเดิม แม้ว่ารูปลักษณ์ของเจ้านกตัวนี้จะแตกต่างกับเขาแต่เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วกลับดูดี ด้วยนัยน์ตาของลู่เสวียนจีจะเป็นสีแดงเพลิงที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งกับนัยน์ตาของนกจะมีสีหมึกเป็นประกาย ขนของมันเป็นสีดำสลวย เมื่อไม่นานมานี้ลู่เสวียนจีคิดแล้วคิดอีกว่าควรจะตั้งชื่อยังไงสุดท้ายก็ตั้งได้แค่ เสี่ยวเฮย เพราะขนของมันเป็นสีดำทมิฬ ถ้าตั้งเป็นอย่างอื่นก็ยังไงๆอยู่อีกทั้งยังเป็น...ตัวผู้ ที่นิสัยมันก็ใกล้จะเหมือนกับฉินเย่มากขึ้นทุกที
ฉินเย่เดินออกมาจากห้องของลู่เสวียนจีแล้วแต่ใบหน้าของเขากำลังมีความกังวลมาก หรูอี้เดินมาเห็นจึงเข้ามาไถ่ถามด้วยใบหน้านิ่ง
"เป็นอะไรของเจ้าอีก เดี๋ยวนี้ข้าจะตามอารมณ์เจ้าไม่ทันแล้วนะ"
หรูอี้กอดอกมองหน้าฉินเย่ คนโดนถามก็หน้างอก่อนจะกล่าว
"อะไรของเจ้า ข้าแค่คิดเรื่องท่านพ่อเฉยๆ"
"เจ้าจะคิดไปทำไม จ้าววังน่ะแค่ต้องการเวลาส่วนตัว อีกสักพักก็คงจะออกมาแล้วล่ะ"
ปึ้ง!!!!
ไม่นานเสียงประตูกระแทกกับผนังก็ดังขึ้นเสียงดังทำให้ฉินเย่ตกใจหันขวับไปมองทางต้นเสียง พบกับเสี่ยวเฮยบินผ่านหน้าไปด้วยความเร็ว
"อะไรน่ะ ก้อนๆสีดำๆนั่นคืออะไร"ฉินเย่สงสัย
"เสี่ยวเฮย!!! เจ้าจะไปไหนก็ไปเลย!! ไอ้นกบ้า!!!!"
เสียงตะโกนด่าออกมาจากห้องพร้อมตำราที่ถูกโยนออกมาจากห้องไปแปะอยู่บนหน้าของฉินเย่ หรูอี้หลุดขำพรืดออกมานางกุมท้องหัวเราะด้วยความสะใจ
"ฮ่าๆๆๆ เจ้าเนี่ยนะ ชั่งโชคร้ายเสียจริง ฮ่าๆๆๆ"
ฉินเย่ถอนหายใจก่อนจะหยิบตำราออกมาแล้วดูเขาก็แทบจะเป็นลมล้มพับไปทันที เป็นตำรารักร่วมเพศระหว่างชายหญิง เสี่ยวเฮยนึกว่าลู่เสวียนจีอยากมีหญิงงามแต่ทำไม่เป็นเลยไปหามาให้แต่ใครจะคิดว่า ลู่เสวียนจีเเค่เห็นหน้าปกตำราก็ไล่หวดไล่ตีเสี่ยวเฮยด้วยความโมโห ฉินเย่โยนตำราให้หรูอี้ก่อนจะรีบเดินไปหาลู่เสวียนจี
"ท่านพ่--- อั่ก"
ลู่เสวียนจีเผลอใช้เท้าถีบฉินเย่จนไปติดกับกำแพง เขาโฮ่ร้องในใจ
'ชิบหาEแล้ว!! ตูจะโดนหักคะแนนอีกไหมเนี่ย'
แต่พอรอไปรอมาก็ไม่มีเสียงจีจี้ขึ้นแจ้งเตือนเขาจึงแอบโล่งใจอยู่บ้าง หันไปมองฉินเย่ส่งสัญญาณให้หรูอี้ไปช่วยอีกฝ่าย นางกุมขมับด้วยความเหนื่อยหน่าย ลู่เสวียนจีชี้ไปที่ตำราก่อนที่มันจะถูกไฟเผาไป หรูอี้จึงเดินไปช่วยฉินเย่ออกมาจากกำแพง
เสี่ยวเฮยร้องเสียงดังเหมือนกำลังหัวเราะเยาะฉินเย่ทำเอาเจ้าตัวที่โดนนกตัวนี้หยามก็เดือดดาลจนแทบจะฉีกร่างนกตัวนี้ออกเป็นชิ้นๆ
"เจ้า-เจ้า-เจ้า"
เสี่ยวเฮยหยุดหัวเราะแล้วหันไปมองฉินเย่ที่กำลังมองมาทางมันด้วยความเกรี้ยวกราดดวงตาแดงก่ำด้วยไฟโทสะ ลู่เสวียนจีเห็นก็เลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกในเวลานี้จึงไม่มีใครสังเกตุเห็นท่าทีที่แปลกไปของเขา
"ฉินเย่แค่นกตัวเดียวเจ้าจะโมโหทำไม"
"เจ้านกบ้า! ใครสั่งใครสอนให้เจ้าเอาหนังสือลามกมาให้ท่านพ่อ ห๊ะ!"
เสี่ยวเฮยหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกมันยืนนิ่งตัวแข็งทื่อหันไปมองเจ้านายตนเอง ในใจก็กรีดร้องขอชีวิต
'นายท่าน! ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถอะ!'
มันพุ่งบินเข้าไปเกาะขาของลู่เสวียนจีส่งเสียงร้องเหมือนกำลังขอร้องอ้อนวอน ลู่เสวียนจีกุมขมับด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ ทั้งเดือนเขาอยู่กับคนปัญญาอ่อนและนกปัญญาอ่อนมาได้ยังไง ปวดหัวทุกวันแต่ละวันก็ทำให้เขารู้สึกอยากจะหนีออกจากที่นี่ให้ได้ ไม่มีอะไรที่ไม่ทำให้เขารู้สึกอยากตายอีกรอบมากกว่า2ตัวปัญหานี้เลย
"ออกไป ออกไป!"
เสี่ยวเฮยรีบถอยกรูออกมา ลู่เสวียนจีหมุนตัวปิดประตูดัง ปั้ง ฉินเย่มองดูสักพักก็หันไปมองเสี่ยวเฮยจ้องมันเขม็ง ตัวมันเองก็รู้สึกถึงสายตาที่ไม่ค่อยดีนักจึงค่อยๆหันกลับไปมอง มันแทบจะร้องจ๊ากเพราะฉินเย่พุ่งเข้ามาหวังจะตะครุบมัน ด้วยความไวของเสี่ยวเฮยเลยหลบออกมาได้
"เจ้านกไร้ประโยชน์!!!!"
'เจ้าว่าข้าไร้ประโยนช์เร๊อะ แล้วเจ้าเล่า!!!'
เสี่ยวเฮยบินหนีฉินเย่พร้อมร้องขอชีวิตไปพลาง ตัวฉินเย่เองก็ไม่ยอมหวังจะจับตัวเสี่ยวเฮยให้ได้ หรูอี้เห็นก็แทบจะหลีกหนีออกไปเดี๋ยวนั้น ทำขายหน้าต่อนางไม่ว่าแต่ทำขายหน้าต่อธารกำนัลมันไม่ได้!!! ความรู้สึกอับอายอัพ9999+ทำให้นางแทบจะจับฉินเย่ไปถ่วงน้ำเอาให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น แต่ลู่เสวียนจีก็เรียกนางให้เข้าไปซะก่อน
นางเดินเข้ามาในห้องเห็นลู่เสวียนจียืนอยู่ตรงระเบียงห้องนางจึงเดินไปยืนด้านหลังของอีกฝ่าย
"เจ้าคิดว่าอย่างไร ถ้าข้าให้เจ้าดูแลวังจูเชวี่ยไปก่อน"
หรูอี้ตกใจกับคำถามอย่างนั้น นางเก็บสีหน้าตกใจเอาไว้ถามผู้เป็นนายด้วยความสงสัย
"จ้าววัง ความหมายของท่าน...."
"ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ข้าแค่อยากไปโลกมนุษย์เท่านั้นและในระหว่างนั้นข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ดูแลวังชั่วคราว หากมีข่าวสารอะไรก็ใช้ผีเสื้อเงินส่งสารมาให้ข้า"
ผีเสื้อเงินคือวิธีการส่งสารอย่างหนึ่งของวังจูเชวี่ย ลู่เสวียนจีหันกลับมามองหรูอี้ด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ
"วันนี้ข้าจะประกาศให้ทุกคนในวังทราบเอง"
"เจ้าค่ะ"หรูอี้ปฎิเสธไม่ได้จึงก้มหน้ายอมรับเพราะยังไงนางก็ขัดขวางความคิดของจ้าววังไม่ได้อยู่แล้ว ชื่อเสียงจ้าววังก็โด่งดังในหมู่เผ่ามารเท่านั้น ในโลกมนุษย์ไม่มีใครรู้จักจ้าววังคนจากสวรรค์ก็ไม่สนใจเรื่องมนุษย์ การมาเยือนของลู่เสวียนจีไม่สร้างความลำบากใจให้นางเลยแม้แต่น้อย แค่ถ้าหากความลับถูกเปิดเผยต่อสวรรค์แล้วจะเป็นจ้าววังเองที่เดือดร้อนเรื่องนี้นางจึงอดคิดไม่ได้เหมือนกัน
ลู่เสวียนจีเห็นสีหน้านางกระอักกระอ่วนจึงสงสัยแต่ไม่ได้เอ่ยถามออกไป แค่พยักหน้าให้นางออกไปก็เท่านั้นเขาเดินกลับเข้ามาในห้องทำท่าทางดีใจขั้นสุด
'ไม่คิดว่าการแอ็คแบบนี้มันจะฟินสุดๆ!'
[ค่าความลึกลับ+20 ค่าความสมจริงตัวละคร+30 รวม50คะแนน หักล้างกับการติดลบปัจจุบันเหลือ20คะแนน]
'เดี๋ยว 20คะแนนนี่ทำอะไรได้บ้าง'
[ทำอะไรไม่ได้ คะแนนจะต้อง50+ ถึงจะมีการปลดล็อคสกิลต่างๆของตัวละครลู่เสวียนจี จีจี้ขอแนะนำให้หาตัวรองของเรื่องให้พบแล้วช่วยชีวิตตัวรอง]
'ห๊ะ ตัวรองนี่ยังไง?'
[จีจี้ลืมบอก บอสเข้ามาในโลกใหม่ก็จริงแต่เป็นโลกใหม่ของนิยายชื่อดังจากเว็บหนึ่ง เรื่อง'ฤดูเหมันต์ไร้รัก' เรื่องนี้พระรองกลายเป็นตัวร้ายพยายามฆ่าพระเอกแล้วครองรักกับนางเอก]
'หา? เป็นพระรองแล้วก็เป็นตัวร้าย ควบสองบทบาทเลยเก่งสุดยอด! เอ้อ แล้วนี่ฉันมาอยู่ในร่างของตัวประกอบ?'
[ใช่ เพราะร่างนี้ตายไปก่อนที่พระรองจะเกิด]
'เดี๋ยว นี่มันเป็นตัวประกอบที่ไร้ค่ามากเลยนะ!'
[ก็คงงั้น]
ลู่เสวียนจีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตอนเขาทะลุมิติมาครั้งแรกก็ต้องบอกก่อนสิว่านี่คือโลกของนิยาย ปกตินิยายแนวทะลุมิติจะบอกก่อนเลยไม่ใช่หรอ นี่อะไรก็ไม่รู้เป็นระบบที่ดูจะไม่มีความรับผิดชอบเลยหลังจากแนะนำเขาไปในเวลา1เดือนก็หายหน้าค่าตาไปเลย จะบอกว่าก็เป็นวันนี้นี่แหละที่ไอ้ระบบเฮงซวยพึ่งจะกลับมา คือว่าไร้ประโยชน์สุดๆไปเลย ทำไมระบบของเขาถึงไม่เหมือนกับนิยายเรื่องอื่นล่ะแถมเสียงของจีจี้เองก็ดูจะเหมือนเสียงคนพากย์ซะด้วย
เมืองหลวง แคว้นฉิง
ผู้คนเดินสัญจรไปมา แม่ค้าพ่อค้าต่างส่งเสียงเรียกผู้คนให้มาซื้อของของตนเอง เป็นตลาดค้าขายที่ดูครึกครื้น มีหอสูงหนึ่งหอมีป้ายใหญ่ๆเขียนว่า หอซูซวน เป็นหอการค้าที่โด่งดังที่สุดในเมืองหลวง มีอาหารขึ้นชื่อมากกว่า20อย่างผู้คนในร้านก็แน่นเอี๊ยด ในห้องส่วนตัวชั้น3 มีอาหารมากมายวางอยู่บนโต๊ะมีชายหนุ่มรูปงามอยู่2คนกำลังนั่งทานอาหารกัน คนหนึ่งดูร่าเริงแจ่มใสอีกคนหนึ่งเย็นชา เงียบขรึม ทั้งสองต่างกันราวฟ้ากับเหว
"นี่เจ้าน่ะจะเงียบขรึมอีกนานไหม ปล่อยให้ข้าพูดคนเดียวข้าก็เหงาจะแย่"
"งั้นก็หุบปากซะ"
"หว่า เจ้านี่ปากร้ายใช่ย่อยเลยนะเห็นเจ้าเป็นแบบนี้องค์หญิงซู่จะชอบเจ้าได้ยังไง"
ปึ้ง!!!
เสิ่นหย่งเสียนวางตะเกียบดังลั่นทำเอาจนสหายสนิท มู่เหยียนสะดุ้งเฮือก ใบหน้าที่เย็นชาของเสิ่นหย่งเสียนทำเอาตัวเขาเหงื่อแตกพลั่กก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง
"นี่ๆๆๆ หย่งเสียนข้าล้อเล่น ข้าล้อเล่น เจ้าจะจริงจังไปทำไม!"
เสิ่นหย่งเสียนถอนหายใจเบาๆก่อนจะมองมู่เหยียน
"ข้าดูเป็นคนที่น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ"
"มากเลยล่ะ เจ้าน่ะถึงจะหน้านิ่งพูดน้อยแต่ก็ไม่ใช่กับคนที่เจ้าสนใจถูกไหม แต่องค์หญิงซู่น่ะไม่ได้สนใจเจ้าเลยดูเหมือน....นี่เจ้าสนใจข้าอยู่รึเปล่า"
"นี่! หย่งเสียนข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ หย่งเสียน!"
มู่เหยียนทำท่าฮึดฮัดใส่อีกฝ่ายก่อนจะมองตามสหายของตน ด้านล่างมีผู้คนเดินไปเดินมาเยอะแยะ มีองค์หญิงซู่เดินปะปนอยู่ในนั้นด้วยมู่เหยียนพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันมามองหย่งเสียนที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย
"อ่าวเฮ้ย! หย่งเสียนเจ้าจะให้ข้าจ่ายเงินแบบนี้ไม่ได้นะ! ข้าไม่มีเงิน!!!"
"หย่งเสียน เจ้ามันบ้าไปแล้วเอาเงินมาให้ข้าก่อนค่อยไ---อั่ก"
ถุงเงินลอยขึ้นมาจากหน้าต่างเขารีบเอาออกด้วยความเจ็บ
"จมูกข้า~ ถ้าจมูกข้าพังเจ้าตายเเน่!!!"
"องค์--- คุณหนูจะซื้ออะไรหรือเพคะ"
"ข้าจะหาซื้อของที่ระลึกให้ท่านพี่หลิง"
"คุณหนู ตระกูลหลิงมีบุตรชายสองคนเพคะ"
"เจ้านี่นะ ข้าซื้อของให้คุณชายใหญ่อย่างไรเล่า เลิกถามมากได้แล้วไปหาซื้อของกันเถอะ"
"เพคะ!!!"
ตุ้บ!
"อ๊ะ"ซู่หนิงเซถลากำลังจะล้มลงแต่มีคนผู้หนึ่งมาประคองเอาไว้ เสิ่นหย่งเสียน เขาจ้องคนที่ชนกับซู่หนิง
"แม่นางข้าขออภัยด้วย"เสียงนุ่มดังขึ้นสะกดสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้ไปที่คนผู้นั้นทันที คนข้างกายร่างบางกระซิบด้วยท่าทีร้อนรน
"อืม รีบไปเถอะ"
ทั้งสองเดินออกไปยังไม่ลืมที่จะขอโทษซู่หนิงอีกครั้ง เสิ่นหย่งเสียนมองตามคนผู้นั้นจนลับตาไปซู่หนิงเองก็ออกจากอ้อมแขนเสิ่นหย่งเสียน นางทำหน้ากระอักกระอ่วนใจก่อนจะก้มหัวขอบคุณแล้วรีบเดินออกไปทันที เสิ่นหย่งเสียนอยากจะตามนางไปแต่เขาก็อยากจะไปจัดการกับคนที่ชนนางเสียก่อน
"ท่านพ่อ เห็นๆอยู่ว่านางตั้งใจชนท่าน"
ฉินเย่กอดอกพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ลู่เสวียนจีไม่รู้จะทำยังไงได้แต่เงียบแล้วพาเขาเดินออกมาในที่ที่ลับตาคน จนมาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ทั้งสองจึงหยุดพักลู่เสวียนจีถอดหมวกสานที่มีผ้าขาวบางที่ปกปิดเอาไว้ครึ่งตัว ฉินเย่รับหมวกนั้นมาถือเอาไว้แล้วนั่งเอนหลังกับต้นไม้ใหญ่
'เมื่อกี้เจอนางเอกกับพระรองแถมสายตาอีกฝ่ายก็ดูจะไม่เป็นมิดเสียด้วย ข้าจะตายรึเปล่าเนี่ย!'
[วางใจได้นอกจากมหาเทพกับเทพรัตติกาลแล้วก็ไม่มีใครสามารถฆ่าบอสได้]
'เห็นสายตาพระรองรึเปล่า!? น่ากลัวชะมัดเลย'
[เพราะไปชนกับหญิงที่แอบชอบแล้วคำกล่าวขอโทษก็ไม่มีความจริงใจเลยทำให้พระรองโกรธ]
'เดี๋ยวแค่นี้ก็โกรธแล้วหรอ ว่าแต่เมื่อกี้ก็เจอแล้วไม่มีคะแนนเพิ่มเลยหรอ'
[ไม่มี แต่ต่อจากนี้มีแน่]
หลังจบคำพูดของจีจี้ฉินเย่ก็ลุกขึ้นมายืนบังตัวลู่เสวียนจีเอาไว้ ด้านหน้าพลันปรากฎร่างผู้หนึ่ง ที่มัดผมรวบขึ้นสูง ร่างกายกำยำสมชายชาตรี ดวงตาคมจ้องมองมาไม่วางตา ในมือถือกระบี่ สวมอาภรณ์สีน้ำเงินเข้ม มีผ้าคาดหัวสีน้ำเงินยาวพริ้วไหวตามเเรงลม ใบหน้าถือว่าหล่อเหลาเอามากๆจนหัวใจของลู่เสวียนจีเต้นแรงจนเจ้าตัวกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน หมวกสานถูกใส่ไว้โดยฉินเย่เขายืนนิ่งมองอีกฝ่าย
"ชายคนเมื่อกี้รึ ตามพวกข้ามาทำไม"
เสิ่นหย่งเสียนทำหน้านิ่งพยายามใช้สายตาเพ่งมองคนข้างหลังฉินเย่รู้สึกได้จึงใช้ตัวเองขยับเพื่อบังลู่เสวียนจี
'เจ้าเด็กนี่สูงและตัวใหญ่กว่าข้าอีกรึ'
ฉินเย่ขมวดคิ้วมองเสิ่นหย่งเสียน
"เจ้าชนนางแต่ไม่ขอโทษด้วยใจจริง"
"ขอโทษด้วยใจจริงรึ เจ้าเอาอะไรมาคิดท่า...นายท่านของข้าโดนนางชนต่างหาก"
เสิ่นหย่งเสียนขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดเขาเตรียมจะชักกระบี่ ลู่เสวียนจีจึงจับไหล่ของฉินเย่ให้ถอยไปเขาเดินมาข้างหน้าทำให้เสิ่นหย่งเสียนต้องเก็บกระบี่เข้าฝัก
"คุณชายท่านนี้ หากเมื่อครู่ข้าขอโทษไม่จริงใจก็ขออภัย แต่คุณชายมาหาเรื่องข้าเพราะเรื่องนี้แม่นางผู้นั้นจะเก็บมาคิดด้วยหรือ"
เสิ่นหย่งเสียนกำกระบี่ในมือแน่น แค่คำพูดของลู่เสวียนจีไม่กี่คำแต่กลับเสียดแทงลึกเข้าไปในหัวใจของเขา ความหมายก็คือแม้ข้าจะขอโทษไม่จริงใจนางก็ไม่ใส่ใจ ก็เหมือนกันกับเจ้าท่แอบชอบนางมานานนมแต่นางก็ไม่เก็บมาคิดเลย ลู่เสวียนจียิ้มบางก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป ฉินเย่มองถลึงตาใส่อีกฝ่ายก่อนจะรีบเดินตามลู่เสวียนจีไป เสิ่นหย่งเสียนคิดแล้วมันก็จริง แต่เขาก็ไม่ยอมจึงรีบตามลู่เสวียนจีไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments