ณ โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งในช่วงคาบโฮมรูมของวัน ที่ทั้งห้องกำลังส่งเสียงเซงแซ่พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จนทำให้ทั้งห้องนั้นเต็มไปด้วยความสดใสผสมกับความไร้เดียงสาของเด็กๆ เมื่อยามมองดูผิวเผิน บ้างก็พูดคุยกันถึงเรื่องส่วนตัว บ้างก็คุยกันเรื่องเกมส์ที่กำลังออกมาใหม่ ฯลฯ แต่กลับมีคนๆนึงภายในห้องที่สดใสนี้กำลังนั่งเงียบแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเคยชิน เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีหน้าตาดีพอสมควร ผมดำคลับและเงาเมื่อยามแสงอาทิตย์ตอนสายส่องลงมาผ่านหน้าต่างพร้อมกับปลิวไสวตามแรงลมอ่อนๆที่พัดโชยเข้ามาพอเย็นสบาย เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะใช้มือที่เรียวสวยยกขึ้นมาเท้าคางของตัวเอง
"เห้!~ใจเหม่อลอยไปไหนอีกแล้วนะ!! "
เสียงสดใสของเด็กสาวที่มีหน้าตาน่ารัก ตากลมโตที่เข้ากับใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอนั้นเดินเข้ามาอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มที่นั่งเท้าคางเมื่อครู่ก่อนจะใช้สายตาจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มที่กำลังหันสายตาสีเทาหม่นๆแต่ดูคมจนน่ามองน่าหลงไหลมองกลับมาตามเสียงขอเธอ
"ก็..ไม่มีอะไร"
เสียงนุ่มละมุนของเด็กหนุ่มนั้นเอ่ยออกมาพอให้อีกฝ่ายได้ยิน แต่กลับทำให้เด็กสาวนั้นแก้มแดงออกมาเล็กน้อยเมื่อสบตากับสายตาอีกฝ่ายแล้วหันหน้าหนีไปอีกทางเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกตนเองที่กำลังไปไม่ถูกกับอาการของตัวเองตอนนี้แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายนั้นลุกขึ้นยืนแล้วเอามือโบกผ่านใบหน้าเด็กสาวอย่างสงสัย
"เป็นอะไร? เห็นเป็นนี้ประจำเลยที่มาคุยกับฉัน"
----
" เฮ้! ไวท์!"
เด็กหนุ่มเอ่ยแล้วลดมือลงพร้อมกับที่เด็กสาวหันมาจะอ้าปากตอบอีกฝ่ายแต่ไม่ทันเมื่อเพื่อนของเด็กหนุ่มนั้นตะโกนเรียกแทรกออกมาพอดี
"เน้ๆ~! กำลังจีบกันอยู่รึไง ฉันคงมาขัดจังหวะพวกนายสินะ!~ "
เพื่อนชายของเด็กหนุ่มนั้นเดินเข้ามาหาทั้งสองคนด้วยคำพูดหยอกล้อก่อนจะยกมือขึ้นกอดคอของไวท์เพื่อเผยความสนิทสนมที่คบกันมาตั้งแต่สมัยประถม แล้วยิ้มกวนๆให้เด็กสาวที่กำลังเริ่มยกมือกอดอกพร้อมกับจ้องตาเขม็งเมื่อตัวเองรู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไรกับการถูกจังหวะในครั้งนี้
"ก็ เปล่า ฉันแค่กำลังมาบอกไวท์ว่าอย่าลืมเอางานคู่ที่เราทำกันไว้มาส่งให้ครูด้วยก็เท่านั้นเอง"
เสียงของเด็กสาวนั้นดูไม่ค่อยพอใจเท่าไรทั้งที่ยืนกอดอกอยู่อย่างเดิม
"..วันนี้เธอมัดผมทรงนี้ด้วยเหรอ?"
เสียงนุ่มละมุนของไวท์นั้นเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเขามองไปที่ทรงผมของเด็กสาวที่มัดผมรวบขึ้นเป็นหางม้าที่เข้ากับใบหน้าของเธอพร้อมกับเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่มีน้ำหนักสวยงามไหวไปมาตามแรงสะบัดเบาๆของเด็กสาวก่อนที่เด็กสาวนั้นจะยกมือซ้ายขึ้นมาจับจงอยหน้าม้าข้างแก้มที่ปล่อยออกมาให้ดูพอดีแล้วใช้นิ้วเล่นปลายผมตัวเองแก้เขิน
"ก..ก็วันนี้มันร้อนไปหน่อย เลยมัดผมน่ะ "
ริมฝีปากชมพูระเรื่อของเด็กสาวที่กำลังขยับตามคำพูดของเธอนั้นกำลังเบี่ยงเบนให้สายตาของไวท์ให้หันมาสนใจริมฝีปากของเธอที่กำลังขยับเวลาที่เธอเอ่ยคำพูด แต่ก็สำเร็จเขาดูสนใจก็จริงแต่เขาแค่สนใจการเปลี่ยนแปลงของวันนี้ของเธอเท่านั้น
"วะ.."
---
"อุ้ว~ วันนี้เธอทาลิปสติกมาสินะ ~"
ยังไม่ทันที่ไวท์จะพูดเบรี่ เจ้าเพื่อนสนิทที่กำลังกอดคอของเขาอยู่นั้นก็เอ่ยแทรกขึ้นมา พร้อมกับยกยิ้มมุมปากกวนๆขึ้นพร้อมส่งสายตาประมาณว่า 'ฉันรู้นะเธอคิดอะไรอยู่' ขึ้นมาจึงทำให้ ตีน่า เด็กสาวที่กำลังเบี่ยงเบนความสนใจจากไวท์อย่างอ้อมๆนั้นชะงักขึ้นมานิดหน่อยจึงรู้สึกผิดหวังกับการที่เธอไม่ได้ถูกทักถามขึ้นจากปากของไวท์เอง แล้วส่งสายตาไปทางเบรี่ประมาณว่า 'ถ้านายพูดแทรกอีกเป็นครั้งที่สองนายเจอดีแน่'
🎶ปิ๊งง~ป่องง~🎵
ยังไม่ทันที่สนทนานั้นพูดจบ เสียงออดของโรงเรียนก็ดังขึ้นให้รู้ว่าหมดช่วงโฮมรูมแล้วและต้องเข้าเรียนได้แล้วนะจ๊ะเด็กๆ และระหว่างวันนั้นก็ดำเนินไปอย่างปกติของทุกๆวัน บางคนตั้งใจเรียน บางคนก็แอบคุยระหว่างเรียน บางคนแอบหลับ และบางคนก็เอาแต่สนใจมือถือใต้โต๊ะของตน รวมๆแล้วก็ดูเป็นธรรมดาของชีวิตประจำวันใช่ไหมล่ะ แต่ใครจะคิดว่าต่อไปนี้
สื่งที่ไม่คาดคิดของคนๆนึงกำลังจะเกิดขึ้น..และใครจะคิดล่ะว่า..ชะตากรรมของเขาต้องเผชิญกับเรื่องใหญ่นี้
--------------------------------------+++++++++------------------------------------
ณ อีกมิติหนึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน
:จักรวรรดิโกเอเลียร์
ณ.เมืองเซียร์โอนาร์ด
ภายในพระราชวังค์โกเอเลียร์ ณ.ห้องท้องพระโรงขนาดใหญ่ที่ถูกประดับตกแต่งไปด้วยงานฝีมือและของตกแต่งต่างๆที่ดูมีราคาหรูหราของที่นี่และตอนนี้เหล่าผู้คนมากมายนั้นได้ยืนอยู่กันหนาแน่น นั่นคือ
เหล่าขุนนางที่เป็นสักขีพยานและเหล่าข้าบาทหลวงมาร่วมการอัญเชิญ มีวงค์เวทย์ขนาดใหญ่อยู่กลางท้องพระโรง จอมเวทย์หลวงนับสิบรายล้อมรอบวงเวทย์อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ และ เบื้องหน้านั้นคือราชาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ข้างกายของราชานั้นมีชายวัยกลางคน ยืนอยู่นั่นคือ วาลาฟาล ข้ารับใช้คนสนิทผู้เติบใหญ่เคียงข้างองค์ราชาตั้งแต่วัยเยาว์
" ท่านราชา เหล่านักเวทย์ของเราเตรียมพิธีอัญเชิญผู้กล้าเรียบร้อยแล้วพะยะค่ะ "
เสียงทุ้มลึกแต่หนักแน่นของ วาลาฟาล ชายวัยกลางคนประมาณ สี่สิบกว่าเอ่ยขึ้นเมื่อเตรียมพิธีเสร็จพร้อมกับโค้งตัวคำนับย่อเบาๆพอให้รู้ว่าเขานั้นเคารพอีกฝ่ายมากเพียงใด
" หึ่ม...นี่คงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้สถานะการณ์ในตอนนี้พลิกกลับมาได้.. จงเริ่มพิธีอัญเชิญผู้กล้าซะ!! "
----
"รับคำสั่งพะพ่ะค่ะ"
วาลาฟาลโค้งรับอีกรอบก่อนจะหันหน้าไปที่เหล่านักเวทย์ที่เตรียมออกคำสั่งต่อจากราชาที่กำลังครุ่นคิดกับผลที่จะตามมาแต่เขาก็ประกาศเริ่มการอัญเชิญทันที เพียงเเค่สิ้นสุดเสียงเหล่าบาทหลวงก็ตั้งจิตภาวนาต่อทวยเทพเปล่งแสงอณูเวทย์สีทองอันศักดิ์สิทธิ์ลอยขึ้นเปร่งประกายทั่วท้องพระโรง เหล่าจอมเวทย์หลวงท่องคาถาอัญเชิญ ส่งผลให้วงเวทย์ขนาดใหญ่เริ่มเปร่งแสงสีแดงสีม่วงราวกับสายฟ้าที่กำลังฟาดไปมาอย่างเกรี้ยวกราดกระทบกับสิ่งของที่อยู่รอบๆดังเปรี๊ยะแล้วลอยขึ้นมาจากพื้น ขยายตัวใหญ่ขึ้นตัววงเริ่มขยับหมุนลอยขึ้นกลางอากาศจึงส่งผลให้ภายในท้องพระโรงเริ่มบิดเบี้ยวเพราะผลกระทบจากวงเวทย์อัญเชิญที่เริ่มดูดอณูเวทย์ศักดิ์สิทธิ์เข้าไปที่จุดกึ่งกลางทำให้วงเวทย์สำแดงเดชมากขึ้น จนวงเวทย์เริ่มส่องแสงประกายมากขึ้นเรื่อยๆ..มากซะจนทำให้ทุกคนต่างพากันปิดหูปิดตาเพราะเสียงอันแสบแก้วหูและแสงจากอณูเวทย์ที่เล็ดลอดออกมาจากวงเวทย์ที่ไม่มีท่าทีจะอ่อนลงแม้แต่น้อย
---------------------------------------+++++++++----------------------------------
ณ.เวลาเดียวกันภายในห้องเรียน..ช่วงพักกลางวัน
"ไวท์!~ ไปห้องสมุดเป็นเพื่อนหน่อยสิ เร็วๆ ตอนนี้ฉันรีบมากเลย! "
ตีน่า เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เร่งรีบก่อนจะคว้ามือไวท์ให้ลุกแล้ววิ่งตามเธอไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
"อ่ะ! ด..เดี๋ยว! จะรีบไปไหน แล้วทำไมต้องเป็นฉัน?"
ไวท์เอ่ยออกมาพร้อมกับที่ถูกจูงมือทั้งเดินและวิ่งไปด้วยกันกับเธอแต่ยังไม่ระคายที่จะรู้สึกสงสัยในความเร่งรีบนั้น
"เอาน่า นายอย่าเพิ่งพูดอะไรมาก รู้ไหมว่างานที่เราส่งครูไปมันผิดแทบจะหมด แล้วฉัน กับนาย ต้องมาช่วยกันค้นหา กันอีกรอบ โอ๊ยยยย! วันนี้มันเป็นวันอะไรของฉันเนี่ย!"
ตีน่าพูดออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ แต่ก็ไม่วายที่จะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่เธอได้สัมผัสกับมืออันอบอุ่นของเขา แต่ไวท์เจ้ากรรมดันซื่อบื้อซะจนไม่รู้ว่าเธอนั้นแอบมีใจให้เจ้าตัวมานานแล้ว
'ถึงเวลาแล้ว..~'
ไวท์หยุดชะงักเมื่ออยู่ๆก็ได้ยินเสียงแว่วผ่านสายลมเข้ามาก่อนจะมองตีน่า ที่กำลังยืนแลกบัตรของห้องสมุดที่เพิ่งมาถึง แล้วจึงหันไปสังเกตไวท์ที่กำลังสอดส่ายสายตาหาต้นเสียงเมื่อครู่ที่ตัวเองได้ยินว่ามาจากตรงไหน แต่ก็เป็นเสียงที่ไพเราะเหลือจนอยากเห็นหน้าเจ้าของเสียงนั้น
"กำลังมองหาอะไรเหรอ?"
ตีน่าเอ่ยขึ้นมาทันทีเมื่อมองรอบๆตามไวท์ ก่อนจะหันมามองเจ้าตัวแล้วกระพริบตาปริบๆอย่างสงสัย
"ไม่มีอะไร สงสัยฉันจะหูแว่วไปเอง ไปเถอะ"
สายตาสีเทาหม่นนั้นกระพริบก่อนจะหันไปสนใจชั้นหนังสืออันหนาแน่นของที่นี่ ที่ๆทำให้รู้ว่าห้องแห่งนี้เก็บความรู้ไว้มากขนาดไหน ก่อนที่เขาและเธอจะพากันแยกย้ายไปตามหมวดต่างๆเพื่อค้นหาหนังสือที่ต้องการมาทำงาน
ตีน่า อยู่ในหมวดของวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ส่วนไวท์ ได้แยกตัวไปหาในหมวดมนุษย์ศาสตร์ และสังคมศาสตร์ ระหว่างที่หาอยู่นั้น สายตาของไวท์ก็ไปสะดุดกับหนังสือเล่มหนึ่งที่ดูต่างจากพวกมาก เขาได้เดินไปหยิบมันมาดูแล้วพลิกไปมามันเป็นหนังสือที่มีปกหนังสีดำสนิท..แต่กลับไม่มีตัวอักษรอะไรเลยที่จะบ่งบอกว่าหนังสือชนิดนี้คือหนังสืออะไร ก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างสงสัยแล้วเริ่มเปิดพลิกหน้าหนังสือ..แต่เขาก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นมองทันทีเมื่อสิ่งที่เขาเปิดหานั้นมันเป็นแค่กระดาษที่ว่างเปล่า..ไม่ว่าพลิกไปหน้าไหนก็ไม่มีอะไรถูกเขียนลงไปเลยแม้แต่น้อย
'ราเชล~'
'เสียงนั้นมาอีกแล้ว' ไวท์เงยหน้ามองรอบพร้อมกับมองหาต้นเสียงนั้นแต่เขาไม่ได้สังเกตุเลยว่ารอบๆตัวเขานั้นหยุดนิ่งอยู่กับที่ ทุกอย่างภายในห้องสมุดนี้..ตกอยู่ในห้วงของความเงียบงัน..ทั้งๆมันที่ก็เงียบสงบอยู่แล้วแต่กลับไร้วี่แววของเสียงแม้แต่เสียงฝีเท้าที่ก้าวเดิน จากที่เคยมีเสียงกระซิบกระซาบระหว่างนักเรียนบนโต๊ะที่มีหนังสืออยู่ตรงหน้าก็เงียบ เสียงฝีเท้าต่างๆที่มีคนเข้าออกตลอดเวลาก็หายไป เหมือนโลกทั้งโลกรอบตัวเขานั้นถูกหยุดเวลาเอาไว้
'ผู้กล้าของเรา..~'
สิ้นสุดเสียงปริศนา หนังสือที่เขาถืออยู่เกิดสั่นขึ้นมาพร้อมกับเสียง วี้ๆ ที่แสบแก้วหูเล็ดลอดออกมาจากในหนังสือ เขาพยายามจับหนังสือที่สั่นจนเหมือนแทบจะแตกออกถ้ามันเป็นแก้วเอาไว้แน่น ก่อนที่เขาเริ่มสูดหายใจลึกๆแล้วตัดสินใจกางหนังสือออกมา บัดนี้ห้องทั้งห้องนั้นถูกปกคลุมไปด้วยลมหมุนที่เริ่มจะรุนแรงขึ้น ก่อนที่พื้นที่เขายืนนั้นเริ่มบิดเบี้ยวแล้วปรากฏวงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ภายใต้เท้าที่เขายืนพร้อมกับที่เขาจะยกแขนขึ้นบังตาตนเองที่ตอนนี้แสงมันจ้าจนทนมองไม่ไหวแล้วทุกอย่างก็เงียบลง ตอนนี้เขาสัมผัสได้ว่าทุกอย่างกลับมาปกติเมื่อเขาลดแขนลงก็พบว่าตัวเขาไม่ได้อยู่ที่ห้องสมุดและรอบๆตัวเขานั้นขาวโพลนไปหมด เขานั้นได้แต่ตื่นตระหนกครุ่นคิดกับเหตุการณ์ประหลาดตรงหน้าจู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นข้างหลังของเขา
"หนุ่มน้อยเอ๋ย ข้าขอยินดีต้อนรับเจ้าสู่ ' แกรนด์ ดิเอียร่า' โลกที่ข้าดูแล ข้าคือเทพธิดาผู้มีนามว่า ริเฟียน่า "
เด็กหนุ่มที่สะดุ้งตกใจเสียงที่ดังกึกก้องไปทั่วหันมามองต้นเสียงที่ตนเคยได้ยินก่อนหน้าจนตอนนี้มันฟังดูใกล้เสียเหลือเกิน เขาเบนสายตาที่ตื่นตระหนกไปทางหญิงสาวที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังเขา ผิวพรรณของหญิงสาวนั้นดูขาวเนียนสะอาดสะอ้าน ใบหน้าสวยคม และผมของเธอนั้นเป็นเส้นตรงสลวยรับกับสีบลอนด์ทองของเธอ ราวกับเธอหลุดออกมาจากเทพนิยาย และรอบๆกายของเธอนั้นมีแสงสว่างปรกคลุมไปทั่วทั้งร่างของเธอ
"ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!"
เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ดูตกใจ พร้อมกับมองไปรอบๆที่บัดนี้มันทั้งขาวโพลนและว่างเปล่า ทั้งมือ และขาของเขานั้นสั่นระริกด้วยความกลัวและตกใจพลั้นพลึงเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่กับตอนนี้จนในสมองของเขากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเทพธิดาผู้อ่อนโยนตระหนักถึงสิ่งที่เด็กหนุ่มดูตื่นตระหนก ก่อนจะค่อยเคลื่อนตัวเองไปข้างหน้าเขาแล้วใช้มือที่อ่อนโยนของตัวเองนั้นจับเข้าไปที่ใบหน้าของไวท์อย่างแผ่วเบา เพื่อบอกให้รู้ว่าไม่มีอะไรที่ต้องกลัว
"เจ้าไม่ต้องหวาดกลัวข้าหรอก ที่แห่งนี้คือห้วงมิติของเหล่าทวยเทพ สาเหตุที่เจ้ามาปรากฏ ณ ที่แห่งนี้เป็นเพราะคนในโลกนี้ได้ทำการอัญเชิญเจ้ามาในฐานะผู้กล้า และเหล่าทวยเทพนั้นมิอาจเมินเฉยต่อการแทรกแทรงของโลกได้ "
เสียงไพเราะนั้นเอื้อนเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนของเทพธิดาริเฟียน่า พลางใช้นิ้วหัวแม่มือนั้นลูบแก้มของไวท์อย่างแผ่วเบา
เมื่อเด็กหนุ่มได้ยินเรื่องราวจากเทพธิดา ไวท์ก็พยายามสูดหายใจที่สั่นครือของตนเข้าไปลึกๆเพื่อสงบจิตสงบใจแม้ในใจจะคิดว่า 'มันเกิดบ้าอะไรขึ้น หรือเราฝันกลางวันอยู่กันแน่'และเทพธิดานั้นยกยิ้มอย่างเอ็นดูเพราะเธอนั้นได้ยินในสิ่งที่เขาคิดทั้งหมดก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ไวท์ได้มองเทพธิดานั่นอย่างสงสัย ก่อนที่เทพธิดาจะลดมือลงออกจากแก้มของเขา
"เจ้า..ไม่ได้ฝันไปหรอกหนุ่มน้อย เจ้าถูกเรียกมาในฐานะผู้ที่ถูกเลือกจริงๆ"
เมื่อได้ยินดังนั้น ไวท์ก็ได้สงบสติตัวเองลง ก่อนที่เขาจะเริ่มใช้สายตาสีเทาหม่นนั่นจับจ้องไปที่เทพธิดาด้วยสีหน้าจริงจัง
"งั้นท่านริเฟียน่าต้องอะไรจากผมล่ะครับ ผมถึงยังอยู่ที่นี่"
เสียงที่ฟังดูจริงจังของไวท์ได้เอ่ยขึ้นจึงทำให้เทพธิดานั้นเผยรอยยิ้มบางๆต่อเด็กหนุ่มที่ดู ซื่อ เสียจนเธอนั้นเอ็นดู
" เพราะเจ้าเป็นถึงผู้กล้า ข้าจักให้เจ้าไปเจอผู้คนบนโลกโดยปราศจากพรคุ้มครองของเทพธิดาได้อย่างไรกัน "
สิ้นเสียงของเทพธิดาก็ได้ย่างกายเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มแล้วใช้มืออันเรียวสวยเนียนนั้นเชยคางเขาเล็กน้อยก่อนจะโค้งตัวลงจูบริมฝีปากของเด็กหนุ่ม ซึ่งมันทำให้เขาไม่ทันตั้งตัวถึงกับรีบถอยห่างออกมาด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อ ปนระคนตกใจ แล้วยกมือขึ้นปิดริมฝีปากของตัวเอง
"อะ!!ทะ..ทะ...ทำอะไรของเธอเนี่ย!!"
เขาพูดด้วยความตกใจปนเปไปกับความเขินอายของตัวเองเป็นอย่างมากเพราะนั่นเป็นจูบแรกของเขา เทพธิดายิ้มหวานให้เขาก่อนจะถอยห่างออกมาก่อนที่ด้านหลังของไวท์จะปรากฏวงแหวนเวทย์วงใหญ่ขึ้นพร้อมกับส่องแสงประกายสีนวลทองอร่ามออกมา
"เพราะเจ้าน่ารักดี ข้าจึงมอบพรพิเศษให้เจ้าเสียหน่อย ข้าจักส่งตัวเจ้าไปตามคำอัญเชิญนั้น ถึงอย่างไรเราคงจักได้เจอกันอีกเป็นแน่..ราเชล"
เสียงนั้นค่อยๆสะท้อนหายไปพร้อมกับร่างกายของเด็กหนุ่มที่กำลังถูกวงเวทย์ดูดกลืน พร้อมกับสายตาของเขานั้นได้มองร่างสีทองอร่ามของเทพธิดาริเฟียน่าเป็นครั้งสุดท้ายที่ตนเองจะถูกกลืนจนหายไป
พลั่ก!
อยู่ๆเสียงร่างกายของเด็กหนุ่มนั้นร่วงลงมาตรงกึ่งกลางระหว่าง วงเวทย์ที่เคยเกิดกับเขาในห้องสมุดพร้อมกับกำลังนอนโอดโอยด้วยความจุกจนไม่สามารถส่งเสียงร้องออกมาได้
"สะ..สำเร็จ!! ท่านราชาเหล่านักเวทย์ของเราทำสำเร็จแล้วพะยะค่ะ เราอัญเชิญผู้กล้าสำเร็จแล้ว!!"
เสียงชายคนหนึ่งได้ตะโกนเอ่ยขึ้นอย่างดีใจเมื่อพิธีนี้สำเร็จแต่ก็ทำให้ข้าวของโดยรอบนั้นกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางบ้างก็ตกมาพังเพราะฤทธิ์ของวงเวทย์อัญเชิญที่เพิ่งสำแดงเดชไป
เมื่อไวท์ที่เพิ่งตกลงมาอย่างทุลักทุเลนั้นกำลังยันกายของตนเองยืนขึ้นก่อนที่จะเริ่มใช้สายตามองไปโดยรอบก็พบว่าเขาอยู่กลางห้องโถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คน รอบๆตัวเขานั่นมีผู้คนสวมเสื้อคลุมสีขาวฟ้าล้อมรอบเป็นวงกลมนั่งหอบหมดแรงและบางคนก็สลบจากการใช้เวทย์อัญเชิญ มีอัศวินสวมชุดเกราะขาวเต็มตัวยืนขนาบเป็นแถวยาวไปจนถึงบันลังก์กษัตริย์ตรงหน้าที่มีพระราชาประทับอยู่ เสียงของพระราชาดังขึ้น
"ยินดีต้อนรับ ผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญเอ๋ยข้าต้องขออภัยที่อัญเชิญท่านมาโดยพละการ"
พระราชาโค้งหัวลง ทำให้ทั้งห้องท้องพระโรงที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายและอัศวินกำลังคุกเข่าลงคำนับให้เด็กหนุ่ม แต่ด้วยความที่ไวท์นั้นยังงงงวยและไม่เข้าใจซึ่งสถานการ์ณในตอนนี้ เขาก็ทำได้เพียงแค่มองทุดคนโดยรอบอย่างตกใจและไปไม่ถูกที่อยู่ๆทุกคนในที่แห่งนี้หันมาคุกเข่าและโค้งเคารพตน 'ได้ยินไม่ผิดใช่ไหมเขาเรียกเราว่าผู้กล้า ใช่จริงๆสินะเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในนวนิยายของใครบางคนที่เขียนขึ้นเลยให้ตายสิ ' เขาได้ครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยพร้อมกับทำหน้าฝืนยิ้มแต่สายตายังคงส่ายไปมามองผู้คนรอบๆที่แต่งกายย้อนยุคแปลกๆเหมือนในหนังที่ตัวเองเคยดู
"ล..แล้วผมจะสามารถกลับไปที่โลกเดิมของผมได้ไหม"
น้ำเสียงของไวท์ดูชักไม่มั่นใจกับสถานการณ์ในตอนนี้นั้นได้เอ่ยถามขึ้นกับชายร่างกำยำที่ดูราวกับเป็นรุ่นพ่อของตัวเองแล้วอีกทั้งการแต่งองค์ทรงเครื่องนั้นทำให้เขามองปราดเดียวก็ดูออกว่าเขาเป็นราชา ใช่ก็ราชานั่นแระ พร้อมกับการยืนกอดอกอันเป็นเอกลักษณ์ของเขานั่นก็ด้วย เด็กหนุ่มได้คิดว่า'ถ้าจ้างเขามาถ่ายหนังมันก็น่าจะเชื่ออยู่อ่ะนะ----'
แต่ทำไงได้ ต่อให้เขาตบหน้าตัวเองหรือวิ่งเอาหัวชนเสาหรือไม่ก็หยิบดาบของใครสักคนมาปาดคอตัวเองยังไง มันก็ได้กลายเป็นเรื่องจริงไปแล้วเขาไม่ฝันหรอก
"ท่านสามารถกลับไปโลกเดิมของท่านได้ แต่ก็ต่อเมื่อท่านนั้นสามารถโค่นล้มราชาปีศาจได้เท่านั้น"
เด็กหนุ่มนั้นเมื่อได้ยินคำว่าราชาปีศาจ ก็ถึงกับยกมือขึ้นลูบหน้าตนเองอย่างไม่เชื่อหูเพราะว่า เทพธิดาไม่ได้บอกอะไรต่อเขาเลยนอกจากคำว่าเป็นผู้กล้าแต่ใครจะไปรู้ว่าไอ้คำว่าผู้กล้านั้นมันต้องทำให้เขาได้มาเจอกับ สิ่งที่ทำให้เขาต้องเผชิญแต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรมากเท่าไหร่นัก พระราชาได้สั่งให้เหล่าจอมเวทย์ขนแผ่นคริสตัลขนาดใหญ่มาไว้ด้านข้างเด็กหนุ่ม สายตาสีเทาหม่นของไวท์ได้มองแผ่นคริสตัลนั้น ที่ถูกสลักด้วยภาษาแปลกตา และไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก
"ท่านผู้กล้าเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านเป็นผู้กล้าจริงๆ ได้โปรดนำฝามือของท่านสัมผัสคริสตัลแผ่นนี้ด้วยเถิด"
เมื่อไวท์ได้ยินดังนั้นก็เริ่มใช้มืออันเรียวสวยของเขายื่นไปสัมผัสกับแผ่นคริสตัลตามคำบอกของราชาทันใดนั้นก็เกิดปฏิกริยาบางอย่าง เพราะอยู่ๆคริสตัลแผ่นนั้นได้เรืองแสงขึ้นและปรากฏตัวอักษรโบราณประหลาดที่เด็กหนุ่มนั้นไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ตอนนี้สติของเขานั้นได้อยู่ในภวังค์บางอย่างและจู่ๆเขาก็เริ่มอ่านได้อย่างปกติเหมือนเขาเคยใช้มันมาก่อน ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะขยับแล้วพูดขึ้นมาว่า
"ข้า..มีนามว่า ราเชล อัลมาร์บัส อายุของข้านั้น 18 ปี ผู้ถือครองตำแหน่งผู้กล้า ฉายาของข้าคือผู้ที่ได้รับความรักจากเหล่าทวยเทพ"
ทันใดนั้นเสียงพูดคุยที่ดูตื่นเต้นก็ดังขึ้นอื้ออึงอีกครั้งและครั้งนี้ดูจะเป็นการส่งเสียงที่น่าตื่นเต้นเป็นพิเศษ ต่อสิ่งที่ทุกคนภายในที่นี้ได้ยินจากปากของเด็กหนุ่มที่เพิ่งเอ่ยคำพรรณนาต่างๆออกมา
"นอกจากท่านจะเป็นผู้กล้าจริงๆแล้วท่านยังได้รับพรจากเหล่าทวยเทพอีกงั้นหรอ!!"
เสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ดังขึ้นมาทันทีราวกับว่าสิ่งที่ไวท์ซึ่งตอนนี้กลายเป็นราเชลไปแล้ว พูดขึ้นมาว่าได้รับความรักจากเหล่าทวยเทพนั้นเป็นเรื่องมหัศจรรย์พันลึกที่ไม่มีใครสามารถจะมีได้แต่สำหรับเขานั้น..มันเป็นไปแล้ว
---------------------------+++++++++++-------------------+
รอตามต่อตอนที่ 2 นะจ๊ะ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments