เสียงนาฬิกาแขวนผนังในออฟฟิศเดินไปถึงเลขแปดครึ่งพอดี
ธีธัชลุกขึ้นจากโต๊ะ หยิบโน้ตบุ๊กและปากกาขนนกที่เขาใช้เป็น pointer ออกมาพร้อมแฟ้มเอกสารบางๆ
ก้าวเดินของเขานิ่งสงบและมั่นคง
เหมือนทุกก้าวถูกวางเอาไว้อย่างเป็นจังหวะ…
ไม่มีรีบร้อน ไม่มีลังเล
...—...
ทางเดินยาวในคณะศิลปกรรมศาสตร์เงียบสงบ
แต่ในบางมุมก็มีเสียงหัวเราะของนักศึกษาเล็ดลอดออกมาบ้างจากห้องเรียนอื่น
ธีธัชเดินผ่านไปโดยไม่หันมอง
สายตาจับอยู่ที่ปลายทาง…ห้องเรียนหมายเลข 306
เมื่อผลักประตูห้องเข้าไป
บรรยากาศภายในค่อนข้างเงียบ
นักศึกษาบางส่วนมาถึงก่อนแล้ว และบางส่วนก็กำลังหยิบอุปกรณ์ศิลปะขึ้นมาวางบนโต๊ะ
มีนักศึกษาเพียงสิบกว่าคนในคลาส
ไม่เยอะ แต่ก็ไม่ถึงกับน้อย
เหมาะกับการเรียนวิชาทัศนศิลป์แบบลงมือทำที่ต้องใช้พื้นที่และสมาธิ
ธีธัชเดินตรงไปยังโต๊ะอาจารย์
วางโน้ตบุ๊กลงเบาๆ ตามด้วยแฟ้ม และปากกาขนนกสีดำ
มือเรียวของเขาจัดวางทุกอย่างอย่างเป็นระเบียบ…
เหมือนกับนิสัยเจ้าตัวที่ไม่ชอบความวุ่นวายเลยสักนิด
“อรุณสวัสดิ์ครับนักศึกษาทุกคน”
เสียงของเขานุ่มแต่ชัดเจนนักศึกษาหยุดคุยกันแล้วหันมาสนใจ
“วันนี้เราจะเรียนเรื่องการใช้แสงและเงาในภาพวาด โดยเฉพาะการกำหนดทิศทางของแสงให้สัมพันธ์กับวัตถุ…”
เขาเริ่มสอนด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ฟังง่ายมือข้างหนึ่งลาก pointer ไปบนสไลด์
ห้องเรียนทั้งห้องนิ่งสนิท มีเพียงเสียงของธีธัชที่ไหลผ่านหูของนักศึกษาทุกคน
...—...
เวลาเลยไปกว่าครึ่งคาบประตูห้องเรียนถูกเปิดออกช้าๆ
เสียงบานพับแผ่วเบา
ทุกคนหันไปตามเสียงนั้นรวมถึงธีธัช
ร่างของนักศึกษาชายร่างสูงโปร่งก้าวเข้ามาช้าๆ
แม้เขาจะสวมแมสก์ไว้ แต่ผิวครึ่งหนึ่งของใบหน้าก็ยังเผยให้เห็นรอยปานคล้ายแผลที่ลากยาวตั้งแต่โหนกแก้มจรดข้างคิ้ว
ดวงตาของเขาดูนิ่งไม่หลบหลีก…แต่ก็ไม่กล้าเผชิญตรงๆ
เด็กคนนั้นชื่อ รัญ
ธีธัชมองเพียงแวบเดียว
ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปยังหน้าจอโดยไม่เอ่ยตำหนิใดๆ
เขาเพียงพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
“หาที่นั่งได้เลยครับ"
รัญพยักหน้าเบาๆ และเดินไปยังที่นั่งด้านหลังสุด
นั่งลงเงียบๆ ก่อนจะหยิบสมุดกับดินสอขึ้นมาอย่างเงอะงะ
ไม่มีใครหัวเราะ ไม่มีใครซุบซิบเพราะธีธัชไม่ใช่อาจารย์ที่ปล่อยให้บรรยากาศคลาสวุ่นวาย
และเพราะแววตาที่เขาใช้มองรัญมันไม่มีคำว่า ตัดสิน อยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
...—...
การสอนดำเนินไปจนกระทั่งเสียงนาฬิกาเตือนหมดคาบดังขึ้นก่อนจะพูดกับทุกคนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“คาบหน้าลองฝึกวาดจากแสงธรรมชาติในสถานที่จริงนะครับ อย่าลืมเตรียมบล็อกภาพกับดินสอมาด้วย”
จากนั้น เขาก็ปิดโน้ตบุ๊กอย่างเงียบๆพร้อมกับเก็บอุปกรณ์การสอนให้เรียบร้อย
เสียงประตูปิดเบาๆ ดังขึ้น
ตามด้วยเสียงเก้าอี้เลื่อนลากบนพื้นขัดเงา เมื่อนักศึกษาทยอยกันออกจากห้องเรียนอย่างเป็นระเบียบหลังหมดคาบ
ธีธัชยังคงนั่งอยู่หน้าชั้นเรียน
มือเรียวกำลังปิดโน้ตบุ๊ก แล้วหยิบแฟ้มเอกสารมาจัดเข้าที่อย่างมีแบบแผน
เสียงฝีเท้าเบาๆ เดินเข้ามาใกล้
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเห็นนักศึกษาร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษาถูกระเบียบ ยืนเงอะงะอยู่ตรงหน้า
คนที่มาสายเมื่อตอนกลางคาบ
เด็กคนนั้น…รัญ
“เอิ่ม… ขอโทษนะครับอาจารย์”
“พอดีผมมาสาย... อาจารย์พอจะสรุปให้ผมได้ไหมครับ?”
น้ำเสียงของรัญไม่ดังนัก แต่ก็ไม่เบาจนฟังไม่ได้ยินเป็นน้ำเสียงที่แฝงความเกรงใจและกังวล
ธีธัชเงยหน้ามองนิ่งๆ
ไม่ดุ ไม่ตำหนิ ไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาชัดเจน
เพียงแค่…มอง
สายตานิ่งๆ นั้นทำให้รัญต้องหลบตาเล็กน้อย
มือที่ถือสมุดกับดินสอไว้เริ่มสั่นนิดๆ ด้วยความประหม่า
ธีธัชละสายตาไปมองนาฬิกาข้อมือเขามีประชุมในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“เอามือถือของนายมานี่”
เสียงนั้นเรียบ…แต่ชัดเจน
รัญตกใจเล็กน้อย แต่ก็รีบยื่นมือถือให้แบบงงๆ
ธีธัชรับมือถือไป
กดอะไรบางอย่างลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงครึ่งนาที
จากนั้นก็ยื่นมันคืนกลับให้
“อาจารย์ให้ไลน์ไป”
“เดี๋ยวจะส่งสไลด์ให้ เอาไปอ่านเองนะ อาจารย์มีประชุม”
น้ำเสียงยังคงนิ่ง ไม่อ่อนโยนแต่ก็ไม่เย็นชา
ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีแววตาเอ็นดู
มีแค่...ความเรียบง่ายที่ทำให้รัญรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ
“ครับ… ขอบคุณครับอาจารย์”
รัญรับมือถือกลับมาแล้วก้มศีรษะเล็กน้อย
ธีธัชไม่ตอบอะไร เขาเพียงเก็บของต่อ และเดินออกจากห้องไปในไม่กี่วินาทีต่อมา
ปล่อยให้รัญยืนอยู่กลางห้องเงียบๆ
เขามองหน้าจอมือถือ
รายชื่อไลน์ใหม่ที่ขึ้นมา
อ.ธีธัช
และนั่น…
คือการเริ่มต้นบทสนทนาระหว่างสองคนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments