ตอนที่ 5 กลอนบทนี้ข้าไม่เคยแต่ง!
งานเลี้ยงต้อนรับ หลี่ชุนเฟย แม่ทัพพยัคฆ์กลับจากสมรภูมิถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่เรือนรับรองหลักของจวน องค์ชายใหญ่ได้รับชัยชนะครั้งสำคัญ และการเฉลิมฉลองนี้ไม่เพียงแต่เป็นเกียรติแก่เขา แต่ยังเป็นการแสดงอำนาจต่อขุนนางในราชสำนักด้วย
ชิงเฟย ในร่าง หลี่เหมี่ยวเจิ้ล ถูกบังคับให้เข้าร่วมงานในฐานะพระชายา นางนั่งอยู่ข้างหลี่ชุนเฟยบนแท่นที่ประดับประดาอย่างหรูหรา แม้ร่างกายจะฟื้นตัวดีขึ้นมาก แต่ความรู้สึกอึดอัดก็มีมากมายมหาศาล
เธอสวมชุดหรูหราตามที่หงซิ่วจัดเตรียมให้ ทว่าในใจกลับรู้สึกเหมือนถูกจับใส่เครื่องแบบที่น่ารำคาญ
หลี่ชุนเฟยนั่งอยู่ข้าง ๆ นาง ใบหน้าเรียบตึง ไม่ได้พูดจาใด ๆ กับนางตลอดงาน แต่ทุกครั้งที่เขาเงยหน้าขึ้นจิบสุรา สายตาคมกริบนั้นก็จะตวัดมามองนางเป็นพัก ๆ ราวกับกำลังประเมินว่า "สินทรัพย์" ชิ้นนี้ยังคงมีราคาอยู่หรือไม่
“นี่คือการออกสื่อครั้งแรกหลังจากปรับโครงสร้างบริษัทสินะ ฉันต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ดีที่สุด”
ชิงเฟยคิดพลางปั้นหน้าให้ดูสงบเยือกเย็นราวกับเทพธิดาน้ำแข็ง
บรรยากาศดำเนินไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งถึงช่วงที่แขกเหรื่อผลัดกันร่ายรำและประพันธ์บทกวีเพื่ออวยพรแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่
ขุนนางคนหนึ่งนามว่า ท่านหญิงโจว (ภรรยาของขุนนางฝ่ายตรงข้ามของหลี่ชุนเฟย) ซึ่งใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มหวานหยดแต่ดวงตาเต็มไปด้วยความริษยา ได้ลุกขึ้นคำนับ และกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยการยั่วแหย่
“องค์ชายใหญ่เพคะ หม่อมฉันทราบดีว่าพระชายา หลี่เหมี่ยวเจิ้ล ทรงเป็นกวีเอกผู้มีพรสวรรค์ เป็นที่เลื่องลือด้านความสามารถทางบทกลอนยิ่งนัก เหตุไฉนไม่ทรงร่ายบทกลอนเพื่อเป็นเกียรติแก่พระสวามีเล่าเพคะ? ทุกคนต่างเฝ้ารอผลงานชิ้นเอกของพระชายาอยู่”
คำกล่าวนี้ทำให้ทุกคนในงานหันมาสนใจชิงเฟยทันที
สีหน้าของชิงเฟยยังคงนิ่งสงบ แต่ภายในใจนั้นโกลาหลสุดขีด
บ้าเอ๊ย! ฉันเป็น CEO นะ ไม่ใช่นักประพันธ์! กลอนโบราณพวกนี้ฉันท่องไม่ได้แม้แต่คำเดียว!
หลี่ชุนเฟยหันมามองชิงเฟยด้วยสายตาที่คล้ายจะบอกว่า
‘ถึงคราวที่เจ้าจะต้องเผยจุดอ่อนแล้วสินะ’
ชิงเฟยรู้ว่าถ้าเธอปฏิเสธตอนนี้ ก็เท่ากับยอมรับความอ่อนแอและตกเป็นเป้าโจมตีทันที เธอจึงตัดสินใจใช้แผนการสุดท้าย—การแสดงออกทางวัฒนธรรมสมัยใหม่ที่ดูเป็นปรัชญาสูงส่ง
เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม สายตาเย็นชาของเธอสาดส่องไปยังทุกคนในงานอย่างไม่เกรงกลัว เธอเริ่มร่าย... ด้วยเนื้อเพลงที่เธอเคยชอบฟังในโลกอนาคต ซึ่งเป็นเพลงร็อกบัลลาดที่พูดถึงความยิ่งใหญ่และโดดเดี่ยวของผู้นำ
“บทกลอนที่ข้าจะร่ายนี้ อาจมิได้เป็นไปตามขนบ” ชิงเฟยกล่าวเสียงเรียบ “แต่ข้าขอใช้บทเพลงนี้แทนความรู้สึกที่มีต่อชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่ต้องแลกมาด้วยความโดดเดี่ยว…”
จากนั้นเธอก็เริ่ม ‘ขับร้อง’ (ในรูปแบบของบทสวด) ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงแฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง
“...ในห้วงราตรีอันเงียบงัน... เสียงก้องกังวานของพิณไร้สาย... ผู้คนต่างหลับใหล... แต่ดวงตาของแม่ทัพกลับไม่เคยปิดลง...”
“เขาอยู่บนกำแพง... มองเห็นแสงไฟที่กำลังดับลง... ชัยชนะนั้นงดงาม... แต่ใครเล่าจะเห็นหยดน้ำตาที่ซ่อนอยู่ใต้เกราะเหล็ก...”
“บัลลังก์แห่งชัยชนะ... สูงส่งและเดียวดาย... ข้าเข้าใจ... ถึงจิตวิญญาณที่ต้องทนทุกข์... จงเข้มแข็งเถิด... ราชาแห่งความเงียบงัน...”
ชิงเฟยจบลงด้วยการโค้งคำนับเล็กน้อย แล้วนั่งลงอย่างรวดเร็ว สีหน้าของนางยังคงนิ่งสงบราวกับไม่ได้เกิดอะไรขึ้น
ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้อง
แขกเหรื่อต่างมองหน้ากันอย่างงงงวย นี่คือบทกลอนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน คำศัพท์ก็ไม่ตรงตามฉันทลักษณ์โบราณ ท่วงทำนองก็แปลกประหลาด แต่เนื้อหากลับฟังดู ลึกล้ำ และ สอดคล้อง กับบุคลิกของหลี่ชุนเฟยอย่างน่าประหลาด
ท่านหญิงโจวถึงกับทำสีหน้าไม่ถูก เพราะบทกลอนนี้ไม่ได้อ่อนแอหรือไร้สาระอย่างที่นางคาดหวัง แต่มันกลับเป็นกลอนที่แสดงความเข้าใจในตัวองค์ชายใหญ่ได้อย่างลึกซึ้ง
ขุนนางอาวุโสผู้หนึ่งลุกขึ้นและกล่าวด้วยความชื่นชมอย่างแปลกใจ
“อัศจรรย์! ช่างเป็นบทกลอนที่ไม่เคยมีใครเคยร่ายมาก่อน! มันเรียบง่ายแต่ทรงพลัง สะท้อนถึงภาระอันหนักอึ้งของแม่ทัพ ช่างเป็น กลอนสำนักใหม่ ที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
เสียงฮือฮาดังขึ้น ทุกคนต่างตีความบทกลอนของเหมี่ยวเจิ้ลไปในทิศทางที่ว่ามันคือ ความอัจฉริยะที่เย็นชาและมองทะลุปรุโปร่ง
ชิงเฟยถอนหายใจอย่างโล่งอก เพลงป็อปร็อกของวงเมื่อสิบปีก่อนก็ยังใช้ได้ในราชวงศ์ฮั่นสินะ
หลี่ชุนเฟย จ้องมองพระชายาของเขาอย่างไม่วางตา
เขารู้ดีว่าหลี่เหมี่ยวเจิ้ลคนเดิม ไม่เคยมีความคิดที่ซับซ้อนและเข้าใจความโดดเดี่ยวของเขาได้ขนาดนี้
นางผู้ร่ายบทกลอนประหลาดนี้... นางเป็นใครกันแน่?
เมื่อจบงาน หลี่ชุนเฟยเดินเข้ามาหาชิงเฟยที่กำลังจะกลับเรือน
“กลอนนั้น...” หลี่ชุนเฟยกล่าวเสียงทุ้ม “เจ้าแต่งมันได้อย่างไร?”
“มันเกิดขึ้นในห้วงความคิดที่ว่างเปล่าเพคะ” ชิงเฟยตอบอย่างประธานบริษัทที่อธิบายผลประกอบการ
“มันคือ การแสดงออกของความเข้าใจ ในบุคลิกของท่าน องค์ชายใหญ่ทรงมีชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ทรงเต็มไปด้วยความเย็นชาและความแค้น หม่อมฉันเพียงแค่ร่ายทอดอารมณ์นั้นออกมา”
“ความแค้นของข้า... เจ้าเข้าใจหรือ?” หลี่ชุนเฟยยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้จนชิงเฟยสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา
ชิงเฟยไม่ถอยหนี เธอตอบกลับด้วยความจริงใจของชิงเฟย (ประธานบริษัท) ที่มีความขี้สงสารซ่อนอยู่ “ความแค้นคือการลงทุนที่อันตรายที่สุดเพคะ องค์ชายใหญ่”
“เจ้า…” หลี่ชุนเฟยถึงกับพูดไม่ออก เขายิ่งสับสนในตัวนาง
ชิงเฟยเห็นความสับสนในดวงตาของแม่ทัพพยัคฆ์ เธอจึงถือโอกาสนี้ในการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ไม่ได้มีแค่ผลประโยชน์ แต่มีความเห็นอกเห็นใจเจือปน
“หม่อมฉันขอตัวกลับเรือนก่อนเพคะ องค์ชายใหญ่ควรพักผ่อนให้มาก ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ท่านเหนื่อยล้ามากเกินไป”
กล่าวจบ ชิงเฟยก็หมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หลี่ชุนเฟยยืนนิ่งอยู่กลางห้องโถง โดยมีความคิดเพียงอย่างเดียวว่า พระชายาผู้นี้ช่างแปลกประหลาด แต่ก็น่าสนใจจนน่ากลัว
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 18
Comments