ตอนที่ 4 รางวัล
โซเฮย์รู้สึกมึนงงเมื่อสติเริ่มกลับคืนมา เขาตื่นขึ้นมาในห้องหรูหราที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก่อนจะพยายามตั้งสติและสำรวจสถานที่รอบตัว ภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหรา เฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อดีและกระจกเงาบานใหญ่สะท้อนแสงจากพระอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องเข้ามาอย่างอ่อนโยน
เขาพยายามยืนขึ้น แต่ขาทั้งสองข้างยังรู้สึกเหมือนจะทิ้งตัวลงไปอีกครั้ง เมื่อรู้ตัวว่าทั้งหมดเป็นความจริง เขาก็พยายามมองไปรอบๆ สายตาของเขาหยุดที่หญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ โดยที่เธอไม่พูดอะไร
“เธอ...?”
โซเฮย์ถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงความสงสัย เขายังไม่แน่ใจว่าเธอเป็นใคร
หญิงสาวก้าวเข้ามาหาเขา สวมชุดกระโปรงสีขาวลวดลายทองอร่าม เผยให้เห็นรูปร่างเพรียวบางงดงาม และใบหน้าที่มีดวงตาสีเงินที่คุ้นเคย
“อะ... เอ่อ คุณอัศวินครับ ผมบอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้ทำนะ!!!”
โซเฮย์เปิดปากพูดด้วยความกังวลในทันที เขาทำท่าทางไม่มั่นใจเมื่อเห็นสีหน้าเขินอายของหญิงสาวตรงหน้า
“อ-อา... อัศวิน? อา... ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉัน... เมสเทียร์ กริมสันค่ะ”
หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงที่ขัดเขิน
‘ผมจำหน้าคุณพี่ได้นะค้าบ! ต้องการอะไรกันแน่ค้าบ! ยังไม่ปล่อยไปตามกรรมของผมหรอค้าบบบบ!!!’
โซเฮย์คิดในใจอย่างตกใจและกระวนกระวาย
“แหะ แหะ... พอดีผมจำผิดคนน่ะ ขอโทษครับ ผมแค่ตกใจไปหน่อย”
โซเฮย์รีบพูดแก้ตัว
ในตอนนั้น เมสเทียร์หันมามองตาของโซเฮย์ สายตาของเธอดูดุดันและจริงจัง ทำให้โซเฮย์รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในเหตุการณ์เมื่อครั้งก่อน
‘โกหกสิน้า!... นี่จะไม่ปล่อยกันไปเลยสิน้า!’
เขาคิดในใจ
“ระ...”
เมสเทียร์พูดออกมาอย่างติดขัดเสียงดัง
“ระ!”
โซเฮย์ตอบออกไปอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าเมสเทียร์กำลังโค้งตัวลง
“เรื่องในตอนนั้นต้องขอโทษนะคะ พอดีตอนนั้นแค่ทำตามหน้าที่ค่ะ ต่อไปนี้จะไม่สงสัยอีกแล้วค่ะคนแบบ...คุณค่ะ”
เมสเทียร์พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ด้วยความเสียใจ
‘ทำไมเธอทำตัวน่าสงสารแบบนี้นะ! คนที่น่าสงสารคือฉันต่างหาก!’
โซเฮย์คิดในใจอย่างหนักหน่วง เขารู้สึกว่าภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นเป็นกับดักที่แยบยล
“ฉัน เมสเทียร์ กริมสันค่ะ บุตรสาวดยุค เพอร์แมน กริมสันค่ะ”
เธอพูดด้วยความเร่งรีบ ก่อนที่จะหันหลังและเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
โซเฮย์นั่งอยู่บนเตียง รู้สึกงุนงงกับคำตอบที่แปลกประหลาด และยังไม่เข้าใจเหตุผลที่เธอทำเช่นนั้น
‘ฉันทำอะไรลงไปล่ะเนี่ย!!! มันไม่ใช่ตัวฉันเลย... ไม่ใช่เลย!’
เมสเทียร์คิดในใจอย่างสับสน
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้ชายมีอายุคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเมสเทียร์ที่กำลังเดินหน้าแดงก่ำจากการแต่งตัวที่ดูจะบ่งบอกถึงการเป็นคนใช้ของขุนนาง
“แล้ว พ่อหนุ่มคนนั้นล่ะครับ?”
ชายวัยกลางคนถามด้วยสีหน้าที่ดูสงบ
“ใครหรอคะคุณลอร์?”
เมสเทียร์ถามกลับอย่างงุนงง
“ก็คนที่คุณหนูจะพาไปพบนายท่านน่ะสิครับ”
“....”
ไม่นาน เมสเทียร์ก็กลับมาที่ห้องและยืนอยู่ตรงหน้าพระเอกอีกครั้ง เธอค่อยๆ ยิ้มเล็กน้อยให้กับโซเฮย์ และพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ตามฉันมาสิ เรื่องนี้สำคัญกับนายมาก...”
โซเฮย์ยังคงรู้สึกงุนงงกับสถานการณ์และคำพูดของเธอ เขารู้สึกเหมือนกำลังจะเข้าสู่สถานการณ์ที่เขายังไม่เข้าใจและไม่พร้อมรับมือ
.
.
.
เมื่อเมสเทียร์และโซเฮย์มาถึงประตูบานใหญ่ก็เปิด ภายในปรากฏเป็นห้องที่มีโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง โต๊ะถูกจัดเรียงอย่างพิถีพิถันเต็มไปด้วยจานอาหารที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งขนมหวานจากผลไม้สด จานช้อนแก้วแวววาวที่ดูน่าสนใจ และเมนูหลากหลายที่ดูเหมือนจะเป็นอาหารที่หาทานได้ยากในโลกนี้
แต่สิ่งที่ทำให้โซเฮย์รู้สึกแปลกประหลาดที่สุดคงจะเป็นชายร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ผู้ชายร่างกำยำและมีท่าทางน่าเกรงขาม ผมของเขายาวและมีสีเทาเข้ม ใบหน้าคมและที่ช่วยเพิ่มความน่าเกรงขามให้เขาดูเหมือนกับบุรุษผู้มีอำนาจสูงในสังคม
“ท่านพ่อ หนูพาเขามาแล้วมาพบแล้วค่ะ” เมสเทียร์พูดเบาๆ ก่อนจะหันมามองโซเฮย์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพและขอโทษเล็กน้อย
โซเฮย์ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าประตู มองไปที่เมสเทียร์แล้วก็หันกลับไปมองชายร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ ชายคนนั้นมองมาที่โซเฮย์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ยังคงมีท่าทางที่สงบนิ่ง
“มานั่งก่อนสิข้างๆ ลูกสาวของข้านี่แหละ”
ชายร่างใหญ่พูดออกมาราวกับรู้ว่าโซเฮย์เลือกที่ไม่ถูก
“ขอบคุณครับ...”
โซเฮย์พูดออกมาอย่างฝืนๆ และเดินตรงไปนั่งข้างๆ เมสเทียร์
“นี่เมสเทียร์ เจ้ายังไม่แนะนำเขาให้พ่อเจ้ารู้จักเลยนะ”
ชายร่างกำยำพูดด้วยใบหน้านิ่งเฉย แค่ฟังการพูดคุยกันก็รู้ได้ทันทีว่าเขาตนนี้คือพ่อของเมสเทียร์
“อ๊ะ!... ค่ะ คะ”
เมสเทียร์ตอบกลับด้วยความตื่นตระหนก โซเฮย์รับรู้สถานการณ์ได้ทันที
“เอ่อคือ... ผมชื่อโซเฮย์ อาราคากิครับท่านดยุค”
“หึ น่าสนใจดีหนิไม่น่าเชื่อเลยนะแค่แก้คำสาปได้ยังไม่พอ แกยังกล้ามากด้วย”
ดยุคแผดเสียงดังกึกก้องด้วยจิตสังหาร
“อะไรนะครับแก้คำสาป? ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลยนะครับ”
โซเฮย์ตอบกลับอย่างงุนงง
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า แกไม่ต้องพยายามปกปิดก็ได้นะเพราะฉันตรวจสอบลูกสาวฉันแล้ว”
ใบหน้าของดยุคยิ้มร่า
“อะไรนะครับ”
โซเฮย์ยังคงไม่เข้าสถานการณ์
“ถ ถึงผมจะแก้ได้จริงๆ ที่เธอเป็นแบบนั้นก็เพราะผมนะครับ”
โซเฮย์ตอบด้วยความมั่นใจพร้อมหลับตา
“ข้าจะเข้าใจแบบนั้นก็ได้นะตามแกสะดวกเลย ชักถูกใจขึ้นมาสะแล้วสิเนี่ย”
ดยุคพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เสียดาย
ชายร่างใหญ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้และยิ้มให้โซเฮย์ แต่รอยยิ้มของเขากลับมีความเคร่งขรึมและเข้มขลังมากกว่าปกติ เขาเดินเข้ามาหาโซเฮย์แล้ววางมือใหญ่วางบนไหล่ของเขา
“ข้าขอขอบคุณเจ้าที่ช่วยลูกสาวของข้า... เจ้าต้องการอะไรข้าในตอนนี้สามารถยกที่ดินบางส่วนให้เจ้าได้เลยนะ ถ้าไม่สนใจล่ะก็เจ้าสนใจมาทำงานให้ครอบครัวของข้าก็ได้นะ”
เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ และใบหน้าที่กลับมาอีกครั้ง
“เออ.....”
โซเฮย์รู้สึกถึงน้ำหนักจากการจับไหล่ของชายคนนั้น ถึงแม้จะเป็นการทักทายแบบธรรมดา แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ต่อหน้าผู้ชายผู้ทรงอำนาจที่มีบางสิ่งซ่อนเร้น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เอาสิค่อยๆ คิดก็ได้หลังจากกินเสร็จเจ้าก็ยังไม่สาย ข้ารอเจ้าได้ถึงแค่ตอนนั้นล่ะนะ”
ถึงจะพูดอย่างเป็นมิตรแต่ทุกคนในห้องก็รับรู้ถึงแรงกดดันในสายตาของดยุคได้
“กินแล้วนะครับ”
โซเฮย์พนมมือก่อนจะเริ่มบรรจงอาหารตรงหน้า
ในขณะนั้น ความเงียบตกลงมาอีกครั้ง ก่อนที่เสียงจากจานอาหารและการเคี้ยวจะกลบเสียงพูดของชายร่างใหญ่ โซเฮย์เริ่มรู้สึกถึงความตึงเครียดในอากาศ แต่เขายังคงไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจึงเลือกที่จะเงียบและตั้งใจฟังคำพูดต่อไป
“นี่เมสเทียร์ลูกข้าวันนี้เจ้าไปเยี่ยมแม่ของเจ้าหน่อยไหม เดือนหน้าเจ้าก็ต้องเข้าเรียนที่ไมดาฟแล้วไม่ใช่หรือ”
ดยุคพูดด้วยสีหน้าปนทุกข์
‘เดี๋ยวก่อนนะอย่าบอกนะว่าฉันอยู่ในเกมจริงๆ จะว่าไป มิสเทียร์ กริมสัน นางคือหนึ่งในสมาชิกผู้กล้าไม่ใช่หรอเนี่ยย’
โซเฮย์ประมวลผลรวดเร็วราวกับเขาเห็นความจริงตรงหน้า
“คือ...”
ในตอนนั้นที่มิสเทียร์กำลังจะเปิดปากพูด
เคร่ก
“ได้โปรดให้ผมได้เข้าเรียนที่ อคาเดมี่ไมดาฟด้วยเถอะครับ!!!”
โซเฮย์ลงไปนั่งคำนับที่พื้นด้วยเสียงหนักแน่น
เคร่ก
“ด เดี๋ยวก่อนสิคะคุณโซเฮย์!”
มิสเทียร์ลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ
“คุณมิสเทียร์จะเข้าเรียนที่นั่นใช่ไหมครับ!!! ผมก็จะเข้าครับ!”
โซเฮย์หันมาพูดเสียงดังทั้งยังนั่งคำนับกับพื้น
“เอ๋!!!!!!!!!!!!!”
มิสเทียร์หน้าแดงก่ำด้วยดวงตาที่สับสน
.
.
.
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments