' บางครั้งความรักของคนสองคน มักจะมีบททดสอบอยู่เสมอ ความเชื่อใจต่อกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ '
ณ ร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่กลางใจเมือง รวมถึงชื่อเสียงที่สะสมมานานผ่านมาถึงรุ่นที่ห้าปัจจุบัน ขนมหวานหลากหลายสีสันที่วางขายมักจะขายหมดภายในวันเดียว
" เถ้าแก่ " ฝูงเชิงก้าวเดินเข้ามาภายในร้านก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเถ้าแก่ ชายวัยกลางคนที่กำลังง่วงกับลูกคิดที่ดีดไปมา
" ครับๆ คุณชายฝูงเชิงรับอะไรดีครับ? " เถ้าแก่ที่กำลังเคร่งขรึมกับสมุดบัญชีตรงหน้า ทันทีที่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจึงเงยหน้าขึ้นและกล่าวตอบอย่างไม่ปล่อยให้คุณชายตระกูลใหญ่รอเก้อ
" ผมมารับขนมเค้กที่สั่งไว้ครับ " ฝูงเชิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
" สักครู่นะครับคุณชายฝูเชิง ผมจะรีบไปเอามาให้ครับ " เถ้าแก่ได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับ ก่อนเดินเข้าไปภายในครัว และถามหาขนมเค้กชิ้นสำคัญกับพ่อครัวที่กำลังง่วนอยู่กับขนมหลากหลายชนิดที่เพิ่งอบเสร็จส่งกลิ่นหอมกรุ่น เหตุผลสำคัญที่ทำให้เถ้าแก่ร้านลงทุนเดินเข้ามาเพื่อมาเอาเค้กก้อนเดียว นั่นเพราะว่า ความช่วยเหลือจากตระกูลหลังที่เคยหยิบยื่นมือเข้ามาช่วยประคับประคองกิจการร้านให้ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ จนอยู่มาได้ในทุกวันนี้
พ่อครัวที่เห็นเถ้าแก่เดินเข้ามาจึงรู้สึกแปลกใจ ก่อนจะได้ยินว่าเถ้าแก่มาถามหาเค้กที่สั่งทำเป็นพิเศษ พ่อครัวจึงหยุดมือลงและเดินไปหยิบกล่องของขวัญที่บรรจุเค้กที่ตกแต่งหน้าเรียบร้อย แต่ก็แอบคิดด้วยรอยยิ้มว่าหญิงสาวที่ได้รับจะต้องรู้สึกดีใจมากถ้าได้เห็นเค้กชิ้นนี้
" เรียบร้อยแล้วครับ ขอโทษที่ปล่อยให้รอนานครับคุณชายฝูเชิง " เถ้าแก่เดินถือกล่องบรรจุเค้กอย่างระมัดระวัง ก่อนจะยื่นให้ฝูเชิงอย่างระมัดระวัง
" ไม่เลยครับเถ้าแก่ ขอบคุณครับ " ฝูเชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใสตอบกลับ เดินถือกล่องเค้กกล่องใหญ่เดินออกมา และขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ก่อนขับออกไป
.
.
.
รถมอเตอร์ไซค์คันโปรดขับเลี้ยวโค้งตามมุมถนน ก่อนมุ่งหน้าสู่เบื้องหน้าท่ามกลางย่านใจกลางเมือง ร้านค้าที่ตั้งอยู่รายล้อม รวมถึงตึกมุมสูงโดดเด่นเป็นที่ตั้งของสำนักงานนักสืบหลัวเฟย ฝูเชิงที่อยากจะเซอร์ไพรส์จึงขับรถมอเตอร์ไซค์ไปจอดเทียบฝั่งตรงข้าม โดยไม่ลืมที่จะหยิบกล่องเค้ก ฝูเชิงส่องใบหน้าเข้าที่กระจกจัดทรงผม และถอดแว่นตาทรงกลมสีดำออกปัดฝุ่น ปรากฏใบหน้าเรียวคมดูเด่นเปล่งประกาย เสน่ห์ชวนหลงใหล หญิงสาวที่เดินผ่านอดไม่ได้ที่จะเหลียวหลังหันมองความหล่อเหลาของชายหนุ่ม
' เสียใจด้วยนะครับ ผมมีเจ้าของหัวใจแล้ว หึๆ ' ฝูเชิงพึมพำภายในใจด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก ยิ่งเสริมเสน่ห์ ชวนให้สาวๆต่างพากันมโนไปว่าเขาส่งยิ้มให้พวกเธอ
ฝูเชิงสวมแว่นตาทรงกลมสีดำทึบเพื่อกันแสงสะท้อน พร้อมก้าวฝีเท้าอย่างสง่าผ่าเผย เพื่อไปยังจุดหมายคือตึกสำนักงานนักสืบหลัวเฟยที่ดูโดดเด่นในสายตาของฝูเชิง
คนที่เขานึกถึงก็เดินปรากฏตัวออกมาจากสำนักงานนักสืบ ฝูเชิงเห็นดังนั้นก็ยิ้มร่าเริง เตรียมพร้อมที่จะวิ่งไปหาหลัวเฟย แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าลงเมื่อพบว่าชายหนุ่มที่เดินตามมา ไม่ใช่ใครเลย หมอชันสูตรศพ นามว่า ' ซิ่นหยางจาง ' ท่าทางการพูดคุยที่สนิทสนม รอยยิ้มที่ดูร่าเริงของหลัวเฟยช่างผิดกับเวลาที่จ้องมองเขา
ฝูเชิงไม่อาจอดทนเห็นได้จึงเกิดอาการหึงหวง นิ้วมือกำจนแนบแน่นด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะยกขึ้นชกเข้าที่กำแพงเพื่อระบายความโกรธ
" หมอซิ่น ฝากนายช่วยจัดการที่เหลือให้ทีนะ ฉันเชื่อใจนายที่สุด " หลัวเฟยกล่าวขึ้นในขณะที่เดินมาส่ง หมอซิ่นหยางจางที่จอดรถไว้ที่หน้าตึกสำนักงานนักสืบ โดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครอีกคนเดินมาทางด้านหลัง
" เชื่อใจอะไรกันเหรอครับ? " ฝูงเชิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด ต่างกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มร่าเริงราวกับไม่อะไรเกิดขึ้น ทั้งที่มือกำหมัดแน่น
" ฝูเชิง " หลัวเฟยเอ่ยเสียงขึ้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย
" สวัสดีครับคุณหลัวฝูเชิง ยินดีที่ได้พบครับ อ่ะ ผมชื่อ ซิ่นหยางจางครับ " หมอซิ่นหยางจางกล่าวด้วยรอยยิ้มและท่าทางที่ดูเป็นมิตร
" สวัสดีครับคุณหมอซิ่นหยางจาง ขอโทษที่เสียมารยาทมาขัดจังหวะเสียก่อนครับ " ฝูเชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่แสร้งทำ หมอซิ่นหยางจางกลับไม่รู้สึกถึง
" ไม่เลยครับคุณฝูเชิง ผมดีใจเสียอีกที่ได้เจอคุณครับ พวกคุณช่างดูเหมาะสมกันจริงๆ คุณเสียวม่านกล่าวไว้ผิด "
" เสี่ยวม่าน ยัยนั่นบอกอะไรนาย? " หลัวเฟยจ้องมองทางหมอซิ่นหยางจางก่อนเอ่ยถามด้วยด้วยความสงสัย
" ได้เวลาต้องกลับแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ถ้าได้เรื่องยังไงจะมาแจ้งนายอีกทีนะหลัวเฟย " หมอซิ่นหยางจางหันมากล่าวกับฝูเชิงและหลัวเฟย โดยที่เลี่ยงตอบคำถาม ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มกรุ่มกริ่มแทนคำตอบ
" เฮ้ นายรีบกลับไวจังเลยนะหมอซิ่น " หลัวเฟยเอ่ยตะโกนไล่หลัง ไม่ได้สนใจสีหน้าของฝูเชิงที่แสดงสีหน้าบ่งบอกความรู้สึกหลากหลายบนนัยน์ตาคู่เรียวคมสวย
" เรามีเรื่องต้องคุยกันครับที่รัก " ฝูเชิงแนบใบหน้าจากด้านหลังเข้ามา ก่อนกระซิบด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคน
" เอ๊ะ!! " ยังไม่ทันที่หลัวเฟยจะรู้ตัวก็โดนฝูเชิงรวบตัวอุ้มขึ้นพาดบ่าอันแข็งแกร่งไปแล้ว
.
.
.
ผ่านไปสิบนาที ที่ไม่เสียงใดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของคนทั้งสอง บนโต๊ะตัวยาววางไว้เพียงกล่องเค้กที่ถูกเปิดออก ส่วนก้อนเค้กถูกจัดวางบนจานใบใหญ่ที่ถูกตัดแบ่งชิ้นเค้กขนาดพอดีวางใส่จานใบเล็กรวมถึงส้อม กาต้มน้ำที่พ่นไอน้ำที่เพิ่งเดือดก่อนส่งเสียงตัดความเงียบ ฝูเชิงที่ยืนมองอยู่กาต้มน้ำร้อนจนตอนนี้กำลังกดปิดเตา เทใบชาลงในเหยือกกระเบื้องเคลือบ ตามด้วยน้ำร้อนก่อนจะปิดฝา เพื่อให้ใบชาหลอมรวมละลายกัน
กลิ่นหอมชวนสดชื่นของน้ำชาที่กำลังถูกเทลงบนถ้วยชาทั้งสอง ฝูเชิงขยับมือวางถ้วยชาลงด้านหน้าของหลัวเฟยที่นั่งมองเขามาเนิ่นนาน ราวกับมีคำถามภายในใจหรือกำลังพิจารณาสถานการณ์ เพื่อหาทางเอาตัวรอด ราวกับเจ้าแมวเจ้าเล่ห์ เขารู้สึกมาตลอดว่าหลัวเฟยที่เอาแต่ทำตัวยุ่งตลอดเวลาที่อยู่กับเขา แต่กลับมีเวลาว่างคุยกับคนอื่นได้
" …. " หลัวเฟย
" คุณลองจิบชาและทานขนมเค้กพร้อมกันสิ อาจจะช่วยให้คุณผ่อนคลายได้ " ฝูเชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทั้งที่ในใจยังมีความรู้สึกหึงหวงปนกับความสงสัย
" คุณมาหาผมด้วยเรื่องแค่นี้เหรอ? อืม อร่อยดี " หลัวเฟยใช้ส้อมตักก้อนเค้กขึ้นก่อนนำเข้าปากก็ลิ้มรสกับความรู้สึกละลายในริมฝีปาก พร้อมกับรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ
" เฟยๆ คุณรู้สึกยังไงกับผมกันแน่ ผมมั่นใจเสมอว่าผมรักคุณ แล้วคุณ? " ฝูเชิงเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่จริงจังต่อความรู้สึก สำหรับหลัวเฟยกลับมองว่ามีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด
" นายบอกฉันแล้ว นั่นก็คือความรู้สึกของฉัน " หลัวเฟยตอบกลับด้วยรอยยิ้มยียวน ก่อนจะตักเค้กเข้าปากอย่างอารมณ์ดี พลางมองใบหน้าฝูเชิงที่กำลังทำสีหน้าครุ่นคิด
"...." รอยยิ้มบนใบหน้าของฝูเชิงยิ้มแก้มปริกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะโน้มตัวลงจูบริมฝีปากเจ้าของหนวดคมที่กำลังใช้เลียเค้กบนฝีปาก
"...." หลัวเฟยที่กำลังอึ้งกับรสจูบก้ต้องรู้สึกหนาวขึ้นอีกครั้ง ที่เขาดันไปแหย่หนวดจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เสียแล้ว
" ทานเค้กกันต่อที่ห้องนอน….ชักอยากจะลองชิมเค้กที่เลียรสสัมผัสหอมหวานบนตัวเฟยๆ " ฝูเชิงที่ถอนริมฝีปากออกเอ่ยด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม รวมทั้งช้อนตัวหลัวเฟยในท่าเจ้าสาวพาเดินเข้าห้องนอน
' ความรักมักจะมีบททดสอบ '
[จบ]
….......
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
Facebook : M_c27761
Twitter : @mc27761
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments