...บทที่ ๒ - ใยข้าถึงได้จนเยี่ยงนี้...
“ฮึ! นางขยะตระกูล มืดค่ำขนาดนี้แล้วพึ่งกลับมางั้นหรือ…มัวแต่ไปเที่ยวเล่นไร้สาระไปวันๆ ไม่เหมือน คุณหนูลั่วฮวา ที่มีอายุเพียง 15 ปี ก็ถึงระดับปราณแก่นวิญญาณขั้นที่ 2 แล้ว หากเทียบกับเจ้าแล้ว…นามเศษขยะประจำตระกูลคงเหมาะกับหญิงชั้นต่ำเช่นเจ้าจริงๆ ฮ่า ๆ” ยามเฝ้าประตูที่ดูมีอายุประมาณ 30 กล่าวถากถางใส่ลั่วชิงอีทันทีที่เห็นใบหน้างาม ส่วนสาเหตุที่ไม่ตกใจที่ลั่วชิงอีกลับมาได้นั้นเป็นเพราะคนที่รู้เรื่องที่นางโดนวางยาพิษจนตายไปนั้นมีเพียงผู้เยาว์ของตระกูลลั่ว 4 คนเท่านั้น คนแรก ลั่วฮวา ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ ลั่วอี้ ลูกชายคนโตของผู้นำตระกูลลั่วคนปัจจุบัน คนที่สอง ลั่วหยุน ลูกสาวของผู้คุมกฎตระกูล คนที่สามและสี่ ลั่วเหมย และ ลั่วซาง ลิ้วล้อในตระกูล
“ฮึ !” ลั่วชิงอีในยามในนางหาได้สนใจคำดูถูกไม่…ทว่าก็จดจำเอาไว้ไม่ลืมเช่นกัน เพราะในยามนี้ตัวนางรู้ดีว่าตอนนี้โกรธไปก็ทำอะไรไม่ได้ จึงตัดสินใจเดินผ่านพวกมันเเละมองพวกมันเหมือนอากาศธาตุ
หลังจากเดินผ่านพวกยามพวกนั้นมา ลั่วชิงอีเดินเข้ามาตามทางที่ได้รับจากความทรงจํามาจนถึงที่ๆคาดว่าจะเป็นที่พักของตัวนางเอง สิ่งภาพปรากฏแก่สายตาของเซียนโอสถผู้ยิ่งใหญ่นั้นคือ กระต๊อบโทรมๆ ที่อยู่ด้านหลังของตระกูล
ทำกับแม่หนูลั่วชิงอีเกินไปแล้ว ตระกูลลั่ว !
“ข้าจะตามทวงความยุติธรรมให้แก่เจ้าเอง แม่หนู!!” น้ำเสียงเย็นของอดีตเซียนโอสถกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
“ต่อจากนี้ไปจะไม่มีเซียนโอสถชิงอีอีกต่อไป ต่อจากนี้ไปข้าคือลั่วชิงอี!!!”
ณ รุ่งเช้าวันใหม่ ลั่วชิงอีตื่นขึ้นมาในยามเช้า หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็นั่งสมาธิเดินลมปราณอยู่ภายในห้อง จนถึงยามซื่อ ( 09.00 – 10.59 ) จากนั้นจึงลุกขึ้นและเดินออกจากห้อง
เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น…ลั่วชิงอีเริ่มว่างแผนการชำระแค้นกับพวกที่เคยทำไม่ดีไว้กับตัวลั่วชิงอีคนเก่า ทว่านางก็ต้องพบกับปัญหาใหญ่เข้า ซึ่งปัญหานั้นคือ เงิน!!
หลังจากที่สำรวจความทรงจําจึงได้รู้ว่าแม่หนูลั่วชิงอีคนเก่านั้นมีเงินเก็บอยู่เพียงแค่ 4 เหรียญทอง สําหรับคนทั่วไปนั้นเงินจำนวนนี้ อาจใช้ได้เป็นเดือน ทว่าสําหรับเหล่านายน้อยหรือคุณหนูของตระกูลใหญ่นั้นมันช่างน้อยนิดยิ่งนัก อย่าว่าแต่ตระกูลใหญ่เลย แม้แต่เหล่านายน้อยหรือคุณหนูตระกูลชั้นกลางก็ยังได้รับเบี้ยเลี้ยงต่อวันมากกว่านี้เสียอีก
• ค่าเงิน - เหรียญเงิน , เหรียญทอง ( 1000 เหรียญเงิน ) , ป้ายหยก ( 10000 ทอง ) •
“ใยข้าถึงได้จนเยี่ยงนี้ !!” ลั่วชิงอีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุกข์ตรม ใบหน้างามแสดงออกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นที่สุด ในชาติก่อนนั้นสมบัติเงินทองของเซียนโอสถเช่นนางต่อให้ใช้เป็น 10 ชาติก็ใช้ไม่หมด แต่พอมาดูตอนนี้สิอย่างกับขอทานไม่มีผิด
“จริงสิ!! ข้าเป็นเซียนโอสถ แค่ปรุงยาขายก็สิ้นเรื่อง” หลังจากที่ลั่วชิงอีนึกขึ้นได้ว่านางเองเป็นถึงเซียนโอสถผู้ยิ่งใหญ่ จากนั้นนางก็เตรียมตัวเดินทางออกจากตระกูลเพื่อไปเสาะหาวัตถุดิบสำหรับการปรุงยาทันที
“นะ — นังขยะ…แกกลับมาได้ยังไงกัน ? ใครเป็นคนไปช่วยแกบอกข้ามาเดี๋ยวนี้” ลั่วชิงอีที่กำลังจะเดินออกจากซุ้มประตูตระกูลลั่วไปนั้น จู่ๆนางก็ได้ยินเสียงเห่าหอนของพวกลิ้วล้อของลั่วฮวา นามลั่วเหมย ที่กำลังวิ่งมาพร้อมกับลั่วซาง พวกมันทั้งสองนั้น อยู่ชั้นปราณหลอมรวมขั้นที่ 5 และ 6 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติธรรมดาสามัญชนยิ่ง ทว่าด้วยระดับพลังที่ห่างกันถึง 1 ระดับใหญ่ ลั่วชิงอีจึงคิดที่จะเลี่ยงปัญหาไปก่อน
“ไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้า” ลั่วชิงอีก็ตอบกลับพวกลิ่วล้อไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“นังขยะ!!! ว่ายังไงนะ…แกกล้าพูดกับพวกข้าเช่นนี้หรือ?” พวกลิ่วล้อลั่วเหมยและลั่วซาง ที่พึ่งมาถึงตรงหน้าของลั่วชิงอี พวกเขาก็ตะโกนออกมาพร้อมกัน ทั้งสองคนเดินปรี่พุ่งเข้าหาตัวลั่วชิงอี พลางยกมือขึ้นหมายจะตบลั่วชิงอี .
“ฮึ…ไม่เจียมตัว” ลั่วชิงอีที่ตอนนี้รู้ตัวดีว่าไม่อาจสู้กับพวกมันแบบ 2 ต่อ 1 ได้ นางจึงเพียงเค้นเสียงอันเย็นชาออกมาจากลำคอ ก่อนจะปล่อยจิตสังหารที่เล็ดลอดออกมาจากอารมณ์โกรธ เพียงแค่นี้ก็ทําให้เจ้าลิ้วล้อ 2 คนนั้น ตัวสั่นขวัญผวา หน้าซีดเลือดลมไม่เดิน ก้าวถอยหลังกันไปคนละ 2-3 ก้าวอย่างไม่รู้ตัว
หลังจากปล่อยพวกลิ่วล้อ 2 คนนั้นยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งแล้ว ลั่วชิงอีก็เดินหายลับไปจากซุ้มหน้าประตูตระกูลลั่วทันที
ผ่านไป 10 นาที ลั่วชิงอีก็เดินมาถึงย้านการค้าในเมืองเสียที หลังจากถามนู้นถามนี้กับผู้คนในเมือง ลั่วชิงอีก็มาถึงที่ หมายนั้นคือ ร้านขายโอสถขนาดเล็กร้านหนึ่ง จากนั้นตัวนางจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านทันที แต่พอเข้ามาข้างในได้ไม่ถึง 5 ลมหายใจดี ก็รีบเดินกลับออกมาทันที
“เกือบลืมไปแล้ว ลืมไปเลยว่าตอนนี้ข้าอยู่ในร่างของเด็กน้อย” ลั่วชิงอีสบถออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
การที่เดินเข้าไปซื้อของทั้งที่เป็นเด็กน้อย ลั่วชิงอีกลัวว่าจะโดนโก่งราคาเพราะเห็นว่าเป็นเด็ก เนื่องจากตอนนี้เงินที่มีอยู่มันก็น้อยอยู่แล้ว หากโดนโก่งราคาไปอีกชีวิตต่อจากนี้คงจะแย่
จากนั้นไม่นานลั่วชิงอีก็เดินหาร้านขายอาภรณ์ จนได้ผ้าคลุมของผู้ใหญ่สีดำมา 1 ชุด พร้อมของแถมเป็นหมวกฟางทรงกรวยที่ใช้ปิดประมาณครึ่งหน้า นางหมดไปประมาณ 1 เหรียญทอง ก็ได้ชุดคลุมนี้มาไว้ในครอบครอง ต่อมาตัวนางเองก็เดินเข้าไปในตรอกที่ไม่มีผู้คน…ก่อนจะใช้วิชาทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานของเหล่าเซียนเพิ่มส่วนสูงและปรับเปลี่ยนโครงหน้าเล็กน้อย จนตอนนี้ลั่วชิงอีสูงประมาณ 170 ซม. ใบหน้าดูเหมือนผู้ใหญ่วัยสามสิมปี รูปโฉมงดงามสะคราญพร้อมกับเดินเข้าไปร้านขายโอสถอีกครั้งนึง
“ยินดีต้อนรับนายหญิง ท่านสนใจสิ่งใดหรือขอรับ?” เถ้าแก่ร้านขายโอสถที่เห็นลั่วชิงอีเดินเข้ามาด้วยชุดคลุมสีดำปิดบังใบหน้าด้วยหมวกฟางก็กล่าวต้อนรับอย่างเป็นมิตร เพราะคิดว่าคงเป็นจอมยุทธ์จากเมืองใดสักเมืองนึง
“เถ้าแก่พอจะหาสมุนไพรเหล่านี้ให้ข้าได้หรือไม่” ลั่วชิงอีกล่าวด้วยเสียงไพเราะ พลางยื่นรายการสมุนไพรจำนวน 10 กว่าชนิด ที่เตรียมไว้สำหรับปรุงยารวมปราณระดับต่ำ 1 เม็ด ให้แก่เถ้าแก่ร้านขายโอสถ
เถ้าแก่รับใบรายการจากลั่วชิงอีมาดู ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเนื่องจากไม่ค่อยมีคนมาซื้อสมุนไพรมากนัก ส่วนมากจะเป็นสำนักใหญ่ๆ ที่จะมาซื้อสมุนไพรเช่นนี้ เพราะนักปรุงยานั้นหาได้ยากยิ่งไม่ใช่ว่าเพราะราคาวัตถุดิบนั้นแพงหรือหายากอะไรมากมาย เพียงแต่คนที่จะนำวัตถุดิบเหล่านั้นมาปรุงเป็นเม็ดยาโอสถได้นั้นหาได้ยากยิ่ง ยิ่งภายในเมืองเมฆาครามนี้นับได้นักปรุงยาแทบจะนับได้ด้วยนิ้วมือด้วยซ้า ส่วนมากจะกระจัดกระจายกันอยู่ตามสำนักหรือตระกูลใหญ่
“มีขอรับกรุณารอสักครู่” เถ้าแก่กล่าวออกมาด้วยใบหน้าตื่นเต้น พร้อมเดินไปบอกลูกน้องให้นำสมุนไพรตามใบ รายการของลั่วชิงอีมาให้
“ทั้งหมดนั้นราคา 100 เหรียญเงินพอดีขอรับ” เถ้าแกพูดพลางยืนสมุนไพรที่ห่อเอาไว้อย่างดี ให้กับลั่วชิงอีในชุดผ้าคลุมสีดำ
“ดีงั้นข้าขอทั้งหมด 10 ชุด แล้วก็เอาเตาปรุงยา มาสักเตาด้วยนะ” ลั่วชิงอีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงคล้ายจะไม่ใส่ใจก่อนจะเตรียมควักเงินมาจ่าย
แต่แล้วเสียงเถ้าแก่ร้านของร้านโอสถก็ดังขึ้น
“ท่านเป็นนักปรุงยา!!!” เถ้าแก่ร้องออกมาด้วยท่าทางตกใจ ใบหน้าของเขาในยามนี้เสมือนคนเจอผีตอนกลางวันแสกๆก็มิปาน
“ใช่ มีปัญหาอะไรงั้นหรือ ? หรือว่าร้านนี้ไม่ทำการค้ากับนักปรุงยา?” ลั่วชิงอีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ใบหน้างามใต้หมวกพลางงุนงงเล็กน้อยที่อีกฝ่ายตกใจขนาดนี้…แค่รู้ว่า นางเป็นนักปรุงยา เนี่ยนะ…
“ไม่ขอรับ!! ไม่ขอรับ!! เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้ทำการค้าร่วมกับนายหญิง”เถ้าแก่ร้านขายโอสถรีบพูดออกมาทันทีอย่างร้อนรน พร้อมโบกไม้โบกมือไปมาอย่างรวดเร็ว กลัวลั่วชิงอีจะเข้าใจผิด
นักปรุงยานั้นนับเป็นตัวตนชนชั้นใดแม้กระทั้งสำนักใหญ่ยังมีนักปรุงยาแค่ 1 คนต่อสำนักเท่านั้นเอง แล้วนี้ถ้าเขาเสียมารยาทกับนักปรุงยาตรงหน้าความซวยจะไม่มาเยือนร้านขายโอสถของเขาหรอกหรือ ?
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments