บทที่ 2 เด็กหนุ่มและเออร์ธาน

"ข้า..มีนามว่า ราเชล อัลมาร์บัส อายุของข้านั้น 18 ปี ผู้ถือครองตำแหน่งผู้กล้า ฉายาของข้าคือผู้ที่ได้รับความรักจากเหล่าทวยเทพ"

 

 

ทันใดนั้นเสียงพูดคุยที่ดูตื่นเต้นก็ดังขึ้นอื้ออึงอีกครั้งและครั้งนี้ดูจะเป็นการส่งเสียงที่น่าตื่นเต้นเป็นพิเศษ ต่อสิ่งที่ทุกคนภายในที่นี้ได้ยินจากปากของเด็กหนุ่มที่เพิ่งเอ่ยคำพรรณนาต่างๆออกมา

 

"นอกจากท่านจะเป็นผู้กล้าจริงๆแล้วท่านยังได้รับพรจากเหล่าทวยเทพอีกงั้นหรอ!!"

เสียงระคนตื่นเต้นจากราชานั้นเอ่ยขึ้นมาเมื่อได้ยินสิ่งที่ไม่น่าเชื่อจากปากของไวท์ที่ตอนนี้กลายเป็นราเชลที่ทั้งภายในห้องโถงแห่งนี้ได้รู้จักกันไปแล้วไปแล้ว ราชานั้นรู้สึกปลื้มและยิ่งมีความคาดหวังมากขึ้นเมื่อเขาใช้สายตาจับจ้องไปที่ราเชล ที่ยังคงยืนสัมผัสกับคริสตัลนั้นอยู่พร้อมกับยกยิ้มออกมาทันใดภายใต้หนวดเครานั้นของเขา ก่อนที่เขาจะหลับตาลงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่การอัญเชิญในครั้งนี้สำเร็จได้อย่างลุล่วงก่อนที่จะเงียบไปสักครู่ แล้วยกมือลูบหนวดเคราของเขาอีกครั้งราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่

 

"เช่นนั้น ถ้าหากท่านสามารถล้มจอมมารได้ข้ายินดีที่จะมอบลูกสาวและตำแหน่งของข้าให้แก่เจ้าไปเลยท่านผู้กล้าราเชล"

 

สิ้นเสียงคำพูดอันปลื้มปิติของราชา ก็ได้มีหญิงสาวผู้งดงามราวกับหลุดมาจากภาพวาด ผิวพรรณนวลปลั่งน่าสัมผัส ใบหน้าเข้ารูปสวยงามพร้อมกับปากที่เป็นกระจับจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อธรรมชาติ แววตาดูอ่อนโยนซึ่งรับกลับนัยน์ตาสีฟ้าได้เป็นอย่างดี ผมยาวสีขาวราวกับหิมะและเงางาม พร้อมกับร่างกายที่ดูระหงส์สะโอดสะอง ที่เข้ากับชุดรัดรูปกระโปรงลากยาวสีเงินที่ประดับด้วยผ้าคลุมไหล่บางๆพอให้เผยเห็นไหล่ที่เนียนสวยนั้น ได้ก้าวขาออกมายืนข้างๆบัลลังก์ของราชา

 

"ข้ามีนามว่า ออโรร่า องค์หญิงลำดับที่1 แห่งจักรวรรดิโกเอเลียน์ เป็นเกียติที่ได้พบเจ้าค่ะท่านผู้กล้า"

 

เสียงไพเราะอ่อนละมุนของเธอได้กล่าวออกมาด้วยถ้อยคำและท่าทางที่อ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อเห็นเช่นนั้น

ราเชลก็ได้ลดมือลงจากคริสตัลแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ เหมือนไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้นเลย

 

"ผมไม่ต้องการเป็นราชาและไม่ได้ต้องการลูกสาวของท่าน ผมแค่เพียงต้องการที่จะได้กลับบ้าน"

 

ราเชลเอ่ยออกมาอย่างไม่ลังเล และหนักแน่นให้รู้ว่าสิ่งที่ราชาจะมอบให้แก่เขานั้น มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ พร้อมกับสายตาที่มองย้อนขึ้นไปมองราชาที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์และสบตากับเขาอย่างไม่กลัวตาย

ราชาที่ได้ยินอย่างนั้นก็หลับตาและถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแเพราะรู้สึกเสียดายเด็กหนุ่มที่มุ่งมั้นแต่จะกลับบ้านอย่างเดียวโดยที่ไม่สนไม่สนใจข้อเสนอของเขาแม้แต่น้อย ก่อนที่เขาจะยกนิ้วขึ้นเจ้าหญิงก็ย่อตัวเป็นเชิงถอนสายบัวเล็กน้อยเคารพต่อราเชลก่อนเดินจากไป

"หลังจากนี้ ข้าจะให้หัวหน้าอัศวินและหัวหน้าเวทย์หลวง มาทดสอบทักษะด้านต่างๆของท่านได้โปรดตามพวกเขาไป"

 

ทันทีที่ราชากล่าวเสร็จ ก็มีชายแก่สวมชุดเกราะเต็มตัวร่างใหญ่สูงราวๆ'2.30'เมตรเดินมาตรงหน้าของราเชล ราเชลก็ได้เงียบแล้วรับคำนั้นอย่างง่ายดายก่อนที่อัศวินคนหนึ่งที่ดูภูมิฐานจะเชิญเด็กหนุ่มให้เดินตามเขาไปที่ลานฝึกของอัศวิน

เมื่อราเชลได้เดินตามอัศวินและคนที่มีตำแหน่งหัวหน้าเวทย์มาถึงลานฝึก ที่เต็มไปด้วยเหล่าทหารมากมาย ที่ตั้งใจซ้อมอย่างหนัก บางกลุ่มก็ซ้อมดาบ

และบางกบุ่มก็ซ้อมการยิงธนู และเสียงของผู้ออกคำสั่งในการฝึกซ้อมของพวกเขาก็ดังจนทำให้ราเชลสนใจหันมองซ้ายขวาตามเสียง เพราะมันเป็นสิ่งที่แปลกสำหรับเขา ก่อนที่ทั้งสองจะพาเขาหยุดเดินแล้วหันมามองราเชล

 

" เอาล่ะเจ้าหนุ่ม ข้ามีนามว่า เออร์ธาน เป็นหัวหน้าของกองพันนักรบอัศวินปีกศักดิ์สิทธิ์ ถึงเจ้าจะเป็นผู้กล้าแต่เจ้าดูตัวเล็กและผอมเป็นไม้เสียบหมูไม่มีเรี่ยวแรงแบบนี้ งั้นข้าจะให้เจ้าลองเลือกดูอาวุธที่เจ้าชอบก่อนแล้วกัน "

หัวหน้าอัศวินที่อยู่ภายใต้ชุดเกราะหนานั้นเสียงที่ดูมีอายุมากหนักแน่นพูดด้วยวาจาที่หึกเหิมและไม่ให้เกียติต่อเด็กหนุ่มที่เป็นถึงผู้กล้าแต่กลับดูอ่อนแอเกินไป จึงทำให้ราเชลรู้สึกขุ่นเคืองกับคำพูดเล็กน้อยจแล้วจึงหันไปเลือกอาวุธไม้สำหรับฝึกซ้อมที่มีมากมาย แต่ใส่สายตาของเขานั้นเขานั้นกลับสะดุดใจให้กับอาวุธชิ้นหนึ่ง และดูจดจ่อกับมันมากซึ่งทำให้หัวหน้าอัศวินสังเกตุเห็นและหัวเราะเสียงดังขึ้นมา

"วะฮาฮาฮ่า!! นี่เจ้าคิดจะถือเจ้านั้นด้วยเเขนที่บางเหมือนสตรีงั้นรึ!! "

 

เขาพูดจาไม่ไว้หน้าราเชลซึ่งทำให้เขานั้นรู้สึกโมโหจนคิ้วกระตุกเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปคว้าอาวุธชิ้นนั้นขึ้นมา ซึ่งมันคือดาบใหญ่2มือยาวถึง1.50เมตร ได้อย่างสบายๆ แล้วเขาก็ทำให้หัวหน้าอัศวินที่กำลังหัวเราะร่าเริงถึงกับหยุดชะงักและเงียบลงพรางเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังและดูเงียบขรึมพลางใช้สายตาที่ดูเผินๆเหมือนจะดุดันไปทาง เด็กหนุ่มที่แบกดาบไม้นั้นแกว่งไปมาอย่างนึกสะใจภายในใจเบาๆพร้อมกับยักไหล่อวดดีใส่ไปอีกต่างหาก

 

" ก็ไม่เห็นจะหนักเท่าไหร่เลยนี่ งั้นผมขอลองดาบนี้แล้วกันนะตาแก่เออร์ธาน"

 

เด็กหนุ่มพูดโดยไม่ให้เกียติกับหัวหน้าอัศวินกลับไปเช่นกันพร้อมกับยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างมีชัยเพราะสิ่งที่เออร์ธานพูดใส่เขานั้นไม่ไว้หน้าเด็กหนุ่มซ้ำยังหัวเราะใส่เขาอีก ได้เวลาเอาคืนบ้างแล้ว

 

" ย่อมได้!!เจ้าหนู!! "

 

หัวหน้าอัศวินกล่าวเสียงดังอย่างหึกเหิมและรอยยิ้มที่ดูตื่นเต้นเขาหยิบโล่โหญ่ขึ้นมาแล้วชักดาบยาวมือเดียวออกมาจากหลังโล่ ชายแก่ร่างใหญ่กำยำที่สวมชุดเกราะเต็มตัว ยืนต่อหน้าเด็กหนุ่มที่ในมือเขามีเพียงดาบใหญ่2มือ ทั้ง2ยืนประจัญหน้าอย่างไม่เกรงกลัว สายตาของเออร์ธานจ้องมองดูช่องว่างของเด็กหนุ่ม ก่อนจะชิงพุ่งเข้าไปใช้โล่ใหญ่กระเเทกเข้าหน้าของเด็กหนุ่มอย่างสุดแรงโดยที่เขาไม่มีท่าทีจะออมแรงหรืออ่อนข้อให้แม้แต่น้อย

ครึ้งงง!!!

 

สายตาของเออร์ธานถึงกลับสั่นคลอนเมื่อร่างกายที่ใหญ่โตของเขานั้นกลับถูกกระแทกจนปลิวไปข้างหลัง โดยที่เด็กหนุ่มนั้นฟาดฟันเพียงคมดาบเดียวใส่โล่เหล็กใหญ่นั้นยุบลงไปเป็นรอยฟันของดาบ ที่บัดนี้ราเชลก็แทบจะไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเองเหมือนกันว่าตัวเองมีกำลังขนาดนั้นเลยงั้นหรอ แต่เขาก็ยังข่มความคิดนั้นไว้พร้อมกับเริ่มแสดงสีหน้าเหนือกว่าขึ้นมาเล็กน้อยต่อเออร์ธานพร้อมกับยิ้มมุมปากออกมา

 

"เป็นอะไรไปล่ะตาแก่ แค่นี้ก็ลุกไม่ไหวแล้วหรือไง ไหนล่ะความมั่นใจในของยักษ์นั่น หรือว่าหนัก?"

 

เด็กหนุ่มพูดจายั่วยุหัวหน้าอัศวิน แต่เออร์ธานนั้นไม่ได้รู้สึกโกรธหรือถูกยั่วยุอย่างใดเลย แต่เขากำลังรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ที่บัดนี้มีคนที่สามารถสู้รบปรบมือกับเขาได้เสียที

 

 

" หึ!! เป็นเพราะพรของทวยเทพสินะ คงจะดูที่ภาพลักษณ์ของคนอย่างเดียวไม่ได้แล้วล่ะสิ แต่ถึงอย่างนั้นทักษะดาบของเจ้าก็ยังอ่อนหัดเกินไป "

 

เขาพูดจายอมรับตัวของเด็กหนุ่มไปเเล้วครึ่งหนึ่งเพราะความสามารถของราเชลถึงเขาจะไม่ค่อยออกกำลังกายมาก่อนก็เถอะ แต่สำหรับเขาก็พอให้ตกใจอยู่บ้างกับพละกำลังของตัวเอง ก่อนที่เออร์ธานจะลุกขึ้นยืนและเริ่มถอดสายลัดแขนออกจากโล่ของเขา จากนั้นเออร์ธานเริ่มจะใช้ดาบ2มือแล้วเอนตัวไปข้างหน้า

"ฮึ่ม!! "

ทันทีที่เขากดปลายเท้าพุ่งตัวไปข้างหน้า พื้นถึงกับทรุดตัวแตกเป็นรอยเท้า เด็กหนุ่มตกใจเป็นอย่างมากถึงกับตั้งตัวไม่ทันเพราะร่างใหญ่นั้นพุ่งเข้ามาประชิดตัวเขาแทบจะทันที ชายแก่ฟันดาบแรกอย่างหนักหน่วงจนเด็กหนุ่มที่ใช้ดาบใหญ่รับไว้ยังต้องทรุดคุกเข่าลง ไม่ทันไรชายเเก่ก็ใช้เข่ากระแทกใส่ดาบใหญ่เข้าทำให้ดาบใหญ่กระแทกหน้าเด็กหนุ่มอย่างจัง

"แอ็ค....!!"

ด้วยความที่เร็วจนราเชลนั้นมองไม่ทันและด้วยความมือสมัครเล่นของเขานั้นจึงทำให้เขาหลบไม่ทันต่ออีกฝ่ายที่รุกเข้ามาจึงทำให้ราเชลรับแรงกระแทกนั่นไปเต็มๆ จนเลือดกำดาวไหลออกตามมาเมื่อถูกกระแทก ที่บัดนี้ส่งผลให้ราเชล ล้มลงนอนหงายภาพตัดไปโดยปริยาย เออร์ธานเมื่อเห็นดังนั้นจึงวางดาบลงแล้วเอามือขึ้นเกาแก้มอย่างรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ทำให้เด็กหนุ่มนั้น นอนฝันหวานไปชั่วครู่ชั่วคราว

"โอ้...นี่ข้าเล่นแรงไปหรือนี่…?"

หัวหน้าอัศวินกล่าวด้วยความรู้สึกผิดในใจ เพราะเขานึกว่าพรของทวยเทพจะทำให้เด็กคนนี้แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าตนเสียอีก แต่ด้วยทักษะต่อสู้ของเด็กหนุ่มที่ตนนั้นเพิ่งจะสู้รบปรบมือด้วยเมื่อครู่ ก็ทำให้เออร์ธานรู้ว่าไม่เคยต่อสู้มาก่อนเพราะแทบจะไม่มีไหวพริบอะไรเลยในการต่อสู้ของเด็กหนุ่มคนนี้เออร์ธานนั้นได้ย่อตัวลงแล้วจับราเชลขึ้นพาดบ่าทั้งๆที่เด็กหนุ่มนั้นหลับสนิทชนิดที่ว่าถูกตบแล้วยังไม่ตื่น ก่อนเดินแบกราเชลมานอนที่แคมป์ทหารใกล้ๆ

:: หลังจากนั้นไม่นาน

"อู้ยยยย...เจ็บเป็นบ้า ตาแก่มันไม่รู้จักยั้งมือเลยหรือไง.."

เด็กหนุ่มที่ฟื้นจากการโดนกระแทกหน้านั้นก็ยังคงรู้สึกมึนๆอยู่บ้างเล็กน้อย ก่อนจะยันกายลุกขึ้นมานั่งซึ่งที่เขานอนอยู่เมื่อครู่ที่ใช้ฟางมาทำเป็นก้อนเหมือนเตียงและปูผ้าหนาๆเอาไว้สำหรับการนอนโดยเฉพาะ

เด็กหนุ่มนั่งนึกถึงสิ่งที่ตนเองได้เจอไปกับเออร์ธานแล้วยกมือขึ้นมาลูบจมูกตนที่เพิ่งโดนกระแทกไปตอนนั้น

"ซี๊ด!~.."

เขานั้นต้องสะดุ้งนิดหน่อย เมื่อเจ็บที่จมูกจนน้ำตาแทบเล็ดเพราะแรงกระแทกนั้นส่งผลให้จมูกของเขาต้องมีผ้าอุดเลือดกำดาวเอาไว้ 'ฝากไว้ก่อนเถอะตาแก่เออร์ธาน' เขานั้นคิดออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจที่ต้องพ่ายแพ้แถมยังต้องมานั่งเป็นผักอยู่อย่างนี้

 

"ฟื้นแล้วเหรอเป็นยังไงบ้างคะท่านราเชล ยังเจ็บอยูรึเปล่าคะ"

เสียงเล็กๆที่ฟังแล้วดูลื่นหูเอ่ยขึ้นมา พร้อมกับใช้มือเรียวเล็กแหวกม่านของห้องในแคมป์ทหารเข้ามาพร้อมกับถาดยาในมือเธอแต่งตัวที่ดูคล้ายกับหญิงสาวชาวบ้านทั่วไป แต่ที่ไหนได้ เธอนั้นเป็นแพทย์ที่เก่งมากๆของกองกำลังทหารที่นี่ และผมสีแดงหยิกยักโศกของเธออนั้นก็ดูสะดุดตาไม่น้อย เด็กหนุ่มได้หันไปตามเสียงที่ลื่นหูนั่น ก่อนที่หญิงสาวจะหันไปวางถาดยาไว้บนโต๊ะไม้ข้างเตียงที่ราเชลได้นั่งอยู่ ก่อนที่จะเริ่มจัดยา

"เธอชื่ออะไรหรอ?"

ราเชลนั้นเอ่ยขึ้นมาพลางมองหญิงสาวที่กำลังหันหลังอยู่นั้นกำลังง่วนจัดอะไรสักอย่างให้ แต่สายตาก็ยังมองผมของหญิงสาวอยู่ไม่วางตา

 

"ข้ามีนามว่า ยีน่า เป็นแพทย์หลักของกองกำลังทหารที่นี่ "

เธอกล่าวออกมาแล้วหันไปยื่นถ้วยเล็กที่ใส่ยาน้ำสีดำสนิทให้ ถึงเธอจะดูไม่ค่อยงามเหมือนองค์หญิงอะไรนั่น แต่รอยยิ้มของเธอที่ยิ้มให้มันช่างดูละมุนละไมเสียเหลือเกิน แล้วไหนจะความเป็นกันเองไม่ถือสาอะไรที่มีให้ต่อเขานี่อีก เด็กหนุ่มนั้นรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเธอยิ้มให้ก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยกับเธออย่างประหลาด ราวกับว่าเคยเจอเคยพบปะกันมาพร้อมกับเขาได้เอื้อมมือรับถ้วยที่ถูกยื่นมาจาก ยีน่า แล้วเอามาดมก่อนที่จะดื่ม แต่กลิ่นในถ้วยมันแทบจะทำให้เขาสำลัก แค่กลิ่นก็ไม่กล้ากินแล้ว

สักพักเสียงหัวเราะเบาๆจากยีน่านั้นเล็ดออกมากับความเปิ่นเปอะของเขา

 

"นั่นน่ะ เป็นยารักษากระดูก จมูกของเจ้าน่ะหักนะจะบอกให้รู้ไว้ กลั้นใจกินเข้าไปซะจะได้หายไวๆ"

 

ยีน่า ยกยิ้มขึ้นมาอย่างเป็นมิตรพลางขยั้นขยอให้ราเชล ดื่มยาสมานกระดูกไวๆ แต่สำหรับเราเชลแล้ว..มันยากที่จะดื่มจริงๆ แค่กลิ่นที่ลอยฟุ้งออกมาก็ทำให้รู้ว่ารสชาติมันต้องทำให้กลืนไม่ลงแน่ๆ 'เอาวะ..' ราเชลนั้นหลับตาลงสูดหายใจลึกๆแล้วกลั้นเอาไว้ก่อนจะยกยาน้ำสีดำนั่นกลืนลงคอไปรวดเดียวอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่รสชาติที่เขาสัมผัสนั้น...มันช่างแตกต่างจากที่เขาคิดไว้ มันกินง่าย และลื่นคอมาก เขาสัมผัสได้เลยว่ายานี้ช่างพิเศษจริงๆ มันทำให้ภายในตัวของเขาเย็นซาบซ่าน และความรู้สึกเจ็บปวดที่จมูกนั้นหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

"เป็นไง หายแล้วใช่ไหม? รู้สึกดีใช่ไหมล่ะ?"

 

ยีน่ายิ้มออกมามาอย่างดีใจที่ยานั้นมันสัมฤทธิ์ผลแต่ราเชล นั้นรู้สึกอึ้งนิ่งไปนิดหน่อยกับการรู้สึกในครั้งนี้เพราะสำหรับเขาแล้วมันวิเศษมาก ถ้าวงการแพทย์ในปัจจุบันบนโลกของเขานั้นทำได้ขนาดนี้ก็คงต้องก้าวไกลไปหลายขั้นแน่ๆ

 

"อะ แฮ่ม!.. เหมือนข้าจะมาขัดจังหวะอะไรสินะ"

 

เสียงแหบเข้มดังขึ้น พร้อมกับคนๆนึงที่ยืนจังก้าอยู่หน้าประตูของห้องที่ราเชลอยู่ บอกได้เลยว่านั่นใครเขาคนนั้นก็คือหัวหน้าอัศวินปีกศักดิ์สิทธิ์เออร์ธานนั่นแระ หลังจากที่เขารู้สึกตรึงเครียดจากการตอกหน้าผู้กล้าจนหลับฝันหวานไปเมื่อครู่เขากลับต้องเป็นกังวลและกระวนกระวายใจ เป็นห่วงจึงต้องยืนรอนั่งรอเฝ้าอยู่นอกห้องจนกว่าราเชลจะฟื้น แต่เขากลับพูดคำขอโทษต่อเด็กหนุ่มไม่ได้ ทั้งไฟที่ภายในใจของเอิร์ธานนั้นอยากจะขอโทษ ถึงจะเห็นว่าเขาชอบใช้กำลังแบบนี้แต่จิตใจของเขานั้นอ่อนโยนมากเลยนะแต่แค่ไม่ค่อยแสดงออกมาเท่านั้นแระ

 

"ถ้าเจ้าหายแล้ว.. หลังจากนี้.. ข้าจะพาเจ้าไปยังหอคอยจอมเวทย์หลวงเพื่อวัดพลังเวทย์ของเจ้า"

 

เออร์ธานพูดออกมาพร้อมกับเบนสายตาไปทางอื่นเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด แต่สำหรับราเชลแล้วเขาไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำและเขาก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเออร์ธานเลยสักนิดต่อสิ่งที่เออร์ธานทำกับเขา ราเชลนั้นยื่นถ้วยยาคืนไปให้ยีน่าก่อนจะใช้มือดึงเศษผ้าที่อุดจมูกกันเลือดกำดาวไว้ ออกแล้วถอนหายใจเบาๆออกมาพลางมองไปที่เออร์ธานที่กำลังหลบสายตาสีเทาหม่นของเขาอยู่

 

"งั้นข้าขอตัวไปรักษาผู้อื่นก่อนนะ ท่านราเชล ข้าจักไม่อยู่ให้รบกวนสนทานสำคัญนี้หรอก และอีกอย่าง ท่านเออร์ธาน ท่านน่าจะเบาๆมือสักหน่อยก็ได้นะคะ ถึงข้าจะเป็นแพทย์ แต่ข้าก็ไม่สามารถดูแลคนของท่านทั้งหมดได้ในเวลาเดียวกันหรอกนะ"

 

หญิงสาวกล่าวอำลาเด็กหนุ่มพร้อมกับบอกเออร์ธานไปนิดหน่อยก่อนจะเดินถือถาดยาออกไปจากห้องของราเชล ที่ตอนนี้บรรยากาศในนี้กำลังดูอึดอัด เพราะความเงียบที่ราเชลมีต่อเออร์ธาน จนเออร์ธานนั้นทำอะไรไม่ถูกก่อนที่จะจิ๊ปากเดินเข้าไปหาราเชลที่ยังคงมองจ้องเออร์ธานตาไม่กระพริบ

 

"เอาล่ะเจ้าหนู ในเมื่อนายก็หายดีแล้วก็ไปหอคอยจอมเวทย์หลวงกัน "

 

"โอ๊ะ-----"

 

ชายแก่ร่างใหญ่จับคอเสื้อแล้วยกราเชลแบกขึ้นบ่าของเขาทันทีโดยที่ราเชลยังไม่ทันได้ตั้งตัวเดินออกจากแคมป์ของทหารเพื่อตรงไปยังหอคอยจอมเวทย์

" เห้!! ปล่อยฉันลงได้แล้วตาแก่ฉันลงเดินเองได้น่า "

เสียงโวกเวกโวยวายของเด็กหนุ่มนั้นดึงดูดสายตาของบรรดาทหารที่กำลังฝึกฝนกระบี่กระบองกันต้องหยุดชะงักให้กับความวุ่นวายของทั้งสองเป็นตาเดียวกัน บ้างก็กระซิบกระซาบกันอย่างสงสัย บ้างก็หัวเราะชอบใจเย้ยหยัน เมื่อราเชลเห็นแบบนั้นก็สงบปากสงบคำลง พร้อมกับกัดฟันกรอดที่ไม่พอใจเท่าไรนักเพราะเหมือนเขานั้นกำลังถูกนินทา พร้อมกับที่เออร์ธานนั้นก็ได้ปล่อยให้เขาลงเดินเอง

 

"ฮ่าห์! ถ้าแกเดินตามข้าคงไม่ทันหรอกเพราะแกขาสั้น "

เออร์ธานหัวเราะลั่นขึ้นมาอย่างได้ชัยพร้อมกับหันหน้าเดินนำราเชลไปตาทางก่อนจะเข้าโถงทางเดินที่เชื่อมต่อกับหอคอยศักดิ์สิทธิ์

 

" หน๋อยยย..พูดมาทีไรกวนโอ้ยได้ทุกทีสิน่า..ชิ.. "

 

เด็กหนุ่มหงุดหงิดพลางบ่นพึมพำโดยที่เดินตามเออร์ธานที่เอาแต่พูดจากกวนโอ๊ยเขาอยู่เนืองๆซึ่งเขาก็ต้องทนข่มอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้ แล้วหันไปมองด้านนอกของโถงทางเดินที่เต็มไปด้วยสวนดอกไม้นานาพันธ์ พร้อมกับลมโชยอ่อนลงมาพอให้ใบไม้ดอกไม้พริ้วไหวตามแรงลมหยอกล้อกับแสงแดด และผีเสื้อมากมายที่บินโฉบดอกไม้ไปมามากมาย มองแล้วก็ช่างสบายตาและสวยงามเสียจริง ก่อนที่เขาจะเผลอเดินชนหลังของเออร์ธานที่ยังคงสวมเกราะหนาอยู่ดัง โป๊ง เพราะตัวเองนั้นเอาแต่มัวมองชมสวนดอกไม้จนไม่ได้มองข้างหน้า จากนั้นเสียงประตูไม้ใหญ่ตรงหน้าเออร์ธานก็ได้ลั่นดังเอี๊ยดบาดหูเมื่อเออร์ธานใช้สองมือค่อยๆผลักประตูไม้ออกเพื่อให้เปิดจากกัน

" เอ้า ข้าพาหนูน้อยมาให้เจ้าเล่นแล้ว เจ้าหนอนหนังสือ "

กึ่ง!

สิ้นสุดเสียงพูดของเออร์ธานบวกกับเสียงประตูที่เปิดจนสุด ก็เผยให้เห็นว่าหลังประตูที่เปิดไปนั้น เต็มไปด้วยชั้นหนังสือมากมายที่ตั้งสูงขึ้นไปจนเกือบติดชั้นเพดานของห้อง ที่กว้างพอๆกับห้องโถงแรกๆเหมือนที่เขาเคยถูกให้ทิ้งร่วงกลางอากาศก่อนหน้านั้น พร้อมกับมีแสงแดดส่องลงมาตามหลังคาที่ประดับด้วยกระเบื้องแก้ว จึงทำให้ห้องนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ไฟในการมองหา เพราะมันสว่างไสวมากจนไม่ต้องกลัวว่าจะหลงเลยในห้องนี้ ก่อนที่เออร์ธานจะเอียงตัวหลบให้ราเชลมองดูห้องนี้อย่างเต็มๆตา ใช่ ที่นี่มันคือคลังความรู้ชั้นเลิศเลยก็ว่าได้

[ติดตามต่อตอนที่ 4 นะขอรับ]

 

ฮอต

Comments

dziyyo

dziyyo

นิยายของแอดดีมากเลยครับ 👍

2025-05-12

1

ทั้งหมด

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!