บทที่ ๑ — ลั่วชิงอี

...บทที่ ๑ — ลั่วชิงอี...

ณ แดนมนุษย์ ทวีปเทียนจุน

วิ๊งงง ออร่าแสงสีดำอาบลงบนร่างของเด็กสาวคนนึงที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นหญ้าภายในป่า

“โอ้ยย ราชานรก ท่านทำอันใดกับข้ากัน…เนี้ย ? ”เซียนโอสถชิงอีคิดกับตัวเองพลางยันกายลุกขึ้นมานั่ง พร้อมความมึนงงหลายส่วนที่โลดเต้นอยู่ภายในหัว  

หลังจากที่ลุกขึ้นได้แล้วเซียนโอสถชิงอีก็ได้เดินไปที่ธารน้ำที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อหาน้ำมาล้างหน้าให้หายจากอาการมึนงง…ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แต่พอที่มาถึงแล้วกำลังจะก้มหน้าเตรียมที่จะล้างหน้าอยู่นั้น นางก็มองเห็นเงาสะท้อนของตนเองที่อยู่บนเงาสะท้อนของน้ำเป็นใบหน้าของเด็กสาวแปลกหน้าที่ตัวนางไม่เคยพบเห็นมาก่อน

“นี้มันเรื่องบ้าบออันใดกัน ? ”

หลักจากที่เซียนโอสถชิงอีสงบจิตใจได้สักพัก จนสรุปได้ว่าตนเองโดนราชานรกส่งมาเกิดใหม่ในร่างของเด็กสาวรูปโฉมงดงามคนหนึ่ง จากความทรงจําของร่างนี้…เซียนโอสถชิงอีจึงสรุปได้ว่า ร่างที่ตนเองได้มาอาศัยอยู่นั้นมีนามว่าลั่วชิงอีเป็นลูกสาวบุญธรรมของลั่วชิงหยาง ลูกชายคนรอง ของผู้นำตระกูลลั่วคนปัจจุบัน ลั่วหมิงเทียน ตระกูลลั่วเป็น 1 ใน 3 ตระกูลใหญ่ ในเมืองเมฆาคราม ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของทวีปเทียนจุน

ในตระกูลลั่วนั้น ลั่วชิงอีถูกปฏิบัติไม่ต่างกับขยะ หลังจากที่พ่อบุญธรรมของลั่วชิงอีได้ตายจากไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ...

ลั่วชิงอีที่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างดีในฐานะคุณหนูของตระกูลลั่ว ก็แปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ นางต้องโดนกลั่นแกล้งสารพัดจากผู้เยาว์ในตระกูลทั้งการข่มเหง รังแก หรือทำร้ายร่างกาย

อีกทั้งระดับลมปราณของลั่วชิงอีเองก็ไม่ต่างจากขยะ ตั้งแต่ อายุ 8 ปี จนถึงปัจจุบันนั้น ตัวของลั่วชิงอีนั้นไม่อาจเลื่อนระดับลมปราณขึ้นได้เลยแม้แต่ขั้นเดียว จึงเป็นเหตุให้ผู้ใหญ่ในตระกูลต่างตราหน้าว่า นางเป็นขยะประจำตระกูล

ส่วนร่างของลั่วชิงอีที่มานอนตายทอดร่างอยู่กลางป่านั้น สาเหตุมาจากถูกเหล่ารุ่นเยาว์สตรีในตระกูลอิจฉาในรูปโฉมอันงดงาม

ลั่วชิงอีที่ถูกหลอกว่าจะมาเที่ยวเล่นในป่าด้วยความที่ยังเด็กอ่อนต่อโลกและต้องการมีเพื่อน…นางจึงไม่ปฏิเสธ ที่จะตามมาด้วย ผลสุดท้ายก็โดนวางยาในอาหารที่เตรียมมาให้ลั่วชิงอีกิน

ลั่วชิงอีหลังจากกินอาหารมีพิษเข้าไปนั้น ตัวนางก็ล้มตัวลงนอนกับพื้นร้องโอดครวญขอความช่วยเหลือด้วยอาการเจ็บปวดคล้ายโดนไฟเผาก็มิปาน ทว่าพวกสตรีรุ่นเยาว์นั้นหาได้สนใจไม่ ! พวกนางจากไปพร้อมทิ้งลั่วชิงอีให้ตายอยู่ในป่าเพียงลำพัง

“อดีตของเจ้าเด็กนี้ช่างน่าแค้นใจยิ่ง” เซียนโอสถชิงอีที่ได้รับรู้ถึงอดีตเจ้าของร่างนามลั่วชิงอีนั้น ก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธ

เซียนโอสถชิงอีนั้นตั้งแต่เกิดมานั้น นางหาได้เคยมีความแค้นอันลึกล้ำอันใดกับใคร… ด้วยบุญคุณมากมายที่สร้างไว้ครั้งที่ยังอยู่แดนเซียน ทำให้ตัวนางไม่เคยต้องมีเรื่องบาดหมางกับใครจนถึงกับต้องโกรธแค้นอะไร ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เซียนโอสถเช่นนางรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างแท้จริง

“ไม่ต้องห่วงเจ้าหนู ด้วยร่างกายที่ข้าได้รับมาจากเจ้า ข้าย่อมต้องตอบแทนด้วยการตามล้างแค้นคนที่เคยทําไม่ดีไว้กับเจ้าให้เอง ข้าขอสัญญา” เซียนโอสถกล่าวออกมาด้วยใบหน้ามุ่งมั่น พร้อมจิตสังหารที่เล็ดลอดออกมาจากดวงตาสีฟ้าครามสด ในครั้งอยู่แดนเซียนนั้นถึงไม่เคยได้มีความแค้นอันใดกับใคร แต่ก็ใช่ว่านางจะไม่เคยฆ่าคนมาก่อน ถึงจะไม่ได้มากมายแต่ก็ไม่น้อยเช่นกัน

เซียนโอสถชิงอีนั้นถือคติ ดีมาดีตอบ ร้ายมาร้ายตอบ ดังนั้นจึงมีไม่น้อยที่มีคนหวังจะฆ่าเซียนโอสถเช่นนางเพื่อฉกชิง สมบัติ โอสถ และอย่างอื่นต่างๆนาๆอีกมากมายที่ได้จากการตอบแทนบุญคุณจากบุคคลที่ตัวนางเคยช่วยเหลือเอาไว้

ถึงแม้นางจะไม่ต้องการสมบัติเหล่านั้นก็ตาม แต่เมื่อได้รับมา แล้ว จะถือว่าเป็นสมบัติของตัวเอง ใครที่คิดจะมาฉกชิงไปนั้น ก็จะได้เจอกับอีกด้านของเซียนโอสถที่สามารถฆ่าคนได้ด้วยร้อยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้างาม

เมื่อเซียนโอสถชิงอีตั้งเป้าหมายที่จะแก้แค้นแทนลั่วชิงอีคนเก่าได้แล้วนั้น เซียนโอสถชิงอีก็เริ่มตรวจร่างกายที่ได้รับมาในทันที

“ฮึ ! เป็นแค่พิษอันต่ำต้อย…กล้ามาอยู่ในร่างของเซียนโอสถเช่นข้างั้นหรือ…” หลังจากสำรวจร่างกายเสร็จ เซียนโอสถชิงอีก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พร้อมกับเริ่มเดินลมปราณเพื่อขับพิษออกจากร่างทันที

“บัดซบ!! ทำไมลมปราณข้าถึงได้น้อยนิดต่ำต้อยเพียงนี้” ขณะที่กำลังจะเดินลมปราณเพื่อขับพิษออกจากร่าง เซียนโอสถชิงอีก็สบถออกมาด้วยไม่พอใจอย่างยิ่ง เมื่อทราบถึงระดับลมปราณของตนเองเพียง ปราณสร้างรากฐานขั้นที่ 2 ถือว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดินเลยทีเดียว

ในอดีตนั้นเซียนโอสถชิงอีเคยมีระดับลมปราณถึงระดับขอบเขตครึ่งก้าวเซียนพิภพ หลังจากที่ตัวนางไม่อาจเดินลมปราณเพื่อขับพิษออกจากร่างได้ เซียนโอสถชิงอีจึงเริ่มนั่งสมาธิเพื่อเปิดจุดชีพจรเพิ่มเพื่อเลื่อนระดับพลังปราณให้กับร่างกายนี้

“ฮึ ! ลมปราณต่ำต้อยยังไม่พอ ยังโดนพิษสกัดชีพจร ทำให้ไม่สามารถเดินลมปราณผ่านชีพจรไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้อีกงั้นหรือ?” หลังจากเดินลมปราณไปได้สักพักก็ไปเจอกับจุดชีพจรที่ไม่สามารถเดินลมปราณผ่านไปได้

“ไร้สาระยิ่งนัก” เซียนโอสถชิงอีสบถออกมา นางเริ่มเดินลมปราณใหม่อีกครั้งโดยครั้งนี้ใช้ออกมาด้วย เคล็ดลมปราณเมฆาสวรรค์ ในครั้งอดีตเคล็ดลมปราณนี้ตัวนางได้รับมาจาก เซียนกระบี่ค้ำฟ้า จากตอนที่นางเคยช่วยเขาเอาไว้ในสงครามสามภพเมื่อห้าร้อยปีก่อน

ในครั้งนั้นเซียนกระบี่ค้ำฟ้าได้มอบเคล็ดวิชาแก่เซียนโอสถชิงอีเอาไว้มากมายรวมทั้งเคล็ดลมปราณเมฆาสวรรค์นี้ด้วย เคล็ดวิชาจากเซียนกระบี่อันดับหนึ่งที่อยู่ในขอบเขตเซียนฟ้าไฉนเลยจะอ่อนหัด แต่ละเคล็ดวิชานั้นล้วนเป็นที่หวาดหวั่นกรั่นเกรงทั่วทั้งแดนเซียนเลยด้วยซ้ำ

เซียนโอสถชิงอีในยามนั้น ตัวนางมิได้สนใจการต่อสู้หรือทำสงครามสักเท่าใดนัก นางสนใจแค่การรักษาผู้คนเพียงเท่านั้น จึงรับไว้เพียง 1 เคล็ดวิชา 1 เคล็ดลมปราณเพียงเท่านั้น เคล็ดลมปราณเมฆาสวรรค์ก็เป็น 1 ในนั้น

ปัง ปัง ปัง ปัง

ตลอดระยะเวลา 1 ชั่วยาม ที่เดินลมปราณด้วยเคล็ดลมปราณเมฆาสวรรค์อยู่นั้น ก็มีเสียงดังขึ้นภายในตันเถียนของเซียนโอสถชิงอีเรื่อยๆเป็นระยะ

“ปราณสร้างรากฐานขั้นที่ 6 ข้าใช้เวลาไป 2 ชั่วยามครึ่งก็เลื่อนมาถึงขั้นนี้แล้ว เคล็ดลมปราณของเซียนกระบี่ค้ำฟ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก” หลังจากผ่านไปอีก 1 ชั่วยามเซียนโอสถชิงอีก็หัวเราะออกมาด้วยความพอใจหลังจากทราบระดับพลังปราณที่เลื่อนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง  

“ฮืม ! เปิดชีพจรได้แค่ 12 จุด จาก 36 จุด สงสัยคงต้องรอให้ระดับสูงกว่านี้ก่อนค่อยเปิดจุดชีพจรอีกทีก็ยังไม่สาย” เซียนโอสถชิงอีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง หลังจากเปิดจุดชีพจร พร้อมขับพิษออกจากร่างเรียบร้อยแล้ว

หลังจากสำรวจตัวเองเสร็จเซียนโอสถชิงอีก็ทบทวน เคล็ดวิชาที่ได้รับจากเซียนกระบี่ค้ำฟ้าอีก 1 เคล็ดวิชาทันที นั้นคือเคล็ดวิชาท่าเท้าท่องคลื่น ซึ่งมีทั้งหมด 4 ขั้น  

ขั้นที่ 1 ย่างก้าววายุ – เพิ่มความเร็วฝีเท้าให้รวดเร็วดุจพยัคฆ์

ขั้นที่ 2 ท่องคลื่นเมฆา – เพิ่มความเร็วการเคลื่อนไหวในระยะสั้นให้ว่องไวดุจอัสนี

ขันที 3 เหยียบเมฆา – สามารถเหยียบอากาศได้ดุจเหยียบพื้นดิน

วันที่ 4 เดินทางพันลี้ – เดินทางระยะไกลผ่านห้วงมิติ

•จากนี้ขอเรียกน้องว่าลั่วชิงอีเลยนะครัช•

ขณะนี้ลั่วชิงอีใช้ออกมาได้แค่ขั้นที่ 1 ย่างก้าววายุ เพียงเท่านั้น เคล็ดวิชาที่เหลือล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับการปรุงยาทั้งสิ้นตอน จึงทำให้นางยังไม่ได้ทบทวนเคล็ดวิชาอื่นเพิ่มแต่อย่างใด แต่ละเคล็ดวิชาที่ใช้ออกไปนั้น บางเคล็ดวิชาก็ขึ้นอยู่กับระดับลมปราณของผู้ใช้จึงจะสามารถเรียนรู้ได้ 

พอจัดการอะไรเสร็จสรรพ ยามนี้ตะวันก็ลับขอบฟ้าแล้ว ลั่วชิงอีจึงตัดสินใจกลับไปยังตระกูลลั่วจากความทรงจำของลั่วชิงอีคนเก่าเพื่อกลับไปพักผ่อนและเตรียมความพร้อมสำหรับวันต่อไป

ฟิ้ววววววว

ลั่วชิงอีที่ใช้ออกด้วยย่างก้าววายุ…นางเดินทางกลับตามความทรงจำของลั่วชิงอีคนเก่า ไม่นานก็กลับมาถึงหน้าซุ้มประตูขนาดใหญ่ ที่มีป้ายสลักไว้ว่า ตระกูลลั่ว ที่หน้าประตูตอนนี้ปรากฏยามยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู 2 คน ระดับลม ปราณหลอมรวม ขั้นที่ 2 และ 3 ถือว่าไม่น้อยเลย สําหรับยามเฝ้าประตู

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!