2nd morning x 02| Slyer or Serial Killer

 

 

 

 

 

“อ้าว" เราเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าลมหนาวเคยเรียนเศรษฐศาสตร์มาก่อน”

 

 

ผมมองใบเตยที่กำลังตั้งใจคุยกับใครบางคนอยู่อีกฝากหนึ่งของลานเอนกประสงค์ประจำองค์การนักศึกษา

อีกสองสามอาทิตย์จะถึงวันไปค่าย

นั่นเท่ากับว่าพี่ค่ายฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบกิจกรรมหรือจัดหาอุปกรณ์ก็ต้องมาจัดเตรียม

ส่วนฝ่ายสถานที่ของผมนั้นต้องแสตนบายคอยช่วยเหลือทุกๆภาคส่วน

 

 

แต่สิ่งที่ผมไม่สบอารมณ์ที่สุดก็คือการที่ใบเตยกำลังสนิทกับคนหน้าตายบางคนเกิดเหตุ

 

 

‘มองหน้ากูแบบนั้นมีปัญหาอะไร’

 

 

‘กฤตเลิกหาเรื่องผมซักที’

 

 

‘ทำไม? มึงจะฆ่ากูหรอ

จะทำกับกูเหมือนที่ทำกับไอ้พวกนั้นหรอ?’

 

 

รวมถึงเรื่องตัวตนที่(น่าจะ)แท้จริงของลมหนาวว่าเขาเป็นใคร

หลายวันก่อนกฤตเข้าไปหาเรื่องลมหนาวตอนเลิกประชุม

แถมยังพูดเรื่องคืนนั้นออกมาจนผมต้องรีบเข้าไปห้าม โชคดีที่ไม่มีผู้คนอยู่โดยรอบ

ไม่อย่างนั้นเรื่องที่ผมกังวลมาตลอดหลายคืนคงแพร่กระจายออกไป

 

 

เหมือนกฤตมันพยายามเซฟความรู้สึกผมโดยการไม่ประจานลมหนาว

แต่คำพูดที่ว่าจะเปิดโปงคงหมายถึงจะให้กฏหมายเป็นผู้ตัดสินลมหนาว

ซึ่งตรงนี้ยิ่งทำให้ผมเจ็บหัวใจราวกับมีมีดคมมากรีดแทง ยอมรับว่าผมยังรักลมหนาว

ยังรักอยู่เสมอ

 

 

ไม่เคยหยุดรักเลย…

 

 

ทว่าภาพของผู้ชายที่เห็นในคืนเกิดเหตุยังไงผมก็มั่นใจว่าเป็นเขา

แต่...มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน คนปกติถูกยิงไปตั้งหลายนัดขนาดนั้นคงไม่มีทางรอดกลับมาหรอก

จะว่าเป็นแฝดก็ไม่น่าใช่ ผู้ชายคนนั้นคือลมหนาวทุกกระเบียดนิ้ว หรือจะเป็นอุปทานหมู่ระหว่างผมกับไอ้กฤษก็ยิ่งดูไม่น่าใช่อีก

 

 

ผมมั่นใจว่าตนเองจดจำเหตุการณ์ได้ครบถ้วน

 

 

“แม่ง...”

 

 

ผมนั่งหัวเสีย ครุ่นคิดพยายามหาทางออกกับเรื่องนี้

ในขณะที่บางคนเอาแต่คุยสนุกสนานกับใบเตยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นตอนนั้นเองที่โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นกุกกัก

ผมหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะพบว่าเป็นสายจากกฤต

 

 

[ยุ มึงอยู่ไหน]

 

 

“องค์การ แล้วมึงเป็นไง ไข้ลดหรือยัง”

 

 

กฤตบอกว่าจู่ๆมันก็ปวดหัวจนไข้ขึ้น

สงสัยคงเพราะแผลฟกช้ำในคืนนั้นยังไม่หาย นี่ก็ลาหยุดไปตั้งแต่เมื่อวาน ไอ้ภาสบ่นยับว่าส่งข้อความถามก็แทบไม่ค่อยตอบ

 

 

[กูไม่ได้ป่วย กูโกหก]

 

 

“อ้าว แล้วมึงโกหกทำไม?”

 

 

[กูเอาเงินเก็บทั้งหมดไปจ้างนักสืบเอกชนเรื่องไอ้ลมแล้ว

ตอนนี้กูรู้บางอย่าง]

 

 

“ว่าไงนะ!?”

 

 

ผมรีบป้องโทรศัพท์ เหล่มองอีกคน

แล้วละตัวออกจากลานกิจกรรมเพื่อหลบมาคุย

 

 

“กฤต มึงทำอะไรของมึง

ไหนเราจะสืบเรื่องนี้ด้วยกัน”

 

 

[ถ้าสืบด้วยกันมึงจะยอมมั้ย

มึงจะรับความจริงได้มั้ยยุ มึงรักมันตั้งขนาดนั้น สุดท้ายมึงก็จะปล่อยมันไปเพราะความใจอ่อนของมึง]

 

 

“กู...”

 

 

ผมพูดไม่ออก ถ้าจะมีใครซักคนบนโลกนี้ที่โง่ที่สุด

คนๆนั้นก็คงเป็นพายุอย่างผม

คนที่ไม่เคยพาตัวเองออกมาจากรักครั้งเก่าได้เลยซักครั้ง

คนที่ยังคงจมปรักอยู่ในความรู้สึกเก่าๆไม่เคยหลุดพ้น คนที่รู้ผิดชอบชั่วดี

 

 

แต่ก็ยังกลับเลือกที่จะปิดตาหนึ่งข้าง

 

 

[ถ้ามึงยังอยากรู้เรื่องของมันก็มาเจอกูตอนสามทุ่ม]

 

 

“ทำไมต้องเจอ บอกกูตอนนี้เลยก็ได้”

 

 

[มันไม่ปลอดภัยยุ แค่นี้นะ ถ้าอยากรู้ก็มา]

 

 

“เดี๋ยวกฤต...กูขอถามแค่คำถามเดียว” น้ำเสียงผมสั่นเครือ และนั่นคงทำให้ปลายสายสัมผัสได้ กฤตยังไม่วาง

ยังคงรอประโยคคำถามจากผม “เป็นลม...จริงๆใช่มั้ย”

 

 

[อืม]

 

 

“…..”

 

 

[พวกเราเข้าใจถูกทุกอย่าง]

 

 

ผมออกจากมหาลัยในตอนเกือบหกโมงเย็น

ไอ้ภาสไม่รู้หายไปไหนตั้งแต่บ่าย ผมโทรหาก็ไม่รับ ด้วยความง่วงที่จู่โจมอย่างหนักเพราะนอนไม่ค่อยหลับเป็นปกติ

ผมจึงแวะซื้อกาแฟร้านหนึ่งแถวชานเมืองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านกฤต มันเป็นร้านที่ตั้งโดดๆไม่ค่อยมีคนเข้าไปนัก

จริงอยู่ที่ว่าผมแวะมาแถวนี้บ่อย หากแต่เพราะมาร้านกาแฟเจ้าประจำมากกว่าไปบ้านเพื่อนสนิท

 

 

“อเมริกาโนดับเบิลช็อตเหมือนเดิมนะคะ”

 

 

“วันนี้เอาทริปเปิลเลยครับ”

 

 

น้องพนักงานที่เจอหน้ากันจนชินยิ้มแย้มอย่างแจ่มใส

เธอทำท่าจะชวนผมคุยอะไรต่อซักอย่างเหมือนทุกที ทว่าสายตาผมกลับเลื่อนไปเห็นใครบางคนที่เผอิญถือแก้วกาแฟตรงมาคล้ายกำลังจะกลับ

 

 

“ลม?”

 

 

ผมเจอเขาอีกแล้ว คนที่สวมชุดนักศึกษาตัวเนี้ยบกับทรงผมที่ปล่อยลงปรกหน้าต่างจากเดิม

และดูเหมือนเขาคนนั้นจะรำคาญผมเอามากๆ สังเกตได้จากหน้าตาเบื่อโลกนั่น

ผมรู้ดีว่าลมหนาวมีไม่กี่หน้าหรอก หน้าตายกับหน้าตาย

แต่หน้าตายแบบนี้คือรำคาญผมเข้าแล้วจริงๆ

 

 

“ยุไม่ได้ตามลมมาซักหน่อย”

 

 

“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”

 

 

ให้ตาย เย็นชาเป็นน้ำแข็งขั้วโลกชะมัด

 

 

ถ้าไม่บอกว่าเคยคบกันก็คงไม่มีใครรู้แน่ๆ :(

 

 

“แล้วลมมาทำอะไรที่นี่ครับ? มันไม่ได้ใกล้มอเลยนะ”

 

 

“เรื่องของผม”

 

 

อีกฝ่ายว่าทั้งอย่างนั้นก่อนจะรีบเดินผ่านหน้าผมไป

แต่มือผมไวกว่า แขนอีกฝ่ายถูกผมคว้ำไว้จนใครบางคนต้องหันมามองด้วยสายตาขุ่นๆ

เขาคงนึกอยากจะต่อยหน้าผมตัดรำคาญล่ะสิ

 

 

“ถ้าจะทำเรื่องแบบคืนนั้น...ยุขอเตือนเลยนะว่าไม่ดีแน่ๆ”

 

 

อยากจะตบปากตัวเองแรงๆ

เจอกันทั้งที่แต่คำพูดที่ผมใช้กับเขาดันเป็นคำที่โคตรสร้างมิตรภาพ

 

 

“รุ่นพี่พูดเรื่องอะไร”

 

 

“ลม ลมเลิกทำแบบนี้เถอะ ยุเป็นห่วงลมมากเลยนะ

ถ้าลมหยุด ยุสัญญาว่าจะช่วยให้ลมไม่เป็นอะไร”

 

 

เขย่าไหล่เขาเบาๆเพื่อเรียกสติ พอได้พูดปากผมก็ห้ามไม่ได้

มันเป็นเรื่องที่ติดอยู่ในใจผมมาหลายวันยากจะเอาออก จากเรื่องเก่าที่ติดมามาตลอดหลายปี

ก็มีเรื่องใหม่ให้คิดมากเพิ่มทบลงไปอีก แต่แล้วยังไง ผมไม่อยากให้เขาทำร้ายใคร ผมไม่อยากให้เขาต้องเดือดร้อน

ไม่อยากให้เขาต้องถูกสังคมไล่ล่า

 

 

ผม...ก็แค่อยากให้ลมหนาวของผมมีความสุข

 

 

“รุ่นพี่ช่วยอะไรผมไม่ได้หรอก”

 

 

“ลมหมายความว่ายังไง?”

 

 

“เพราะคุณอ่อนแอ”

 

 

“…..”

 

 

“เพราะเป็นอย่างนั้น เราถึงเลิกกัน”

 

 

สุดท้ายก็ค้นพบว่า นอกจากความสุขทั้งหมดของผมจะเกิดขึ้นจากผู้ชายที่ชื่อลมหนาวแล้ว

ความเจ็บปวดทั้งหมดก็ล้วนเกิดขึ้นจากผู้ชายคนนี้เฉกเช่นเดียวกัน

 

 

 

 

“อ้าวพายุ เป็นไงมาไงถึงมานี่ได้ละจ๊ะ”

 

 

“ป้านวลสวัสดีครับ”

 

 

ผมกล่าวทักทายป้าของกฤตที่ออกมาต้อนรับอย่างเป็นมิตรหลังยืนกดออดรอหน้าประตูได้ซักครู่

ป้านวลให้ผมเข้ามานั่งรอข้างในเพราะกฤตยังไม่กลับ

ผมที่เพิ่งหน้าชาจากคำพูดของมนุษย์แฟนเก่าจึงได้แต่โอนอ่อนไปอย่างง่ายดายเหมือนคนไร้สติ

อื้ม...

 

 

ทำร้ายความรู้สึกผมเก่งที่หนึ่งเลยผู้ชายคนนั้นน่ะ

 

 

“เจ้ากฤตนัดเราที่บ้านสินะ ให้มันได้อย่างนี้สิ

เพื่อนต้องมารอ ตัวเองไม่กลับบ้านตั้งแต่เมื่อวาน แย่ๆ”

 

 

ผมยิ้มแหยะๆไม่ได้ตอบอะไร

 

 

แม่ของกฤตเสียตั้งแต่มันยังเด็ก

เจ้าตัวเลยโตมากับพ่อและพี่สาวของพ่อที่ดูแลแทนจนเปรียบเสมือนแม่

แต่พ่อของกฤตค่อนข้างดุ ผมกับภาสจึงไม่ค่อยมาบ้านมันบ่อยเท่าไหร่นัก

 

 

พูดถึงเรื่องกฤตก็อดนึกถึงเรื่องตัวเองไม่ได้

ผมก็โตมาโดยที่คุณพ่อเสียตั้งแต่เด็ก โชคดีที่ยังได้อาดีน

ผู้ชายที่ตามจีบแม่มาตั้งแต่สมัยเรียนคอยดูแล ผมจึงไม่ค่อยรู้สึกว่าขาดเท่าไหร่

 

 

ผมนั่งรอกฤตจนกระทั่งสี่ทุ่มแม่งก็ยังไม่มา

มันดึกเสียจนป้านวลขอตัวไปนอน ฝากผมปิดบ้านเรียบร้อย ส่วนพ่อไอ้กฤตยังไม่กลับ

เห็นว่าช่วงนี้ยุ่งๆกับธุรกิจ

ผมตัดสินใจโทรหากฤตเพราะเริ่มกระวนกระวายใจเรื่องข่าวของลมหนาว

 

 

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย

 

 

“มึงไปไหนเนี่ย เชี่ยกฤต”

 

 

ผมสบถอยู่คนเดียวพร้อมเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านอีกฝ่าย

อีกไม่ถึงสิบนาทีจะเที่ยงคืน แต่สิ่งที่ผมได้รับจากเจ้าของบ้านดันคือความเงียบงัน เป็นตอนนั้นเองที่โทรศัพท์ในมือแผดเสียงร้อง

ผมใจชื้นรีบเกิดรับเพราะคิดว่าเป็นกฤต

 

 

[ยุ]

 

 

ทว่าไม่ใช่...

 

 

เป็นเสียงภาส

 

 

“โทรมาก็ดี มึงรู้ไหมว่าไอ้กฤตมันอยู่ไหน

นัดกูที่บ้านสามทุ่ม จนป่านนี้ก็ยังไม่โผล่หัวมา”

 

 

[ส่งโลไปในแชทกลุ่มแล้ว]

 

 

“หา?”

 

 

[มาหากู]

 

 

“อะไรนะ? จะให้กูไปไหนอีก

แล้วไอ้กฤต”

 

 

[มาหากู...พายุ]

 

 

เสียงของภาสนิ่งเรียบเสียใจผมเริ่มใจไม่ดี

กลัวจะเป็นเรื่องทะเลาะวิวาท ภาสมันไม่ใช่คนที่เคร่งเครียดเลยในกลุ่มของเรา

ติดจะตลกไปด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเวลาผมกับไอ้กฤตพูดเรื่องวิชาการ ก็จะมีมันนี่แหละที่คอยเอนเตอร์เทนไม่ให้บรรยากาศกลุ่มดูมาคุ

 

 

ผมปิดบ้านให้ตามที่ป้านวลไหว้วาน

รีบหยิบกุญแจรถตรงไปยังพาหนะคันประจำ ผมขับตามจีพีเอสที่ภาสแชร์โลเคชั่นมาในกลุ่ม

แล้วก็ต้องประหลาดใจเล็กน้อยว่าโลเคชั่นดังกล่าวมันอยู่ใกล้ๆกับร้านกาแฟเจ้าประจำที่ผมเพิ่งแวะไปช่วงหัวค่ำ

 

 

“ภาส กูถึงแล้ว พวกมึงอยู่ไหนกัน”

 

 

[เดินมาตึกร้างหลังร้าน]

 

 

“เออ กำลังไป ทำไมคนเยอะจังวะ แล้วรถตำรวจมาทำไม

มีเรื่องอะไร”

 

 

ผมยกมือหนึ่งข้างบังแสงไฟหน้ารถจากหลายๆคันที่พอเดินผ่านแล้วมันสาดเข้ากระทบดวงตา

ใช้เวลาซักพักก็มาถึงโซนหลังร้านที่เป็นโกดังเก่าๆ

พอเห็นคนกระจุกเป็นไทยมุงความรู้สึกไม่ดีก็เริ่มตีตื้นขึ้นมาในอก

 

 

“ไอ้ภาส! ตอบกู

เกิดอะไรขึ้น” กรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์อย่างกระวนกระวาย

 

 

[มาดูเองยุ]

 

 

ตุบ!

 

 

โทรศัพท์ที่แนบอยู่ข้างหูถูกปล่อยลงจากมือทันทีที่ผมเดินเข้าไปแล้วพบภาสกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นซีเมนต์

ในมือของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยคราบเลือดจนกลิ่นคาวส่งมาถึงผม

สีหน้าของภาสเหมือนคนไร้สติ  มันล่องลอย

น่าสงสาร ปราศจากความรู้สึก น้ำตาของภาสไหลอาบเต็มแก้มจนมือของผมเริ่มสั่นเทาตาม

 

 

“ภาส นี่มันเรื่องอะไร ทะ...ทำไมเป็นแบบนี้

ไอ้ภาส!”

 

 

ผมมองร่างของอีกคนที่นอนจมกองของเหลวสีแดงฉาน

ตรงกลางอกถูกปักด้วยดาบขนาดสั้นจนน่าจะทะลุขั้วหัวใจ ดวงตาของอีกฝ่ายเบิกค้างไม่ต่างจากภาพวันนั้นที่ผมเห็น

เพียงแค่ใบหน้าดังกล่าวย้ายมาเป็นใบหน้าของอีกคน

 

 

“ภาส ไอ้เหี้ยภาส ตอบ!!”

 

 

เข่าของผมทรุดลงกับพื้นข้างๆภาส

น้ำตาถูกปล่อยให้ไหลออกมาอย่างไร้การควบคุม โลกของผมเหมือนพังทลายเป็นครั้งที่สอง

เหมือนเรื่องเลวร้ายทุกอย่างประดังเข้ามาภายในอาทิตย์เดียว

ผมกล่าวโทษตัวเองนับร้อยครั้ง กล่าวโทษซ้ำๆว่ามันเป็นความผิดของผม

 

 

“กฤตตายแล้วยุ...”

 

 

ถ้าผมไม่ปล่อยให้มันออกมาตามสืบเรื่องนี้คนเดียว

 

 

ไม่ปล่อยให้มันต้องเผชิญเรื่องอันตรายคนเดียว

เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้

 

 

“ไอ้กฤตไม่อยู่กับเราแล้ว”

 

 

และผมคงไม่ต้องสูญเสียเพื่อนคนสำคัญไปแบบนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

tbc.

ฮอต

Comments

เพราะคุณเเค่ไม่ได้อ่อนเเอนะเเต่คุณไม่ดูตัวเองด้วยคุณรู้ว่าคุณเป็นเเฟนเก่าจบไม่สวยด้วยคุณยังไปยุ่งกับเค้าโอ้ยยยผมปวดหัวกับคุณมากนะพายุคุณทำไปเพื่ออะไรว่ะ

2022-05-14

1

ทั้งหมด
เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!