5
ว่าแล้วฉันก็วิ่งตรงขึ้นบันไดไปยังชั้นห้า พลางนึกในใจขอให้ยัยปลาดาวอย่าเป็นอะไร โดยมีน้ำเย็นที่ตั้งสติได้แล้ววิ่งตามมาติดๆ พอถึงก็เจอเจ้าหล่อนพอดี
ปลาดาวยืนปิดหน้าอยู่ที่กลางทางเดิน ด้านหลังของเธอเป็นผนังกระจกใสที่มองออกไปเห็นบริเวณของโรงเรียนด้านนอก ส่วนด้านหน้ามีประตูอยู่ตลอดแนว ผนังทึบ ไม่เหมือนกับส่วนของห้องซ้อมดนตรีชั้นล่าง มีเพียงประตูที่อยู่ตรงหน้าของปลาดาวที่ถูกเปิดออก
ปลาดาวกำลังกระโดดโหยงพลางร้องฮือๆ ปิดหน้าปิดตาเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง ฉันจึงเขย่าตัวเธอเบาๆ เรียกสติ
“ปลาดาว เป็นอะไร”
ลืมตาเห็นฉันได้ ปลาดาวก็โผเข้ากอด
“ฉันเห็นผีน่ะสิ ผีแก้ผ้าด้วย ล่อนจ้อนเลย ฮือ… มันอยู่ในตู้นั่น”
ว่าไงนะ… ผีเผออะไร เรื่องนี้อันอันจะไม่ยุ่ง
ไม่ทันขาดคำ จากท่าทางที่เคยรักเพื่อนก็เปลี่ยนไป ตอนนี้ปลาดาวกำลังใช้เพื่อนคนนี้เป็นเหยื่อผู้กล้า เจ้าหล่อนชี้ไปที่ห้องนั้นพร้อมกับผลักหลังให้ฉันเดินเข้าไป
อะไรของแกเล่า! แกกลัวฉันก็กลัวเหมือนกันน้า~
“เธออีกคนเหรอเนี่ย” เสียงสวรรค์จากน้ำเย็นทำให้ปลาดาวเลิกผลักฉัน ยัยนั่นสะดุ้ง “แล้วพูดอะไรของเธอ ผีเผอที่ไหน เพ้อเจ้อ”
“จริงๆ น้า” ปลาดาวยืนยัน ดูเหมือนว่าเรื่องผีนี่จะทำให้เธอลืมคิดไปเลยว่าพวกเราโดนน้ำเย็นเห็นเสียแล้ว
“ถ้ามีจริง… ฉันก็ต้องเคยเห็นแล้วสิ”
“แต่ฉันเห็นจริงๆ นี่ ในตู้นั่น” ปลาดาวชี้ไปที่ตู้นั้นอีกครั้ง ฉันถึงได้เห็นว่ามันเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่มุมห้อง มีตู้ล็อกเกอร์เรียงอยู่เป็นแถว มีกีตาร์โปร่งวางพิงผนังอยู่ ไหนจะเสื้อผ้าที่กองล้นออกมาจากตะกร้าผ้าตรงมุมห้องนั่นอีก
ไม่ยักรู้ว่าที่ตึกดนตรีมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบนี้ด้วย
“จิ๊!” น้ำเย็นส่งเสียงคล้ายรำคาญ เขาเลือกที่จะไม่ต่อล้อต่อเถียงแต่เดินดุ่มๆ เข้าไปในห้องนั้น ตรงไปที่ตู้หลังใหญ่ซึ่งประตูของมันเผยอออกมานิดๆ เขาวางมือลงที่บานจับแล้วก็เปิดมันออกทันที ตามมาด้วยเสียงของเขาที่ร้องเสียงหลง
“เฮ้ย!”
“นั่นไง ฉันบอกแล้ว…” ปลาดาวเริ่มหลับหูหลับตาโวยวายอีกครั้ง แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมยัยนี่ต้องผลักให้ฉันเข้าไปรับหน้าแทนด้วยฟะ!
ทำไมน้ำเย็นถึงตกใจขนาดนั้น อย่าบอกนะว่านายนั่นก็เห็นผีจริงๆ อย่างที่ปลาดาวบอก บรึ๋ย… ไม่เอา ฉันกลัว
“จับฉันไว้ทำไมเล่า! ฉันจะกลับบ้าน” ฉันที่กำลังจะวิ่งหนีเอาตัวรอดก็ต้องชะงักเพราะโดนยัยปลาดาวยึดตัวฉันไว้เป็นเกราะกำบัง
ก่อนที่ฉันจะได้ตบตีกับยัยนั่น เสียงน้ำเย็นก็ดังขึ้นอีกครั้ง เรียกสติเราทั้งคู่
“พี่วิน!”
พี่วิน? พี่วินไหน ผีพี่วินเหรอ แล้วทำไมหมอนั่นดูไม่กลัวเลยล่ะ
แล้วพวกเราก็ได้คำตอบ เมื่อน้ำเย็นดึงประตูให้เปิดออก เผยให้เห็นชายร่างสูงอีกคนที่ยืนแอบอยู่ในดงเสื้อผ้า เขากอดอกบังท่อนบนที่เปลือยเปล่าของตนเอาไว้ ในขณะที่ท่อนล่างมีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาว
เอ่อ… ถ้าฉันดูไม่ผิด ใบหน้าเลิ่กลั่กที่สวมแว่นของเขาสีแดงแปร๊ด
“นี่มันคนชัดๆ ผีเผอที่ไหน พวกเธอนี่ประสาทกันไปหมดแล้ว” น้ำเย็นหันมาเฉลยด้วยสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม “กรี๊ดซะดังเชียว ดีนะที่ห้องซ้อมเก็บเสียง ไม่งั้นคนแห่ขึ้นมาทั้งชมรม”
ฟังจากที่น้ำเย็นเรียกเขาน่าจะเป็นรุ่นพี่มอหก
“ละ… แล้วเขาเข้าไปทำอะไรในนั้น” ปลาดาวน่าจะยังไม่เชื่อนัก เธอชะโงกออกมาจากด้านหลังของฉันอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ก็พี่เพิ่งอาบน้ำเสร็จแล้วกลับเข้ามาใส่เสื้อผ้า แล้วก็เจอเราเนี่ยแหละ” รุ่นพี่คนนั้นว่าพลางดึงเสื้อยืดที่แขวนอยู่ข้างๆ มาสวมก่อนจะเดินออกมา “อยู่ๆ ก็กรี๊ด พี่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำก็ตกใจดิ ขนาดไปแอบแล้วก็ยังไม่หยุดกรี๊ดอีก”
“อ้าว… ก็ดาวเห็นพี่แก้ผ้า” เหมือนปลาดาวจะรู้ตัวว่าเพิ่งปล่อยไก่ตัวใหญ่ เจ้าหล่อนเลยเถียงข้างๆ คูๆ
“จะแก้ที่ไหนมันก็เรื่องของพี่ไหม แถมพี่ก็นุ่งผ้าเช็ดตัวด้วย ไม่ได้โป๊นี่”
“อี๋… อุบาทว์”
ฉันได้แต่ยืนมองยัยปลาดาวสลับกับรุ่นพี่คนนั้นโต้กันไปมา น้ำเย็นก็เช่นกัน แต่ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นได้ก็เลยเดินออกมาจากห้อง ตามมาติดๆ ด้วยรุ่นพี่ร่างสูง
“นี่มันห้องพักของนักดนตรี พวกเธอต่างหากที่เข้ามาทำอะไรในนี้”
“อ้าว… พวกนี้ไม่ใช่สมาชิกชมรมเหรอ” รุ่นพี่หันไปมองน้ำเย็น
“เปล่าครับ แต่เป็นเพื่อนที่ห้องผมเอง เมื่อกี้ผมเห็นยัยนี่ไปด้อมๆ มองๆ แถวห้องเก็บเครื่องดนตรี ไม่รู้คิดจะขโมยของหรือเปล่า” น้ำเย็นว่าพลางชี้มาที่ฉัน
“ฉันเปล่านะ” ฉันรีบปฏิเสธทันควัน
“ของพวกนี้ที่บ้านฉันมีหมดแล้วย่ะ โฮะๆๆ” ปลาดาวเสริม… ซึ่งมันฟังดูเหมือนอวดมากกว่า แม้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้น แต่มันก็ฟังดูน่าหมั่นไส้สไตล์เธอ
“งั้นบอกเหตุผลมาว่าพวกเรามาทำอะไรกันที่นี่ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงต้องถึงห้องปกครอง” รุ่นพี่แว่นเท้าเอวสอบสวน “พวกเราก็รู้กฎนี่”
“ว่าไง” ส่วนนายน้ำเย็นก็เสริม
เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะสองคนนี้
“ก็… ฉันตั้งใจจะมาหาประธานชมรม แต่หลงขึ้นมาบนนี้ไง” ปลาดาวหนูน้อยร้อยรางวัลการแสดงเป็นคนเริ่มแถ… เอ๊ย พูด
พอได้ยินน้ำเย็นก็เลิกคิ้ว “เธอมีเรื่องอะไรกับพี่เขา”
“เรื่องของฉัน ไว้วันหลังฉันมาใหม่แล้วกัน” พูดจบปลาดาวก็คว้าข้อมือฉัน เป็นอันรู้กันว่าได้เวลาหนี ทว่าโดนน้ำเย็นดักคอขึ้นมาเสียก่อน
“ประธานชมรมก็คนที่เธอเพิ่งด่าไปเมื่อกี้นี้ไง”
เอ๋… ประธานชมรมคือคนที่ปลาดาวเพิ่งด่าไป อย่าบอกนะว่า…
“พี่เอง มีอะไร”
ตาพี่แว่นคนนั้นจริงๆ ด้วย
“หา… เอ่อ คือ” ฉันถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“ว่าไง… หรือจะไปห้องปกครองกันตอนนี้เลย”
ส่วนนายน้ำเย็นนี่ก็เอะอะก็หาเรื่องพาเข้าห้องปกครอง นายเป็นสารวัตรนักเรียนเมื่อไรไม่ทราบยะ ฉันแค่จะเข้ามาแอบถ่ายนาย แล้วจะให้พวกเราสองคนตอบว่ายังไงเล่า!
“…”
“…”
พอเห็นว่าฉันเงียบไป หมอนั่นก็เลยแสดงท่าทางเอาจริงด้วยการก้าวเท้าเข้ามาประชิด ฉันกับปลาดาวก็เลยต้องถอยหนี จังหวะนั้นฉันเห็นยัยปลาดาวถลึงตาใส่ ยักคิ้ว ขยิบตาส่งสัญญาณให้ ถ้าจำไม่ได้ว่าเราเคยคุยอะไรกันไว้ก่อนเข้ามาในตึกนี้ ฉันคงคิดไปแล้วว่าหล่อนเป็นสันนิบาต
ปลาดาวคงกำลังหมายถึงแผนที่เราเตี๊ยมกันมาหากถูกจับได้ เพราะอย่างนั้นฉันก็เลยพยักหน้ารับแล้วส่งสัญญาณนับหนึ่งถึงสาม แล้วจึงพูดขึ้นพร้อมกัน
“เรามาสมัครเป็นคนล้างห้องน้ำ” ฉันว่าตามแผนที่ปลาดาวพูดไว้เป๊ะๆ
“ก็มาสมัครเข้าชมรมน่ะสิ ถามได้” ส่วนปลาดาวก็โพล่งขึ้นมาพร้อมกัน
“หะ”
เดี๋ยวนะ… นี่มันไม่ใช่ที่เราตกลงกันไว้นี่หว่า ไหนแกบอกให้ฉันพูดแบบนั้นไงฟะ
สรุปว่าหล่อนเองก็เปลี่ยนมาใช้ข้ออ้างของฉันเนี่ยนะ แบบนี้ถ้าพวกเขาเชื่อขึ้นมาจริงๆ ฉันก็ต้องไปล้างห้องน้ำคนเดียวสิ แกหักหลังฉัน!
“เอ๋” ปลาดาวส่งสายตางงๆ กลับมาให้ฉัน
“สรุปว่าเธอมาขอเข้าชมรม ส่วนอีกคนมาล้างห้องน้ำสินะ” น้ำเย็นพูดขึ้นหลังจากที่เห็นเราสองคนส่งสายตาเถียงกัน ถ้าเขาอ่านออก มันก็คงจะประมาณว่า…
‘แกบอกให้ใช้แผนล้างห้องน้ำไม่ใช่เหรอ’
‘แกก็บอกให้บอกว่ามาสมัครเข้าชมรมนี่’
เรายึกยักกันครู่หนึ่ง ปลาดาวก็หันไปตอบน้ำเย็น
“ใช่” เธอเล่นละครต่อ
แหงสิ… แกไม่ต้องมาล้างห้องน้ำแบบฉันนี่
“เราไม่รับนักเรียนเป็นคนทำความสะอาดห้องน้ำ นั่นมันประกาศสำหรับคนนอก” พี่แว่นเอ่ย
ฟู่ว… ฉันแอบถอนหายใจ ในขณะที่สายตาก็เหล่มองตาน้ำเย็นด้วย หวังว่าเขาจะไม่เห็นนะ
“นั่นไงว่าแล้ว งั้นฉันกลับล่ะ” ฉันรีบดึงมือปลาดาวในเดินหลบกันออกมา ทว่าน้ำเย็นก็ก้าวมาขวางทางไว้เสียก่อน
หน็อย กัดไม่ปล่อยเลยนะ
“เนียนจริงๆ เลยนะเธอเนี่ย” เขากอดอกว่า “พี่วินครับ สองคนนี้มีพิรุธสุดๆ”
“ถ้าจะไปสมัครก็ห้องข้างล่างนู่นสิ” อีตาพี่วินเสริม
“งั้นพี่ก็ถอยไปสิ เรากำลังจะไปอยู่นี่ไง” ปลาดาวโบกมือไล่
ทว่า… นายสองคนนั้นยอมซะที่ไหน
“คิดว่าพี่เชื่อเหรอ” พี่วินขมวดคิ้ว “พวกเราคิดจะมาขโมยอะไรกันจริงๆ ใช่ไหม ไม่งั้นจะขึ้นมาที่ห้องพักทำไม”
ไปกันใหญ่แล้ว… อีตาพี่วินนี่ก็คิดแบบนั้นด้วยเหรอเนี่ย ถ้าสองคนนั้นได้รู้ถึงความรวยอันเหลือทิ้งเหลือขว้างของยัยปลาดาว พี่แกคงไม่พูดออกมาแบบนั้นแน่…
“มันมีอะไรให้ขโมยคะพี่ กางเกงในนักดนตรีเหรอ” ฉันประชด
เอ๊ะ ก็ไม่แน่ รู้สึกว่าในชมรมนี้ก็มีหนุ่มฮอตๆ เพียบ น่าจะทำกำไรได้เยอะอยู่นะ…
เดี๋ยวก่อน นี่แกคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย
“พวกเราก็รู้ว่าเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นมันราคาเท่าไร กฎนี้มีขึ้นก็เพื่อรักษาทรัพย์สินของทางชมรม”
ไม่! ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าไอ้เหตุผลของการห้ามนักเรียนนอกชมรมเข้ามาในตึกนอกคาบเรียนคือการป้องกันขโมยเนี่ย… กฎบ้าอะไรฟะ คิดว่าฉันจะสามารถขโมยกีตาร์ได้โดยการจับมันยัดใส่กระเป๋ากระโปรงแล้วเดินออกไปในไม่มีใครเห็นหรือไง
“พอ…” ยัยปลาดาวยกมือห้ามฉันที่กำลังจะไฟท์กับพี่แว่นต่อ เจ้าหล่อนจ้องรุ่นพี่ตาเขม็ง คงจะโดนจี้ใจดำ ไอ้เรื่องความรวยนี่ใครอย่าบังอาจมาดูถูกเจ้าหล่อนเชียว “ไม่เชื่อใช่ไหม…”
ปลาดาวโบกมือพี่วินให้พ้นทางอีกครั้ง แต่เจ้าตัวไม่ยอมขยับ หล่อนก็แหวกทั้งเขาและน้ำเย็นเพื่อเดินเข้าไปในห้องนั้น ทำเอาทั้งสองเซเล็กน้อยก่อนจะมองตามอย่างงงๆ ปลาดาวตรงไปที่กีตาร์ตัวนั้น หล่อนหยิบมันขึ้นมาก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงมุมห้อง แล้ววางมันลงบนตัก
อย่าบอกนะว่ายัยนั่นจะ…
ยังไม่ทันจะได้เดาอะไรเสร็จสรรพ ปลาดาวก็ก้มหน้า เริ่มเล่นเพลง ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเล่นดนตรีมากนัก ฉันก็พอรู้ว่าสิ่งที่เจ้าหล่อนกำลังเล่นอยู่มันเรียกว่าฟิงเกอร์สไตล์
ทำนองเพลงแปลกหูแบบที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่ช้า แต่ก็ไม่เร็วมากนัก ฟังเพลินๆ สบายหู ชวนให้นึกถึงฉากในหนังคาวบอยขี่ม้า ฉันแอบเหลือบไปมองทางพี่วินและน้ำเย็น พวกเขายืนฟังเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร
แต่แล้วทำนองเพลงก็เริ่มเร็วขึ้น นิ้วของยัยปลาดาวเริ่มระรัวบรรเลงเพลง จนกระทั่งถึงท่อนหนึ่ง ปลาดาวหลับตาลงเหมือนดื่มด่ำกับบทเพลง แต่ในขณะเดียวกันนิ้วของเจ้าหล่อนก็ไม่ได้เคลื่อนที่ช้าลงเลย มันกลับเร็วขึ้นและกดลงบนสายอย่างแม่นยำ
พี่วินเริ่มกอดอก ดูจริงจังกับการดูยัยปลาดาวเล่นเพลงมากขึ้น ขนาดฉันที่เป็นผู้หญิงเองยังแทบจะกรี๊ด ขอบอกเลยว่าเท่ชะมัด! พอจะรู้มาบ้างว่าเธอเคยประกวดดนตรีตอนเด็กๆ แต่ฉันไม่เคยเห็นปลาดาวในมุมนี้มาก่อน
แล้วเพลงก็จบลง ปลาดาวเงยหน้าขึ้นมายักคิ้วให้คนที่ยืนกอดอกนิ่ง ฉันปรบมืออย่างออกนอกหน้า
รางวัลหนูน้อยนักดนตรีสมัยปอห้า ที่หล่อนอวดนักว่าได้มาจากห้างดอกบัวไม่ใช่เรื่องโกหก สกิลการเล่นกีตาร์ของปลาดาวเมื่อกี้เรียกได้ว่าระดับมืออาชีพเลยทีเดียว
“สุดยอดเลยปลาดาว” ฉันกรี๊ด
จะว่าไปก็ดีใจที่รอดตายมากกว่าการได้เห็นเพื่อนโชว์เทพ
“ดาวยังเล่นเปียโนกับไวโอลินได้อีก ถ้าไม่รับเข้าก็ไม่เป็นไรนะคะ” ปลาดาวลุกขึ้นก่อนจะวางกีตาร์ไว้ที่เดิมแล้วเดินออกมาจากห้อง ท่าทางนางดูอวดเท่ใช้ได้ เหมือนเพิ่งได้ต่อยใครไปหมัดหนึ่ง “แล้วก็อย่างที่บอก ของพวกนี้ที่บ้านฉันมีหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องขโมยอะไรเลย”
อวดรวยไปอีก… ถ้าฉันไม่ใช่เพื่อนแก ขออนุญาตหมั่นไส้ได้ไหม
พี่วินยังคงยืนนิ่งไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่าเขาอึ้งหรือเพราะโดนมนต์สะกดของเพลงยัยปลาดาวกันแน่ ส่วนน้ำเย็นก็ไม่ได้หืออืออะไรเพราะขนาดลูกพี่ยังยืนเงียบ พวกเราก็เลยเดินออกมาอย่างชิวๆ
“พี่วิน พวกนั้นจะไปแล้วนะ” ฉันได้ยินเสียงน้ำเย็นดังขึ้นไล่หลัง
ชิ! รุ่นพี่ของนายไม่คิดจะเอาเรื่องพวกฉันแล้วเพราะเจอความสามารถของปลาดาวเข้าไป นายจะฟื้นฝอยหาตะเข็บให้ได้อะไรขึ้นมายะ
“เดี๋ยวก่อน!”
นั่นไง… พี่วินก็เลยตะโกนขึ้นไล่หลัง
“ว่าไงคะ” ปลาดาวหยุด แล้วหันไปเลิกคิ้วใส่เขาอย่างอารมณ์เสีย
หืม… เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คิดจะหาเรื่องต่อ สีหน้ายัยปลาดาวก็เลยเปลี่ยนไป
“ตกลง พี่รับเราเข้าชมรม”
หา….
“น้ำเย็นเนี่ยนะ” ปลาดาวร้องทำเอาฉันต้องรีบตะครุบปิดปากเจ้าหล่อน
“เบาๆ สิยะ เดี๋ยวใครก็ได้ยินหรอก พี่แกยิ่งนึกจะโผล่ก็โผล่มาอยู่”
ปลาดาวดึงมือฉันออกแล้วลดเสียงลง “เบาก็ได้ อยู่กันสองคนใครจะมาได้ยิน… แต่ไม่เห็นต้องเอามือเค็มๆ ของแกมาอุดปากฉันเลย”
“แก๊…”
“ล้อเล่นๆ” ปลาดาวยิ้มแห้งๆ “ประเด็นคือถ้าเราปล่อยคลิปนี้ เขาก็ต้องรู้ดิว่ามาจากแก เพราะเขาเจอแกด้วยไม่ใช่เหรอ”
“จริงด้วยแฮะ ลืมคิดไปเลย”
เรากำลังพูดถึงคลิปที่ฉันไปบังเอิญถ่ายได้มาตอนที่น้ำเย็นต่อยเพื่อนนักเรียนอื่นในตึกดนตรี อุตส่าห์คิดว่าได้ข่าวอย่างที่ต้องการแล้วแท้ๆ แต่เพราะคำเตือนจากปลาดาวเลยทำให้ฉันต้องพับไอเดียนั้นเก็บไป
“เอางี้ ถ้าถึงกำหนดส่งต้นฉบับแล้วเรายังหาข่าวฉาวของน้ำเย็นไม่ได้ ค่อยใช้ข่าวนี้” ปลาดาวเสนอ ซึ่งก็เป็นความคิดที่ดีเลยทีเดียว แต่…
“ก็แกบอกเองนี่ว่าเขาจำฉันได้ ที่สำคัญกำหนดมันก็ศุกร์นี้แล้วนะ”
“ระหว่างโดนน้ำเย็นแหกกับโดนกัปตันแฉ แกจะเลือกอะไร”
“ทำไมต้องเลือกด้วย ไม่เอาสักอย่างเลยได้ไหม…”
ฉันร้องครวญครางพลางเอาหัวโขกกับโต๊ะเรียน ทำโทษตัวเอง ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวันทำให้พวกเพื่อนๆ ลงไปทานอาหาร พวกนั้นคงคิดว่าฉันบ้าไปแล้วแหงๆ
…ซึ่งมันก็คงจริงมั้ง อันอันจะสติแตกอยู่แล้วค่ะ
“อย่าเพิ่งตายล่ะ… ฉันไปซ้อมดนตรีก่อนนะ ตอนเย็นอาจารย์จะมาดูด้วย แล้วฉันจะแอบดูน้ำเย็นให้ด้วยแล้วกัน”
“อืม…”
ฉันตอบโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามองยัยนั่น ไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ
พลาด! บอกเลยว่าแผนของพวกเราพลาดอย่างแรง…
แม้ว่าปลาดาวจะเข้าร่วมชมรมดนตรีได้สำเร็จ แต่ฉันล่ะ… คนที่แม้แต่จะเป่าขลุ่ยให้เป็นเพลงลาวดวงเดือนยังไม่ได้ มีเหรอที่พี่ประธานชมรมจะรับเข้า เพราะอย่างนั้นคนเดียวที่จะเข้าไปใกล้ชิดน้ำเย็นและคอยสืบหาเรื่องราวด้านมืดของเขาก็คือปลาดาว
โอ๊ย… อันอันเครียด แบบนี้แผนคงสำเร็จช้ากว่าเดิม
สักพักฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนก้าวเข้ามาในห้องเรียน แต่คงเป็นปลาดาวล่ะมั้ง ให้เดาว่ายัยนั่นคงลืมกระเป๋าตังค์ เพราะอย่างนั้นฉันก็เลยไม่ได้สนใจจนกระทั่ง…
“นี่เธอบ้าไปแล้วเหรอ” เสียงนั้นดังขึ้นใกล้ๆ ทำเอาฉันสะดุ้ง พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นเขา
“น้ำเย็น”
ฉันไม่รู้ว่าหน้าผากของตัวเองแดงเถือกขนาดไหน หมอนั่นถึงแอบกลั้นขำตอนเห็นหน้าฉัน แล้วเขาก็ซ่อนรอยยิ้มนั้นไว้ภายใต้หน้านิ่งอย่างรวดเร็ว เป็นรอยยิ้มที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน…
แหม… จะเก๊กไปไหนคะคุณ
“ฉันเองไง” น้ำเย็นเสมองทางอื่น
เดี๋ยวก่อน นี่มันเวลาพักเที่ยง นายต้องไปขลุกอยู่ที่ชมรมดนตรีไม่ใช่เหรอ นายกลับเข้ามาในห้องเรียนทำไม แบบนี้ยัยปลาดาวที่ไปดักรอนายก็รอเก้อน่ะสิ
“มะ… มีอะไร”
นายนั่นยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะของฉัน เขาก้มลงวางทั้งสองมือเท้าโต๊ะ กระนั้นเพราะความสูงอันเว่อร์วังของเขา ทำให้ฉันต้องเงยหน้าคุยกับเขาอยู่ดี
“เสียงสั่นเชียวนะแม่คุณ”
ใครสั่งใครสอนให้พูดแบบนั้นยะ… แล้วฉันเสียงสั่นตรงไหน ทำไมฉันยังควบคุมระดับเสียงของตัวเองไม่ได้สักทีนะ
“อะแฮ่ม…” ฉันแกล้งไอ “เปล่านี่ พอดีว่าเจ็บคอ”
น้ำเย็นยืนนิ่งเลิกคิ้วใส่ฉันไปครู่หนึ่งเหมือนไม่เชื่อ แล้วจึงเอ่ยขึ้น “ฉันมีเรื่องสงสัยจะถาม”
“ก็ว่ามาสิ”
“สรุปว่าเธอไปวุ่นวายอะไรที่ตึกดนตรี”
อ๋อ… เรื่องนี้นี่เอง หมอนี่ยังสงสัยเรื่องฉันไม่เลิกสินะ คิดว่าตัวเองเป็นยอดนักสืบโมริ โคโกโร่หรือไง
ว่าแต่ ลุงโมรินี่เป็นนักสืบที่ไม่ได้เรื่องไม่ใช่เหรอ…
“วุ่นวายที่ไหน ฉันก็อยู่เฉยๆ ของฉัน”
“อย่ามาแถ…”
เดี๋ยวนะ ฉันหูฝาดไปหรือเปล่า นายน้ำเย็นคนซื่อเนี่ยนะ พูดว่า ‘อย่ามาแถ’ กับฉัน พรุ่งนี้พายุจะเข้าหรือเปล่าเนี่ย
“ก็บอกไปแล้วไงว่ามาสมัครล้างห้องน้ำ แต่รุ่นพี่นายบอกเองว่าไม่รับฉัน” ฉันโกหกหน้าด้านๆ
“เนียนจริงๆ เลยนะเธอเนี่ย” เขากอดอกว่า “พี่วินครับ สองคนนี้มีพิรุธสุดๆ”
“ก็…” เอาล่ะสิ ฉันจะแถยังไงต่อดี “ก็… ปลาดาวจะไปสมัครเข้าชมรมนาย แล้วฉันอยากไปด้วย เราตัวติดกันแค่ไหนนายก็รู้ บังเอิญว่าฉันเป่าขลุ่ยเพลงดาวดวงเดือนได้อย่างเดียว ไปสมัครเกรงว่านายจะไม่รับน่ะสิ”
เขาเงียบไปอีกครู่หนึ่งเหมือนใช้ความคิด “ฉันเชื่อที่เธอพูดได้ใช่ไหมเนี่ย”
ไม่ได้! เชื่อไม่ได้เลยสักนิด โดยเฉพาะปลาดาวยิ่งแล้วใหญ่
“สรุปว่านายโดดซ้อมชมรมมาหาฉันเพราะเรื่องนี้สินะ” ฉันเบี่ยงประเด็น เริ่มเมื่อยคอกับการที่ต้องเงยหน้าคุยกับเขาแล้ว “โอ๊ย นายจะมาสงสัยอะไรฉันนักหนา… ฉันก็แค่อยากตามไปดูปลาดาวเล่นดนตรีเท่านั้นเอง”
“นี่เธอติดเพื่อนขนาดยอมล้างห้องน้ำเลยเหรอ ถ้าให้ทำอย่างอื่นจะทำไหม”
ทำอย่างอื่น? น้ำเย็น… นายอย่าพูดอะไรบ้าๆ น้า~
เหมือนน้ำเย็นจะรู้ถึงสิ่งอกุศลที่ฉันเผลอคิด เขาก็เลยรีบกระแอมแล้วชิงพูดขึ้นก่อน
“ฉันหมายถึง ฉันพอจะมีวิธีให้เธอตามเพื่อนของเธอเข้าไปในตึกดนตรีได้” พูดถึงตอนนั้นหูฉันก็ผึ่ง แต่เหล่ตามองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ชั่งใจว่าจะเชื่อเขาดีไหม ไม่รู้ว่าหมอนี่จะมาไม้ไหน น้ำเย็นเห็นดังนั้นก็เลยพูดต่อ “ก็เพื่อนเธอเล่นกีตาร์เก่งจริงๆ นี่ ขนาดพี่วินยังชมเลย”
“ไหงจู่ๆ นายถึงเกิดใจดีขึ้นมาได้ล่ะ”
“ฉันเคยไปใจร้ายใส่เธอตอนไหนมิทราบ”
จริงด้วยแฮะ… เขาเองก็เป็นเพื่อนร่วมห้องฉันนี่นา เขาไม่รู้ว่าฉันแอบตามดูเขาอยู่ ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะร้ายใส่ฉัน ถ้าตัดเรื่องที่เขาสงสัยฉันออกไป ยิ่งน้ำเย็นทำแบบนี้ ฉันยิ่งรู้สึกผิด
ขอโทษนะ แต่กัปตันบังคับให้ฉันทำแบบนี้จริงๆ นายจะใจดีเกินไปแล้วนะเฟ้ย!
น้ำเย็นน่าจะเห็นที่ฉันหน้าเจื่อนไป เขาเลยพูดต่อ “คือฉันเคยเห็นเธอออกแบบโปสเตอร์อะไรในคอมก็เลย…”
อย่าบอกนะว่าเขาเห็นว่าฉันออกแบบจัดหน้าของหนังสือพิมพ์โรงเรียน แบบนี้เขาจะรู้หรือเปล่าว่าเบื้องหลังของฉันคือใคร โธ่… ไม่น่าเอางานชมรมมานั่งทำในห้องเลย คิดว่าไม่มีใครสนใจแล้วเชียว
แต่ก่อนที่ฉันจะคิดเองเออเองไปไกล น้ำเย็นก็พูดต่อ
“ฉันไปได้ยินมาว่าทีมฝ่ายอาร์ตกำลังขาดคน ถ้าเธอสนใจ ฉันแนะนำเธอให้พวกพี่เขาได้ ดูผ่านๆ ผลงานเธอก็สวยดี”
อ้าว! คนละเรื่องแฮะ
แต่กระนั้นดวงตาของฉันก็เปล่งประกายเต็มไปด้วยความหวัง ถ้าทำได้อย่างที่น้ำเย็นว่าจริงๆ ฉันก็สามารถเข้าไปเดินเฉิดฉายในตึกดนตรีได้ทุกเวลาอย่างไม่ผิดกฎ ฉันจะเดินตามน้ำเย็นไปถึงไหนก็ไม่มีใครว่า
ว่าแต่ทำไมชมรมดนตรีถึงมีฝ่ายอาร์ตอะไรนั่นด้วยล่ะ…
แต่ยังไงก็ช่าง…
“ตกลงๆ รับฉันเข้าด้วยน้า~” ฉันกระดี๊กระด๊าแทบจะกระโดดกอดน้ำเย็นไปแล้ว ถ้าเขาไม่เอามือดันหัวฉันไว้ก่อน
“งั้นเดี๋ยวฉันนัดรุ่นพี่ให้ พรุ่งนี้สี่โมงครึ่งไปที่ตึกดนตรีชั้นสี่ ชั้นที่เธอไปเล่นซ่อนแอบน่ะ จำได้ไหม”
ยังจะมาแอบแขวะฉันอยู่อีก หึๆ แต่ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ น้ำเย็น นายเสร็จฉันแล้วล่ะ แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าชักศึกเข้าบ้าน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 27
Comments