สภาพง่วงจะตายแล้ว ยังให้มายืนจงกลมเอาอะไรตอนดึกดื่น แล้วชายชุดดำพวกนี้คืออะไร หน้าตาก็ดีแต่ทำท่าทางยังกับโจร
“คุณกัสต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ต้องรีบพากลับมาเพราะถ้าเกิดเรื่องที่คุณเป็นลูกแท้ๆ หลุดออกไปตอนนี้คงยังไม่เหมาะ อย่างน้อยก็ต้องรออีกสักวันสองวัน ทางเราจะทำหนังสือแจ้งเครือข่าย-”
ห้าวววววววววว เสียงหาวอ้าปากซะกว้าง โอ้นะพ่อคุณทูนหัวอิมถึงกับลืมเรื่องที่พูดอยู่
กื้ย|||
“ผมคิดว่าคุณกัสคงจะง่วงนอนแล้ว นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย เอาเป็นว่าผมจะเล่าสั่นไมห้ได้ใจความนะครับ”
“งืมมม”
“ที่คุณเห็นอยู่นี้ ใช่ครับพวกเราคือมาเฟียรวมถึงพ่อคุณกัสก็คือผู้นำมาเฟีย ส่วนคนที่จะขึ้นมาแทนคุณท่านนั้นก็-”
“ห๊าววววววววว”
“เอ่อ...คุณกัสไม่ตกใจหรือกลัวอะไรพวกเราใช่ไหมครับ?”
“ง่วงนอน”
กึก...
“ครับ...เอาไงครับคุณเซียน”
“ฉันไปได้แล้วใช่ไหมตาจะปิดแล้ว”
หมับ! มือหนึ่งก็คว้าร่างของเขาเข้าไป
“อึก หื้มมม??”
ไม่ไหวง่วงจัดมองไม่ชัดเขาเงยหน้าขยับเข้าไปมองใกล้ๆ ลมหายใจอุ่นๆ ภาพตรงหน้ามัวเริ่มชัดและ .... อีกนิดเดียว (อีกนิดเดียวจะจูบ!!!) แต่กัสก็ไม่ได้มีท่าทีจะตกใจกลับกันเป็นเซียนซะเอาที่แอบตกใจ
“ดูเหมือนจะไม่กลัวเอาซะเลยนะ” น้ำเสียงเข้มสุขุมเยือกเย็น จัดภาพลงมาที่กัสกะพริบตาปริบๆ ก็ไม่รู้สิเขาในตอนนี้นั้นสมองมันขาวโพลนและเบลอไปหมด ไม่ใช่อะไรเพราะมันง่วงงงงงงง!!!!!
ห้องนอนในบ้านหลังใหญ่ ดูยังไงก็ยังไม่ชินแต่ตอนดันสลบหลับสนิทปานตาย แสงสว่างจากแทรกผ่านม่านกระทบกับดวงตาคู่สวย ร่างบอบบางยันตัวลุกขึ้นจากเตียงบิดตัวไปมา
โอ๊ะ!
“เชี้ยสายแล้ว!!!” ว่าแล้วกระโดดออกจากผ้าห่มด้วยกายเปลือยเปล่าทว่า
ปัง
หื้ม?? กึก!! เสียงถีบประตูทำเขาหันขวับ
“เกิดอะไรขึ้นครับ-เฮือกกกกก! ขอโทษๆๆๆ”
เชี้ยยยยยยยO_O!!! สองมือปิดส่วนกลับรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ แต่ห้องน้ำมันไปทางไหนละเนี่ยห้องก็กว้างเกิ๊นนนนนน
“อ๊ากกกกก!!!” อับอาย!!
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เอ่อคือคุณกัส...คือ-”
“ชักช้าหลีกไป”
“เอ่อๆ คุณเซียนคือคุณกัส-”
ชายพ่อบ้านหันไปดึงรั้งเจ้านายไว้ ทว่ากับคว้าได้เพียงลมสักพักเสียงไม่คาดฝันก็ดังขึ้น เมื่อเซียนร้อนใจกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายวิ่งเข้าไปดูในห้องน้ำที่ไม่ได้ล็อก...ทว่า
“นี่เกิดอะไร”
กึก||| ร่างกายเปลือยเปล่ากำลังชำระร่างกายผ่านน้ำ เพียงสายตาสบสายตาทุกสิ่งรอบกายก็
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก
เฮือกกกกกก!!! ยังความซวยของเขาคนนี้ยังไม่หมด เจ้ากรรมลูกทำชั่วอะไรไว้นักหนา ฟองแชมพูบนหัวดันทำแสบตาเท้าที่ว่ายึดไว้ดีแล้ว ดันต้องมาลื่นกับฟองสบู่ร่างกายเสียการทรงตัวอย่างรวดเร็ว มือไม้พยายามจะคว้าหาที่ยึดทว่า โอ้ไม่น่ะอย่างกับภาพสโลในหนัง รู้ตัวนะแต่ทำอะไรไม่ได้แล้วและในที่สุด หวืดดดดด
“ช่วย-”
ตึก! หมดกันโลกชั่งมืดมน เสียงดังตุ้บทำหนุ่มหน้าตี๋ก็เหลียวหลังหันมอง พอเห็นภาพราวกับกายกรรมเท่านั้นแหละร่างกายเปลือยคงไม่สำคัญ
“เชี้ยยยยยยยย!!!!”
เซียนอุทานร้องลั่นบ้านรีบหาผ้าไปคุมอุ้มร่างน้องชายบนมา นี่มันเวรมันกรรมอะไรของเซียนคนนี้เนี่ย เพิ่งผ่านงานขาวดำมามาดๆ ดันเจอเรื่องปวดประสาทเอาจนได้
1ชั่วโมงหลังจากนั้นภาพของยายกำลังทำแผลให้ มันเป็นช่วงเวลาในวัยเด็ก ที่มักจะโดนเด็กผู้ชายแกล้งจนมีแผลกลับบ้านประจำ แต่ก็นั่นแหละยายก็ไม่เคยบ่นหรือดุเพราะเอาเข้าจริงๆ ไอ้เด็กที่มาหาเรื่องเขานั้นถึงกับต้องหยอดเข้าต้มที่โรงพยาบาล แน่นอนยายกับตาถูกต่อว่าและเรียกพบบ่อยมาก เหนือสิ่งอื่นใดก็ไม่เคยดุแต่กลับบอกว่า
‘ทำดีแล้ว อย่าให้ใครรังแกต่อให้คนอื่นจะมองไม่ดี เราแค่ปกป้องตัวเอง แต่ก็นะ...เบาได้ก็เบานะลูก^^’ เหอะก็นั่นแหละ
“ฮ่าๆ อ๊ะ อู๊ยยยยเจ็บ” สภาพร่างคนป่วยพันด้วยผ้าก๊อซ อยู่ๆ ก็ลุกดีดเด้งขึ้นมาอย่างกับหนังผี ทำเอาชายร่างสูงกับคุณหมอคนสวยถึงกับสะดุ้ง
หมับ หมอสาวความถามดูอาการด้วยความเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างคะ??? ยังมีอาการมึนหรือปวดอะไรยังไงไหมคะ??” ระหว่างนั้นร่างสูงแอบมองตามเฝ้าดูอาการทว่านัยน์ตาเหม่อลอยนั้น
“หื้ม?”
กัสถามตัวเองอย่างไง เดี๋ยวนะเสียงอันไพเราะของหญิงสาวนี้ สภาพโดยรอบเต็มไปด้วยสีขาว ภาพล่าสุดคือ....หัวฟาดพื้นอย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนนี้เป็น
“ฮือๆๆ ผมยังไม่อยากตายคุณยมทูต” สองมือจับแขนหญิงสาวชุดขาวด้วยน้ำตา
“หะ?” ร่างสูงหน้าตี๋ได้ยินชัดเจนถึงกับอึ้ง
“อะ? เอ๊ะ วะ ว่าไงนะคะคนไข้???” หมอสาวตั้งสติพยายามลูบมือคนไข้ กัสรู้สึกหมดหวังทว่าพอฟังชัดๆ
“หื้ม?? คนไข้??” ว่าแล้วก็จับหัวที่เพิ่งผ่านศึกหนักมา
แปล๊บ!!
“โอ๊ย!!”
“ยะ ยังปวดอยู่เหรอคะ??” ปวดเบิดอะไรกันละพอก้มมองดูเสื้อผ้าที่สวม ภาพล่าสุดฉายชัดในความทรงจำ
“ฮือออออออ-”
“นี่!! หยุดนะจะร้องทำบ้าอะไรมิทราบ!?”
กึก!!! ทุกอย่างเงียบสงบลงทันตา
โหดร้าย\~
กัสครวญคราง พอหันไปปลายเตียงเขาพบร่างสูงหน้าตี๋นั้น มันก็ยิ่งทำให้อยากร้องไห้ ไม่นะร่างกายของฉัน
“ทำไมต้องด้วยอ่ะ\~ ฮืออออ-”
“ยังอีก!! บอกให้หยุด!...ให้ตายสิ”
น้ำเสียงดุตวัดลั่นทำเอาหมอสาวก็สะดุ้งเฮือกกลัวตาม ก็ได้ว่ะฮึบๆ กัสแกต้องฮึบแต่เหนือกว่าอาการปวดก็คือ....ความอับอายก่อนหน้า
“ฮืออออ คุณหมออออ” เสียงร้องดังลั่นร่างสูงจนต้องยอมแพ้
‘เฮ้อออออนี่มันวันอะไรวะเนี่ย’ เซียนบ่นถอดใจทั้งที่เป็นวันเริ่มต้นใหม่ของวันแท้ๆ ซวยแต่เช้าเลยจะบ้าตาย
“เอ่ายาหัดถือเอง” ถุงยาถูกยัดเข้ามาอย่างไม่เต็มใจ
“ถือให้แค่นี้ทำเป็นบ่น” น้ำเสียงบางเขาบ่นพึมพำกับเจ้าเองแค่อีกคนได้ยิน
“ครั้งหน้าหันล็อกประตูซะบ้าง”
สิ้นสุดประโยคนั้นทำอุณหภูมิร่างกายตีรวน ใบหน้าสวยสัมผัสถึงไอร้อนแผ่ซ่านหน้าเริ่มชารู้สึกอายจนแทบไม่ทีที่ให้มุด แต่หารู้ไม่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกไม่ต่างกัน
‘บ้าเอ๊ยไม่น่าพูดเลย’ เซียนทำกลบเกลื่อนหันกลับมาดุคนเดินช้า
“เอ้ายืนบื้ออยู่ได้รีบๆ เดินสิ” ดุจังเว้ยตาบ้านี่โอ้ะพี่ชายสินะเขาต้องเรียกหมอนี่ว่าพี่ชาย
‘พี่ชายที่ไหนเห็นร่างกายน้องละ?’ เอาอีกแล้วยัยสองขั้วมาอีกแล้ว
‘เธอก็คิดมากเกินไป กัสนายอย่าไปคิดแบบนั้นนะ พี่น้องเห็นของกันไม่แปลก’
‘นี่หล่อนโง่จริงหรือแกล้งโง่ค่ะ เขาไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ ค่ะอย่าโชว์โง่’ ยัยขั้วบวกนี่ก็พร้อมบวกตลอดทำจิตใจว้าวุ่นแล้วสิ
‘แต่อย่างน้อยก็ไม่คิดอกุศลเหมือนเธอหรอกนะ กัสนายอย่าไปสนใจ’ ขั้วลบพูดก็มีเหตุผลแต่ว่า
“หืย” จะคิดมากทำไมกันนะ ทันใดนั้นอัตราการเต้นก็เริ่มแปลกเมื่อนึกถึง ตึกตักๆ เชี้ยแล้วไหมล่ะมาตื่นเต้นอะไรตอนนี้ว่ะ
‘เห็นไหมพี่น้องเขาไม่ใจเต้น’ ขั้วบวกขั้วลบกำลังเปิดศึกกันอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันเซียนก็กำลังหันมาเรียกน้องชายอีกรอบ
“นี่-”
“หยุดเลยยัยบ้า!!!”
เฮือกกกก???
‘หมอนี่กล้าตะคอกใส่ฉันเหรอ??’ เซียนถึงกับชะงักมือจับประตูรถตาค้าง พอกัสหันมาเจอพี่ขายเท่านั้นแหละ
“อุ๊ย\~คือสมองมันกระทบกระเทือนนะ มันเลยยังมีอาการแปลกๆ แฮะๆ”
‘ให้ตายเถอะหมอนี่พิลึกคน’ สองพี่น้องสบตากันไปมา ในที่สุดกัสก็นึกสิ่งที่ต้องไปทำขึ้นมาได้
“แย่แล้ว”
ห้างขนาดใหญ่ร้านน้ำหอมแบรนด์ชั้นนำ แก๊งน้ำหอม4คนยื่นเรียงหน้ากระดาน อันประกอบไปด้วยหญิง3ชายหน้าหวานอีก1 ได้แก่ มีมี่สาวมั่นแต่ประสบการณ์0 ถัดไปวิกกี้สาวใสซื่อแต่รู้ทันไปหมด ต่อไปคือมาตังสาวห้าวหล่อยิ่งกว่าผู้ชายบางคนซะอีก ส่วนคนสุดท้ายคือจูนน้องเล็กพูดน้อยแต่อย่าให้พูดเชียว ในเวลาเร่งรีบแบบนี้ ทุกคนยืนเรียงหน้านิ่งเงียบไม่มีใครตอบได้ว่า ทำไมว่าที่ผู้จัดการถึงยังไม่มา
“ปกติเขาไม่ใช่คนมาสาย หรือพวกเธอใช้เขาทำงานจนดึกบอกมานะ!!!?” หญิงหัวหน้าสาขาเธอคือหญิงแกร่งผู้ดูแลทั้งห้างนี้
“เปล่านะคะหัวหน้าT_T” มีมี่ก้มหน้ายืนกราน
“จริงค่ะเมื่อคืนเขากลับก่อนเพื่อนด้วยซ้ำ หรือว่าเขาจะไม่สบายค่ะ?” วิกกี้ผู้คิดบวก
“เหลวไหลคนอย่างกัส ไม่มีทางไม่สบายง่ายๆ หรอก”
‘ก็คนป่ะว่ะ\~’
“อะแอ้ม! กระซิบกระซาบอะไรยะ?” มีที่ถึงกับสะดุ้ง
“เอ่อๆ เปล่าค่ะ”
“อีกไม่ถึง3นาทีบอสก็จะมาตรวจงานแล้ว เอกสารก็ส่งรายชื่อเข้าระบบอะไรเรียบร้อยหมดแล้ว ตายๆ โทรหาเขาหรือยัง?”
“โทรแล้วค่ะแต่มีผู้ชายที่ไหนรับสายก็ไม่รู้ เสียงน่ากลัวมากค่ะ”
“เอ๊ะ/เอ๊ะ” ทันใดนั้นทุกคนในร้านก็คิดได้ในเรื่องเดียวกัน
“หรือว่าพี่กัสจะโดนจับตัวเรียกค่าไถค่ะหัวหน้าฮือๆๆๆๆ”
“ใช่ๆ ต้องใช่แน่ๆ ปกติพี่เขาไม่สายแบบนี้ฮือๆ ป่านนี้จะโดนอะไรบ้าง”
“แย่แล้วๆ แบบนี้ไม่ได้ ฉันจะโทรติดต่อตำรวจรอแป๊บนะๆ” หัวหน้าผู้จัดการหญิงวัย50ยังสวยรีบวิ่งไปติดต่อคนรู้จักให้ตามหาลูกน้อง
อีกด้านรถคันสวยขับมาจอดหน้าห้าง กัสรวบรวมสมาธิก้าวเปิดประตูออกจากรถทว่า
“นี่มาที่นี่ทำไม? หัวแตกขนาดนี้มีอารมณ์ช็อปปิ้งเหรอ?”
“ใช่ที่ไหนละ ฉันก็มาทำงานไง”
“หะ?” เซียนโผล่หน้าออกจากเบาะหลังมองดูตึก
“นายแต่ใจเหรอว่าทำงานที่นี่?” เซียนถามย้ำ แต่กัสเริ่มหงุดหงิดจะถามอะไรนีกหนาคนยิ่งรีบ
“อืมไปละ”
“เดี๋ยว”
“อะไรอีกละ?”
“กลับเองนะ”
“เป็นเกียรติมาก ดีเลยครับขอบพระคุณ” เซียนมองตามพร้อมกลับย้อนมาคิดว่ามันคือคำชมขอบคุณหรืออะไร???
“ขอบคุณเหรอ???”
“น่าจะเป็นคำด่ามากกว่านะครับ” เสียงตอบแทนจากบอดี้การ์ดขับรถ
“คำไหนที่แปลว่าด่า?”
“ก็คงจะหมายความว่าดีไม่ต้องเสือกอะไรแบบนี้”
“อ่อเลว”
“คุณกัสเหรอครับ?”
“แกเนี่ย!!!”
ผลัวะ!
“อีกสักทีไหมหลอกฉันเดี๋ยวเถอะแก”
“ขอโทษครับT_T ผมแค่ตอบแทนคุณกัสเอง” ใช่เรื่องไหมให้ตาย แต่จะว่าไปนี้มันตึกไอ้คาอินนิมาเฟียหนุ่มมองกลับไปยังห้างดัง ... คงไม่หรอกมั้ง
ด้านร้านน้ำหอมพนักงานวิ่งกันวุ่น เกรงว่าเพื่อนจะตายก่อนจะไปช่วยทัน
“ฮัลโล่หมายความว่าไงคะ ที่ไม่มีใครโทรมาแจ้งหรือขอความช่วยเหลือ นั้นลูกน้องดิฉันนะคะฮือๆ ปานนี้จะเป็นยังไง” หัวหน้าใหญ่คุยโทรศัพท์ไปร้องไห้ไปโดยมีลูกน้องเกาะกลุ่มร้องไห้ตาม
“ใช่ๆ ค่ะฮือๆ”
เสียงร้องไห้ดังจนลูกค้าไม่กล้าเข้ามา แล้วใดทันในมุมทางเดินขึ้นไปชายร่างบางกำลังเดินเข้ามายังร้าน ส่วนอีกมุมชายร่างสูงในชุดสูทหรูหรากำลังเดินตรงมาเช่นกัน
“ฉันฮือฮึกๆ”
“นั้นพากันร้องไห้ทำไมอ่ะใครตายเหรอ?” ทุกคนสะดุ้งหันมองไปยังทางเข้าร้าน สภาพของกัสลูกน้องสุดที่รักและสุดยอดเพื่อนร่วมงาน
“กัส!!!!!”
“ก็ฉันอ่ะ-เดี๋ยวๆ อะไรเนี่ย???”
“ฮือๆๆๆๆ ฉันนึกว่าพี่จะตายไปซะแล้ว”
“หะ???”
“ฮือๆๆๆ ฉันว่าแล้วพวกโจรบ้านั้น กล้าดียังไงมาทำลูกน้องสุดที่รักของฉันหัวแตกฮืออออออ”
“โอ๋ๆ มาเอยขวัญมากอดๆ ฮือออออ” แรงกอดรัดจากทุกทิศทางทำกัสเริ่มหายใจไม่ออกและเริ่มจะโมโห
“โอ๊ยยยยยยย! อะไรกันเนี่ย???”
“ตกใจหมด...ก็นายไม่ได้ถูกโจรลักพาตัวไปเหรอ??”
“จะบ้าเหรอครับหัวหน้า”
“แล้วที่หัวพี่ไปโดนอะไรมาละ??” จูนชี้ไปที่ผ้าก๊อซบนหัว
“เอ่อนี้คือ...อุบัติเหตุนิดหน่อย”
“ค่อยยังชั่ว ดีแล้วที่นายมาเพราะถ้าบอสมาแล้วทุกอย่างยังไม่เรียบร้อยฉันต้องตายแน่ๆ”
“ใช่ครับ” เสียงแทรกดูเป็นเสียงที่ไม่คุ้นเคย
“อืมนายก็เห็นด้วยใช่ไหมล่ะ.....เอ๊ะ?? เสียงใครพูด?? แกเหรอ???” หัวหน้าปากแดงหันไปหาลูกน้องชายอีกคน แต่อีกนั้นกับส่ายหน้าแล้วทันใดนั้น ลูกน้องต่างพากันหันมองเลยไปยังด้านหลังของผู้จัดการคนใหม่อย่างกัส
“ผมพูดเองครับ^^” ทุกสายตาต้องหันไปจับจ้องเพราะเขาคือ
เฮือกกกกกกกกก
“บอสสสสสส*” หัวหน้าใหญ่ถึงกับเรียกชื่อเสียงสั่นเข่าก็เริ่มจะอ่อน
หื้ม? กัสผู้หนึ่งในนั้นหันขวับมองตามทั้งที่มีผ้าก๊อซพันแผลรอบบนหัวอยู่ ชายร่างสูงรูปหล่อขาวตี๋นัยน์ตาน้ำตาลคมกริบ
อั๊ยย่ะ!!!!???? ไอ้หล่อไม่มีมารยาทคนนั้น แต่เดี๋ยวนะเมื่อกี้หมายความว่าไงนะ บอสเหรอ??? เฮือกเขาหันกลับอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ทำไมรู้เพียงเขาต้องหลบหมอนี้ก่อนในตอนนี้ จังหวะที่จะวิ่งหนีออกจากร้านนั้น
หมับ! แรงกระชากคอเสื้อพาชีวิตต้องวนลูป
กึ่ย!
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments