ตอนที่ 3 เผชิญหน้าแม่ทัพพยัคฆ์
จวนองค์ชายใหญ่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เมื่อข่าวการกลับมาของ หลี่ชุนเฟย หรือ องค์ชายใหญ่ และ แม่ทัพพยัคฆ์แห่งต้าเฟย ถูกส่งถึงประตูจวนล่วงหน้าเพียงไม่กี่ชั่วยาม
ชิงเฟย ในร่าง หลี่เหมี่ยวเจิ้ล ไม่ได้ตกใจนัก เธอรับทราบเรื่องนี้จากการรายงานอย่างละเอียดของหัวหน้าบ่าวที่ตอนนี้ต้องปฏิบัติต่อเธออย่างเคารพยำเกรงหลังจากการปรับโครงสร้างบริหารงานบุคคลครั้งใหญ่ในเรือนด้านใน (ซึ่งกินเวลาไปตลอดหนึ่งวันเต็ม)
“องค์ชายใหญ่ทรงกลับมาด้วยชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่ชายแดนพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าบ่าวรายงานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “แต่ก็ทรงมีพระอารมณ์ที่เย็นชาอย่างยิ่งยวดเช่นเคย ทรงเดินตรงมายังเรือนพระชายาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ชิงเฟยพยักหน้าอย่างสงบ พลางจิบชาที่ชงอย่างพิถีพิถันจากนางกำนัลที่ตอนนี้ตัวสั่นกลัวเธอมากกว่ากลัวองค์ชายใหญ่เสียอีก ดี เธอคิด ฉันก็ไม่ใช่คนที่อบอุ่นนักอยู่แล้ว
เธอเลือกสวมชุดผ้าไหมเรียบง่ายสีฟ้าอ่อน ซึ่งเป็นสีที่ดูอ่อนโยนและสง่างาม แต่ไม่ได้ประดับประดาเครื่องประดับใด ๆ ให้มากความ เธอต้องการภาพลักษณ์ที่ดูสงบและฉลาดหลักแหลม ไม่ใช่ภาพลักษณ์ของหญิงสาวที่อยากเรียกร้องความสนใจ
กึก… กึก…
เสียงฝีเท้าหนักแน่นหยุดลงที่หน้าเรือนของพระชายา แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในห้องถูกบดบังด้วยเงาร่างสูงใหญ่ของบุรุษผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ตรงธรณีประตู
หลี่ชุนเฟย
นี่คือการพบกันครั้งแรก ชิงเฟยเงยหน้าขึ้นมอง สามี ของเธออย่างพิจารณา
เขาคือชายในชุดเกราะสีดำทมิฬ สลับด้วยผ้าคลุมสีเลือดหมูที่ทำให้เขายิ่งดูโดดเด่นและน่าเกรงขาม ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการรบนั้นเรียบตึงราวกับหินผา ดวงตาคมกริบสีนิลนั้นเย็นชาและแข็งกระด้างยิ่งกว่าที่เธอจินตนาการไว้หลายเท่า เขามีรัศมีแห่ง ความโหดเหี้ยม และ ความเครียดแค้น แผ่ออกมาอย่างชัดเจน
หลี่ชุนเฟยเดินเข้ามาในห้องอย่างไม่รีบร้อน แต่ทุกย่างก้าวเปี่ยมไปด้วยอำนาจ เขาหยุดยืนห่างจากชิงเฟยเพียงสามก้าว และจ้องมองเธอด้วยสายตาที่คล้ายกับการสำรวจศพของศัตรู
“หลี่เหมี่ยวเจิ้ล” เสียงของเขาดังและแข็งกระด้างราวกับดาบกระทบโลหะ “เจ้ายังไม่ตายหรือ?”
น้ำเสียงนั้นไม่มีความยินดี ไม่มีแม้แต่ความประหลาดใจ แต่มีเพียงการตั้งคำถามที่เต็มไปด้วยการเย้ยหยันและดูถูก
ชิงเฟยรู้สึกถึงความโกรธที่พุ่งขึ้นมาในอก ถ้าเป็น หลี่เหมี่ยวเจิ้ล คนเดิม คงจะก้มหน้าเงียบงันด้วยความหวาดกลัว แต่เธอคือ ชิงเฟย ประธานบริษัทที่ถูกคู่แข่งดูถูกจนถึงที่สุด เธอจะไม่มีวันยอมให้ใครมาเหยียบย่ำเช่นนี้
ชิงเฟยวางถ้วยชาลงอย่างแผ่วเบา แต่เสียงกระทบกันของถ้วยชาและจานรองนั้นกลับดังชัดในความเงียบ
เธอจ้องกลับไปที่เขาด้วย “สายตาประธานบริษัท” ที่เย็นชาไม่แพ้กัน
“องค์ชายใหญ่กำลังกลับจากสนามรบที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่กลับมาที่เรือนของพระชายาเพื่อถามคำถามที่ ไร้สาระ เช่นนี้หรือเพคะ?” ชิงเฟยตอบกลับอย่างเยือกเย็นและรวดเร็ว “หม่อมฉันเป็นพระชายาของท่าน เป็นผู้ที่คอยจัดการดูแลจวนตามที่ราชโองการระบุไว้ หากหม่อมฉันตายไปก่อนเวลาอันควร ใครเล่าจะรับผิดชอบชื่อเสียงอันเสียหายของ องค์ชายใหญ่ผู้เก่งกาจ ที่ไม่สามารถดูแลแม้แต่พระชายาของตนให้รอดจากเงื้อมมือของคนสารเลวได้?”
บรรยากาศในห้องแข็งตัวทันที
หลี่ชุนเฟยชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาของเขายิ่งหรี่ลง จ้องมองพระชายาที่เคยอ่อนแออย่างไม่เข้าใจ
นางไม่เหมือนเดิม
“นี่เจ้ากำลังสอนข้าหรือ?” หลี่ชุนเฟยถามด้วยน้ำเสียงที่ลดระดับลงอีกขั้น เป็นเสียงที่เตือนถึงอันตรายอย่างแท้จริง
“เปล่าเลยเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่แจ้ง ความเสี่ยงทางธุรกิจ ที่ท่านกำลังมองข้ามไป” ชิงเฟยตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “การที่หม่อมฉันไม่ตาย แสดงว่าหม่อมฉันยังมี มูลค่า ต่อท่าน ยังมี ศักยภาพ ที่จะนำมาซึ่งผลประโยชน์ได้ ถ้าหากท่านยังคงปฏิบัติกับหม่อมฉันเยี่ยง สินค้าที่ไม่มีราคา เช่นนี้ ก็จะนำมาซึ่งความสูญเสียในอนาคตอันใกล้”
เขาไม่เคยคิดว่าพระชายาที่เคยเย็นชาและเก็บตัวคนนี้ จะกล้าพูดจาประหลาด ๆ เต็มไปด้วยศัพท์แสงที่ไม่เคยได้ยิน และที่สำคัญที่สุดคือ... กล้า ตอกกลับ เขาอย่างเผ็ดร้อนถึงเพียงนี้
หลี่ชุนเฟยพ่นลมหายใจออกมาอย่างขบขัน เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มีความสุข แต่เป็นรอยยิ้มของการค้นพบสิ่งที่น่าสนใจ
“น่าสนใจ” เขากล่าว “เจ้าเปลี่ยนไปมาก ดูเหมือนความเจ็บป่วยจะไม่ได้ทำให้เจ้าอ่อนแอ แต่ทำให้เจ้าพูดจาเหลวไหลได้มากขึ้น”
“หม่อมฉันไม่ได้พูดจาเหลวไหลเพคะ” ชิงเฟยลุกขึ้นยืนช้า ๆ ท่าทางสง่างามแต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด “หม่อมฉันกลับไปจัดการ คนงานที่ประสงค์ร้าย ในจวนให้เรียบร้อยแล้ว ถ้าท่านไม่เชื่อ ลองไปถามพวกบ่าวไพร่ดูได้ว่า หลี่เหมี่ยวเจิ้ลคนใหม่ เป็นคนแบบไหน”
“และสิ่งที่สำคัญที่สุด” ชิงเฟยก้าวเข้าใกล้หลี่ชุนเฟยอีกหนึ่งก้าว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยไฟที่ทอประกาย “หม่อมฉันหวังว่าองค์ชายใหญ่จะทรงเข้าใจว่า นับจากนี้ไปความสัมพันธ์ระหว่างเราจะไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของ ความรัก หรือ ความสงสาร แต่จะอยู่บนพื้นฐานของ ผลประโยชน์ร่วมกัน เพียงเท่านั้น”
หลี่ชุนเฟยจ้องมองดวงตาที่เปิดเผยและแข็งกร้าวคู่นั้นอย่างไม่กระพริบตา เขานิ่งไปนานจนเกือบจะน่าอึดอัด ก่อนที่เขาจะยื่นมือมาข้างหน้าอย่างไม่คาดฝัน และใช้ปลายนิ้วสัมผัสที่บาดแผลเล็ก ๆ บนแก้มของเธอ
ชิงเฟยตัวแข็งทื่อ การสัมผัสที่ไม่ได้แสดงความอ่อนโยน แต่กลับเป็นการตรวจสอบที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกพยัคฆ์ดมกลิ่น
“ดี... พระชายาผู้มีราคา” หลี่ชุนเฟยกล่าวด้วยเสียงเย็นชา ดวงตาของเขามืดมัวไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา “ข้าหวังว่าเจ้าจะมี ราคา ที่สูงพอที่ข้าจะยอมเก็บเจ้าไว้ในจวนนี้ และข้าจะเฝ้ารอดูว่าเจ้าจะทำให้ข้าสนใจได้อีกนานแค่ไหน”
เขาดึงมือกลับ และหันหลังเดินออกจากเรือนไปทันที โดยไม่รอคำตอบใด ๆ ทิ้งไว้เพียงกลิ่นดินปืนและกลิ่นอายของบุรุษผู้เย็นชาที่เพิ่งกลับจากสงคราม
ชิงเฟยทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง เธอรู้สึกเหนื่อยล้ากว่าการเจรจาธุรกิจพันล้านครั้งไหน ๆ แต่เธอก็ยิ้มเยาะให้กับตนเองอย่างผู้มีชัย
หลี่ชุนเฟย องค์ชายผู้เครียดแค้น แม่ทัพพยัคฆ์ คุณจะรู้ซึ้งถึงความยากลำบากในการจัดการกับนักธุรกิจสาวผู้ผิดหวังในความรักก็คราวนี้แหละ!
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 18
Comments