บทที่ 2 : เรียนรู้
……
ผมจุดไฟเผาบ้านหลังนั้นทิ้งไป ฟู่วๆ.. หินที่ผมได้จากเนย์ตอนนั้นเหมือนมันจะมีความสามารถจุดไฟได้ เมื่อนำมันมาประกบกันก็จะเกิดความร้อนขึ้นจนหินกลายเป็นสีแดงร้อน ผมพาม้าสองตัวมาด้วยส่วนอีกตัวนั้นผมก็ปล่อยมันไปตามทางของมัน " ลาก่อน~~ " ผมพูดส่งท้ายม้าก่อนที่มันจะวิ่งไป. ผมค่อยเดินไปชมวิวไปที่เมืองร้างแห่งนั่น ผมมาที่หน้าประตูเมือง ที่รอบๆเป็นกำแพงหินก่อตัวขึ้นแล้วก็มีเถาวัลย์ขึ้นไปจนสุดกำแพง ส่วนประตูเมืองนั้นเปิดอยู่ เหมือนเชื้อเชิญให้เราเข้าไปเลยนะ ฮ่าๆ ถ้าหากผมเข้าไปผมอาจจะเจอของที่จำเป็นต้องใช้ในการเดินทางก็ได้อย่างเช่นรถม้าเพราะผมขี่ม้าไม่เป็น แต่ถ้าหากนึกถึงความปลอดภัยแล้วในเมืองนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยว่าจะมีเรื่องดีๆ เอาไงล่ะ… อยู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงขึ้นในหัว
[ การปรับปรุงเสร็จสิ้น คุณสามารถใช้งาน หน้าต่างสเตตัสได้แล้ว ]
พอได้ยินแล้วผมก็ตกใจเล็กน้อย ผมลืมไปเลยว่ามีเจ้านี่ด้วย แบบนี้สิถึงจะสมกับเป็นโลกแฟนตาซี มาวันแรกก็เกือบได้เป็นชอยจุแล้ว. ผมดูสเตตัสตัวเองทันที.

โห… นี่ฉันมีสกิลแบบนี้ด้วยหรอ แล้วเลเวลมันอัพได้ยังไง ผมมองเห็นอะไรสักอย่าง เหมือนจะมีข้อความนะ อย่าบอกนะว่าแชทกับเพื่อนข้ามโลกนะ ฮ่าๆ บ้าแล้ว ข้อความอะไรนะ…. ผมลองเปิดข้อความดู ผมตกใจ เพราะข้อความบ้านี้มันส่งมาจาก….. พระเจ้า..
[ ถึง ริน คนที่ฉันได้ส่งมอบความปรารถนาให้ การที่เจ้าไม่สามารถใช้งานสิ่งนี้ได้นั้นเป็นเพราะตัวเจ้ายังไม่ได้ถูกยอมรับให้เป็นคนของโลกใบนี้ แต่เนื่องจากได้รับการยอมรับจากเราผู้เป็นพระเจ้าแล้ว เจ้าจะสามารถ เรียนรู้ ประสบการณ์ใหม่จากโลกใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์ สกิลของเจ้าจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเจ้าหมั่นฝึกฝนและใช้งานมัน ยิ่งเลเวลสูงก็ยิ่งเพิ่มขึ้นได้ยาก เจ้าไม่สามารถเพิ่มเลเวลจากการฆ่ามอนสเตอร์ หรือ คนอื่นๆได้. สกิล สัมผัสเวทย์มนต์ เจ้าสามารถรับรู้ถึงพลังเวทย์รอบตัวเจ้าได้ เลเวลยิ่งสูง ก็จะสามารถรับรู้ได้ไกลยิ่งขึ้น. สกิล สัมผัสจิตสังหาร สกิลนี้สามารถทำให้เจ้ารับรู้ถึงผู้ที่คิดจะฆ่าเจ้าในเวลานั้นๆ. จากนี้ไปเจ้าจะไม่ได้รับการติดต่อจากพระเจ้าอีก ขอให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างอิสระในโลกแห่งนี้ ยินดีต้อนรับ จาก พระเจ้า ]
พอผมอ่านข้อความแล้วเศร้าในทันที ขนาดพระเจ้ายังยอมรับเราช้าเลย ผมมีคำถามเยอะแยะมากมาย ทำไมถึงกลายเป็นเอลฟ์กัน แล้วทำไมไม่ให้สกิลต่อสู้มาด้วย!!... คิดเสร็จก็เหนื่อย ผมตัดสินใจ วิวัฒนาการ สกิล ……." อ้ากกก!!!!!!!!!!".......เจ็บสุดๆไปเลยนี่ว่า!!! ผมเอามือสองข้างกุมหัวเอาไว้พร้อมกับดิ้นไปมา ไหนบอกปวดแค่เล็กน้อยไง…. สติของผมแทบหลุดเมื่อวิวัฒนาการสกิล ผ่านไปห้านาทีก็ค่อยกลับมาเป็นปกติ ผมตรวจสอบสกิลใหม่ดูว่ามีอะไรบ้าง ดูเหมือนว่าข้อความนั้นจะหายไปจริงๆหลังจากผมอ่านเสร็จ.
หลังจากอาการปวดหัวหายไป ผมก็เริ่มรู้สึกว่าปราสาทสัมผัสของผมนั้นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมหันหลังให้ม้าแต่กลับรู้ว่ามันขยับแบบไหนยังไง ยกขาหลัง… สะบัดหางไปมา… ทุกอย่างที่เคลื่อนไหวรอบตัวผมประมาณ 3เมตร ผมจะสามารถสัมผัสถึงมันได้ แต่มันก็มีขีดจำกัดเช่นถ้าเบาเกินไปก็ไม่สามารถรับรู้ อย่างเช่นหญ้าที่สะบัดไปมา ผมก็จะไม่สามารถรับรู้ แล้วอะไรที่อยู่นิ่งๆ ก็ไม่สามารถรู้ได้เช่นกัน ส่วนการสัมผัสเวทย์มนต์นั้นผมยังไม่เข้าใจถึงมันแน่ชัด. 
ไม่นานผมก็ตัดสินใจเข้าไปในเมือง ผมต้องหาอะไรบางอย่างที่จะใช้ในการเดินทาง ผมเดินเข้ามาก็พบกับซากบ้านเก่าที่อยู่ติดๆกันหลายอาคารเรือน มันพังจนไม่รู้ว่าบ้านนั้นเป็นแบบไหนมาก่อน มีทั้งรอยไหม้ที่เกิดจากไฟ หรือ บางอาคารเรือนก็ มีต้นไม้โผล่ขึ้นมาจากหน้าดินทำลายตัวบ้านจนเละ ถึงผมไม่ได้อยู่ดูสงครามเมื่อ46ปีก่อน แต่ผมก็หมั้นใจได้เลยว่ามันจะต้องรุนแรงมากๆแน่ เพาะโลกใบนี้นะ ถ้ามีคนใช้เวทย์มนต์ได้เหมือนเนย์ แล้วหากว่ามีคนแบบนั้นมาเป็นพันๆคนละก็ ไม่ว่าจะมีกำแพงหินหนาให้หลบสักเท่าไหร่ก็คงจะตายแบบไม่เหลือชากให้ฝังแน่ๆ ผมเดินเข้าไปลึกขึ้นอีกก็เจอกับโบสถ์ที่ยังมีรูปทรงให้ดูว่านี่คือโบสถ์ได้อยู่ เพราะมันเหลือแค่หน้าโบสถ์ส่วนข้างหลังเป็นหลุมใหญ่มาก ราวกับมีอุกกาบาตลงมาที่หลังโบสถ์เลยละ หลุมนี่กว้างสัก24เมตร และน่าจะลึกถึง 13เมตร ได้เลย ผมเดินลึกเข้าไปก็เจอกับปราสาท ขะหนาดใหญ่มากๆเลยละ แต่ตอนนี้รู้แต่กลายเป็นชากอยู่พื้นดินเอง เพราะมันมีกำแพงหนา และ มีหลังคาแหลมๆที่ล้มอยู่ แถมยังมีโครงกระดูกชุดอัศวินอยู่แถวนี้เต็มไปหมด มันคงไม่ลุกขึ้นมาหรอกนะ ผมเดินไปเรื่อยจนไปเจอกับเสาธงอันหนึ่งแต่ที่แปลกตาก็คือ………มีชายคนหนึ่งถูกมัดไว้ตรงนั้น แล้วเค้าก็ยังไม่ตาย…ดูเหมือนจะถูกช้อมอย่างหนักหน่วง แกร็ง!! แกร็ง! เสียงขอเขาพยายามที่จะดิ้นให้ลุกออกจากตรงนั้นเพื่อไปที่ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งนอนแก้ผ้าอยู่ตรงหน้าเสาธง สภาพของเธอไม่ต่างอะไรจากชายคนนั้นสักเท่าไหร่ แต่เธอนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ผมกำลังคิดว่าควรจะเข้าไปหาดีไหม ทำไมถึงถูกมัดไว้ละ คนที่ถูกมัดไว้นะมีอยู่สองอย่างคือ เป็นคนอันตราย หรือ เป็นเหยื่อ จากสถานะการนี้นั้น ผู้หญิงที่นอนแก้ผ้าอยู่ และ ชายที่อยากจะไปหาเธอจนใจจะขาด… หรือไอ้นี่มันเป็นโรคจิตกันแน่นะ ผมเดินไปใกล้ พอเข้าไปใกล้ภาพถึงได้ชัดขึ้น…. ชายคนนั้นมีสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว ตาสีแดงจนมองเห็นได้ชัด น้ำตาที่ไหลออกมากลายเป็นเลือดสีแดงสด ส่วนผู้หญิงที่นอนอยู่นั้น เสียชีวิตไปแล้ว ร่างกายมีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด มือทั้งสองข้างทูกตัดออก ไม่มีเสื้อผ้า เหมือนเสื้อผ้าของเธอถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆที่พื้น ดูแล้วเธอน่าจะตายมาหลายวันแล้ว ส่วนชายคนนั้นมองมาทางผม แล้วก็บ่นอะไรสักอย่างแต่ไม่ได้ยินเลย เสียงของเขาไม่ออกมาเลยสักนิด แล้วเค้าก็หันไปที่เธอจากนั้นก็พยายามที่จะดิ้นให้หลุดออกไปหาเธออยู่ดี …. แกร็ง! แกร็ง! ภาพที่อยู่ตรงหน้าผม มันช่างเหนือที่จะอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่และทำไมถึงเกิดขึ้น ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหาชายคนนั้น ถ้าหาว่าสกิลของผมบ่งบอกถึงอันตรายผมจะฆ่าเขาทันที แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงพูดที่เบามากๆ เหมือนว่าคอของเขาจะไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้.
"ปล่….ปล่อ…ปล่อยฉัน…….ที"
ผมต้องเอาหูตัวเองเข้าไปใกล้กับปากของเขา จนกว่าผมจะได้ยิน ผมปล่อยเขาดีไหมนะ ผมมองก็เห็นแหวนที่มือ… มันคือแหวนหมั้น ผมหันไปดูศพเธอคนนั้น ใกล้ๆมีมือที่ตกอยู่ชึ่งแหวนเหมือนกันมาก แล้วหันมามองชายคนนี้…. มันคงไม่ใช่สิ่งที่กำลังฉันคิดใช่ไหม มันคงไม่เรวร้ายแบบนั้นนะ ถ้าจะเป็นแบบนั้น ขอให้ผมปล่อยคุณไปแล้วเดินไปกินศพยังรู้สึกดีกว่าสะอีกนะ …. ผมใช้มีดตัดเชือกให้กับเขา ที่มือของเขามีเลือดไหลออกและช้ำไปหมด เหมือนว่าเขาตั้งใจจะสละมือให้ขาดเพื่อที่จะออกไป ทันที่เชือกขาด ฉับ!.
ตืบ! ตึบ! เขาวิ่งสุดแรงเพื่อไปหาเธอ.
" อาเรีย! อาเรีย!! ฉันขอโทษ หือๆๆๆ!!! ฉันขอโทษ!!!!!"
เขากอดร่างของเธอไว้แหน้น ทั้งพูดขอโทษช้ำๆ แล้วก็ร้องไห้ เขาตะโกนออกมาทั้งๆ ที่เลือดออกมาจาปากของเขา คอของเขานั้นแถบจะแตกตายอยู่แล้ว น้ำตาที่ไหลเป็นเลือด เสียงตะโกนของเขาดังสนั่นจนผมเองถึงกับยืนตัวแข็งไปเลย ภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหมือนกับว่าโลกทั้งใบนั้นแตกสลาย เป็นภาพที่น่าเศร้ายิ่งหนัก…….
...19:47 ...
..." ขอให้เธอไปสู่แดนสวรรค์...
...ไม่ต้องเจ็บปวด ไม่ต้องทรมาร...
...ฉันจะไปหาพวกมัน!!!...
...พวกมันที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด...
...ฉันจะทำให้พวกได้เจ็บปวดจนร้องขอให้ฉัน…....
...ฆ่าพวกมันทิ้ง…. "...
.......
.......
.......
...21:37 ...
ผมนั่งอยู่แคมป์ไฟแล้วทำมันเผา ผมมองดูชายคนนั้นที่นั่งไว้อาลัยที่หลุมศพของเธอตั้งแต่ตอนที่ฝังจนถึงตอนนี้ ผมเป็นคนขุดให้กับเขาโดยใช้พลั่วที่หามาได้จากในเมือง เราออกมาจากนอกเมืองแล้วมาตั้งแคมป์กันที่ทุ่งหญ้า. ชายคนนั้นพอดูดีๆแล้ว ก็เหมือนจะอายุ 20กว่าๆ เนื่องจากถูกมัดที่นั่นเป็นเวลานานจึงผอม และ ดูแก่ เขามีผมสีดำ สูงราวๆ 176เชนติเมตร ดูจากเสื้อผ้าน่าจะเป็นนักผจญภัย ผมเผามันอยู่นานมากแล้วเลยรู้สึกว่าคงถึงเวลาที่จะต้องไปเรียกเขาแล้วละ ผมเดินไปที่หลุมฝังศพ หลุมนั้นตั้งอยู่ตรงกลางของทุ่งหญ้า แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนพื้นดิน ทุ่งหญ้าที่รับแสงจันทร์กลายเป็นสีน้ำเงินสว่าง มันงดงาม และ เศ้าใจ ผมเดินเข้าไปใกล้แล้วบอกกับเค้าว่า.
" กลับไปที่แคมป์กันเถอะครับ อาหารเสร็จแล้ว "
เขาหันหน้ามามองแล้วก็ พยักหน้า สีหน้าที่ด้านชาไม่มีอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น จากนั้นผมจึงหันหลังเดินกลับไป " สายตานั้นเหมือนกับฉันเลยนะ…"ผมพูดคนเดียว ผมทบทวนในใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็ได้แค่คิดเรื่อยเปื่อย คงมีแต่ต้องถามเจ้าตัวเอาเองเมื่อเวลานั้นมาถึง.
พอเขากับมา กินอาหารกันเสร็จ พวกเราก็เข้านอนจนถึงเช้า ผมเก็บข้าวของเพื่อที่จะออกเดินทาง ผมช่วยดันเขาขึ้นไปบนหลังม้าเพราะดูจากสภาพแล้วเดินไปไม่ถึงไหนได้เป็นศพแน่และ ผมถามเรื่องเมืองที่ใกล้สุด แต่เขาหันมามองแล้วชี้ไปทางทิศใต้.
"ต้องเดินไปทางนั้นหรอ แล้วใช้เวลากี่วันละถ้าเดิน ?"
เขาชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว.
" สามวันหรอ?"
เขาพยักหน้าอย่างช้าๆ ผมเริ่มออกเดินทางทันที ตอนที่ถึงเมืองจะมีคนเก็บเงินค่าเข้าเมืองหรือเปล่าหรือต้องมีบัตรผ่านอะไรบ้าง ผมถามเขา หมอนั่นหันหน้ามาแต่ไม่ตอบอะไร ผมจึงเลือกเป็นถามแบบตอบใช่ และ ไม่ แล้วจึงได้คำตอบว่ามีแต่ค่าเข้าเมืองเท่านั้น หมอนั่นทำได้แค่พยักหน้าเลยไม่รู้ว่าเท่าไหร่ ผมพอจะมีเงินอยู่บ้างเพราะเอามาจากพวกที่เป็นศพในบ้านรวมถึงผู้หญิงสามคนนั่น ผมคาดว่าน่าจะพอใช้เข้าเมืองได้อยู่ละนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อดี ยิ่งเดินทางอาหารของเราก็ยิ่งเหลือน้อย ผมไม่มีน้ำดื่มและ อาหารมากพอสำหรับสองคน ผมเดินทางมาไกลพอสมควร วันเวลาผ่านไปสองวัน ทางข้างหน้าก็มีแต่ป่า และ ภูเขา สองวันมานี้ ผมเจอพวกสไลม์ มันเป็นเหมือนก้อนเหมือกลากสี มันจะพ่นเหมือกใส่คุณ ถ้าหากโดนจะเกิดอาการคัน และ แสบ คล้ายกับน้ำกรดแต่ก็เบากว่ามาก วิธีกำจัดมันคือการทำลายหินที่อยู่ใจกลางข้างในตัวของมัน.
แต่พอเดินทางมาได้สักพักก็เริ่มเห็นถนนที่เป็นแค่ถนนดิน ครั้งแรกที่ผมเห็นมันตั้งแต่มาที่โลกนี้ ผมรู้สึกมีแรงหึดขึ้นอีกครั้ง เป็นเวลาแค่สามวัน แต่รู้สึกยาวนานมาก ที่ริมถนนมีแม่น้ำกว้างมาก ราวๆ200เมตรได้ ผมตั้งแคมป์ริมแม่น้ำ หัวมันก็เหลือแค่หัวเดียว พวกเราแบ่งกันคนละครึ่ง. ผ่านมาสามวันดูเหมือนว่า หมอนี่เริ่มจะพูดได้แล้วแต่เสียงเบามาก ผมถามเขาว่าถึงเมืองแล้วจะเอาไงต่อ หมอนั่นบอกว่าจะไปที่บ้าน แล้วเอาเงินที่เหลือในบ้านไปรักษา และ ซื้ออาวุธใหม่ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาคิดจะทำอะไรแต่ก็มันไม่เกี่ยวอะไรกับผม.
" ฉันขอไปพักที่บ้านนายก่อนได้ไหม หลังจากนั้น ช่วยบอกทางไปที่ทำงานของนายที ฉันจะไปสมัครงานที่นั่น "
ผมถามแล้วก็เองตัวนอนลง.
" นาย….หมาย…ถึง …กิลด์นัก…ผจญภัย…นะหรอ?"
หมนั่นตอบแบบสภาพใกล้ตาย.
" ใช่ แล้ว ไอ้นั่นแหละ ฉันจะสมัครได้ไหมนะ ? "
เขาพยักหน้าตอบผมแล้วก็โน้มตัวลงนอน
" แล้วนายชื่ออะไรหรอ? ฉัน เรย์ "
" อาค…อาค์ "
ตอบแบบใกล้ตาย ผมหันไปมองหมอนั่นแล้วก็พูดว่า:
" นอนกันเถอะ นายพูดมากไม่ได้ เห็นแล้วอยากช่วยให้ไปสบายมากขึ้น "
ผมเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยหลังจากเจอเรื่องอะไรร้ายๆ คราวนี้แหละจะได้ใช้ชีวิตดีๆสักที ….
เช้าวันรุ่งขึ้นผมออกเดินทางทันที ดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นแสงมันก็สะท้อนกับหน้าน้ำทำให้เกิดภาพที่งดงาม ผมเดินไปมองไปมันช่างสวยจริงๆ ผมมาถึงหน้าเมืองตอน 13:18 ….. มันเป็นเหมือนกับเมืองร้างนั่น แต่ก็มีสภาพที่ดีกว่ามากๆ กำแพงที่แข็งแรง สูงจนมองไม่เห็นข้างใน พื้นรอบๆเป็นทุ่งกว้าง และ มีป่าล้อมรอบทุ่งหญ้าไว้ มีผู้คนมากมายที่หน้าประตูเมือง มีทั้งรถม้า, อัศวิน, เด็กๆ….. เป็นภาพที่ดูเหมือนจะเป็นต่างโลกจริงๆไปเลย แต่นี่ก็ต่างโลกนี่น่า… ผมเดินไปใกล้ประตู ทหารยามถามถึงบัตรที่ใช้ไว้เข้าเมืองหรือบัตรนักผจญภัย ชึ่ง ผม และ หมอนั่นก็ไม่มี.
" ยินดีต้อนรับสู้ ฟริ้งรัส ครับ! ไม่ซาบว่าคุณมีบัตรเข้าเมืองหรืบเปล่าครับ?"
เค้าถามแล้วก็กล้มคำนับ.
" เออ….ไม่มีครับ ผมพึ่งมาที่เมืองนี้เป็นครั้งแรก"
" แล้วอีกคนคือ…..หะ!!! "
ทหารยามตกใจแล้ว วิ่งไปดูชายคนที่ผมพามาด้วย.
" ชุดแบบนี้ไม่ผิดแน่ !!!! คุณอาค์ เกิดอะไรขึ้นทำถึงไมเป็นแบบนี้!!!"
เขาถาม อาค์ ด้วยความตกใจ.
หลังจากนั้นพวกเขาก็นำเราไปที่ห้องของทหารยาม พวกเค้าถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ อาค์ ก็ไม่พูดอะไรเลย สิ่งเดียวที่เขาพูดคือ
"ฉันจะกลับบ้าน"
…. พวกทหารจึงมาถามผมแทน คนที่มาถามผมเป็นทหาร ใส่ชุดอัศวินเต็มชุด เป็นชายหนุ่มอายุประมาณ19ปี มีผมสีน้ำตาลเข้ม.
"สวัสดีครับ คุณพอจะรู้ไหมครับ ว่าเกิดอะไรขึ้นงั้นหรอครับ?"
ถาทด้วยน้ำเสียงที่ดู อ่อนน้อม.
ผมก็อธิบายเรื่องที่รู้ทั้งหมดเกี่ยวกับอาค์ให้เขา เมื่อได้ข้อมูลพวกเขาก็กำลังจะลุกไปแต่ผมก็ถามกลับไปอย่างหนึ่ง.
" พวกคุณรู้จัก Eater ไหมครับ "
เขาตกใจ แล้วหันกลับมามองผม จากนั้นก็พูดขึ้นว่า.
" นี่พวกคุณไปเจอมาอย่างงั้นหรอ!!?"
ตะโกนเสียงดังเชียว สามคนนั้นคงดังมากสินะ.
" ไม่หรอก ผมแค่ถามเฉยๆนะ "
ผมตอบกลับไปแล้วพยักไหล่.
" หมายความว่ายังไงกัน!!? ถ้าเป็นพวกนั้นละก็อาจจะทำให้ อาค์ บาดเจ็บแบบนี้ได้ก็ไม่แปลก เพราะพวกนั้นแข็งแกร่งมาก เห็นว่ามีหนักผจญภัยหายตัวไปเรื่อยๆ แถมยังได้ยินข่าวลือว่าพวกนั้นกินมนุษย์ด้วยกันเองอีกนะ!"
" ออ…"
" ถ้านายเห็นพวกนั้นช่วยบอกพวกเราทีหน่อยว่าอยู่ไหนได้โปรดล่ะ… พวกเราจะรีบไปกวาดล้างพวกมัน !"
เขาพูดแล้วก็กำหมัด.
" พวกนั้นมีกี่คนหรอ?"
" เห็นว่าคนที่รอดมาได้แทบจะเสียสติ เขาบอกเรามาว่ามีแค่สามคนเป็นผู้หญิง"
เขาพูดพร้อมมองมาที่หน้าของผม.
" งั้นหรอ… คุณก็ไปตรวจสอบที่เมืองร้างนั่นสิ คุณอาจะได้คำตอบของคุณ"
อัศวินได้ยินแบบนั้นก็เอามือวางไว้ที่โต๊ะแล้วพูด.
"คุณหมายถึงอะไรนะ!! "
แล้วผมก็ลุกขึ้น เดินไปหาอาค์ เขามองมาที่ผมแล้วก็ลุกเดินไปที่ม้าพร้อมกัน.
"บ้านนายไปทางไหนหรอ ?"
เขาเริ่มชี้แล้วผมก็เริ่มออกเดิน จากเหตุการณ์นี้ทำให้เราเข้าเมืองมาโดยไม่เสียเงินเลยสักนิด ในโลกนี้เหมือนจะใช้เหรียญกัน ในกระเป๋าของผมมีเหรียญทองอยู่ 4เหรียญ เหรียญเงินอีก 13 เหรียญ ผมไม่รู้ว่ามันมีค่าเท่าไร่ ผมคงต้องหัดเรียนรู้เรื่องสกุลเงินของที่นี่แล้วละ ในเมืองนั้นเต็มไปด้วยผู้คนเดินไปมา เข้ามาในเมืองก็ยังคงเป็นถนนดินอยู่ มีร้านค้าแปลกตามากมาย มีอยู่หลายเผ่าพันธุ์แตกต่างกัน คงไม่ได้มีแค่มนุษย์ที่อยู่เมืองนี้สินะ.
มันอัศจรรย์มากๆเมื่อ ต่างเผ่าพันธุ์ต่างใช้ชีวิตร่วมกัน ครึ่งคนครึ่งสัตว์ก็น่ารักมากๆ เท่าที่มองดูมาตลอดทาง คนในโลกนี้นั้นหน้าตาดีกันจนหมดไม่ใช่หรอ! ทำเอาผมแอบท้อแท้อยู่เหมือนกันนะเนี่ย เราเดินผ่านหน้าโบสถ์ใหญ่ยักษ์ไป ตัวโบสถ์มีประตูบานใหญ่ประมาณ10เมตรได้เลย ตัวโบสถ์สร้างจากหิน และ ดิน เถิงวัสดุจะดูบ้านๆแต่มองดูแล้วมันมีโครงสร้างที่แข็งแรงมาก ผมว่าสถาปัตยกรรมในเมืองนี้ก็ใช้ได้เลยทีเดียว เราเดินอ้อมโบสถ์ไปทางด้านช้ายจะเจอะกับสะพานที่มีรำธารไหลผ่าน เดินผ่านสะพานเข้าไปก็เจอกับบ้านหลังหนึ่งทางด้านขวาที่ใหญ่โตมาก คงเป็นบ้านของพวกขุนนางนั่นแหละ ตรงข้ามกับบ้านขุนนางก็เป็นบ้านหลังเล็กๆ กว้างประมาณ5เมรต มีรั้วล้อมรอบเอาไว้ หมอนั่นชี้ไปบ้านหลังนั้น เป็นบ้าน สร้างจากไม้ มีประตูไม้ และ มีหน้าต่างเล็กๆตรงประตู ระหว่างด้านซ้าย และ ขวามีประตูหน้าต่าง ส่วนด้านหน้าประตูปลูกดอกไม้ตกแต่งให้สวยงาม เป็นดอกไม้สีฟ้าแปลกตามาก เหมือนกับดอกลิลลี่สีน้ำเงิน.
" หลังนี้สินะ"
ผมมเงยหน้ามองดู ก๊อกๆ! ผมเคาะประตู
" กำลังไปค่าาา!! "
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากในบ้าน เธอเดินออกมาเปิดประตู เมื่อประตูเปิดออก เธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอายุน่าจะสัก15ปีได้ มีผมสีดำ ในตาสีน้ำตาล ใส่เสื้อสีขาวแล้วก็กางเกงขายาวสีน้ำตาล มือของเธอถือช้อน ส่วนอีกข้างถือจานที่มีเค้ก พอเธอมองไปที่อาค์จานที่อยู่บนมือก็หล่นลงพื้น แกล๊ง! เค้กตกกระจายเต็มพื้นไปหมดเธอวิ่งไปกอดอาค์แล้วร้องไห้.
" พี่ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว…ฮืออ…"
เธอได้พาอาค์เข้าไปในบ้านแล้วก็ให้เขานอนพักผ่อน ส่วนผมที่นั่งรออยู่ห้องรับแขกก็มองไปทั่วตามสไตล์นิยาย ข้างในบ้านตกแต่งไปด้วย ดาบสองคม มีโล่อัศวินแขวนบนกำแพงตรงทางเข้า ที่ห้องรับแขกนั้น ตกแต่งด้วยดอกไม้ตามผนัง และ บนหน้าโต๊ะ บ้านหลังนี้เหมือนเป็นบ้านของนักดาบดอกไม้ โอ้ยเรียกสะน่าอาย นักดาบผู้รักในการปูก แต่นี่ก็ไม่ค่อยถูกใจแฮะ นักดาบผู้ชื่นชอบดอกไม้…หืมมม นักดาบผู้มีน้องสาวที่ชอบดอกไม้… แบบนี้ละมั้ง ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยรอพวกเขา ผ่านไปสามสิบนาทีกว่าๆ เด็กสาวก็เดินออกมาจากห้องแล้วเดินไปที่ครัว เหมือนว่าเธอจะไปชมชามาให้.
" นี่คือชาขาวที่ได้จากตลาด อาจจะไม่ถูกใจคุณก็ได้นะคะ "
เธอพูดแล้วก็ยื่นถ้วยชามาให้ผม.
" ไม่เป็นไร "
ผมยื่นมือรับถ้วยชา จากนั้นเธอนั่งลงเก้าอี้ตรงข้าม เธอมองไปที่ถ้วยชาของเธอสักพัก แล้วก็เงยหน้ามามองผม ผมก็ได้แค่ดื่มชาแล้วก็มองกลับไป….บรรยากาศรอบๆ เงียบ และ ตึงเครียด ผมดื่มชาจนหมดจอกแล้วถามเธอว่า:
" ที่นี่มีห้องอาบน้ำไหม ? "
เธอตกใจจนสะดุ้ง เธอมองผมแล้วก็ชี้ไปทางด้านขวา.
" มิ..มี ค่ะ!! เดี๋ยวฉันจะไปตักน้ำมาไว้ให้ คุณช่วยรอสักครู่นะคะ !! "
ผมพยักหน้า เธอเดินออกไปทางด้านขวาของบ้าน เหมือนว่าเธอจะไปตักน้ำที่บ่อน้ำของหมู่บ้าน มันก็ไม่ได้ไกลมานักหรอกผมเป็นแขกเพราะงั้นนั่งเฉยๆให้เกียรติเธอบริการดีกว่า ว่าไปนั่น ต้องไปช่วยอยู่แล้วตามสัญชาตญาณของพระเอกในอนิเมะหรือชายผู้มีจิตใจดีงามละนะ แต่ผมไม่ใช่ ผมแค่ต้องการอาบน้ำเร็วๆเพราะงั้น ต้องรีบไปช่วยตักให้เร็วจะได้สบายๆ ผมเดินไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มีน้ำอยู่เต็มถัง ในยุคสมัยนี้คงเป็นแบบนี้สินะ ต้องเดินไปตักน้ำมาใส่ถังทีละนิดเพื่อที่จะมีน้ำใช้ แต่ว่าถ้าหามีเวทย์มนต์น้ำละ มันจะเป็นยังไงนะ ผมเริ่มทอดชุดออก และ เดินไปที่ถังน้ำ สายตาของผมมองเห็นเงาของตัวเองในน้ำ มันทำให้ผมต้องตกใจไม่น้อย…. นี่มัน…เราเมื่อตอนอายุ 19นิ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ละ…..ที่บอกว่าเป็นเอลฟ์แล้วอายุยืนยาวคงเป็นเรื่องจริงสินะ ฉัน30แล้วนะ แต่ร่างกายเหมือนกับเด็กม.ปลายแบบนี้นะ ……..ดีจริงๆ!! ตัวของผมเหมือนจะเป็นเอลฟ์ผมสีเงิน มีตาสีน้ำเงิน ผมเองก็ดูเหมือนจะเข้ากับโลกนี้ได้อยู่นะ.
#ตอนต่อไป >>>>>>> [ การก่อตัวของการแก้แค้น ] <<<<<<<<
สวัสดีทุกคน!!!! อ่านถึงตอนนี้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง ถ้ามีอะไรที่ผิดผลาดหรือมีเนื้อหาใดที่ไม่เข้าใจ มาคอมเม้นไว้ด้านล่าง ตัวผมและทีมงานจะพยายามแก้ไขปรับปรุงเพื่อความสนุก และ ความสุขในการอ่านของทุกคนมากขึ้น ผมขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้มากครับส่วนตอนต่อไปนั้นคุณจะได้รู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาค์ อย่าลืมมาอ่านละ ขอบคุณมากครับ.
จาก SEKI OFFICIAL
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 4
Comments