Episode : ②
⚠️เนื้อหาต่อไปนี้จะมีความรุนแรงและเลือด และอาจจะมีคำหยาบออกมาเป็นบางตอน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน⚠️
เนื้อหา : มีความรุนแรง, คำหยาบคาย, เลือด, การอธิบายถึงลักษณะคำสาป
คนผมทองจับจ้องมองตัวเองในกระจกในห้องนอนชั้นสอง ใบหน้าเรียวเล็กและดวงตากลมโตสีฟ้ามันดูสว่างสดใสสมกับเด็กอายุสิบหก
แต่ถึงอย่างนั้น บาดแผลที่เกิดจากการต่อสู้นับสิบครั้งก็ไม่เคยจางหาย ไม่ว่าจะเป็นแผลเป็นตรงฝ่ามือ แผ่นหลัง หรือขาทั้งสองข้างที่มีรอยบาดและรอยแผลจากการต่อสู้โดยใช้อาวุธ
และผลของคำสาปที่ฝังลึกลงไปในชั้นผิว ถึงแม้มันจะหายไปแต่บาดแผลที่ได้รับมาไม่ได้หายไปด้วยเป็นเครื่องตอกย้ำถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาในช่วงปีนี่
Takemichi
โชโกะจะเป็นไงบ้างนะ...คงไม่ประสาทกินเพราะสองคนนั้นหรอกใช่มั้ย
ทาเคมิจิพึมพำเบาๆ ก่อนจะละสายตาออกจากกระจกขนาดเท่าตัวเอง ก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างที่ได้ยินเสียงพูดคุยกัน
Takemichi
เอะ? ชินมีแขกเหรอ
เพราะเป็นช่วงเวลาเย็น และร้านปิดไปแล้วแต่ดันมีเด็กน้อยหนุ่มที่คาดเดาว่า อายุคงไม่ห่างกันมาก
ผิวสีน้ำผึ้งที่กระทบกับไฟนีออน ดูสวยเข้ากับเส้นผมสีขาว ใบหน้าที่เริ่มคมขึ้นตามวัยแต่ที่ดึงดูดสายตาของทาเคมิจิมากที่สุดคงเป็นดวงตาคู่สวยแพรขนตายาวสีขาวและดวงตาสีกล้วยไม้ดูสวยจนยากที่จะผละออก
เอาจริงๆนอกจากดวงตาของโกะโจ เพื่อนสนิทของเขา เขาก็ไม่เคยเจอดวงตาของใคร สวยเท่าอีกฝ่ายจนมาเจอกับเด็กคนนี้
Shinichiro
ทาเคจัง ลงมาหาอะไรกินเหรอ?
คนโตสุดหันไปตามเสียงจึงเจอเข้ากับเด็กชายที่เก็บมาได้? เดินลงมาในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่และกางเกงขายาวลายสก็อตสีเข้ม เส้นผมสีเหลืองยุ่งเล็กน้อย
เสียงทุ้มต่ำของเด็กผิวแทนเอ่ยทักขึ้น พร้อมเงยหน้ามองพี่ชายของตนที่ดูจะสนิทสนมกับคนตาฟ้าไม่น้อย อิซานะนึกไม่ชอบใจ แต่ก็ข่มความรู้สึกนั้นไว้แล้วหันไปถามผู้เป็นดั่งแสงสว่างของตน
Shinichiro
อ้อนี่ ฮานากาคิ ทาเคมิจิ น่ะ
Shinichiro
พอดีมีปัญหากับทางบ้านนิดหน่อยน่ะ ทาเคจังเลยขอมาพักที่ร้านพร้อมช่วยงานที่นี่สักพัก
พี่ใหญ่บ้านซาโนะเอ่ยแนะนำกวักมือ เรียกให้เขาเดินเข้ามาทักทาย พร้อมแนะนำเด็กตาสีม่วงให้ทาเคมิจิฟัง
อายุเท่าเขา แต่ถ้านับตามช่วงเวลาจริงๆ อิซานะจะต้องเป็นพี่เขาถึงสองปีด้วยกัน
บรรยากาศรอบตัวที่ดูมีความหม่นหมองของอีกฝ่ายทำเอาทาเคมิจิผละออกเล็กน้อย เพราะไม่ค่อยถูกกับความรู้สึกแง่ลบมากๆ ของมนุษย์นักทำเอาทาเคมิจิ ทำเพียงส่งยิ้มให้อีกคนได้จดชื่ออีกฝ่ายไว้ในใจ
เพราะความรู้สึกแง่ลบที่แผ่ออกมาจากตัวอีกคนก็ไม่ใช่เล่นๆ อาจจะมีพวกคำสาปเกาะติดอีกฝ่ายเหมือนที่เกาะติดชินอิจิโร่ก็เป็นไปได้
Takemichi
ยินดีที่ได้รู้จักนะ // ยิ้มเล็กน้อย
Takemichi
(น่ากลัวชิบหายเลย!) // ขนลุกเล็กน้อย
ทาเคมิจิส่งยิ้มให้อีกคนจนตาหยี่ พยายามทำตัวให้เป็นมิตรที่สุดก่อนจะหันไปขอตัว จากทั้งสองเพราะจะออกไปซื้อบะหมี่สำเร็จรูปที่ร้านค้าเสียหน่อย
Shinichiro
โอเค งั้นเอากุญแจไปด้วยเลยพอดีฉันกับอิซานะจะไปขับรถเล่นหน่อยนะ
Takemichi
ครับ // พยักหน้าเบาๆ
Takemichi
โอเคครับ ยังไงก็ขับกันระวังด้วยนะ
ทาเคมิจิ โบกมือให้ทั้งคู่พอเห็นความเร็วที่ทั้งสองบิดไปก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ตัวเขาไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกว่าการบิด เครื่องยนต์จนเสียงดังหรือเป็นเสือสิงห์นักซิ่งมาสนุกยังไง แต่เมื่อเป็นความชอบของอีกคนตัวเขาก็ไม่ควรที่จะไป ดูถูกหรอก
Takemichi
เมื่อกี้นี้ผู้ชายที่ชื่ออิซานะน่ากลัวมากเลยแฮะ
Takemichi
อย่าพยายามไปเข้าใกล้อีกคนแล้วกัน // ถอนหายใจก่อนจะเดินออกไป
Takemichi
เอาเถอะ คงต้องคิดเรื่องจัดการคำสาปนั้นก่อนที่มันจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นดีกว่า
ชายหนุ่มพูดกับตัวเอง เพียงแค่เห็นเจ้าคำสาปสีดำมืดที่โอบล้อมคำแก่กว่าก็อดขนลุกไม่ได้
เขาไม่เคยเจอคำสาปประเภทนี้เลย เพราะยิ่งไม่รู้จักจึงยิ่งอันตราย หรือเขาควรส่งเรื่องนี้แจ้งไปทางโรงเรียนดี แต่ถ้าหากทำแบบนั้นทางเบื้องบนก็ต้องรู้เรื่องของเขาแน่ๆ
ฟันขาวขบกัดลงที่เล็บเบาๆ อย่างกังวลใจหากเป็นคนอื่น...
หากเป็นเกะโทที่สามารถกลืนกินคำสาปได้ หรือ เป็นโกะโจที่มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เกิดจนขึ้นชื่อไว้ไร้เทียมทาน...
Takemichi
หากเป็นสองคนนั้น จะทำยังไงกันนะ...
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ในช่วงกลางดึกทาเคมิจิกำลังลุกขึ้นมาต้มเปยังจนหอมฉุย ก่อนจะจัดการมันอย่างรวดเร็วพร้อมกับยกแป๊บซี่กระป๋องขึ้นมาดื่ม เสียงเปิดประตูในร้านดังขึ้นทำให้ตัวเขาหันไปมองตามสัญชาตญาณ
เสียงตอบรับทำให้เด็กหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหาเจ้าของร้านอย่างแปลกใจ ปกติหากไม่อยู่ซ่อมรถจนดึกดื่น และนอนที่นี่ชินก็มักจะกลับไปนอนที่บ้านประจำ แล้วเหตุใดวันนี้อีกฝ่ายถึงกลับมาที่ร้าน
Takemichi
เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถาม เมื่อเดินเข้าไปใกล้คนแก่กว่ามีสีหน้าไม่ดีนัก
Shinichiro
ฉันจะทำยังไงดีทาเคจัง
Shinichiro
ฉันดันบอกอิชานะไปว่าตัวเองเป็นพี่ชายแท้ๆของอีกคน
คำสารภาพที่อยู่ๆก็เอ่ยขึ้นในระหว่างที่เขากำลังเอาน้ำมาให้ก่อนจะจัดการลาก คุณพี่ชายตัวดีให้มานั่งที่โซฟา
Takemichi
นั่นมันแย่มากเลยนะครับ // ขมวดคิ้วมอง
Shinichiro
อืม แถมช่วงนี้อิซานะก็ทำตัวแปลกๆ
คนผมดำว่าก่อนจะ ห่อไหล่ลงจนดูน่าสงสาร
Takemichi
ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าความสัมพันธ์ระหว่างชินกับอิซานะคุงเป็นยังไง แต่จากที่ดูอิซานะก็ดูจะนับถือชินมากๆ เลยนี่น่า
ทาเคมิจิพูดบ้าง เขารู้มาบ้างว่าอิซานะอยู่ที่สถานพินิจ และได้ส่งจุดหมายคุยกับชินตลอดเพราะเคยเจอหน้ากันแค่ไม่กี้ครั้งการที่อีกคนถูกจับจึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อยสำหรับเขา
Takemichi
ผมว่าชินควรจะบอกความจริงเกี่ยวกับอิชานะ และก็ฝั่งของไมกี้คุงด้วยนะครับ เดาว่าคงยังไม่ได้บอกไมกี้ด้วยสินะครับ
ทาเคมิจิทำตาดุใส่อีกคน มีที่ไหนไป บอกเด็กคนหนึ่งว่าตัวเองเป็นพี่ชายแท้ๆ พาไปเที่ยวดูแล แต่ดันไม่บอกน้องคนอื่นในบ้านแถมยังไปโกหกอีก
เด็กที่ขาดความรักความมั่นคง พอได้เจอคนที่เหมือนกับครอบครัวตัวเองจนยึดติดไปแล้วมารู้ที่หลัง ว่าตัวเองถูกโกหกก็ไม่ต่างจากการถูกหักหลังนักหรอก ถึงรู้ว่าชินอิจิโร่ทำไปเพราะหวังดี แต่ผลลัพท์ที่ได้มันอาจจะเป็นสิ่งที่แย่กว่านั้น
Takemichi
ไปจัดการเลยครับชิน
Takemichi
ถ้ายังปล่อยไว้แบบนี้ได้มีปัญหาในอนาคตแน่ๆ
Takemichi
ไม่ต้องเพิ่งหมอดูยังรู้เลยว่าคง ต้องมีปัญหาครอบครัวตามมายาวๆ
ทาเคมิจิถอนหายใจ ขนาดไม่ต้องใช้หมอดูอนาคตเขายังเดาได้ ไม่แน่อาจ จะกลายเป็นความขัดแย้งของครอบครัวระหว่างพี่น้อง หรือจะเป็นความโกรธแค้นของอิซานะที่มีต่อบ้านซาโนะยังได้เลย
ทาเคมิจิบอกคนโตกว่าอย่างเอือมละอาย ทั้งๆที่อายุยี่สิบสามแล้วแท้ๆ ยังจะให้เขาที่เป็นเด็กอายุสิบหกสอนอีก
Shinichiro
เข้าใจแล้วล่ะ ขอบใจมากนะทาเคจัง // ยิ้มเล็กน้อย
Takemichi
ไปจัดการให้เรียบร้อยเลย
Takemichi
ไม่ได้เจอกันเลยนะอิซานะคุง
Takemichi
พอดีวันนี้ชินติดธุระน่ะเลยให้ ฉันมาแทนคงไม่โกรธกันใช่มั้ย
ทาเคมิจิพูดยิ้มๆระหว่าง ที่ตัวเขานั่งอยู่บนเกาอี้ที่มีตัวคั่นกลางเป็นกระจกใส ระหว่างเยาวชนที่กระทำผิดและผู้มาเยี่ยม
อิซานะมองเด็กหนุ่มที่อายุเท่ากันด้วยสายตาเรียบนิ่ง จ้องมองคนที่มักจะอยู่ช่วยร้านของชินเสมอ ทำให้เจอหน้ากันบ่อยๆเวลาไปหาชินอิจิโร่แต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก
อิซานะรู้สึกว่าคนตรงหน้าดูเหมือนจะอ่านใจคนอื่นได้ เพียงแค่สบตากัน ราวกับว่าดวงตาอีกฝ่ายจ้องมองลึกเข้าไปถึงจิตใจของตน แถมบรรยากาศรอบตัวยังดูไม่เหมือนเด็กสิบหก แต่ก็ไม่เหมือนพวกนักเลงที่อายุใกล้กัน แต่เป็นบรรยากาศแปลกๆชวนขนลุกเสียมากกว่า
Takemichi
ข้างในน่ะคงไม่มีใครรังแกใช่มั้ย ถ้ามีก็อย่าไปยอมล่ะ
ทาเคมิจิพูดขึ้น รู้อยู่แล้วแหละว่าคนตรง หน้าแข็งแกร่งแต่ถึงอย่างนั้นก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ตามนิสัยขี้กังวล
Izana
คิดว่าฉันอ่อนแอรึไง // ขมวดคิ้ว
Takemichi
แค่เป็นห่วงน่ะ // ยิ้มเล็กน้อย
เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆที่ประดับอยู่บนใบหน้า ไม่ได้สนใจใบหน้าแข็งค้างของอีกฝั่งสักนิด
Takemichi
อ้อจริงสิ...มีข้าวกล่องฝากมาให้นะ พอดีทำข้าวปั้นมาให้ทาน แล้วก็มีจดหมายของชินด้วยฉันฝากไว้ที่ผู้คุม แล้ว
ทาเคมิจิเอ่ยบอกสิ่งที่ตนได้รับมา ชินฝากจดหมายเป็นประจำ ส่วนเขาก็เลยไหนๆก็มาเยี่ยมแล้ว เลยทำข้าวปั้นหลายรสชาติไปให้ อยู่ในสถานพินิจคงไม่ได้กินอะไรอร่อยๆมากนักหรอกนะ
เรื่องการทำข้าวปั้นน่ะเป็นสิ่งที่ทาเคมิจิภูมิใจแบบสุดๆ! เพราะเขาทำอร่อยยังไงล่ะ ถึงบางคนจะบอกว่ามันก็ทำง่ายๆมั้ย
แต่รสชาติที่เขาทำนะมันทั้งกลมกล่อมแถมให้ความรู้สึกเหมือนกินข้าวฝีมือคุณแม่สุดๆยังไงล่ะ
(นี่เป็นคำอวยที่โกะโจบอกมาเลยนะ เจ้าคุณชายที่ถือตัวสุดๆ เอ่ยชมเขาแสดงว่ามันอร่อยมากๆยังไงล่ะ)
พวกเขาสองคนพูดคุยกันอีกเล็กน้อย ถึงแม้ส่วน ใหญ่จะเป็นทาเคมิจิที่เป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียวก็ตาม ทั้งการอัปเดตชีวิตของพี่ชายคนโตบ่นเรื่องข้างนอกที่มีเรื่องวุ่นวายไปหมด
ถามไถ่ชีวิตของอิซานะไปด้วย และไม่หลุดพูดเรื่องของไมกี้เลยแม้แต่น้อย แน่นอนทาเคมิจิพอจะเดาความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ จนกว่าอิซานะจะปลดล็อกตัวเองจากความคิดแค้นในใจได้คงต้องเลี่ยงการพูดถึงเจ้าเด็กแสบที่บ้านซาโนะไปก่อนล่ะนะ
ไม่คาดคิดเลยว่าในช่วงก่อนที่เขาจะลุกออกจาก เก้าอี้เพราะหมดเวลาเยี่ยมแล้ว เสียงจากร่างสูงผิวน้ำผึ้งก็เอ่ยขึ้น
ดวงตาสีม่วงจับจ้องมองมาที่ดวงตาสีฟ้าสว่างเหมือนกับท้องฟ้ายามเช้า
Takemichi
ถ้าอิซานะคุงอยากให้มา ฉันก็จะมาอีก
อีกคนตอบเสียงเรียบก่อนจะหันหลัง กลับไปตามเจ้าหน้าที่ ทำเอาตัวเขานิ่งไปสักพักจนเจ้าหน้าที่ชายเดินเข้ามาสะกิดให้เดินออกจากห้องได้แล้ว
กว่าจะรู้ตัวก็เดินออกมาจากสถานพินิจเป็นที่เรียบร้อย รอยยิ้มที่มุมปากสวยค่อยๆกว้างขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับดวงตากลมโตขึ้นประกายอย่างดีใจ
Takemichi
เรื่องนี้ต้องบอกชินซะแล้วว่าเตรียมตกกระป๋องได้เลย
Takemichi
// หัวเราะออกมาเบาๆ
Comments