บทที่ 5 แครอน

บทที่ 5 แครอน

ค่ำคืนที่มืดมิดในป่าต้องสาปเงาหนึ่งหญิงหนึ่งชายคุยกันในคืนอันเงียบสงัดส่งผลให้ป่าที่มืดมนในคืนนี้เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

“นายเข้าใจสิ่งที่ฉันถามใช่ไหมคาเล็บ” เบลินด้าถามคาเล็บที่ยืนฟังอยู่ตรงข้ามด้วยใบหน้าไม่ยินดียินร้าย

“ก็เข้าใจ เธอจะอยากรู้เรื่องนี้ไปทำไม มันผ่านมาตั้งนานแล้ว” คาเล็บตอบ

“ก็ฉันอยากรูหนิ แล้วตกลงนายจะบอกหรือไม่บอก”

เบลินด้าพูดด้วยน้ำเสียงคาดคั้น

“เอาล่ะบอกแล้วๆ ตอนนั้นฉันสนใจในการเลี้ยงภูติหิมะมากเลยเลี้ยงเอาไว้ 1 ตัว แล้ววันที่นักเล่านิทานมาเล่านิทานให้ฟังเขาก็ทิ้งปริศนาเอาไว้ พร้อมให้เวลา 2 วันในการหาคำตอบตามที่เธอรู้ คืนนั้นภูติหิมะของฉันบินหลงทาง บังเอิญไปได้ยินคำตอบที่นักเล่านิทานคุยกับสัตว์เลี้ยงของตัวเอง ดังนั้นฉันเลยรู้คำตอบ ทำให้ฉันได้ของวิเศษมาเป็นหนังสือรวมศาสตร์มืดนี่ไง” คาเล็บตอบพร้อมชูหนังสือโบราณสีดำขึ้น 1 เล่ม “เธออยากรู้เรื่องนี้เพราะอยากได้ของวิเศษของนักเล่านิทานหรอ” คาเล็บถามกลับ

“ก็ประมาณนั่นแหละ”

“ฉันว่าเธออยากช่วยเพื่อนตัวจิ๋วของเธอมากกว่า ฉันเคยได้ยินมาว่านักเล่านิทานเป็นนักสะสมหนังสือหายากไม่ว่าจะเป็นแผนที่โบราณ บทกลอน รวมถึงตำราโบราณด้วย ฉันเดาได้เลยว่าจะได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนถ้าตอบคำถามได้ เธอดูจากตำราที่ฉันได้สิ”

“แล้วตกลงเรื่องน้ำพุศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงตาเทพล่ะ” เบลินด้าถามต่อ “ยังไงนายก็อยู่ในป่านี้มานานน่าจะเคยเห็นบางแหละ”

“ฉันว่าเธออย่ายุ่งกับน้ำพุร้างนั่นดีกว่าเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันเองก็คงรับมือไม่ไหวเหมือนกัน”

คาเล็บเตือนด้วยความหวังดีและน้ำเสียงจริงจังมากกว่าเดิม

“ตกลงมีน้ำพุจริงรึเปล่า”

“ก็แค่นิทานปรัมปราเธอเชื่อรึไง”

คาเล็บบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบคำถามของหญิงสาว

“ถ้านายไม่ช่วยฉันจะไปพิสูจน์เอง”

“เอาล่ะๆ ก็ได้ๆ เธอนี่ดื้อเหมือนเดิมเลยนะ ป่านี่มีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ก็จริง แต่ทางที่จะไปน้ำพุมันอันตรายมากฉันเองยังไม่อยากไปที่นั้นเลย แถมยังร้างยิ่งกว่าแถวนี้ซะอีก”

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่านายก็รู้ทางไป ใช่ไหม”

“เธอนี่...…เฮ้อ ! ก็ใช่ฉันเคยไปสำรวจแถวนั้นแต่มันต้องข้ามแม่น้ำไปอีกฟากซึ่งตรงนั้นมันเกินหน้าที่การดูแลของฉัน เธอก็รู้ว่าป่าต้องสาปมันไม่ใช่แค่กินพื้นที่ของโรงเรียนเวทมนตร์ของเรา แต่มันยังมีพื้นที่ของฝั่งอื่นอีก”

คาเล็บชายหนุ่มรูปหล่ออธิบายต่อด้วยน้ำเสียงจนปัญญา

“ทำไมมันเกินหน้าที่ของนายมันเป็นป่าที่นายต้องดูแลไม่ใช่หรอ”

“ตกลงที่ฉันพูดไปไม่เข้าหูเธอเลยใช่ไหม ฉันดูแลได้แค่บางส่วนเท่านั้นเพราะมันคือทางเชื่อมระหว่างโลกกับยมโลก แม่น้ำนั่นไม่ใช้แม่น้ำธรรมดามันคือแม่น้ำสติกซ์ ในน้ำจะมีวิญญาณถูกจองจำอาศัยอยู่ ถ้าจะไปต้องจ่ายเหรียญคนตายให้กับแครอนคนแจวเรือเพื่อเดินทางข้ามแม่น้ำสติกซ์

เทพีสร้างน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ตรงทางเข้ายมโลกมันเลยทำให้พวกของลูซิเฟอร์ตามนางไปไม่ได้ เพราะทางด้านยมโลกก็รอนำตัวลูซิเฟอร์ไปรับโทษเหมือนกัน แม่น้ำสติกซ์เป็นหนึ่งในทางข้ามโลกสำหรับวิญญาณเท่านั้นแครอนรับเฉพาะวิญญาณเพื่อพาไปยังทางเข้ายมโลก ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่ไหนข้ามไปได้ ทางเดียวที่จะไปได้คือต้องกินผลแห่งความตายเพื่อหลอกให้คนแจวเรือคิดว่าเธอคือวิญญาณ ซึ่งผลแห่งความตายอยู่ได้แค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นมันอันตรายมากเธอก็รู้ หากครบ 2 ชั่วโมงแล้วไม่ได้กินผลเอเดนเป็นยาแก้คนนั้นก็จะกลายเป็นวิญญาณจริงๆ”

“แล้วทางกลับล่ะ ถ้าไปกับคนแจวเรือแล้วจะกลับยังไงถ้ากินผลเอเดนแล้ว”

“ทางเดียวที่จะกลับได้คือสู้กับแครอนเพราะถ้าเขารู้ว่าเขาพาคนข้ามแม่น้ำไม่ได้พาวิญญาณข้ามก็เท่ากับมีผู้บุกรุกโลกวิญญาณสิ่งเดียวที่ทำให้ข้ามแม่น้ำมาได้ก็มีเพียงเรือของแครอนเท่านั่น ดังนั้นทางที่ดีอย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า”

คาเล็บอธิบายยาวเหยียดหลังจากได้ยินคำถามของเบลินด้า

“แหม่...ไม่ยักรู้ว่านายจะรู้เรื่องเยอะขนาดนี้”

“เธอคิดว่าฉันใช้ดวงเข้ามาเป็นผู้ดูแลที่นี่รึไง”

“รู้แล้วว่านายมีความสามารถ ไหนๆฉันก็รบกวนนายมานานแล้วถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ”

“หมดประโยชน์ก็ทิ้งฉันเลยนะ” คาเล็บพูดด้วยท่าทีประชดประชัน

“ก็...ขอตัวก่อนพึ่งนึกออกว่ามีธุระ”

เบลินด้ากล่าวก่อนจะรีบหันตัวกลับและเดินออกจากป่าต้องสาปทันที

คาเล็บชายหนุ่มร่างสูงมองตามมองแผ่นหลังของหญิงสาวจนที่กำลังเดินห่างไปเรื่อยๆจนไกลริบพร้อมบ่นกับตัวเองอย่างจนปัญญาที่จะทำเป็นไม่สนใจเธอ

“ผู้หญิงอะไรเอาแต่ใจชะมัด เฮ้อ ! ”

โรงเรียนเวทย์มนต์สตาเดเฟีย

เสียงมากมายดังไปทั่วบริเวณห้องโถงโรงเรียนหลังจากคาบเรียนสุดท้ายสิ้นสุดลง ชายหญิงมากมายคุยกันอย่างสนุกสนานพร้อมกลุ่มเพื่อหลายกลุ่มที่คุยกันตลอดทางเดินโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

“อนาตาเซีย คืนนี้โซอี้จะพาพวกเราไปเที่ยวตลาดราตรีเธอจะไปกับพวกเราไหม”

ลูเซียถามอนาตาเซียที่กำลังเดินอยู่ระหว่างทางกลับบ้านพัก

“ใช่ พวกเราอยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้ว พึ่งจะได้มีเวลาออกไปเที่ยวที่ไกลๆซะที ตกลงเธอจะไปรึเปล่าอนาตาเซีย” เทียน่าถามอีกครั้ง

“เอ่อ...คืนนี้ฉันมีธุระคงไปด้วยไม่ได้ เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน”

อนาตาเซียปฏิเสธเพื่อนอย่างเสียดาย

“เดี๋ยวนี้ฉันเห็นเธอเข้าห้องสมุดทุกวัน กว่าจะกลับห้องก็ดึกดื่น ขยันเรียนจังเลยนะเธอเนี่ย”

เสียงลูเซียแซวอนาตาเซียที่เดินอยู่ข้างๆ

“เธอคงไม่ได้กำลังหาทางแก้ปริศนาของนักเล่านิทานหรอกนะ”

มาเดลินถามเพื่อนด้วยสีหน้าแกมหยอกล้อโดยไม่ได้คาดหวังคำตอบ

“จริงๆฉันก็กำลังหาวิธีแก้ปริศนาอยู่นั่นแหละ” อนาตาเซียตอบ

“ห่ะ จริงหรอ” มาเดลินอุทานออกมาเสียงดัง

“ฉันว่าเธออย่าเสียเวลาเลยปริศนายากจะตาย เธอไม่ทันรุ่นพี่คนอื่นๆหรอก อีกอย่างมีคนตั้งเยอะที่อยากได้ของวิเศษ แล้วพวกรุ่นพี่ก็ดูน่ากลัวจะตาย เผื่อใจเอาไว้บ้างก็ดีจะได้ไม่ต้องเสียใจ” โซอี้พูดเตือน “ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว พวกเรารีบไปเตรียมตัวสำหรับไปเที่ยวคืนนี้กันเถอะ” โซอี้กล่าวก่อนลาอนาตาเซีย “ไปก่อนนะอนาตาเซีย ขอให้เธอแก้ปริศนาได้ก็แล้วกันนะ ส่วนฉันขอตัวไปเที่ยวก่อน” โซอี้พูดเสริมพร้อมเพื่อนทั้ง 4 ที่เดินจากไปเหลืออนาตาเซียเพียงคนเดียว

“เฮ้ออ” เสียงอนาตาเซียถอนหายใจและมองเพื่อนที่เดินจากไป “ไม่เป็นไร ไม่ลองไม่รู้ สู้เขาอนาตาเซีย” อนาตาเซียพูดให้กำลังใจตัวเองก่อนจะรีบเดินตรงไปยังบ้านเบลินด้าด้วยความรวดเร็ว

ณ บ้านกลางป่าของเบลินด้าสองสาววางแผนและปรึกษากันอย่างเคร่งเครียดถึงสิ่งที่ตนไปค้นหามา อนาตาเซียสาวน้อยวัยกำลังเรียนรู้พูดคุยกับเบลินด้าด้วยใบหน้าจริงจังถึงการทำข้อแลกเปลี่ยนกับน้ำพุศักดิ์สิทธิ์

“ฉันไปหาข้อมูลมาแล้วในหนังสือบอกว่าการทำข้อแลกเปลี่ยนกับน้ำพุ คนที่ต้องการน้ำพุจะต้องควักหัวใจออกมาแล้วแบ่งครึ่ง จากนั้นต้องนำหัวใจไปวางไว้บนใจกลางน้ำพุเพื่อเป็นการแสดงความเคารพและยินยอมต่อการแลกเปลี่ยนจึงจะสามารถตักน้ำพุออกมาจากบ่อได้” อนาตาเซียอธิบาย

“แล้วการควักหัวใจจะเป็นอันตรายแค่ไหน เธอได้ดูตรงนี้มารึเปล่า”

เบลินด้าถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“ก็……ถึงจะมีหัวใจครึ่งเดียวก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่แรกๆอาจจะมีอาการเจ็บเล็กน้อย” อนาตาเซียตอบถึงแม้ว่าตนจะรู้สึกกลัว

“ถ้าเธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำฉันก็ห้ามเธอไม่ได้ ถึงยังไงน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็เก็บเอาไว้ใช้ได้หลายครั้งมันอาจจะเป็นผลดีกับเธอ อืม………เอาล่ะแผนของเราเป็นอย่างนี้”

เบลลินด้าพูดพร้อมอธิบายแผนการให้อนาตาเซียฟังอย่างละเอียด หลังจากอนาตาเซียฟังแผนการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเธอก็กระตือรือร้นและเตรียมตัวสำหรับงานนี้ทันที

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะเตรียมตัวให้ดีสำหรับคืนพรุ่งนี้”

“ที่นั่นอันตรายสำหรับพวกเรามากโดยเฉพาะเธอฉะนั้นเราต้องระวังตัวเป็นพิเศษ อย่าให้พลาดเด็ดขาด ฉันจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อมแล้วพรุ่งนี้เราไปกัน”

เบลินด้าพูดอย่างเด็ดเดี่ยวและมองเพื่อนด้วยความมุ่งมั่น

“อืม……”

เช้าวันใหม่ในช่วงเวลาพลบค่ำแสงอาทิตย์สีส้มส่องแสงริบหรี่เตรียมตัวลับขอบฟ้า ถึงเวลาผลัดเปลี่ยนแสงสว่างให้กลายเป็นแสงจันทร์อันมืดมิด อนาตาเซียสาวน้อยตัวเล็กผู้มีความมุ่งมั่นเตรียมทุกอย่างอย่างเรียบร้อยสำหรับภารกิจในคืนนี้ หลังจากเลิกเรียนเธอตรงไปหาเบลินด้าในบ้านกลางป่าตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อทั้งสองจัดการทุกอย่างเรียบร้อยทั้งคู่ก็มุ่งหน้าไปยังป่าต้องสาปอันมืดมิดเพื่อตามหาน้ำพุศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้นทันที

ทั้งสองเดินเข้าป่าอย่างระมัดระวังพร้อมร่ายเวทย์ป้องกันตัวจากสิ่งชั่วร้ายทำให้วิญญาณชั่วร้ายในป่าไม่สามารถล่อลวงทั้งสองได้ เบลินด้าเพื่อนสาวของเธอได้พาเธอเดินไปทางลัดหลีกเลี่ยงใจกลางป่าไม่ให้พบกับวิญญาณมากจนในที่สุดทั้งสองก็เดินทางมาถึงริมแม่น้ำสติกซ์

“ตอนนี้เราก็มาถึงแม่น้ำแล้ว อะ…นี่ รีบกินผลแห่งความตายซะ ก่อนที่แครอนจะมาเราห้ามให้เขารู้เด็ดขาดว่าเรายังมีชีวิตอยู่”

เบลินด้ากล่าวและยื่นผลไม้รูปร่างแปลกประหลาดให้กับอนาตาเซีย

อนาตาเซียรับผลไม้โดยไม่ลังเลพร้อมกัดกินผลแห่งความตายทันที ไม่นานเมื่อทั้งสองกินผลแห่งความตายเรียบร้อยแล้วร่างกายของทั้งคู่ก็เปลี่ยนสภาพเหมือนวิญญาณทั่วไปทันที ทั้งคู่รออยู่ริมแม่น้ำสักพักไม่นานทั้งสองก็ได้ยินเสียงคนผิวปากดังเป็นระยะๆ เป็นสัญญาณว่าแครอนได้เดินทางมารับดวงวิญญาณแล้ว เมื่อเรือของแครอนจอดเทียบท่าทั้งสองก็ลงเรืออย่างราบรื่นโดยไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองไม่ใช่ดวงวิญญาณเหมือนวิญญาณดวงอื่นๆ แครอนพายเรือข้ามแม่น้ำจนถึงทางเข้ายมโลก เขาหยุดเรือและปล่อยให้ดวงวิญญาณลงทันที ทั้งสองลงจากเรือโดยไม่มีอะไรน่าสงสัย ส่วนแครอนก็พายเรือไปรับดวงวิญญาณตามเดิม

หลังจากทั้งสองลงจากเรือเรียบร้อยแล้วอนาตาเซียกับเบลินด้าก็ค่อยๆหลบหลีกจากวิญญาณดวงอื่นๆแล้วตรงไปยังน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ด้วยความรวดเร็ว

ณ ทางเข้ายมโลกก่อนดวงวิญญาณทั้งหลายจะเดินเข้าไปยังประตู รอบข้างประตูน้ำพุร้างอันใหญ่ตั้งตระหง่านไร้ซึ่งผู้คนสนใจ เหล่าดวงวิญญาณผ่านไปผ่านมาล้วนไม่เคยมีใครให้ความสนใจมันแม้แต่น้อย บนพื้นที่รกร้างว่างเปล่าแห่งนั่นเต็มไปด้วยต้นไม้พุ่มไม้แห้งรกรุงรังร้างเป็นวงกว้างโดยไม่มีใครรู้ว่าน้ำพุนั้นคือน้ำพุศักดิ์สิทธิ์จากดวงตาเทพ

“เรามาถึงน้ำพุศักดิ์สิทธิ์แล้วต่อไปก็ได้เวลาควักหัวใจของเธอ” เบลินด้ากล่าว “กินยานี่มันจะทำให้เธอไม่เจ็บตอนที่ควักหัวใจออกมา” เบลินด้าอธิบายพร้อมควานหาถุงยาในย่ามและยื่นขวดยาให้อนาตาเซียดื่ม

สาวน้อยรับขวดยาจากมือเพื่อนสาวและกระดกดื่มยาในครั้งเดียว หลังจากดื่มยาเสร็จเรียบร้อยอนาตาเซียก็ต้องเตรียมตัวสำหรับการควักหัวใจ

“พร้อมแล้วใช่ไหม” เสียงเบลินด้าเอลฟ์สาวกล่าวกับอยาตาเซียก่อนจะยื่นมืออันสั่นเทาของตนออกไปอย่างหวาดระแวง “ฉันจะควักแล้วนะ……นับ 1…2…3…” เบลินด้าออกแรงควักหัวใจของเพื่อนสาวออกมาด้วยความกังวล เม็ดเหงื่อมากมายถ่าโถมผุดขึ้นบนหน้าผากของเธอมือเล็กบางสัมผัสได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นรัว ใบหน้าของเบลินด้าแสดงความกังวลออกมาอีกครั้ง

“อึก...”

เสียงสาวน้อยตัวเล็กกลั้นความเจ็บปวดของตนเอาไว้เธอพยายามอดทนกัดฟันให้ตัวเองไม่ร้องออกมา แต่มันคงเป็นเรื่องยากที่จะไม่มีเสียงอะไรออกมาเลย

“อดทนเอาไว้นะ ถ้าเธอร้องดังมันอาจจะเป็นจุดสนใจ อดทนอีกนิด” เบลินด้าเตือน

ไม่นานหัวใจของอนาตาเซียก็ถูกควักออก มาเป็นที่เรียบร้อย สาวน้อยทำตามขั้นตอนในหนังสือเรื่อยๆจนครบตามข้อตกลง หลังจากนั้นอนาตาเซียจึงนำขวดที่เตรียมมาตักน้ำพุและเก็บเข้ากระเป๋ามิติของตนทันที

“ตอนนี้ครบ 2 ชั่วโมงแล้วรีบกินผลเอเดนเร็ว” เบลินด้าพูดพร้อมส่งผลเอเดนให้กับอนาตาเซียด้วยความรวดเร็ว “จากนี้ไปเราต้องสู้กับแครอนเพื่อชิงเอาเรือถึงจะสามารถกลับไปยังฝั่งนั้นได้ เตรียมตัวนะ” เบลินด้าบอกเพื่อนของตนด้วยความกังวล

ทันทีที่ผลแห่งความตายหมดฤทธิ์แครอนคนแจวเรือก็สัมผัสได้ทันทีว่าดวงวิญญาณที่ตนพามานั้นมีบางดวงที่ไม่ใช่ดวงวิญญาณจริงๆ เมื่อแครอนรู้ถึงพลังงานของสิ่งมีชีวิต มันทำให้เขารู้สึกโมโหมากๆ

“พวกเจ้าเป็นใครริอาจฝ่าฝืนกฏยมโลก มีชีวิตอยู่แล้วยังข้ามมายังโลกวิญญาณ พวกเจ้าอย่าหวังเลยว่าจะได้ออกไปจากที่นี่” เสียงแครอนตะคอกดังไปทั่วบริเวณเขาใช้พลังของตนตรงมายังจุดที่ทั้งสองยืนอยู่ พร้อมใช้ไม้พายพุ่งมายังทั้งสองคนอย่างไม่ปราณี

ทันทีที่เบลินด้าเห็นแครอนพุ่งตัวมาแต่ไกล เธอรีบบอกเพื่อนให้หลบทันที

“อนาตาเซียเธอหนีไปขึ้นเรือก่อนส่วนฉันจะล่อเขาไปอีกทาง”

พูดจบเบลินด้าก็รีบแยกออกจากอนาตาเซียอย่างรวดเร็ว โดยไม่ฟังคำคัดค้านของเพื่อน

“เดี๋ยวก่อน” เสียงอนาตาเซียตะโกนห้ามแต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เบลินด้าก็ล่อแครอนไปอีกทางเป็นที่เรียบร้อย อนาตาเซียวิ่งไปนั่งบนเรือตามที่เบลินด้าบอกและพยายามส่งสัญญาณให้เบลินด้ารีบมาขึ้นเรือโดยเร็ว

“เบลินด้ามาขึ้นเรือเร็วเข้า” อนาตาเซียตะโกนเรียกพร้อมกวักมืออยู่เนื่องๆ

ระหว่างที่เบลินด้ากำลังสู้อยู่กับแครอนนั้น เบลินด้าเองไม่สามารถสู้พลังของแครอนได้ ส่งผลให้เบลินด้าเสียเปรียบแครอนอยู่ตลอด นอกจากนั้นแล้วพลังของแครอนยังเป็นพลังด้านมืดที่ข้างรุนแรงจึงทำให้เธอทำได้แค่ถ่วงเวลานิดหน่อย แต่ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ไม่นานเมื่อร่างกายของเบลินด้าเริ่มอ่อนล้า เธอก็พลาดท่าให้กับแครอน ในขณะที่เธอกำลังจะถูกพลังของแครอนซัดเข้ามาอย่างความรุนแรงนั้น มีพลังลูกใหญ่ซัดไปที่ร่างของแครอนอย่างแรงส่งผลให้เขากระเด็นออกไปจากตรงนั้นทันที

เบลินด้าที่พลาดท่าให้กับแครอนนั่งอยู่บนพื้นด้วยความงุนงง เธอเงยหน้าขึ้นและพบว่าคนที่มาช่วยเธอไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นคนรู้จักของเธอเอง

“คาเล็บ นายมาได้ไง”

เบลินด้าพูดออกมาด้วยความแปลกใจ

“เธอมาแบบไหนฉันก็มาแบบนั้นแหละ” คาเล็บตอบพร้อมทำหน้ากวนประสาท “เอาล่ะเรารีบไปขึ้นเรือก่อนที่แครอนจะตามมาดีกว่า” คาเล็บกล่าวและพยุงเบลินด้าขึ้นทันที หลังจากสามคนนั่งบนเรือที่ขโมยมาเรียบร้อย คาเล็บก็ค่อยๆพายเรือกลับไปยังอีกฝั่งทันที

“นายแอบตามฉันไปหรอ”

เบลินด้าสาวสวยถามด้วยสีหน้าอยากรู้

“ถ้าฉันไม่ตามไปป่านนี้เธอคงไม่รอด บอกแล้วว่าอย่าหาเรื่องใส่ตัว” คาเล็บตอบ

“ขอบคุณที่ไปช่วย”

เบลินด้ากล่าวขอบคุณ

“ด้วยความยินดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าเธอใจดีกับฉันอีกสักนิด นี่เพื่อนตัวจิ๋วของเธอสินะ เป็นไงล่ะทีนี้มีหัวใจดีๆไม่ชอบชอบมีหัวใจครึ่งเดียว” คาเล็บกล่าวพร้อมกับพายเรือต่อไป

หลังจากได้ยินคาเล็บพูดเธอก็ได้แต่เก้ๆกังๆและแนะนำตัวตามมารยาท

“เอ่อ......คือฉันชื่ออนาตาเซียยินดีที่ได้รู้จัก” อนาตาเซียกล่าว

“หน้าตาเธอสองคนก็ไม่เห็นจะดื้อทำไมพวกเธอถึงพูดไม่ฟัง บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับน้ำพุนั่น ต่อไปจะทำอะไรก็คิดให้ดีก่อนก็แล้วกัน เพราะถ้าฉันไปช่วยไม่ทันพวกเธออาจจะไม่รอดก็ได้” คาเล็บกล่าว

“นายเลิกบ่นซะทีเถอะน่า ยังไงตอนนี้ก็ปลอดภัยแล้วไม่ใช่หรอ”

“ถ้าเธอไม่ทำตัวน่าเป็นห่วงฉันก็คงไม่ต้องคอยกังวลแบบนี้”

“นี่นายจะอวดว่านายเก่งใช่ไหม”

“แล้วฉันไม่เก่งรึไง”

ทั้งสองคนเถียงกันไปมาสักพักจนมาถึงอาณาเขตป่าต้องห้ามที่คาเล็บดูแล แต่แล้วระหว่างทางอยู่ๆอนาตาเซียก็รู้สึกเจ็บที่หัวใจอย่างแรง

“โอ๊ย...”

หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“อนาตาเซียเป็นอะไร” เบลินด้าถามอย่างเป็นห่วง

“อยู่ๆก็รู้สึกเจ็บที่หัวใจ” อนาตาเซียตอบ

“ยาน่าจะหมดฤทธิ์แล้วเดี๋ยวฉันเอายาให้กินทนก่อนนะ ยาน่าจะอยู่แถวๆนี้” เบลินด้าพูดใช้มือล้วงกระเป๋าควานหาขวดยาในกระเป๋า “เอ้ะ...ยาหายไปไหนหมด” เบลินด้ากล่าวด้วยสีหน้าตกใจ “แย่แล้ว…ยาน่าจะร่วงหายไปตอนที่สู้กับแครอน คาเล็บนายมีวิธีช่วยอนาตาเซียไหม

“ตอนนี้ทางเดียวที่ฉันคิดได้คือพาอนาตาเซียไปพักที่บ้านของเธอก่อน เพราะการแบ่งหัวใจก็จะมีผลข้างเคียงแบบนี้แหละ” คาเล็บตอบ “ถึงฝั่งพอดี เอาล่ะเดี๋ยวฉันจะอุ้มอนาตาเซียไปบ้านเธอให้ก็แล้วกัน” คาเล็บกล่าวพร้อมอุ้มอนาตาเซียขึ้นตรงไปบ้านเบลินด้าอย่างรวดเร็ว

“อนาตาเซียเธอทนอีกนิดนะใกล้ถึงบ้านฉันแล้ว” เบลินด้ากล่าว

บ้านเบลินด้า

“โชคดีที่มียาเหลืออยู่ในหม้อไม่งั้นอนาตาเซียคงต้องทนเจ็บอีกนาน” เบลินด้าพูดพร้อมห่มผ้าให้อนาตาเซียที่กำลังนอนสลบอยู่บนเตียง

“ฉันก็ไปช่วยเธอทำไมเธอไม่ปรุงยาให้ฉันกินบ้างล่ะ” คาเล็บถามด้วยความน้อยใจ

“นายไม่ได้บาดเจ็บซะหน่อย อีกอย่างนายเก่งไม่ใช่หรอก็ปรุงยาเองสิ”

“ทำไมเธอใจร้ายกับฉัน ทีกับคนอื่นทำไมใจดีล่ะไหนจะกับสัตว์อื่นๆในป่าอีก ทำไมเธอไม่ดูแลฉันแบบที่ดูแลเอาใจใส่คนอื่นบ้าง”

“นี่นายจะเอาอะไรกับฉันเนี่ยอนาตาเซียบาดเจ็บฉันก็ต้องดูแลสิ นายไม่ได้บาดเจ็บซะหน่อย”

“นี่เธอยังเห็นฉันเป็นคู่แข่งของเธออยู่หรอ” คาเล็บถาม

“แล้วใครใช้ให้นายเก่งกว่าฉันล่ะ”

“โถ่...เธอนี่เจ้าคิดเจ้าแค้นแค่เธอแข่งแพ้ก็มองฉันเป็นคู่แข่งไม่ลดละเลยนะ มันผ่านมาตั้งนานแล้ว”

“แล้วไงก็ฉันไม่ลืมหนิ นายชนะแล้วนายแกล้งฉัน ฉันจะไม่มีวันลืม เอาล่ะเงียบได้แล้วอนาตาเซียต้องการพักผ่อน”

“ก็ได้ๆ ฉันไม่ชวนเธอทะเลาะแล้ว” คาเล็บตอบและส่งยิ้มให้เบลินด้าก่อนจากไป

ป่าต้องสาป

“ตอนนี้เราก็มาถึงแม่น้ำแล้ว กินผลแห่งความตายซะ ก่อนที่แครอนจะมา เราต้องห้ามให้เขารู้เด็ดขาดว่าเรายังมีชีวิตอยู่” เบลินด้ากล่าว

“ตกลง” อนาตาเซียตอบพร้อมกับกินผลแห่งความตายลงไปทันที

เมื่อทั้งสองกินผลแห่งความตายเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็รออยู่ริมแม่น้ำสักพักไม่นานทั้งสองก็ได้ยินเสียงคนผิวปากดังเป็นระยะๆ ซึ่งมันคือสัญญาณว่าแครอนได้เดินทางมารับดาววิญญาณแล้ว ทั้งสองลงเรือไปอย่างอย่างราบรื่นโดยไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองไม่ใช้ดวงวิญญาณ คนแจวเรือพายเรือมาถึงทางเข้ายมโลกแล้วหยุดเรื่อเพื่อปล่อยให้ทั้งสองลงตามหน้าที่ ส่วนเขาก็พายเรือไปรับดวงวิญญาณตามเดิม

หลังจากที่ทั้งสองลงจากเรือเรียบร้อยแล้วอนาตาเซียกับเบลินด้าก็ตรงไปยังน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ด้วยความรวดเร็ว

“เรามาถึงน้ำพุศักดิ์สิทธิ์แล้วได้เวลาควักหัวใจแล้วอนาตาเซีย” เบลินด้ากล่าว “กินยานี่มันจะทำให้เธอไม่เจ็บตอนที่ควักหัวใจออกมา” เบลินด้าพูดพร้อมกับยื่นขวดยาให้อนาคตเซียดื่ม “ฉันจะควักแล้วนะนับ 1 ถึง 3”

“อึก...”

“อดทนเอาไว้นะ ถ้าเธอร้องดังมันอาจจะเป็นจุดสนใจ อดทนหน่อยแล้วกัน ตอนนี้หัวใจก็ถูกควักออกมาแล้ว” เบลินด้ากล่าวพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

เมื่อควักหัวใจออกมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว อนาตาเซียก็ทำตามขั้นตอนเรื่อยๆจนครบตามที่กำหนด หลังจากนั้นอนาตาเซียจึงใช้ขวดที่เตรียมมาตักน้ำพุและเอาเก็บเข้ากระเป๋ามิติของตน

“เอาล่ะครบ 2 ชั่วโมงแล้วรีบกินผลเอเดนเร็ว” เบลินด้าพูดขึ้นพร้อมกับส่งผลเอเดนให้กับอนาตาเซียด้วยความรวดเร็ว “จากนี้ไปเราต้องสู้กับแครอนเพื่อชิงเอาเรือ จึงจะสามารถนั่งมันกลับไปยังฝั่งนั้นได้ เตรียมตัวนะ” เบลินด้ากล่าว

ทันทีที่ผลแห่งความตายหมดฤทธิ์แครอนผู้นำดวงวิญญาณก็รู้ทันทีว่าดวงวิญญาณที่ตนพามานั้นมีบางดวงที่ไม่ใช่ดวงวิญญาณของคนตาย สิ่งนี้ทำให้แครอนรู้สึกโมโหมาก

“พวกเจ้าเป็นใครริอาจฝ่าฝืนกฎยมโลก ข้ามมายังโลกวิญญาณ พวกเจ้าอย่าหวังเลยว่าจะได้ออกไปจากที่นี่” แครอนพูดพร้อมใช้ไม้พายพุ่งมายังทั้งสองอย่างไม่ปราณี

“อนาตาเซียเธอหนีไปขึ้นเรือก่อนส่วนฉันจะล่อเขาไปอีกทาง” พูดจบเบลินด้าหญิงสาวที่กล้าหาญก็แยกออกจากอนาตาเซียทันทีโดยไม่ฟังคำห้ามปราม

“เดี๋ยวก่อน” ยังไม่ทันที่อนาตาเซียพูดจบ เบลินด้าก็ล่อแครอนไปอีกทางทันที สาวน้อยรีบวิ่งไปนั่งบนเรือตามที่เบลินด้าบอกและพยายามส่งสัญญาณให้เบลินด้ารีบมาขึ้นเรือทันที

“เบลินด้าฉันอยู่บนเรือแล้ว มาที่เรือเร็ว” อนาตาเซียตะโกนเรียกพร้อมกวักมือส่งสัญญาณอยู่เนื่องๆ

ระหว่างที่เบลินด้ากำลังสู้อยู่กับแครอนนั้น เธอไม่สามารถสู้พลังของแครอนได้ เนื่องจากพลังของแครอนเป็นพลังด้านมืดที่มีความรุนแรงดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงถ่วงเวลาเท่านั้น หลังจากถ่วงเวลาได้สักพักเบลินด้าก็พลาดท่าให้กับแครอน ช่วงเวลาน่าสิ่วน่าขวานนั้นอยู่ๆพลังลูกใหญ่ก็ซัดมาที่แครอนอย่างแรง ส่งผลให้แครอนคนแจวเรือกระเด็นออกไปไกลจากจุดเดิมอย่างแรง เบลินด้าที่นั่งอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นช้าๆเธอมองไปตรงหน้าและพบว่าพลังลูกใหญ่ที่ช่วยตนนั้นคือพลังของคนรู้จักของตนนั่นเอง

“คาเล็บ นายมาได้ไง”

เบลินด้าสาวสวยพูดออกมาด้วยความแปลกใจ

“เธอมาแบบไหนฉันก็มาแบบนั้นแหละ” คาเล็บตอบพร้อมทำหน้ากวนประสาท “เอาล่ะเรารีบไปขึ้นเรือก่อนแครอนจะตามมาดีกว่า” คาเล็บกล่าวก่อนจะพยุงเบลินด้าขึ้นและตรงยังเรือที่จอดอยู่อย่างไม่ลังเล หลังจากทั้งสามนั่งเรือที่ขโมยมาเรียบร้อยคาเล็บก็ค่อยๆพายเรือกลับไปยังอีกฝั่งทันที

ระหว่างทาง

“นายแอบตามฉันมาหรอ”

เบลินด้าสาวสวยถามเพื่อนเก่าด้วยความอยากรู้

“ถ้าฉันไม่ตามไปป่านนี้เธอคงไม่รอด บอกแล้วว่าอย่าหาเรื่องใส่ตัว” คาเล็บตอบ

“ขอบคุณที่ไปช่วย”

“ด้วยความยินดี นี่เพื่อนตัวจิ๋วของเธอสินะ” คาเล็บถามพร้อมมองไปที่อนาตาเซีย

หลังจากอนาตาเซียได้ยินคาเล็บถามเธอก็รู้สึกเก้กังๆและทำอะไรไม่ถูกดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแนะนำตัวตามมารยาท

“เอ่อ......คือฉันชื่ออนาตาเซียยินดีที่ได้รู้จัก” อนาตาเซียกล่าว

“หน้าตาเธอสองคนก็ไม่เห็นจะดื้อทำไมพวกเธอถึงพูดไม่ฟัง ฉันเตือนก็ไม่ฟัง ต่อไปจะทำอะไรก็คิดให้ดีก่อนก็แล้วกัน เพราะถ้าฉันไปช่วยไม่ทันพวกเธออาจจะไม่รอดก็ได้” คาเล็บบ่น

“นายเลิกบ่นซะทีเถอะน่า ยังไงตอนนี้ก็ปลอดภัยแล้วไม่ใช่หรอ”

“ถ้าเธอไม่ทำตัวน่าเป็นห่วงฉันก็คงไม่ต้องคอยกังวลแบบนี้”

“นี่นายจะอวดว่านายเก่งใช่ไหม”

“แล้วฉันไม่เก่งรึไง”

ทั้งสองเถียงกันไปมาสักพักจนพายเรือเข้ามาในอาณาเขตป่าต้องสาปที่เป็นส่วนการดูแลของคาเล็บ แต่แล้วระหว่างทางอยู่ๆอนาตาเซียก็รู้สึกเจ็บหัวใจอย่างแรงจนไม่สามารถทนได้

“โอ๊ย...” อนาตาเซียร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมเอามือกุมหัวใจตนเอง

“อนาตาเซียเป็นอะไร” เบลินด้าถามด้วยความเป็นห่วง

“อยู่ๆก็รู้สึกเจ็บที่หัวใจ” อนาตาเซียตอบ

“ยาน่าจะหมดฤทธิ์แล้วเดี๋ยวฉันเอายาให้ ทนแปปนะยาน่าจะอยู่แถวนี้” เบลินด้าพูดพร้อมล้วงมือลงไปหาขวดยาในกระเป๋า และขณะที่เธอกำลังความหาขวดยาอยู่นั้นเธอพยายามควานหายาอย่างสุดความสามารถแต่ไม่ว่าจะควานยังไงก็หาขวดยาไม่เจอ “เอ้ะ...ยาหายไปไหนหมด” เบลินด้าพูดด้วยความสงสัยพร้อมเทของในกระเป๋าออกมาจนหมด” แย่แล้วยาน่าจะร่วงหายตอนฉันสู้กับแครอน คาเล็บนายมีวิธีช่วยอนาตาเซียไหม”

“ตอนนี้ทางเดียวที่ฉันคิดได้คือพาอนาตาเซียไปพักที่บ้านของเธอก่อน เพราะการแบ่งหัวใจก็จะมีผลข้างเคียงแบบนี้แหละ” คาเล็บตอบ “ฉันจะจอดเรือเอาไว้ตรงนี้ก็แล้วกัน เดินอีกหน่อยก็ถึงบ้านเธอแล้วเดี๋ยวฉันอุ้มอนาตาเซียไปบ้านเธอให้ก็แล้วกัน” คาเล็บกล่าวพร้อมลงจากเรือและอุ้มอนาตาเซียขึ้น พร้อมพาอนาตาเซียไปบ้านเบลินด้าอย่างรวดเร็ว

บ้านเบลินด้า

“โชคดีที่มียาเหลืออยู่ในหม้อไม่งั้นอนาตาเซียคงต้องทนเจ็บอีกนาน” เบลินด้าพูดพร้อมห่มผ้าให้อนาตาเซียที่นอนสลบอยู่บนเตียง

“ฉันก็ไปช่วยทำไมเธอไม่ปรุงยาให้ฉันกินบ้างล่ะ”

คาเล็บพูดด้วยความน้อยใจ

“นายไม่ได้บาดเจ็บซะหน่อย อีกอย่างนายเก่งอยู่แล้วไม่ใช่หรอปรุงยาเองสิ” เบลินด้าตอบ

“ทำไมเธอใจร้ายกับฉันจัง ทีกับคนอื่นทำไมใจดีล่ะไหนจะกับสัตว์อื่นๆในป่าอีก ทำไมเธอไม่ดูแลฉันแบบที่ดูแลเอาใจใส่คนอื่นบ้าง”

ชายหนุ่มตอบอย่างน้อยใจ

“นี่นายจะเอาอะไรกับฉันเนี่ยอนาตาเซียบาดเจ็บฉันก็ต้องดูแลสินายไม่ได้บาดเจ็บซะหน่อย”

“นี่เธอยังเห็นฉันเป็นคู่แข่งของเธออยู่หรอ” คาบเล็บถามพร้อมเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย “โถ่...เธอนี่เจ้าคิดเจ้าแค้นแค่เธอแข่งแพ้ก็มองฉันเป็นคู่แข่งไม่ลดละเลยนะ มันผ่านมาตั้งนานแล้ว”

“แล้วไงฉันไม่ลืมหนิ นายชนะแล้วนายแกล้งฉัน ฉันจะไม่มีวันลืม เอาล่ะเงียบได้แล้วอนาตาเซียต้องการพักผ่อน”

“ก็ได้ๆ ฉันไม่ชวนเธอทะเลาะแล้ว” คาเล็บพูดทิ้งท้ายก่อนส่งยิ้มและเดินจากไป

เลือกตอน
1 บทที่ 1 อนาตาเซีย
2 บทที่ 2 เรียนรู้การใช้ชีวิตของแม่มด
3 บทที่ 3 งานเลี้ยงน้ำชา
4 บทที่ 4 น้ำศักดิ์สิทธิ์จากดวงตาเทพ
5 บทที่ 5 แครอน
6 บทที่ 6 เรื่องเล่าจากนักเล่านิทาน
7 บทที่ 7 โลกนิทาน
8 บทที่ 8 อาณาจักรเหนือ
9 บทที่ 9 ราชินีหิมะ
10 บทที่ 10 ลูกฟินิกซ์
11 บทที่ 11 งานกาชาด
12 บทที่ 12 เลือด
13 บทที่ 13 แข่งชิงอัญมณีแก้ว
14 บทที่ 14 ห้องสมุดเล็ก
15 บทที่ 15 ป่าเมอแลนด์
16 บทที่ 16 หญ้าแสงจันทร์
17 บทที่ 17 ดินแดนต้องมนต์
18 บทที่ 18 คฤหาสน์ของวีเรน
19 บทที่ 19 ถ้ำก็อบลิน
20 บทที่ 20 คฤหาสน์ตาเดียว
21 บทที่ 21 พิษฟามารัน
22 บทที่ 22 ล่องเรือ
23 บทที่ 23 ยักษ์อนาทาเนีย
24 บทที่ 24 ประตูกล
25 บทที่ 25 มังกรดำ
26 บทที่ 26 ซาตานแห่งความตาย
27 บทที่ 27 ประชุม
28 บทที่ 28 สุสานมืด
29 บทที่ 29 ต่อสู้
30 บทที่ 30 หนี
31 บทที่ 31 แลกหัวใจ
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 31

1
บทที่ 1 อนาตาเซีย
2
บทที่ 2 เรียนรู้การใช้ชีวิตของแม่มด
3
บทที่ 3 งานเลี้ยงน้ำชา
4
บทที่ 4 น้ำศักดิ์สิทธิ์จากดวงตาเทพ
5
บทที่ 5 แครอน
6
บทที่ 6 เรื่องเล่าจากนักเล่านิทาน
7
บทที่ 7 โลกนิทาน
8
บทที่ 8 อาณาจักรเหนือ
9
บทที่ 9 ราชินีหิมะ
10
บทที่ 10 ลูกฟินิกซ์
11
บทที่ 11 งานกาชาด
12
บทที่ 12 เลือด
13
บทที่ 13 แข่งชิงอัญมณีแก้ว
14
บทที่ 14 ห้องสมุดเล็ก
15
บทที่ 15 ป่าเมอแลนด์
16
บทที่ 16 หญ้าแสงจันทร์
17
บทที่ 17 ดินแดนต้องมนต์
18
บทที่ 18 คฤหาสน์ของวีเรน
19
บทที่ 19 ถ้ำก็อบลิน
20
บทที่ 20 คฤหาสน์ตาเดียว
21
บทที่ 21 พิษฟามารัน
22
บทที่ 22 ล่องเรือ
23
บทที่ 23 ยักษ์อนาทาเนีย
24
บทที่ 24 ประตูกล
25
บทที่ 25 มังกรดำ
26
บทที่ 26 ซาตานแห่งความตาย
27
บทที่ 27 ประชุม
28
บทที่ 28 สุสานมืด
29
บทที่ 29 ต่อสู้
30
บทที่ 30 หนี
31
บทที่ 31 แลกหัวใจ

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!