ณ คฤหาสน์ ส่วนกลางของตึกผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ // สวนแห่งเอน่า //ห้องส่วนตัวของเจ้าคฤหาสน์
"ไม่เห็นต้องจัดงานให้มันใหญ่โตขนาดนี้ก็ได้นี่ ฉันก็อุสาบอกไปแล้วแท้ๆ........ว่าให้จัดงานแค่เฉพาะคนของเราก็พอ......"เด็กสาวผมยาวสีบลอนด์เงินที่นั่งอยู่บนวิลแชร์ไม้สีขาว ที่ตัวของเธอในตอนนี้กำลังบ่นพึมพัมกับตัวของเธอเองด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยปลื้ม ในขณะเดียวกัน ข้างๆตัวของเด็กสาวผมสีบลอนด์เงินคนนี้ ก็ยังมีร่างของหญิงสาวสวมชุดรับใช้สองคน กำลังแต่งหน้า ทำผมให้กับเธออยู่ด้วยท่าทีที่ทะมัดทะแมง
"มันเป็นความประสงค์ของนายเหนือหัว ที่ท่านต้องการจัดงานให้มันมีสีสันเพื่อให้นายหญิงอภิรมย์ในความผาสุข.....ละนะ~"หญิงสาวร่างกายสูงใหญ่สวมชุดเดรสสีแดง ผิวสีแทน มัดผมหางม้า ใบหน้าและหน้าตาคมสะสวย ที่ในตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนสีครีมในห้องอย่างสบายอารมณ์ โดยที่ท่านั่งของเธอนั้น ไม่ได้มีความเป็นสตรีแต่อย่างใด
"โถ่~อย่าพูดจาห่างเหินแบบนั้นซิ วีนัส ฉันยิ่งไม่สบายใจอยู่......"เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินเรียกชื่อของคู่สนทนาออกมา พร้อมๆกับจ้องมองไปยังร่างของหญิงสาวคนดังกล่าวที่ปรากฏออกมาในเงาสะท้อนกระจกที่อยู่ตรงหน้าของเธอ
"แหม๋~ก็เจ้านั่นลงทุนก้มหัวขอร้องให้ฉันรักษามารยาทและคำพูดภายในงานให้มันดูสำรวม มีมารยาทกับแขก~ แถมยังบอกอีกว่าถ้างานนี้ไปได้สวย เขาจะยกปราสาทพร้อมที่ดินสวยๆให้ไปนอนเล่นฟรีๆ"หญิงสาวที่มีชื่อว่า 'วีนัส' บ่นให้เด็กผู้หญิงผมสีบลอนด์เงินฟัง ด้วยใบหน้าที่พึงพอใจในของรางวัล จนเริ่มมีเสียงหัวเราะหลุดออกมาจากหญิงสาวรับใช้ที่กำลังทำผมให้เด็กสาวผมสีบลอนด์เงิน
"ก็คุณ บุตร เขาเป็นคนแบบนั้นแต่ไหนแต่ไรแล้ว หน้าใหญ่เกินไป ฉันถึงบอกให้จัดแบบเงียบๆเหมือนงานวันเกิดก็ได้....."เด็กสาวหันหน้าไปจ้องมองกระจกที่อยู่ตั้งอยู่ตรงหน้าของเธอในขณะที่พูดเพื่อมองให้เห็นคู่สนทนาของตนเองให้จัดเจนยิ่งขึ้น
"น่าเบื่อจะตายไป.........แล้วที่งานมันออกมาใหญ่โตแบบนี้ ก็ออกจะดีนะ! เธอจะได้ไปโม้ให้ชาวบ้านฟังไง ว่าผัวฉันจัดงานหมั่นให้อย่างใหญ่โตเลย!!...."วีนัสโน้มตัวลงไปนอนบนเตียงพร้อมกับเอามือเกยหน้าผากเผยให้เห็นวงแขนชัดเจน
"เห็นฉันเป็นคนยังไงนิ"เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินส่ายหัว
"คนแก่ หน้าเด็ก และก็หัวโบราณ~"วีนัสตอบกลับไปทันควัน จนอีกฝ่ายที่ได้ยินแบบนั้น ถึงกับถอนหายใจออกมา
"แล้ว........ลูกสาว 'ริน' มาถึงที่งานรึยัง?? พอดีฉันมัวแต่ยุ่งกับบิลค่าใช้จ่ายอยู่....."เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินพูดถามขึ้นมา
"มิเรน มาพร้อมกับฉันน่ะ ส่วน เมย์ ฉันไม่รู้นะ ว่ามาถึงที่งานรึยัง??"วีนัสตอบกลับมา
"............"เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินแสดงสีหน้าที่เศร้าใจออกมา ก่อนที่จะหันไปสบตาที่วีนัสในกระจก
"..............."วีนัสจ้องมองไปที่ใบหน้าของเด็กสาวผมสีบลอนด์เงินที่อยู่ตรงหน้า ก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ของอีกฝ่ายทันที
"........นึกถึงเมย์ทีไร.........ฉันก็ไม่รู้ว่าจะช่วยรินยังไงดีด้วยซิ................."หญิงสาวผมสีบลอนด์พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เศร้า
".........ความคิดโบราณ~............เธอควรที่จะหัดโทษคนอื่นบ้างนะ.........เพราะเธอไม่ใช่แม่พระที่จะต้องอมทุกข์ของคนอื่นไว้ที่ตัวเองคนเดียว......หัดไประบายซะบ้าง.."วีนัสบ่นออกมาลอยๆ พร้อมๆกับนอนเอนตัวเพื่อจะเปลี่ยนท่า แล้วการกระทำนั้นเผยให้เห็น ชั้นในสีแดงสดที่เธอสวมมันอยู่อย่างจัง
"............ถ้าฉันคิดแบบมักง่ายอย่างเธอได้ก็ดีซิ......"หญิงสาวผมสีบลอนด์เงินที่เห็นแบบนั้น ก็ได้เบนสายตาไปทางอื่น
"ห่ะ? นี้หลอกด่ากันเรอะ!?"วีนัสที่ได้ยินแบบนั้น ก็ลุกขึ้นมานั่ง พร้อมๆกับถามเด็กสาวผมสีบลอนด์เงินกลับมา
"........พูดถึงริน............."
"อย่าเมิงกันเด!!"
"เสเดย์ บอกกับฉันว่า ริน เขาเดินทางไปรับ 'วิเรีย' มาร่วมงาน แต่นางกลับปฏิเสธคำเชิญ.........หรือว่า วิเรีย จะเกลียดฉันจริงๆ............"เด็กสาวผมสีบลอดน์เงินเปลี่ยนเรื่องคุยที่คิดแล้วเครียดไปยังเรื่องที่คิดแล้วยิ่งเครียดกว่าเดิม จนทำให้วีนัสที่ได้เห็นแบบนั้น ก็อดกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว
"เห้อ.......คนแก่ๆนี้ชอบคิดมากกันจริงๆ...........รินมันเคยเล่าให้ฉันฟังว่า วิเรีย ไม่ได้ติดใจหรือแค้นเคืองอะไรที่เธอหรอก แต่ที่นางปฏิเสธอาจจะเป็นเพราะเรื่องอื่นมากกว่า...........แบบ...มองหน้าเธอไม่ติด.....ไรงี้?.."วีนัสพยายามพูดโนมน้าวให้อีกฝ่ายสบายใจ ก่อนที่จะโน้มตัวลงไปนอนบนเตียงเหมือนเดิม
" มอเดร็ด ก็จะมาพร้อมกับรินใช่ไหม??"เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินถามออกไป
"อ่า~"วีนัสตอบกลับมา
"...อัล.......ควิน ล่ะ?? จะมาพร้อมกับมอเดร็ดเหรอ??"เด็กสาวผมบลอนด์เงินถามขึ้นมาอีกครั้ง
"รายนั้นไม่แน่ใจว่าจะมาไหม แต่ถ้ากล้ามา ก็นับถือใจพี่แกเลย แค่เรื่องข้อพิพาก 'สงครามแอสราส' มันก็ไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งคนในงานที่เชิญมาส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ที่สูญเสียครอบครัวไปในสงครามนั้นกันเยอะ..........ไหนจะ วายุระธา และก็ ผู้ปกครองมิติ ที่ถูกเชิญมาร่วมงานกันอีกหลายคน....."วีนัสตอบกลับมา
"แล้วคุณบุตรล่ะ? วันนี้ฉันไม่เห็นเขาทั้งวันเลย?? เขาฝากงานไว้กับเสเดย์ แล้วไปไหนก็ไม่รู้"
"ไปเชิญ มินาลา กับ รีคัส มาร่วมงาน........."วีนัสตอบกลับมาด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์มากนัก
"......หืม.........มีแต่คนที่ไม่ค่อยถูกคอกันทั้งนั้นเลย........ถึงพวกเขาทั้งหมดจะยอมปรองดอง.....เพราะ ริน ก็เถอะ.....แต่เล่นจัดงานรวมญาติแบบนี้ จะไม่ตีกันตายก่อนจะจบงานหรอ??"เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินถามกลับมา พร้อมๆกับหันหน้าไปมองคนที่คิดว่า จะเป็นคนก่อวิวาท
"ไม่ต้องห่วง ฉัน~มีปราสาทเป็นรางวัลเชียวนะ ถึงจะอยากฆ่าไอระยำ มินาลา ขนาดไหน แต่ถ้าเพื่อปราสาท ฉันก็ยอมกัดฟันทนได้! แต่กับเจ้าสามีฉันนี้ซิ มันยังแค้นเรื่องนั้นอยู่เลย .......ถึงเรื่องมันจะนานมาเกือบ 10 ปีแล้ว..........แต่เพื่อความชัวร์......ฉันเลยชิงบอกกับมันก่อนว่าถ้าทำตัวดีๆไม่ไปก่อเรื่อง ทั้งฉันและรินจะยอมให้มันปั้มลูกอีกสักคนสองคนก็ได้ มันก็เลยยอมทำตัวว่านอนสอนง่ายแต่โดยดี......ตอนนี้ เห็นว่าออกไปเดินตอนรับแขกอย่างดีเลยละ......."วีนัสพูดขึ้นมา ทำให้ทั้งเด็กสาวผมสีบลอนด์เงิน และหญิงสาวรับใช้อีกสองคนที่กำลังทำผมให้อยู่ในห้องถึงกับหยุดชะงักทันที
"พวกเธอมีอะไรเหรอ??"วีนัสถามขึ้นมา เมื่อทั้งสามมีท่าทางแปลกไป
"ป..ป.เปล่าคะ นายหญิง! ดิฉันใกล้แต่งผมให้คุณหญิงใกล้เสร็จแล้วล่ะค่ะ!!"สาวรับใช้รีบตอบกลับมาก่อนที่จะเร่งมือทำงานมัดผมให้เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินอย่างรวดเร็ว
"อืม......"วีนัสขานกลับมาก่อนที่จะหันหน้าฟุบลงไปที่เตียงนอนของเด็กสาวผมสีบลอนด์เงิน
"........."เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินจ้องมองไปวีนัสที่ตอนนี้กำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนอนของเธอด้วยสายตาตกตะลึง
_____________________________________
กึก! กึก! กึก! กึก!
เสียงของรถม้าค่อยๆชะลอความเร็วลง ฉันตื่นเต้นมากจนแทบจะวิ่งเข้าไปในงานซะตรงนี้ด้วยซ้ำ ฉันเลยหันไปมองที่น้ารินที่ตอนนี้ น้าเขากำลังอุ้มมิกะเตรียมตัวลงออกจากรถม้าคันนี้เต็มทีแล้ว
ปึง!!
เมื่อเสียงประตูของรถม้าเปิดออก ภาพที่ปรากฏออกมาเบี้องหน้าของฉัน คือร่างของหญิงสาวปริศนา สวมฮูดสีดำ มีแถบสีเขียวสะท้อนแสง กำลังจ้องมองมาที่ตัวของฉัน ก่อนที่เธอจะหันไปจ้องที่ตัวของน้ารินแทน
"ถึงสวนแห่งเอน่าแล้วนะ ริน!"เธอพูดขึ้นมาพร้อมๆกับยื่นมือของเธอไปหยิบสัมพาระของน้ารินที่วางเตรียมเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว ออกไปข้างนอกตัวรถม้าแบบไม่รอช้า
"ขอบใจมากเลยนะคะ คุณควิน"น้ารินเรียกชื่อของเธอ ก่อนที่น้ารินจะอุ้มมิกะเดินลงจากรถม้าตามไป
ฉันเองก็เดินตามลงไป รถม้าคันนี้มันใหญ่มากสำหรับเด็กที่ใกล้ 10 ขวบอย่างฉัน ถ้าจะเดินลง ก็ต้องก้มแล้ว ค่อยๆก้าวเท้าลงทีละขั้นเอา(ฮ่าๆ) น้ารินที่เห็นแบบนั้น ก็เลยหันกลับมาอุ้มฉันไปแนบกับก้อนเนื้อโตๆของน้าด้วยมือคนละข้างกับมิกะ
ทั้งฉันและมิกะในตอนนี้กำลังถูกอุ้มด้วยแขนของน้ารินราวกับว่าพวกฉันไม่มีน้ำหนักเลย แล้วไม่มีท่าทีว่าน้ารินจะอ่อนล้าด้วย ฉันก็ตกใจนะที่น้าริน เขามีกำลังแขนมากขนาดนี้ แต่ฉันกับตะลึงกับภาพที่ฉันเห็นอยู่ตรงหน้ามากกว่า
"ที่นี่คือ สวนแห่งเอน่า สถานที่พำนักของแม่มดแห่งความอ่อนเยาว์"น้ารินพูดขึ้น
ภาพเบื้องหน้าของฉันเป็นภาพที่ ผู้คนจำนวนมาก กำลังเดินจับจ่ายใช้สอย ตามถนนที่มีแผงขายของจำนวนมาก เรียงรายอยู่ตาม 2 ข้างทาง ทอดยาวไปจนถึงทางขึ้นไปภูเขา ผู้คนจำนวนมาก ที่ต่างสันจรไปมา ทานอาหารข้างทางตามริมถนน นั่งดื่มสุรากับกลุ่มเพื่อน บรรยากาศมันเหมือนกับ งานเทศการที่หมู่บ้านของฉันไม่มีผิด แล้วมันก็ดูเหมือนกับตลาดในโลกต่างมิติ ที่อาจารย์เคยพาไปด้วย
"โทษทีนะ ริน ข้าเองก็อยากจะขึ้นไปส่งเจ้าถึงตัว คฤหาสน์อยู่หรอก แต่ตามทางมันเต็มไปด้วยร้านค้า และผู้คนที่เดินทางมา ข้าก็เลยมาส่งเจ้าได้แค่นี้"บุคคลปริศนาร่างสูงใหญ่สวมเกราะสีดำขอบทอง ไม่เห็นใบหน้า สวมอู้ดสีขาว เดินลงมาจากที่นั่งคนขับรถม้า พร้อมๆกับเดินตรงมาหาน้าริน
"ไม่เป็นไรหรอก นี้ก็ถือเป็นโอกาศดี ที่จะพา ซามิ กับ มิกะ ไปเดินชมงานด้วย.......แล้ว........ มอเดร็ด ละจะมาด้วยกันไหม?"น้ารินหันหน้าไปคุยกับชายสวมฮู้ดขนาดใหญ่
"ม..มอเดร็ด?" ฉันเผลอหลุดปากเรียกชื่อของเขาคนนั้นตามน้ารินไป ถึงน้ารินจะบอกฉันเอาไว้แล้วก็เถอะว่า เขาเองก็จะเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย........แต่ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนขับรถม้าแบบนี้
"หืม.......เรียกข้าอย่างงั้นรึ แม่หนูน้อย?"ร่างปริศนาสวมฮู้ดพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
"อ..อ..ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ!"เมื่อเท้าฉันลงแตะพื้น ฉันรีบหลบไปที่ด้านหลังของน้ารินทันที.......นี้มันแปลกมาก.......เหมือนกับ......จะอธิบายยังไงดี?....คือ......มันต่างจากที่ฉันคิดมาก เขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่น่ากลัวหรือเลวร้ายอะไรเลย.........ฉันดีใจที่เจอเขานะ........แต่บรรยากาศรอบตัวเขามันน่าขนลุกแปลกๆ จนไม่อยากเข้าไปใกล้ยังไงก็ไม่รู้
"ท่านทำให้นางกลัวนะ!"พี่สาวที่ชื่อว่า ควิน ที่เห็นท่าที่ของฉันก็พูดขึ้นมา
"........เด็กคนนี้........มีพรสวรรค์ที่จะเป็นนักรบ....."มอเดร็ดเขายังคงมองมาที่ฉัน แบบ....ไม่ละสายตาเลย....จนฉันเริ่มอึดอัด....และก็กลัวขึ้นมายังไงก็ไม่รู้
"อย่าไปจ้องนางแบบนั้นซิคะ ท่านมอเดร็ด"พี่สาวที่ชื่อ ควิน พูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดุดันเล็กน้อย
"โทษทีๆ พอดีมันติดนิสัยน่ะ"มอเดร็ดหยุดมองมาที่ตัวของฉัน ก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองที่น้ารินที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาแทน
"........ไม่เป็นไรหรอกคะ.....นี้ ซามิ มิกะ สวัสดี คุณมอเดร็ด เขาหน่อยสิ"น้ารินหันหน้ามาพูดกับฉัน ก่อนที่จะใช้มือที่ว่างมาลูปหัวของฉัน เพื่อปลอบ
"ส..สวัสดีค่ะ/ส...สาวัด..ดี...คะ"ทั้งฉันและมิกะพูดกล่าวทักทายออกมาพร้อมๆกัน
"อ่า......นึกออกแล้วๆ......พวกเจ้าเป็นลูกสาวฝาแฝดของ วิเรีย นี้เอง ข้าก็นึกว่าเป็นเด็กที่ขอติดรถไปลงที่งานด้วยซะอีก...................ถึงว่า ทำไมถึงมีโก......"
"อ่ะแฮม!"
ในขณะที่มอเดร็ดเขากำลังพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็ถูกขัดจังหวะจากน้าริน แต่ฉันก็พอจะเดาได้ว่า เมื่อกี้เขากำลังจะพูดอะไรออกมา
"...........เวลา......ก็ช่างผ่านไปเร็วเสียจริง ครั้งก่อนที่ข้าเห็นพวกเจ้าทั้งสอง............ก็...ยังเป็นเด็กตัวน้อย แสนไร้เดียงสาอยู่เลย.......แล้วดูตอนนี้ซิ.........พวกเจ้าก็ใกล้จะเติบโตเป็นสาวสวยผู้งดงามเหมือนกับวิเรีย........"มอเดร็ดเขาจ้องมองมาที่ใบหน้าของฉันอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปจ้องที่ มิกะ
"เจ้า...มิกะ...ซินะ??"มอเดร็ดหันไปถามน้องสาวของฉัน
"ค...ค่ะ...?"มิกะพยายามที่จะขานตอบกลับมา แต่เหมือนมานาเธอก็ใกล้จะหมดเต็มที จนทำให้เธออยู่ในสภาพงัวเงียเหมือนคนง่วงนอน
"ข้าเสียใจกับเจ้าจริงๆนะมิกะ ถ้าตอนนั้นข้าเร่งฝีเท้าให้มันไวกว่านี้ เจ้าคงไม่ต้องทนอยู่ในสภาพร่างกายแบบนั้นหรอก"มอเดร็ดเขาใช้มือที่หุ้มไปด้วยเหล็ก ลูปไปที่ปลายเส้นผมของมิกะอย่างเบามือ
เป็นอย่างที่คุณมอเดร็ดพูดมานั้นแหละ ทั้งฉัน ทั้งมิกะ พวกเราสองคนต่างเป็นฝาแฝดที่เกิดมาด้วยกัน และมีร่างกายเป็นของตัวเองทั้งนั้น แต่ก็ได้มีเหตุการณ์บางอย่าง ที่ได้พรากร่างกายของมิกะไป.....แล้วถ้าคุณมอเดร็ดมาช้ากว่านั้น....ฉันก็จะกลายเป็นแบบมิกะด้วย....เช่นกัน .......
"เอาน่าๆเรื่องมันผ่านมาแล้ว จะไปนึกย้อนให้ปวดจิตทำไม!"น้ารินพูดขึ้นพร้อมกับใช้มือของเธอลูบมาที่ศีรษะของฉันอย่างอ่อนโยน
"อืม........พอดูดีๆแล้ว.........ถ้าฉันเป็นคนนอก ฉันก็คงหลงคิดแหละว่า รินและก็เด็กคนนี้เป็นแม่ลูกกัน"ควินที่ยืนอยู่เงียบๆพูดขึ้นมาพร้อมกับวางสัมพาระของน้ารินลงที่พื้น
"คนอื่นๆก็พูดมาในทำนองเดียวกันกับที่ท่านพูดเลย เด็กคนนี้มีสีผมสีดำ และตาสีแดงแบบเดียวกับฉัน สีผิวก็ใกล้เคียงกัน ถ้าไม่ติดว่านางเป็นลูกของน้องสาว ไม่แปลกที่คนอื่นๆจะคิดว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของฉันจริงๆ"
"แล้ว....เจ้า.........?"มอเดร็ดหันกลับมามองที่ฉันพร้อมๆกับก้มตัวของเขาลง
"...................."ฉันทำได้แต่หลบอยู่ข้างหลังของน้ารินทั้งอย่างงั้น
"ซามิ....แล้วตอนนี้แม่ของเจ้า วิเรีย สบายดีอยู่ไหม?? พอดีข้าอยู่รอรับรินที่นอกหมู่บ้าน!"
"สบายดีคะ!"ฉันตอบกลับไปด้วยความกลัวเล็กน้อย
"อ่า~แล้วพ่อเจ้าล่ะ...หืม...?"
ห่ะ?............พ่อ?.....
"พ่อ?......หนูกับมิกะไม่เคยมีพ่อนะคะ?"ฉันตอบกลับไปตามความเป็นจริง ด้วยน้ำเสียงที่เศร้าเล็กน้อย
นั้นซินะ.......แม่ไม่เคยยอมบอกเลยว่าพ่อของหนูเป็นใคร.......บอกแค่ว่า...เขาเป็นทหารเหมือนกับน้าริน
เมื่อฉันตอบกลับไป เหมือนปฎิกิริยาของมอเดร็ดจะเปลี่ยนไปทันที เขาถอยห่างออกไปพร้อมกับหันไปจ้องมองที่ใบหน้าของน้ารินที่กำลังแสดงสีหน้าเศร้าเล็กน้อย
"หึหึหึ.....อย่าพูดแบบนั้นซิ ว่าเจ้าไม่เคยมีพ่อ........ข้าจะบอกอะไรให้ฟัง........สมัยที่ข้ายังเด็ก.....ข้าไม่ได้มีโอกาสเจอหน้าทั้งพ่อ และ แม่ ของ ข้าเลยเสียด้วยซ้ำ.........ข้าทำได้เพียงแค่รับรู้เรื่องราวของพวกท่านผ่านเพื่อนๆของท่านเพียงเท่านั้น..............พ่อของข้าคือ นักผจญภัยที่ไม่ได้มีชื่อเสียงที่โด่งดัง แม่ของข้า....ก็เป็นเพียงแค่สาวรับใช้.....ในบ้านคนรวย......แต่ข้ารู้ว่า วาระสุดท้ายของท่านทั้ง 2 เกิดจากการที่พวกเขาต้องปกป้อง รักษาชีวิตของข้า..........จนนำมาซึ่งจุบจบที่ไม่สวยหรูนัก........เพราะแบบนั้น ข้าถึงได้คิดว่า........ถ้าหากข้ามัวแต่มานั่งเสียใจ เพียงเพราะกำพร้าพ่อกับแม่ละก็ สู้เปลี่ยนความคิด แล้วยิ้มสู้มันไปก็สิ้นเรื่อง..............พ่อของเจ้าเคยเป็นทหารที่แกร่งทัดเทียมข้าในสมัยก่อนเชียวนะ.............เจ้าควรจะภูมิใจ........"มอเดร็ดพูดจบเขาก็ยื่นมือของเขามาจับที่ศีรษะของฉัน
"............."
"แล้ว.....? เด็กสองคนนี้ใช่ไหม ที่เจ้าเคยบอกกับข้าว่าจะให้เข้าร่วมกองทัพของบุตรน่ะ?"มอเดร็ดผละมือออกจากศีรษะของฉันก่อนที่เขาจะหันกับไปถามน้ารินอีกครั้ง
"ใช่ ฉันตั้งใจที่จะให้ซามิและมิกะเข้าร่วมกองทัพ ในฐานะ 'นายพลแห่งความมืด' แทนตำแหน่งของคุณ 'ฟอร์เดน' ที่คุณทำให้มันยังว่างอยู่ เพื่อการนั้นฉันก็คงต้องให้ฝึกงานกับฉันโดยตรง จนความสามารถเพียงพอที่จะรับตำแหน่งนั้นได้อย่างสมศักดิ์ศรี"
"ฝึกกับเจ้า??? นี้เจ้าตั้งใจจะฆ่าหลานสาวแท้ๆเชียวหรอ??"มอเดร็ดลุกขึ้นมามองที่ตัวของน้าริน พร้อมๆกับท่าทีที่เหมือนว่าจะตกอกตกใจยังไงก็ไม่รู้
"โหดร้าย......."ควินที่ยืนฟังอยู่เงียบๆถึงกับเอามือขึ้นมาป้องปาก พร้อมๆกับอุทานขึ้นมา
"ไม่ใช่แบบนั้นย่ะ!!? ฉันเองก็มีหลักสูตรเอาไว้สอนเด็กเล็ก แยกไว้ต่างหาก!!"น้ารินฉุนขาด ตะโกนตอบกลับมาด้วยท่าทีที่โมโหเล็กน้อย
"..........เอาเถอะ......ถ้าเป็นเจ้าหนูทั้ง 2 คนนี่ ไม่ว่าจะฝึกกับใคร ในอนาคตคงแกร่งทัดเทียมกับแม่ของเจ้าแน่ๆ..........แล้ว เด็กคนไหนที่จะมาแทนตำแหน่งของเจ้า??"มอเดร็ดถามกลับไปที่น้ารินอีกครั้ง
"หืม....อ่อ!!.......มิกะน่ะ ฉันตั้งใจให้เรียนเกี่ยวกับระบบเศรฐกิจพื้นฐานของบ้านเมือง และตำราพิชัยสงคราม ร่างกายเป็นแบบนั้นจะให้ไปถือดาบหนักๆสู้ ก็คงไม่ไหว แต่ถ้าจะไม่ให้เรียนเลย พอถึงเวลาจวนตัวฉันก็กลัวว่าเด็กคนนี้จะไม่ไหวเอาเหมือนกัน ฉันเลยกะว่าจะไปปรึกษากับ มิเรน ที่เป็นวายุระธา ที่ไม่มีร่างกายเหมือนกับมิกะดู"
".......จริงจังดีนะ......."พี่ควินพูดขึ้นมา
"ฉันก็แค่อยากให้ เด็กๆพวกนี้มีของดีไว้ป้องกันตัวบ้าง.........จะได้พึ่งพาตัวเองได้..ถ้าหากฉันไม่ได้อยู่แล้ว........."น้ารินตอบกลับพี่ควินไป
"วิเรีย อนุญาติ แล้วรึยัง??"มอเดร็ดถามขึ้น
"เธอเข้าใจสถานะการณ์ดี วิเรีย เลยให้ฉันฝึกสอน มิกะและซามิ พอหอมปากหอมคอ แต่ใจหนึ่งเธอก็อยากให้พวกเด็กๆเลือกเส้นทางอนาคตของพวกเธอเอง............."น้ารินแสดงสีหน้าที่เด็ดเหนื่อยออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะเผลอยิ้มอ่อนๆออกมาให้มอเดร็ดเห็น
"........คงจะว่าอะไรนางไม่ได้หรอก เพราะสมัยนางที่ยังเยาว์ นางเองก็โดนตีกรอบมาไม่น้อย.....ไม่แปลกใจที่นางจะไม่คิดตีกรอบให้ลูกสาวของนางมากนัก........สอนให้หอมปากหอมคอซินะ.............ข้าลองมาคิดๆดูแล้ว.........."จู่ๆมอเดร็ดก็ถอดฮู้ดคลุมศีรษะออก เผยให้เห็นหัวกระโหลกสีขาวซีด ที่ตอนนี้ได้มีเปลวไฟสีฟ้าอ่อน ค่อยๆเผาไหม้ขึ้นมาจากภายในหัวกระโหลก จนเปลวไฟสีฟ้า ได้เผาไหม้ท่วมทั้งศีรษะของเขา
ทั้งฉันและมิกะ ที่ได้เห็นแบบนั้นต่างตกตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นแบบที่กุ้งแห้งที่อยู่กับอาจารย์ เว้นแต่พี่ๆกุ้งแห้งของท่านอาจารย์ไม่ได้มีไฟสีฟ้าๆอมเขียวที่มันไหม้ท่วมหัวเหมือนกับของคุณมอเดร็ดเขา ผู้คนอื่นๆที่อยู่ข้างทาง ที่ได้เห็นภาพแบบเดียวกันกับฉันเองก็แสดงสีหน้าและอารมณ์ไม่ต่างกัน
"คุโรอิ มิกะ?!! แล้วก็ คุโรอิ ซามิ?!!"มอเดร็ดเรียกชื่อเต็มของฉันและมิกะขึ้นมา
"ค..คะ..?" ฉันขานตอบด้วยความตกใจ
"พวกเจ้าสนใจที่จะเรียน วิชาดาบของข้าหรือไม่!!!?!"
"ห๊าาาา/ห่ะ??"น้ารินและควินที่ได้ยินแบบนั่น ถึงกับอุท่านออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
--------------------------------------------
ช่วงอธิบายเพิ่มเติม
สวนแห่งเอน่า เป็นพื้นที่พิเศษ ที่ พระเจ้าเอเนส มอบให้เป็นแผ่นดินของ ลาวาน่า ริส ได้เอาไว้ใช้อยู่อาศัยหลังจากถูกเนรเทศจากการเป็นเทพ โดยแต่เดิมที่ดินผืนนี้เคยเป็นของย่าพระเจ้าเอเนส ส่วนชื่อของสวนแห่งนี้ ได้นำชื่อของพี่สาวพระเจ้าเอเนสที่ล่วงลับไปแล้วมาตั้ง พื้นที่สวนแห่งเอน่าแห่งนี้จะเป็นภูเขาขนาดเล็ก 4 ลูกที่อยู่ล้อมรอบคฤหาสน์ตามมุมต่างๆ เป็นผลพวงมาจากการออกแบบของคุณย่าของเอเนสนั้นเอง โดยพื้นที่ตรงกลางของภูเขาทั้ง 4 จะเป็นเนินเรียบ ที่เหมาะกับการปลูกบ้านโดยเฉพาะ
สงครามแอสลาส เป็นมหาสงครามที่เกิดจากรอยแยกมิติที่ฉีกขาดของภายในมิติที่ 25 หรือก็คือมิตินรก ทำให้เหล่าอมุนษย์หรือสัตว์นรกต่างๆจำนวนมาก ต่างกระจัดกระจายไปทั่วจักรวาล มีดวงดาวกว่า 2361 ดวง ที่ได้รับผลกระทบของรอยฉีกมิตินี้ ส่วนสาเหตุของรอยฉีกขาดนี้ เกิดมาจากหญิงสาวที่มีนามว่า วีนา หนึ่งใน วายุระธา ที่กำลังปะทะกับ Red Sword (เรดซอร์ด หรือ เรด สวอร์ต) การปะทะกันรุนแรงชนิดที่ฉีกกระฉากมิติออกเป็นชิ้นๆ
วายุระธา คือกลุ่มคนที่รวมเหล่าผู้ที่มีความสามารถสูง ในระดับที่สามารถกลายมาเป็นตัวอันตรายอันดับต้นๆของจักรวาลเอาไว้ หน้าที่หลักๆของพวกเขาจะมีเพียงแค่การต่อกรกับ ปีศาจจากมิติที่ 4 และก็ทำตามคำสั่งของ ดิเวคชั่น(SSG) โดยปัจจุบัน วายุระธาในตอนนี้มีทั้งหมด 3 แบบ
แบบแรก คือวายุระธา ที่เชิญเข้ามา วายุระธาแบบนี้จะได้รับอภิสิทธิ์และก็สวัสดิการต่างๆมากมายจาก ดิเวคชั่น เพื่อเป็นการซื้อใจ เนื่องด้วยพวกเขาเป็นคนที่มีความสามารถสูง การจะแตกหักกับพวกเขา ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรมากนัก แล้วการที่ดิเวคชั่นเชิญพวกเขาเหล่านั้นมารับตั้งแหน่งวายุระธา ก็เพื่อที่จะสอดส่องการกระทำไปในตัวด้วย
แบบที่สอง วายุระธา ที่ขึ้นตรงกับ ดิเวคชั่น พวกเขาเหล่านี้ จะเป็นเด็กเส้นของทางดิเวคชั่นเขา มีอภิสิทธิ์เหมือนกับวายุระธาแบบเชิญเข้ามาแทบทุกประการ แถมยังมีสิทธิ์ขาดในการสั่งองค์กรที่อยู่ภายใต้ ดิเวคชั่น อีกทีได้ มีเงินเดือนสูงๆให้ด้วย!
แบบที่สาม คือวายุระธาที่ถูกบังคับให้มาเป็น พวกเขาเหล่านี้คือกลุ่มคนที่ถูกทางดิเวคชั่นคุมตัวเอาไว้ได้ มักจะถูกกักขังเอาไว้ในห้องขังแบบพิเศษที่ออกแบบมาโดยเฉพาะแต่ละคนในมิติที่ 9 การกระทำทุกอย่างถูกจับตามองทั้งหมด ไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น ทำได้แค่เพียงทำตามคำสั่งของ ดิเวคชั่น ไปเท่านั้น อย่างน้อยห้องขังก็ยังดูเป็นห้องนอนปกติทั่วไป ที่มีเน็ต มีเกม มีมือถือไว้ใช้เล่น แถมยังมีเชฟระดับสูงๆมาทำอาหารตามสั่งให้ด้วย เสื้อผ้าก็ไม่ต้องซักเอง ทุกๆวันจะมีคนเข้ามาทำความสะอาดห้อง และก็ตรวจสุขภาพ แล้วถ้าวายุระธาคนดังกล่าวจะออกไปข้างนอก ก็ต้องยื่นเรื่องไปยังศูนย์ของดิเวคชั่น เพื่อให้เขาพิจารนาเห็นชอบ หลักๆคือ ชีวิตอยู่สุขสบายกว่าวายุระธาแบบขึ้นตรงหลายขุม เพราะงานหนักๆส่วนใหญ่จะถูกเทไปยังวายุระธาทั้งสองแบบข้างบนไปหมดแล้ว ดังนั้นวายุระกลุ่มนี้จะเป็นพวก ไม้ตายก้นหีบ
ดิเวคชั่น หรือ SSG คือองค์กรที่ประกอบไปด้วยผู้บริหารระดับสูงกว่า 400 คน ผู้ก่อตั้ง หรือผู้ที่เป็นหัวหน้าขององค์กรนี้ ก็คือ ไชนิ่ง สกาเร็ต ผู้ปกครองมิติที่ 0 มิติแห่งการวกวน ส่วน CEO หหรือประธานที่ใหญ่ที่สุด คือ เวติการาเม็ก เปีย ของหน้าที่ของดิเวคชั่น เสมือนกับตำรวจที่คือสอดส่องและให้ความช่วยเหลือประเทศอื่นๆอย่างเป็นธรรม โดยมีสาขาแยกย่อยกว่า 400 สาขา โดยสาขาหลักจะอยู่ที่ มิติที่ 9 เวลาเกิดเหตุไม่พึ่งประสงค์ อย่างการทะเลาะวิวาทระหว่างประเทศ ดิเวคชั่นก็จะทำหน้าที่เป็นคนกลางให้ทั้งสองหาทางใกล่เกลี้ยกันอย่างสันติ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments