สวนแห่ง เอน่า ลานกว้างนอกหุบเขา เขตตะวันออก
// คุโรอิ ซามิ
"...ร......เรียนวิชาดาบ??"ฉันพูดทบทวนในสิ่งที่คุณมอเดร็ดเขาเสนอขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยอารมณ์ที่ตกตะลึงในคำพูดของเขา
"ใช่แล้ว.......ถ้าจะเรียกให้ถูก.......มันก็คือวิชามีดสั้นที่นักฆ่านิยมใช้ เพียงแต่วิชานี้สามารถใช้ได้ในดาบยาว ก็เลยจัดอยู่ในหมวดวิชาดาบ..........แล้วมันก็ยังเป็นวิชาที่ข้าถนัดมากที่สุด..........ทั้งแบบเดี่ยว และก็คู่......."คุณมอเดร็ดเขาบรรยายถึงความเป็นมาของวิชาดาบให้ฉันฟัง
"................"ฉันในตอนนี้ทำได้เพียงแค่เงียบ แล้วก็ฟังในสิ่งที่มอเดร็ดเขากำลังพูดต่อจากนี้
"เป็นวิชาที่รวดเร็ว และเน้นการโจมตีที่ถึงจุดตายของคู่ต่อสู้ภายในครั้งเดียว..................สมัยก่อน ข้าได้ใช้วิชานี้ต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆมานัดต่อนัดเรื่อยมา....พัฒนา เรียนรู้ และก้าวข้าม.........จนกระทั้งข้าได้ขึ้นมาเป็นจอมมาร......เลยตัดสินใจ หันไปใช้ดาบเล่มนี้แทน"มอเดร็ดเขาเอี้ยวตัวของเขาเล็กน้อย เพื่อที่จะให้ฉันสังเกตเห็นดาบยาวสีทองดำที่เสียบอยู่ที่เอวของเขา
"..............."ฉันที่เห็นแบบนั้น ก็ไม่กล้าที่จะตอบอะไรกลับไป เพราะมันฟังดูเป็นการตัดสินใจที่ใหญ่มากๆยังไงก็ไม่รู้
".......มิกะ....ซามิ.....ถ้าเทียบกันทางสายเลือดแล้ว พวกเจ้านั้นวิเศษ !........มูลค่าร่างกายของพวกเจ้าทั้ง 2 ต่อให้มีล้านๆชีวิตที่อยู่ในทวีปแห่งนี้มากองรวมกัน ก็ยังเทียบไม่ได้.............แล้วนั้นก็เป็นสาเหตุที่น้องสาวของเจ้ามีร่างกายเป็นแบบนั้น.....หึหึหึ.....เด็กฉลาดๆแบบเจ้า คงจะเข้าใจซินะ...ว่าข้าหมายถึงอะไร........."มอเดร็ดชี้นิ้วไปที่มิกะ ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในอ้อมแขนของน้าริน พร้อมๆกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
"................."
.......กดดัน........เขาใช้มิกะมากดดันการตัดสินใจของฉัน............เหมือนกับว่าเขาพยายามที่จะ....
"ไม่ต้องกังวล..........วิชาดาบที่ข้าตั้งใจจะถ่ายทอดให้พวกเจ้า ต่อให้ มิกะที่มีร่างกายแบบนั้น ก็ยังสามารถฝึกใช้วิชานี้ แล้วนำไปใช้ได้อย่างชำนาญ ถ้าเจ้ากับมิกะยอมรับข้อเสนอของข้า ข้าก็ยินดีที่จะถ่ายทอดวิชาดาบดังกล่าวของข้าให้แก่พวกเจ้า"มอเดร็ดเขาพูดขึ้นมา พร้อมๆกับจ้องมาที่ฉันแบบไม่กระพริบตาเลย ทั้งๆที่เขาไม่มีลูกกระตามามองที่ฉันแล้วก็ตาม
"ข้อเสนอ!??//ข้อเสนอ??"ทั้งน้าริน และพี่ควินที่เอาแต่ยืนฟังมาสักพัก เมื่อพวกเขาได้ยินมอเดร็ดพูดกล่าวถึงข้อเสนอปริศนา ที่พวกเขาทั้งคู่ ไม่เคยได้ยินมาจากปากของมอเดร็ดมาก่อน ก็ได้เกิดท่าทีสงสัยออกมา
"หืม?? นี้ข้ายังไม่ได้บอกข้อเสนอเรอะ?? แม้ๆ คนแก่ๆก็แบบนี้ละ ฮาๆๆๆ"มอเดร็ดที่ได้เห็นท่าทีของน้ารินและก็พี่ควิน ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
"............แล้ว?.....ข้อเสนอของคุณมอเดร็ดที่ว่าล่ะ??"น้ารินถามมอเดร็ดกลับไป ฉันที่เห็นท่าทีของน้าริน น้าเขาก็ดูจะสนใจที่จะให้มอเดร็ด เขามาสอนวิชาดาบให้ เพราะน้าตั้งใจอยากจะให้พวกเราเป็นทหารอยู่แล้ว ยิ่งมาได้ยินมอเดร็ดพูดแบบนี้ น้ารินก็ดูมีความสนใจมากเป็นพิเศษ
"..ข้อเสนอของข้ามีเพียงข้อเดียว..........เพียงแค่บอกที่อยู่ของวิเรียและก็เด็ก 2 คนนั้นแก่ข้า......."
"!!???//????"
น้าริน และก็พี่ควินที่ได้ฟังข้อเสนอของมอเดร็ด พวกเขาถึงกับแสดงสีหน้าที่ดูตกอกตกใจออกมา
น้าริน เป็นเพียงคนนอกเพียงคนเดียวที่รู้ว่าพวกเราอาศัยอยู่ที่ไหน หมู่บ้านที่พวกเราอาศัยอยู่ เป็นหมู่บ้านขนาดกลาง ที่หลายๆหมู่บ้านตั้งอยู่ใกล้ๆกัน เวลาน้ารินมาหา เธอจะให้คนขับรถม้ารออยู่เมืองท่าไกลๆเกือบ 10 กิโล แล้วน้ารินก็จะควบม้าเข้ามาเอง ที่น้ารินต้องทำแบบนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา 3 แม่ลูก ฉันก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมน้าริน ถึงไม่พาพวกเราไปอยู่ที่ๆมีทหารคุ้มกันหนาแน่น ฉันก็เลยนำความสงสัยนี้ไปลองถามแม่ดู แล้วคำตอบที่ฉันได้รับมาจากท่าน ก็คือตัวของมิกะในตอนนี้..........
"จริงจัง??"พี่ควินที่เป็นผู้ติดตามของมอเดร็ด ถึงกับถามขึ้นมา
"................."
"จริงๆ ข้อเสนอของข้ามีเพียงแค่นี้ ถ้าข้าไม่รู้ที่อยู่ของพวกนาง ข้าก็ไม่มีทางไปสอนได้หรอกจริงไหม??........หรือพวกเจ้ามีวิธีอื่นมาเสนอกับข้าละ??"มอเดร็ดเขา หันกลับไปถามน้าริน
"............"ฉันหันไปจ้องมองที่น้าริน เพราะฉันไม่รู้ว่าจะตอบปฏิเสธเขายังไงดี ฉันรู้สึกว่านี้มันยังเร็วเกินไป.............ในอนาคตฉันก็ยังไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไรด้วย การเป็นทหารและทำงานร่วมกันกับน้าริน ก็ฟังดูเป็นทางเลือกที่ไม่เลว...........ถ้าฉันเลือกที่จะตอบตกลงที่จะเรียนวิชาดาบกับมอเดร็ด เขาจะเปลี่ยนให้ฉันแล้วก็มิกะกลายเป็นยอดนักรบชั้นแนวหน้าได้แน่ๆ.........แต่......
".............ดูเหมือนว่า ซามิ ยังไม่สนใจที่จะเรียนวิชาดาบในตอนนี้นะคะคุณมอเดร็ด ฉันคงต้องขอปฏิเสธแทนพวกเธอไปก่อน"น้ารินเห็นท่าทีของฉัน เธอเลยตอบมอเดร็ดเขาไปตามสิ่งที่เขาเห็น
"ไม่เป็นไร๊! ไม่เป็นไร.............ยังมีเวลาให้ไตร่ตรองอีกเยอะ......ข้าจะไม่รั้งพวกเจ้าเอาไว้แล้วล่ะ.........ข้าขอตัวก่อน ข้าต้องนำรถม้าไปที่โรงเก็บให้เรียบร้อย แล้วข้าจะตามเจ้าไปภายในงานทีหลัง"มอเดร็ดเขาตอบกลับมา
"คะ เจอกันข้างในนะ!"น้ารินได้ใช้มือข้างที่ยังว่างโบกมือลามอเดร็ดด้วยท่าทีที่เป็นกันเองแบบสุดๆ มอเดร็ดที่เห็นแบบนั้น เขาก็ได้หันกลับเดินไปที่รถม้าของเขาในทันที
"...........ไม่คิดว่ามันน่าเสียดายหรอ ริน??"พี่สาวที่มีชื่อว่า ควิน เดินเข้าไปคุยกับน้าริน
"มันก็น่าเสียดายจริงๆนั้นแหละ วิชาดาบของฉันเน้นไปที่ความรวดเร็วในการทำลายภายในดาบเดียว ต่างจากวิชาของมอเดร็ดที่เน้นไปที่การฆ่าคู่ต่อสู้ภายในกระบวนท่าเดียว..........แล้ววิชาของฉันมันจะตั้งท่านาน เป็นการเปิดโอกาสให้ศัตรูโถมเข้ามาใส่ ถ้าต่อสู้กับคนที่ไม่ชำนาญหรือคนที่เคยเห็นครั้งแรก มันก็จะเป็นวิชาที่โหดจนคู่ต่อสู้จับจังหวะไม่ถูก......แต่ถ้าเกิดอนาคตต้องไปเจอกับศัตรูที่เก่งกาจหรือถูกอ่านการเคลื่อนไหวออก วิชาของฉันก็จะเสียเปรียบมาก ดังนั้นในการต่อสู้ ควรจะงัดมันออกมาใช้ในจังหวะที่สำคัญ...ไม่ก็รีบจบชีวิตอีกฝ่ายให้เร็วที่สุด........ถ้าได้เขามาสอนให้กับทั้งสองคน รับรองได้เลยว่าในอนาคตจะกลายเป็นคนที่มีทักษะการต่อสู้ที่สูงกว่าฉันแน่นอน...........เธอที่เคยต่อสู้กับเขาในฐานะศัตรูก็น่าจะมีโอกาสได้เห็นวิชาดาบนั้นเป็นที่ประจักแล้วนี่"น้ารินหันหน้ากลับไปพูดกับพี่ควิน
".........ก็ได้เห็นจากประสบการณ์มาแล้วน่ะซิ........ถึงได้มาถามเธอว่า ไม่เสียดายเรอะ??"
".............แต่มอเดร็ดเขาก็ยังให้โอกาสกลับมาตัดสินใจใหม่นะ!.......เรื่องข้อเสนอ....ฉันคิดว่า คนอย่างเขาจะไม่มีทางทำให้ที่อยู่ของวิเรียหลุดออกไปแน่นอน....แต่ก็ต้องถามความสมัครใจเจ้าตัวก่อน..........ไว้จบงานนี้ ฉันจะลองไปคุยกับวิเรียอีกที........"น้ารินพูดตอบกลับพี่ควินไปพร้อมๆกับใช้มือของน้าหันไปมาลูปที่หัวของฉัน
"อืม ........ฉันไปก่อนนะ เอาไว้ในงานค่อยมาคุยกัน"พี่ควินโบกมือลา ก่อนที่จะหันหน้าเดินตรงไปที่รถม้าทันที
น้ารินเองก็โบกมือลากลับไปเช่นกัน ก่อนที่จะกลับมายืนเงียบ พร้อมๆกับท่าทีที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างในหัว
อืม.........แม่เคยบอกกับฉันว่า น้าริน เขาเป็นคนที่คิดมากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งทำงานเป็นทหาร ก็ต้องมีความรอบครอบ ดังนั้นคุณแม่ก็เลยกำชับมาว่า อย่าไปทำอะไรที่ทำให้น้ารินเขาไม่สบายใจ นี้คือสิ่งที่แม่ของฉันเคยบอกมา
"......................"
"งั้นเราก็รีบเข้าไปในงานกันเถอะ..."น้ารินหยิบสัมภาระขึ้นมา แล้วนำสัมพาระนั้นไปถือไว้ที่แขนที่กำลังอุ้มมิกะอยู่ ราวกับว่ามันเบาเหมือนขนนกซะอย่างงั้น ทั้งๆที่ความเป็นจริง ฉันแอบเห็นพี่ควินแทบจะยกสัมภาระชิ้นนั้นขึ้นมาถือ แทบจะไม่ไหว นั้นเป็นเหตุที่ทำให้เธอได้วางสัมภาระชิ้นนั้นลงกับพื้นแทน ฉันละสงสัยจริงๆว่า ในกระเป๋านั้นมันมีอะไรอยู่กันแน่นะ
น้ารินเธอใช้มือที่ว่างอีกข้างคว้ามาที่ข้อมือของฉัน ก่อนที่จะพาเดินจูงเดินเข้าลึกไปภายในงาน
สวนแห่งเอน่า ทางขึ้นหุบเขา ทิตะวันตก
//คุโรอิ ซามิ
นี้ก็ผ่านมาแล้วเกือบ 20 นาทีตั้งแต่ลงจากรถม้ามาแล้วนะ แต่ทำไมเรายังเดินไม่ถึงใจกลางของงานสักที
ฉันที่ทำได้เพียงแค่คิดแล้วก็เดินตามน้ารินเข้าไปในงาน เดินมา 20 กว่านาทีแล้ว ยังไม่ถึงใจกลางงานแสดงว่าที่นี่มันค่อนข้างใหญ่เอาเรื่อง รอบๆตัวของฉันและน้าริน ก็มีผู้คนเดินสวนกันปะปาย ไม่หนาแน่นเหมือนกับที่ตอนลงมาจากรถม้าใหม่ๆ อาจจะเป็นเพราะฉันได้เดินผ่านส่วนของอาหารริมทางเข้ามาแล้ว และในจำนวนที่ผู้คนเดินผ่านกันปะปาย ก็มีทั้งคนปกติ เผ่าครึ่งคนครึ่งสัตว์ มิโนทอร์ และก็ผีดิบที่สวมชุดหรูๆสีฉูดฉาด ต่างพากันเดินเที่ยวเล่นกันภายในงานแห่งนี้
ผีดิบที่สวมเสื้อผ้าหรูๆ ดูมีราคา ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นอดีตขุนนางที่ไหนสักแห่ง ที่ได้ตายไปแล้ว.....แต่ก็ยังคงลุกขึ้นมาแบกขวดเหล้า แล้วกระดกลงคออย่างมีความสุข......ดูมีชีวิตชีวา.......ทั้งชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้าธรรมดาๆ ก็ดูเหมือนจะไม่กลัวพวกเขาเหล่านั้นด้วย......
ฉันลองมองสังเกตดีๆ เหมือนว่าทหารที่คอยดูแลที่นี่ จะสวมชุดเกราะสีม่วง แล้วมีตราสีเขียวที่คล้ายๆเข็มกัด แปะอยู่ที่อกซ้ายของพวกเขา แล้วก็ยังมีปลอกแขนที่ดูคล้ายๆผ้าสีแดงผูกเอาไว้ที่ต้นแขนซ้ายอีกด้วย ที่สำคัญเลยก็คือ พวกเขามีทั้งคนเป็นๆ และก็คนที่ดูเหมือนว่าจะตายไปแล้ว ทำงานร่วมกันอีก มันเป็นหนึ่งในภาพที่ประหลาดๆอย่างบอกไม่ถูก ที่คนเป็นและก็คนตายใช้ชีวิตร่วมกันอย่างผิดธรรมชาติ......แต่มันกับลงตัวอย่างบอกไม่ถูก
"........น้าเห็นหนูเอาแต่จ้องพวกพี่ๆเขามาสักพักแล้วนะ? มีอะไรสงสัยเหรอจ๊ะ?"น้ารินที่เหลือบมาเห็นฉัน ก็ได้พูดถามขึ้นมา
"...ค่ะ..........มันเป็นภาพที่แปลกตาหนูมากๆเลย......หนูไม่เคยเห็น คนที่ยังมีชีวิตอยู่อาศัยอยู่ร่วมกันกับคนตายเยอะแบบนี้มาก่อน.........ท่านอาจารย์ก็เคยบอกกับหนูนะว่า.....คนเป็นมักจะกลัวคนที่ตายไปแล้ว..........อย่างไม่มีเหตุผล............"ฉันบอกความรู้สึกของฉันให้น้ารินฟัง ถึงฉันจะชินที่จะพูดคุยกับคนที่ตายไปแล้วก็จริง แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นภาพผู้คนจำนวนมาก ต่างใช้ชีวิตร่วมกันกับคนตายแบบนี้มาก่อน
".อืม..........มันพึ่งจะเป็นแบบนี้ได้แค่ 10 กว่าปีเอง....... ผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ดังเดิม ก็ตายไปจนเกือบหมด เพราะผลกระทบของสงคราม และก็การขาดแคลนอาหาร เจ้านายของน้าเลยทำการยึดผืนดินแถบนี้ ไปเป็นอาณาเขตของตนเอง จากนั้นก็ใช้เนโครแมนเซอร์ในการปลุกชีพคนที่ตายแล้วฟื้นขึ้นมาในระดับ 1"น้ารินอธิบายตอบกลับมา
"ระดับ 1???"
"การปลุกชีพในระดับที่ 1 ก็คือการสร้างซอมบี้ยังไงล่ะ การปลุกชีพคนที่ตายแล้วขึ้นมา ให้มามีชีวิตอีกรอบ ไม่ใช่จะปลุกขึ้นมาได้ดื้อๆนะ การจะให้พวกเขามีชีวิตในฐานะซอมบี้ในระยะยาว จำเป็นที่จะต้องซ่อมแซมร่างกายของพวกเขาให้กลับมาเป็นแบบสมัยที่พวกเขาเคยมีชีวิตอยู่ให้มากที่สุด จากนั้นก็จะนำดวงวิญญาณของพวกเขาใส่เข้าไปในร่าง"
"........แบบนั้นก็ไม่ต่างจากการคืนชีพในระดับสูงเลยนี้ค่ะ??"ฉันยิงคำถามน้ารินกลับไปทันที"
"รู้จักการคืนชีพในระดับสูงด้วยเหรอ??"น้ารินถามสวนกลับมา พร้อมๆกับมองมาที่ตัวของฉันด้วยความตกใจเล็กน้อย
"ท่านอาจารย์เคยเล่าให้ฟังมาค่ะ.....การคืนชีพในระดับสูง มีอนุภาพที่แทบจะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่ ต่อให้หัวขาด ตัวเละ หรือเหลือแต่กองเลือด ก็สามารถคืนชีพขึ้นมาใหม่ได้ด้วยการสร้างร่างกายใหม่ที่เหมือนกับของเดิมขึ้นมา แต่ที่หนูฟังจากน้ารินมาเมื่อกี้ เหมือนว่าพวกน้าจะซ่อมแซมร่างกายของพวกเขาแล้วก็ดึงวิญญาณมาใส่ร่าง หนูเลยคิดว่าการทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการคืนชีพในระดับสูง......"ฉันได้บอกเล่าสิ่งที่ฉันคิดให้น้ารินฟัง
"ถ้ามันง่ายแบบนั้นจะเรียกว่า การสร้างซอมบี้ ไปทำไมล่ะ?.............ถ้าจะตีความให้หนูเข้าใจง่ายๆล่ะกัน เวลาที่คนเราตายไปแล้ว ดวงวิญญาณของเราจะปรับสภาวะอุณหภูมิสูงไปเป็นต่ำอย่างฉับพลัน แล้ววิญญาณก็จะหลุดออกจากร่าง สูญเสียการคอนโทรนมานา และการมีตัวตนไป จนกลายเป็นผี อย่างที่คนทั่วๆไปเข้าใจ สภาวะแบบนี้พวกน้าเรียกว่า ดวงวิญญาณที่ผ่านประตูแห่งความตาย มาแล้ว กลับกันการชุบชีวิตระดับสูง เป็นการฟื้นฟูหรือสร้างร่างกายใหม่ที่สมบูรณ์ 100% อย่างที่หนูเข้าใจ แต่การชุบชีวิตระดับสูงนี้มีความพิเศษอยู่อย่าง ก็คือการบังคับสภาวะให้ดวงวิญญาณกลับกลายเป็นเหมือนเก่า ก่อนที่จะตาย"น้ารินอธิบายตอบกลับมา
".........มันซับซอนจัง...."
"หนูไม่เคยกอดมิกะเลยเหรอ?"น้ารินถามกลับมา
"อันนั้นหนูไม่กล้าค่ะ......หนูกลัวว่าหุ่นของมิกะจะแหลกเอาคามือของหนู......"ฉันตอบกลับไปตามตรง เพราะตัวของฉันมีพละกำลังค่อนข้างมาก ต่างจากเด็กคนอื่นๆในหมู่บ้านพอสมควร
"ฮ่าๆๆ นั้นซินะ มิกะน่ะ เป็นดวงวิญญาณของคนเป็น ที่ยังไม่ได้ตาย แม้ไม่มีร่างกาย แต่ก็ยังไม่ตาย....."น้ารินมองไปที่มิกะที่กำลังนอนหลับอยู่ที่อุ้มแขนของน้า
............มิกะ..........
ฉันเห็นท่าทีของน้ารินที่จ้องมองไปที่มิกะด้วยสายตาที่เศร้าหมองเล็กน้อย ก่อนที่น้าจะหันกลับมาจ้องที่ฉัน
"ไม่ต้องห่วงนะ สักวันน้าจะหาร่างดีๆให้มิกะเอง"น้ารินส่งยิ้มมาให้ฉันอย่างเป็นกันเอง
"โอ้ว! คุณหญิงรินฮะ!"
ระหว่างที่น้ารินกับลังส่งยิ้มมาให้ฉัน จู่ๆก็มีเสียงปริศนาพูดแทรกขึ้นมาเรียกชื่อน้าสาวของฉันทันที
"หืม....?"น้าสาวของฉันหยุดเดินทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกตนพร้อมกับมองไปหาต้นตอของเสียง
"คุณหนูกำลังรอท่านอยู่ในห้องโถงชั้นบนของว่าที่นายหญิงนะคะ"
จู่ๆก็ปรากฎร่างหญิงสาวผมสีดำสวมแว่นมัดผมหางม้า สวมชุดคนใช้กำลังถือขวดไวท์สีแดง ยืนอยู่ตรงหน้าของฉัน ที่สำคัญขนาดหน้าอกของเธอก็ไม่น้อยหน้าไปกว่าน้ารินเลย เห็นแล้วหมั่นไส้อยากจะเอามือไปตบให้มันกระเด็งซะจริงๆ........เห็นละอึดอัดแทน
"งั้นหรอ...?....ออแล้ว มิเรนมาถึงนานแล้วรึยัง? กาฟรา(กา - ฟา)"น้ารินเรียกชื่อของคู่สนทนาขึ้นมา
"มาถึงงานราว 2-3 ชั่วโมงที่แล้วค่ะ ทางนี้กำลังนำไวท์ไปเสิร์ฟให้ท่าน เสเดย์ อยู่ ท่านจะมาด้วยกันไหมคะ?"สาวคนรับใช้ที่ชื่อว่า 'กาฟรา' ตอบกลับพร้อมกับหันมาจ้องที่ฉันที่กำลังเดินจูงแขนกับน้ารินและมิกะที่กำลังนอนอยู่อุ้มแขนของน้าริน
สายตาของเธอค่อนข้างน่ากลัวแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ ฉันเผลอสบตากับเธอเข้า ฉันเลยรีบไปหลบอยู่ใกล้ๆกับน้ารินทันที
"ออ! ขอบใจนะ ฉันก็ว่าจะไปหาเสเดย์อยู่พอดี รบกวนช่วยนำทางหน่อยนะ กาฟรา"น้ารินพูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้กับพี่สาวที่มีชื่อว่ากาฟราอย่างเป็นกันเอง
"งั้นก็ตามฉันมาเลยค่ะ!"เธอตอบตกลงพร้อมๆกับหยิบสัมภาระที่น้ารินถือไว้มาที่ตัวเอง เมื่อเธอพูดจบ พี่สาวคนรับใช้ก็ได้เดินนำหน้ามุ่งเข้าไปภายในงานทันที
ย.....ยกไหวงั้นเรอะ??
ฉันที่เห็นพี่สาวใช้คนนั้นรับสัมพาระจากน้ารินมาถือ โดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะหนักเลย ฉันที่คิดว่าตัวเองแรงเยอะแล้ว แต่ก็ยังยกเจ้ากระเป๋าใบนั้นขึ้นมาไม่ไหว ถ้าฉันโดนแม่นางคนนั้นตบคืน จะไม่กระเด็นเป็นลูกปิงปองเลยเรอะ!
ระหว่างที่ฉันกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปลือยภายในหัว น้ารินก็ได้ยื่นมือของน้าที่ยังว่างอยู่มาคว้าข้อมือของฉัน พร้อมๆกับเดินจูงตามพี่สาวคนรับใช้คนนั้นไปทันที
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::;:;;;:::::
เมื่อเดินเข้ามาได้สักพักฉันก็เริ่มได้ยินเสียงดนตรีดังมากขึ้นทุกทีๆ มันเป็นเสียงจากเครื่องดนตรีอะไรสักอย่างที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน มันเป็นทำนองเสียงเบาๆหวานๆอะไรแบบนั้น
"เด็ก 2 คนนั้นเป็นลูกของท่านวิเรียเหรอค่ะ ท่านหญิง?"ระหว่างเดินลึกเข้าไปในงาน กาฟราก็เอ๋ยปากถามน้ารินอย่างมีมารยาทตามฉบับคนรับใช้ขึ้นมา
ฉันตกใจที่พี่สาวคนรับใช้คนนั้นได้ถามคำถามที่เกี่ยวข้องกับฉันจากน้าริน แล้วจากการที่พี่เขาได้พูดถึงแม่ของฉัน ก็แสดงว่าพี่เขาเองก็คงจะรู้จักแม่มานานแล้ว ฉันจึงตัดสินใจรีบเดินตามน้ารินไปติดๆ
น้ารินหันมามองที่ตัวของฉันทันทีที่ฉันได้เดินเข้าไปใกล้ๆน้าริน
"ใช่แล้วล่ะ"น้ารินตอบกลับ เธอปล่อยมือจากที่ข้อมือของฉันแล้วหันมาลูปหัวแทนระหว่างที่เดิน
"ครั้งล่าสุดที่ดิฉันเจอพวกเธอ ก็ยังเป็นเด็กแรกเกิดอยู่เลย........และช่างเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจพวกเธอทั้ง 2 คนจริงๆเลยนะเจ้าคะ"กาฟราหันมามองที่มิกะและค่อยมาสบตากับฉันก่อนที่จะหันไปพูดกับน้ารินต่อ
จริงๆด้วย......สายตาที่พี่สาวคนนั้นมองมาที่ฉัน มันไม่ใช่สายตาเวทนาเหมือนกับมอเดร็ด.....
ฉันที่ได้สบตากับพี่สาวคนนั้น ก็รับรู้ได้ทันทีว่า พี่สาวคนนี้เป็นอันตรายกับฉันแน่ๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งละ ผิดกับคุณมอเดร็ด ถึงเขาจะมีหัวที่เป็นโครงกระดูก แล้วไม่มีลูกตาเป็นรูปธรรม แต่ฉันสามารถรับรู้ได้ว่า สายตาที่เขามองมาที่พวกฉันนั้นเป็นสายตาที่เวทนา.......ที่ป่ะปนกับความเฉยชา......โดยรวมแล้วถึงเขาจะดูน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้เป็นพิษภัยเท่ากับแม่นางที่อยู่ตรงหน้าของฉันสักนิด!!
".......ยังไม่ลืมอีกเรอะ?......"จู่ๆน้ารินก็ได้พูดอะไรบางอย่างขึ้นมา จนพี่สาวสวมชุดคนรับใช้ได้หยุดเดินทันทีที่ได้ยิน
"ลืมอะไรเหรอคะ?"พี่สาวคนนั้นถามกลับมา แต่เธอยังไม่ได้หันหน้ามาคุยกับน้าริน
"สายตาเธอมันฟ้องนะ กาฟรา........แล้วท่าทีที่ลุกรี้ลุกรนของซามิก็ยืนยันได้......ว่าเธอคิดอะไรอยู่"
".........สงสัยฉันคงจะอยู่ใกล้ชิดคุณหญิงมากเกินไป จนโดนจับทางได้แล้วซินะ........"พี่สาวที่สวมชุดคนรับใช้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเฉย
"ผิดแล้ว............ความสัมพันธ์ของพวกเราสองคนมันไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่จะต้องจับดาบฆ่าฟันกันทุกครั้งที่เจอหน้า แล้วฉันในตอนนี้ก็ได้มากลายเป็นหัวหน้าของเธออีก นั้นมันทำให้ฉันได้เรียนรู้ และรู้จักนิสัยของเธอมากขึ้น......"น้ารินหลับตาลง พร้อมๆกับพูดคุยกับพี่สาวที่ยื่นหันหลังให้พวกเราอย่างเป็นกันเอง
".....หึ......เรื่องที่เคยเกิดขึ้นน่ะ..........ถ้ามันลืมได้ง่ายขนาดนั้น ก็คงดีซิคะ จะได้ไม่ต้องคิดมากจนถึงขั้นอยากจะฆ่าตัวตาย......."
"ตายไป ฉันก็แค่นำร่างเธอไปชุบแป้งขึ้นมาเป็น ซอมบี้ทอดกรอบ จากนั้นก็จะตบหน้าเรียกสติ"น้ารินพูดกลับไปทันควัน
"หึหึหึ.....มีอารมณ์ขันจังเลยนะคะ นายหญิง........แล้วนายหญิงละ ท่านมองไปที่เด็กคนนั้น แล้วท่านไม่เจ็บปวดหัวใจของท่านบ้างเลยหรอคะ??"กาฟราถามน้ารินกลับมา
น้ารินที่ได้ยินคำถามแบบนั้น เธอก็ก้มหน้าของเธอไปจ้องมองที่มิกะ พร้อมๆกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างในหัว
"มันช่วยไม่ได้นี้........เรื่องแบบนั้น......."น้ารินตอบกลับมา
"เห้อ....ช่วยไม่ได้!...ช่วยไม่ได้!...ช่วยไม่ได้!!?......ฉันโคตรจะเกลียดคำๆนี้มากเลยนะคะนายหญิง!...........มันดูเป็นคำพูดแก้ตัวหน้าด้านๆที่ไร้ความรับผิดชอบมาก......ชีวิตลูกน้องมีค่าเป็นแค่ขยะเรอะ? ถึงได้พูดคำๆนี้ออกมา..........ชีวิตลูกน้องไม่ได้มีค่าที่ควรจะช่วยเหลือเรอะ?? ฉันละอยากจะซัดหน้าไอคนที่มันพูดคำๆนี้ออกมาจังๆสักหมัดจริงๆ........"กาฟราพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเครียดแค้น ก่อนที่จะหันหน้าของเธอมาสบตากับน้ารินที่กำลังฟังเธอพูดอยู่ด้วยท่าทีเฉยๆ
"ก็มาต่อยหน้าฉันระบายอารมณ์ซะซิ.........ถ้ามันช่วยได้?"
"????"ฉันที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับเหวอในทันที
น้ารินตอบกลับไปในทันที พร้อมๆยื่นใบหน้าของน้าไปใกล้ๆกับใบหน้าของกาฟรา ฉันที่เห็นท่าทีแบบนั้นก็ตกใจกับการกระทำของน้ารินมากๆ
"ไม่ชอบคำๆนี้ไม่ใช่เหรอ.....ช่วยไม่ได้....มาต่อยหน้าฉันซิ? มามะ!"น้ารินพูดท้าทายอีกฝ่าย
".น..น.....นายหญิง.....เป็นกรณีพิเศษค่ะ.!!.."กาฟราเบี่ยนหน้าของเธอหนีทันทีด้วยน้ำเสียงที่มันฟังดูเขิลแปลกๆ ผิดกับเมื่อกี้ ที่ยังดูโมโหอยู่เลย แล้วเมื่อกี้เหมือนว่าฉันจะเห็นว่าใบหน้ากาฟราแดงกร่ำด้วย ปกติปฎิกิริยาคนเรา ถ้าถูกคนอื่นพูดยั่วะโมโหแบบนั้น เท้าก็ต้องไปประกบหน้าคนพูดแล้วซิ แต่ทำไมพี่สาวคนนี้กับปฎิเสธแล้วก็หันหน้าหนีอีกต่างหาก
"เห๊......ถ้าเธอไม่ทำ..........งั้นคืนนี้เราม-"
"ฉ...ฉ...ฉันว่าเรารีบไปหาท่านส..เสเดย์กันดีกว่าค่ะ!!?"ในระหว่างที่น้ารินกำลังพูดอะไรบางอย่างออกมา กาฟราก็ตัดพูดแทรกขึ้นมาทันที พร้อมๆกับรีบแจ่นไปข้างหน้าด้วยอารมณ์ที่เขิลอายผิดกับท่าทีที่ดุดันในตอนแรกแบบสุดๆ
เซนเตือนภัยภายในจิตใจของฉันที่พึ่งตะโกนบอกกับฉันว่าแม่นางคนเมื่อกี้เป็นอันตรายกับฉัน ถึงกับกุมขมับในทันที นี้เราขี้ระแวงเกินไปตามที่ท่านอาจารย์เคยบอกใช่ไหมนิ?
น้ารินที่เห็นท่าทีของกาฟราแบบนั้น ก็ยิ้มอ่อนๆออกมาด้วยท่าทีที่มีความสุข ถ้าลงพนันกันฉันว่าน้ารินกับพี่สาวคนนั้นต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาแน่ๆ
ระหว่างที่ฉันกำลังคิดเรื่องของน้ารินอยู่ น้ารินก็ได้ยื่นมือของเขามาจับที่ไหล่ของฉัน แล้วก็ค่อยๆพาฉันเดินตามกาฟราเข้าไปภายในงานทันที
เมื่อพากันมาเดินสักพัก ทั้งน้ารินและกาฟราต่างพากันเดินมาถึงจุดๆหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นประตูทางเข้าคฤหาสที่เปิดรองรับแขกเอาไว้ หน้าประตูทางเข้าต่างมีผู้คนจำนวนหนึ่งยืนต่อแถวยาว เพื่อรอให้ทหารยามที่ยืนเฝ้าอยู่ตรวจสอบอะไรบางอย่าง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments