03
ปฏิเสธความจริงทุกอย่างทันทีที่รู้ว่าคำบอกรักของคุณคือคำโกหก
งานศพของกฤตถูกจัดขึ้นง่ายๆที่วัดใกล้บ้าน
ผมเพิ่งรู้ว่ากฤตมันไม่ค่อยมีญาติเยอะเท่าไหร่ เพราะแขกส่วนใหญ่ล้วนเป็นเพื่อนที่คณะรวมถึงสมาชิกขององค์การนักศึกษา
ทุกคนต่างตกใจกับการจากไปอย่างกระทันหันของกฤต
แน่นอนว่าค่ายปันฝันถูกเลื่อนออกไปหนึ่งอาทิตย์เนื่องจากพี่ค่ายต่างร่วมใจกันมาช่วยงานที่วัด
“ภาส มึงกินอะไรหน่อยมั้ย”
ผมเดินเข้าไปสะกิดเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เหลือ
คนที่เอาแต่นั่งนิ่งจ้องมองโลงอลูมิเนียมอยู่ร่วมชั่วโมง ภาสเป็นแบบนี้ในทุกๆวันหลังเกิดเรื่อง
ผมที่ก็อยู่ในอาการเศร้าไม่ต่างกันจึงต้องเปลี่ยนมาเป็นคนที่ทำตัวให้ไม่เหมือนมีอะไร
ไม่อย่างนั้นบรรยากาศคงหม่นหมองไปหมด
กฤตก็เพื่อนรักผม เป็นเพื่อนกันมาเกือบสิบปี
ทำไมผมจะไม่เสียใจ...
“ภาส...”
“ไม่กิน”
เมื่อไร้ซึ่งการตอบรับผมจึงผละตัวออกมา ปล่อยให้ภาสใช้เวลาอยู่กับตัวเองเงียบๆตามเดิม
“คุณพ่อ ป้านวล ทานอะไรหน่อยนะครับ”
ผมเปลี่ยนมายกมื้อเย็นไปให้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่ก็ต่างนั่งนิ่งราวกับโลกทั้งใบพังทลาย
คุณพ่อของกฤตผู้เคยสุขุมไม่ค่อยปริปากพูด
บัดนี้ดวงตาของท่านแดงก่ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
ป้านวลนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย คนที่เลี้ยงกฤตมาตั้งแต่เด็กไม่ต่างจากลูกแท้ๆ
หัวใจของผู้หญิงคนนี้คงบาดเจ็บมากเหลือเกิน
“ขอบคุณนะพายุ ภาสด้วย ขอบคุณที่เป็นธุระจัดการเรื่องทุกอย่างให้พ่อ”
“มากกว่านี้ผมก็ทำให้ได้ครับ
ยังไงกฤตก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม”
ตอบพลางรับแก้วน้ำดื่มจากใบเตยที่แวะเข้ามาพอดี นอกจากผมกับภาส
ก็ยังมีใบเตยนี่แหละที่คอยช่วยจัดการแบ่งเบางานทุกอย่างอีกแรง อาจเพราะเราทำกิจกรรมด้วยกันมาตลอดสี่ปี
แล้วก็อาจเพราะครอบครัวของกฤตกำลังเสียศูนย์
“พายุ...”
ผู้ชายที่มีอายุเอ่ยเรียกผมในจังหวะกำลังจะหันหลังกลับ
“ครับ”
“มันเป็นใคร...ทำไมต้องทำกับกฤตถึงขนาดนี้”
มันที่ว่าทำผมเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเข้าใจในวินาทีต่อมา
กฤตไม่ได้ตายอย่างปกติพวกเรารู้ดี ยิ่งพอเห็นคุณพ่อเม้มปากพูดด้วยตัวเองยิ่งชัดเจนว่าท่านกำลังฝืนมากๆ
ไม่มีพ่อคนไหนทำใจได้หรอกที่ต้องมาพูดถึงการตายของลูกตัวเอง
อีกซ้ำยังเป็นการถูกทำให้ตาย...จากคนเลวบางคน
หลังเกิดเหตุคุณพ่อกฤตก็รีบเดินเรื่องส่งหลักฐานให้กับตำรวจ
เพียงแค่ว่าคดีค่อนข้างยากกว่าที่คิด กฤตมันไม่ใช่คนที่ไปมีเรื่องกับใครเลยผมรู้ดี
ตลอดสิบปีที่รู้จักกันมาแม้แต่เรื่องทะเลาะวิวาทมันก็ไม่เคย
ดังนั้นผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่มีแนวโน้วเป็นไปได้มากที่สุด
“พ่อไม่รู้เลยว่ามันเป็นใคร พ่อ...พ่อไม่รู้”
“ครับ ผมจะช่วยพ่อหามันให้เจอ ผมสาบาน”
ก็คือฆาตกรโรคจิต...
‘ว่ายังไงนะ ลมหนาว?’
คนที่ยืนอยู่อีกฝากหลังบานกระจกห้องน้ำเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงติดสงสัย
ผมเจอไซโคลนที่บังเอิญผ่านมาแถววัดเพราะอีกฝ่ายกำลังยุ่งๆเรื่องการจัดการพลังงานที่มองไม่เห็นอย่างเช่นพวกผี
‘กูค่อนข้างมั่นใจนะว่าชีวิตกูไม่ได้ข้องแวะกับคนชื่อนี้จนกระทั่งรู้ว่าเป็นแฟนเก่ามึง’
“เพราะอย่างนั้น กูถึงต้องการให้มึงช่วย”
‘มึงจะบอกว่าแฟนเก่ามึงคือเดอะแรบบิท
แล้วก็คือคนที่ฆ่าไอ้กฤตงั้นหรอ’
“กูไม่มีหลักฐาน แต่นั่นก็เป็นไปได้มากที่สุด”
หัวใจผมเหมือนถูกค้อนปอนด์ทุบ ผมเกลียด
แล้วก็อึดอัดที่รายชื่อของเขากลายเป็นหนึ่งในท็อปลิสต์คนที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมกฤต
ทำไมวะ ทำไมต้องเป็นลม ทำไมลมต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
‘เดอะแรบบิทกูก็แทบไม่คุ้นเลย’
“ทั้งๆที่สิ่งที่พวกเราเจอควรเหมือนกัน”
‘นั่นสิ ขนาดไอ้ภาสกับไอ้กฤตที่กูไม่สนิทแต่ก็ยังมี’
ผมเริ่มฉุกขึ้นเมื่ออีกฝ่ายว่าอย่างนั้น
ทุกอย่างเกี่ยวกับลมหนาวเริ่มแปลกไปสำหรับผม ไม่สิ...มันแปลกมาตั้งนานแล้ว
เพียงแค่ความรักของผมบดบังทุกอย่าง ผมไม่เคยฉุกคิดอะไรซักอย่างเวลาอยู่ใกล้ลมหนาว
ผมไม่เคยหาคำตอบลึกซึ้งในการหายไปของลมหนาว
‘สตอร์มรู้เรื่องหรือยัง ให้มันช่วยสืบอีกแรง’
“ถ้าเจอจะบอก”
และผมก็เริ่มเกลียดตัวเองที่รักลมหนาว
‘ฝุ่น’
“อืม...”
‘มึงโคตรรักเขา แล้วมึงก็โคตรรักเพื่อนมึง กูพูดถูกใช่มั้ย’
“เป็นครั้งแรกที่กูอยากให้เซนส์ของตัวเองผิด”
เกลียดที่อยากให้ความเชื่อของตัวเองกลายเป็นเรื่องเพ้อฝัน
‘กูก็ภาวนาให้มันเป็นอย่างนั้น’
แม้ผมจะโคตรมั่นใจในเรื่องเพ้อฝันนี้มากๆก็ตาม
“พายุ คุยกับใครอะ
เราได้ยินเสียงเครียดมากเลยในห้องน้ำ อ๊ะ เราไม่ได้แอบฟังนะ”
ใบเตยถามขึ้นเมื่อผมเดินออกมาแล้วเห็นอีกฝ่ายกำลังตักน้ำแข็งเตรียมเข้าไปเสิร์ฟแขกด้านในกับเพื่อนอีกสองสามคน
ภาสยืนอยู่ข้างๆ มันเหมือนจะคอแห้งเลยแวะมาเปิดน้ำดื่ม แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่คุยกับใคร
ทำเพียงมองผมปรายๆแล้วจึงเดินกลับเข้าไปในนิ่งอยู่ใกล้ๆกฤตตามเดิม
ผมถอนหายใจ รู้สึกหนักในอกกับเรื่องทุกอย่าง
ทว่าสายตาของผมดันสะดุดเข้ากับร่างสูงโปร่งที่กำลังนั่งนิ่งอยู่ในงาน
เขาใส่เสื้อเชิร์ตสีดำรวมทั้งกางเกงขายาวสีเดียวกัน
นั่งอยู่แถวด้านหลังไม่ต่างจากสมาชิกของค่ายปันฝันคนนึง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
“ลม”
ผมเดินเข้าไปสะกิดใครบางคนด้วยน้ำเสียงกดต่ำ
อารมณ์ของผมเหมือนกำลังถูกกลั้นไม่ให้ระเบิดออกมา ลมหนาวไม่ควรมาอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ
เขารู้อยู่แก่ใจว่าเพิ่งทะเลาะกับกฤตไป แถมยังรู้ดีว่ากฤตไม่ชอบตนเอง แต่แล้วสิ่งที่อีกฝ่ายทำคืออะไร
เย้ยหยันคนตายหรอ?
ผมมองใบหน้าเรียบนิ่งอันแสนเฉยชา ไม่รอให้เจ้าของดวงตาที่เคยเป็นรักเก่าตอบ
ผมก็ดึงแขนคนที่ตัวสูงเท่ากันให้ออกมาจากศาลาขณะพระกำลังสวด ทีแรกเขาขัดขืนผม
แต่คงเพราะไม่อยากให้เป็นจุดสนใจสุดท้ายเจ้าตัวถึงยอมถูกลากมาถึงแม้จะไม่เต็มใจเอามากๆ
“ลมมาที่นี่ทำไม?”
“อะไรของรุ่นพี่?”
“เลิกพูดแบบนี้ซักที ลมต้องการอะไร ทำแบบนี้ทำไม!”
ผมกำมือแน่นจนเส้นเลือดขึ้นข้อ ความโกรธ
ความผิดหวัง ความเสียใจตีกันอยู่ในอกจนผมจุกไปหมด ยิ่งเห็นหน้าเขาผมก็ยิ่งเจ็บปวด
ทำไมวะ ทำไมต้องเป็นคุณ
ลมหนาว...
“ลมฆ่าไอ้กฤตใช่มั้ย! ที่ไอ้กฤตตาย เป็นฝีมือลมใช่มั้ย!”
คนฟังชะงักเล็กน้อย นัยน์ตาที่เคยทอแสงแห่งความไม่สนโลก
ตอนนี้วูบไหวทำเอาหัวใจผมเต้นระรัวตาม
หรือเขาจะประหลาดใจที่คนโง่อย่างผมเข้าประเด็นได้ไวกว่าที่คิด
นั่นสินะ...ผมควรจะเอะใจได้ตั้งแต่คืนนั้นแล้วว่ามันเป็นเขา ผมเจอเขาในร้านกาแฟเจ้าประจำ
และจากที่เคยคบกัน ลมหนาวแทบไม่มากินกาแฟร้านนี้
ไม่สิ...เขาแทบไม่รู้จักด้วยซ้ำ
“ตอบมาสิลม”
แล้วจู่ๆวันเกิดเหตุลมหนาวก็โผล่มา
แถมสถานที่ที่กฤตตายยังอยู่ใกล้ๆกับที่ที่ลมหนาวเพิ่งออกไป
มันอาจจะฟังดูเชื่อได้ยากเพราะผมเห็นเขากลับตอนช่วงหกโมงเย็น
แต่เวลาตายของกฤตมันดึกกว่านั้น ทว่าแล้วยังไงล่ะ คนที่มีข้อขัดแย้งกับกฤตที่สุดในหมู่นี้ก็คือลมหนาว
เป็นลมหนาวของผมเพียงคนเดียว
“รุ่นพี่พูดอะไร”
“เลิกโกหกซักที ลมคือเดอะแรบบิท ไอ้ฆาตรกรสารเลวนั่น!”
ชักจะทนไม่ไหวกับการแสดงหน้าตาย
เขาคิดว่าผมโง่มากหรือไงวะ คิดว่าผมเป็นไอ้งั่งที่เขาจะหลอกให้ทำอะไรก็ได้
หลอกให้รักก็ได้ หลอกให้หลงคำพูดของเขาทุกคำก็ได้
ผมดูเป็นคนแบบนั้นสินะ
“...ผมไม่เข้าใจ”
“ลมเลิกเสรแสร้งเหอะ
คิดว่าการที่ยุเคยรักลมแล้วยุจะยอมหลับหูหลับตาไม่เชื่อเรื่องเลวๆของลมหรอ
เก่งครับลมหนาว คุณเก่งมากเลยที่หลอกผมมาได้นานขนาดนี้”
ผมขึ้นเสียงจนอีกฝ่ายเริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจ จริงอยู่ที่ลมหนาวเย็นชาราวกับน้ำแข็งไร้ความรู้สึก
แต่พอโดนวุ่นวายมากๆเข้าเขาก็ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป ยอมเผยอาการขุ่นเคืองออกมาให้เห็น
“ผมไปหลอกอะไรคุณ ที่ว่าเคยรักน่ะหรอ อื้ม
อันนั้นผมยอมรับก็ได้ เรื่องเดียวที่ผมโกหกก็คือการบอกรักคุณ ผมเหนื่อยสายตาทุกครั้งเวลาที่ต้องเห็นคนน่ารำคาญแบบคุณ”
“ลมหนาว!!”
ผมตวาดเสียงดังลั่น ดวงตาวาวโรจน์จนถ้าจะมีไฟลุกก็คงไม่แปลก
หัวใจผมเต้นรุนแรงจนเกือบจะระเบิดออกจากอกด้วยถ้อยคำแดกดันนั่น คนพูดน้อยแบบลมหนาว
พอพูดออกมาครั้งนึงมันย่อมมีความหมาย และแน่นอนว่าคำพูดยืดยาวแสนร้ายกาจทำลายความรู้สึกผมจนอยู่หมัด
“ที่นี้พอได้หรือยัง”
“ไม่! จนกว่าลมจะยอมรับกับยุว่าลมฆ่าไอ้กฤต”
ลมหนาวตรงหน้าพัดพาความหนาวเหน็บเข้ามาสู่ใจผมจนปวดหนึบ
“ทำไมผมจะต้องยอมรับในเรื่องที่ผมไม่ได้ทำ!?”
“ก็เพราะผู้ชายในคืนนั้นเป็นลม ฆาตรกรที่ใส่หน้ากากรูปกระต่าย
คนที่ฆ่าพวกมันจนหมด ยุเห็นกับตาว่าลมเอาดาบแทงไปที่คอมัน ภาพเลือดพุ่งกระฉูดยังติดตายุอยู่เลย! แถมดาบที่ลมใช้มันยังเหมือนกับดาบที่ปักอยู่บนอกกฤต
มันคือแบบเดียวกัน!”
“ไหนล่ะหลักฐาน อย่ามากล่าวหาคนอื่นลอยๆ”
“โอ้...” ผมเลิกคิ้ว แค่นหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางไม่ยี่หระนั่น “ลมแสดงละครเก่งกว่ายุที่คิด”
ลมหนาวส่ายหัวทำหน้าเบื่อหน่ายเหมือนอยากเลิกเถียง
เขาถอนหายใจพยายามหันหลังกลับจะเดินหนี แต่ผมคว้าข้อมือเขาไว้ทัน
กำแน่นอย่างที่ไม่เคยทำรุนแรงกับเขามาก่อน
มันคงจะเป็นรอยแดงช้ำไปหลายวัน แต่ผมสนที่ไหน
“ก็ไม่ใช่ลมแล้วจะเป็นใคร
เพราะไอ้กฤตกับยุรู้ความลับลมใช่มั้ย ลมถึงต้องฆ่าปิดปากมัน”
“ไม่ใช่!”
“ที่ผ่านๆมาลมก็คงไล่ฆ่าคนที่ทำให้ลมไม่พอใจแบบนี้สินะ!”
“หยุดพูดจาไร้สาระซักที!”
“ทำไมล่ะลม แทงใจดำหรอ? แสดงว่ายุพูดถูก
แสดงว่าไอ้พวกที่ลมฆ่าไปวันนั้นก็คงเหมือนกันล่ะสิ ลมคงสนุกมากเวลาได้ใช้ดาบนั่นแทงเข้าไปในเนื้อคน
ยุพูดถูกใช่มั้ยคุณฆาตกร”
“พายุ!!”
ชื่อที่ไม่เคยเรียกมาตลอดสองปีถูกเอ่ยออกมาจากปากคนที่ผมเฝ้ารอ
ผมควรจะดีใจที่สุดท้ายเขาก็ยอมเรียกชื่อผมเหมือนอย่างเก่า ทว่าความรู้สึกตอนนี้ไม่ใช่เลย
มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ความเจ็บปวดที่มาจากเขาคนเดียว
“ยุคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นหรอ! ยุคิดว่าผมจะฆ่ากฤตหรอ ยุคิดแบบนั้นจริงๆใช่มั้ย!”
“ใช่!!”
ผมควรจะเป็นคนที่รู้จักลมหนาวดีที่สุด
แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ ยิ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากเหตุการณ์ที่ผมเห็น
มันเหมือนกับว่าผมไม่รู้จักตัวตนของลมหนาวเลยซักนิด
มันเหมือนกับว่าสิ่งที่ผมรับรู้เกี่ยวกับลมหนาวมาตลอดคือเรื่องโกหก
“แสดงว่าคนต่อไปก็ต้องเป็นยุสิ เอาเลย! ลมฆ่ายุเลย!!”
ผัวะ!
หมัดหนักซัดเข้าเต็มๆที่แก้มขวาอย่างจัง ความเจ็บปวดแล่นแปล้บไปทั่วใบหน้า
แต่นั่นก็ไม่เท่าความเจ็บปวดตรงขั้วหัวใจเมื่อหยดน้ำสีใสไหลออกจากนัยน์ตาของคนที่ปล่อยหมัด
“ทำไมถึงพูดแบบนี้ ทำไมประชดผมแบบนี้!”
ยอมรับว่าตลอดช่วงเวลาที่เราคบกันผมร้องไห้บ่อยครั้งเพราะความขี้แย
แต่คุณเชื่อไหม มันไม่มีครั้งไหนซักครั้งเลยที่ผมจะเห็นลมหนาวของผมร้องไห้ ลมหนาวผู้แสนเข้มแข็ง
เข้มแข็งกว่าใครๆ
“ฮึก...ไหนยุบอกผมซิ บอกมาว่าผมต้องทำยังไง! ”
เข้มแข็งกว่าผมเสมอมา
“งะ...งั้นลมก็พิสูจน์
พิสูจน์มาสิว่าลมไม่ได้ฆ่ากฤต”
“ถ้าพิสูจน์แล้วยุจะเลิกยุ่งกับผมใช่มั้ย?”
เหมือนธนูคมพุ่งเข้าแทงยังกลางหัวใจหลังข้อตกลงดังกล่าวถูกเสนอ
“...ครับ”
เหมือนคำบอกเลิกครั้งที่สองถูกบอกล่วงหน้าทั้งๆเรายังไม่ได้คบกัน
เหมือนคำสัญญาณเพื่อยืนยันว่าเราจะไม่มีได้วันกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“ยุจะไม่มาให้ลมเห็นหน้าอีก”
tbc
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 30
Comments
คุณยุครับคุณบอกผมมาสิว่าคุณเป็นจวยไรคือถ้าคุณลมหนาวไม่ได้เป็นล่ะคณจะถูกเเจ้งความจับข้อหาหมิ่นปรัมาณนะครับผมคิดว่าคุฯจะฉลาดที่ไหนได้คุณก็ทำตัวเหมือนคนยุคโบราณบีบบังคับให้อีกฝ่ายยอมรับทั้งๆที่ไม่ได้ทำเเต่ถึงคุณลมเค้าจะเป็นจริงๆคุณก็อาจจะตายได้นะครับตายไปพร้อมกับความจริงน่ะนะ😂
2022-05-14
1