ชีวิตสองบัลลังก์
ในเวลาที่ประชาชนกำลังสู้รบกันเพื่อแย่งชิงรูปวาดที่เจ้าหญิงโซฟีได้วาดขึ้นอยู่ก็ได้รับข่าวมาว่ามีคนได้ซื้อภาพวาดของเจ้าหญิงโซฟีไปแล้วประชาชนส่วนใหญ่โมโหและออกมาด่าผู้ประกาศข่าวว่า"พวกเรายอมฆ่ากันเพื่อรูปนั้นแต่คนๆนั้นกลับได้ไปง่ายๆแบบนี้มันแฟร์หรือ"พอผู้ประกาศข่าวได้ยินก็เดินมาบอกว่าคนนั้นเสียเงินตั้ง 500,000 แต่พวกเจ้าไม่เสียเลยสักบาทมีสิทธิ์อะไรมาเรียกร้องพอประชาชนได้ยินก็เริ่มทำร้ายผู้ประกาศข่าวด้วยความโมโหที่ผู้ประกาศข่าวพูดดูถูกขณะที่ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันอยู่นั้นกลับไม่มีใครรู้ว่ารูปภาพนั้นใครคือคนซื้อไปผู้ที่ซื้อนั่นก็คือเจ้าชายมิคซึ่งในเวลานี้เจ้าชายกำลังทรงพระทัยกับผลงานการวาดภาพของเจ้าหญิงโซฟีอยู่ด้วยลูกสมุนได้ขอเข้าเฝ้าและรายงานในสิ่งที่ผู้ประกาศข่าวและประชาชนทำลงไปเจ้าชายมิกได้เอาเรื่องนี้ไปทูลให้พระราชินีได้รับรู้"มนุษย์โง่แค่รูปเดียวต้องฆ่ากันตายเลยหรืออย่างไร"พระราชินีทรงกล่าวไว้ด้วยความโมโหแต่พระราชินีทรงไม่รู้ว่าเจ้าหญิงโซฟีได้แอบฟังอยู่เจ้าหญิงโซฟีทรงเป็นห่วงประชาชนเลยต้มยาเตรียมอาหารแล้วรีบหนีออกจากวังพอเจอประชาชนกลุ่มหนึ่งเจ้าหญิงเลยถามอาการพอประชาชนพูดเจ้าหญิงก็ทรงเจ็บปวดใจที่มารดาใจร้ายกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันขณะนั้นเจ้าหญิงโซฟีได้ทำความสะอาดบาดแผลให้แก่ประชาชนและแจกจ่ายอาหารและแล้วเจ้าหญิงก็ได้พูดขึ้นว่า"รีบออกจากพื้นที่นี้โดยเร็วที่สุด"หลังพูดเสร็จเจ้าหญิงทรงรีบวิ่งกับวังเพราะกลัวเสด็จแม่จะรับรู้แต่ในขณะนั้นเอง
"โอ๊ย!!"
"เสียงใครน่ะ"
"ช่วยด้วยเจ้าค่ะหม่อมฉันโดนทหารทุบขา"
"เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าเอง"
"ท่านคือศิลปินช่างภาพคนนั้นสินะ"
"ใช่"
"และข้าก็คือเจ้าหญิงโซฟีด้วย"
หลังเจ้าหญิงทำแผลให้ประชาชนเสร็จก็รีบวิ่งเข้าวังแต่เหมือนพระราชินีหรือมารดาของเจ้าหญิงโซฟีจะทรงนั่งอยู่แล้วรีบปาผ้าต้มยาที่เจ้าหญิงได้ต้มเอาไว้ก่อนหน้าใส่เจ้าหญิงมันทำให้เจ้าหญิงโซฟีตกใจแล้วกลัวมากมารดาที่พูดขึ้นเสียงใส่เจ้าหญิงว่า"เลิกยุ่งกับหน้าที่ของหม่อมฉันได้แล้วนะเพคะเจ้าหญิงโซฟีตราบใดที่หม่อมฉันยังนั่งอยู่บนบัลลังก์หม่อมฉันมีสิทธิ์อำนาจสูงกว่าท่าน!"มันทำให้เจ้าหญิงโซฟีทรงจุกที่มารดารได้พูดในสิ่งที่มารดาต้องการจะพูดกับนาง
"พระราชินีทรงโปรดฟังหม่อมฉันทนไม่ได้ที่ต้องเห็นประชาชนรับทุกข์เช่นนี้โปรดให้อภัยหม่อมฉันด้วย"
"ข้าเห็นแก่หน้าเจ้าและก็เห็นแก่ว่าเจ้าเป็นลูกสาวคนเดียวของข้าๆจะให้อภัยเจ้าแต่ต่อไปเจ้าเลิกยุ่งกับหน้าที่ของข้าเจ้าคงเข้าใจแล้วสินะ"
"เพคะ"
เจ้าหญิงโซฟีเปรียบเสมือนประชาชนไม่มีสิทธิ์พูดเจ้าหญิงโซฟีเปรียบเสมือนกับเด็กคนนึงที่เพิ่งเกิดต้องอยู่แต่กลับมารดาและบิดาแต่ถึงอย่างไรเสียเจ้าหญิงโซฟีก็มีความสุขที่นางได้ทำความดีไม่เป็นทุกข์ให้ใคร
จากนั้นเจ้าหญิงก็ได้เดินออกไปเพื่อกับตำหนักของนางก่อนนางจะถึงตำหนักนางก็ได้เห็นเจ้าชายมิคอยู่กับบิดาของนางนางเดินเข้าตำหนักของบิดาบิดาของนางก็ได้เอ่ยขึ้นว่า
"เจ้าชายท่านดูสิเจ้าหญิงทรงมาหาแล้วหนา"
"หม่อมฉันมาหากษัตริย์เจ้าค่ะ"
"เสียดายเหลือเกินเจ้าหญิงของข้ามิได้มาหาข้า"
"หรือจริงๆแล้วเจ้าหญิงทรงมิได้มีใจให้ข้าหนา"
"พูดเป็นเล่นเจ้าชายลูกสาวของข้ามีสิทธิ์เลือกด้วยหรือว่าจะชอบไม่ชอบ"
"นั่นสิเจ้าคะ"
"หม่อมฉันก็มาหาทั้งคู่นั่นแหละเจ้าค่ะ"
เจ้าหญิงทรงยิ้มก่อนที่มารดาจะเดินเข้ามาเมื่อกษัตริย์เห็นราชินีเดินเข้ามากษัตริย์ก็ได้วีนใส่พระราชินีว่าบัลลังก์ใหญ่นั้นข้าก็มอบให้เจ้าแล้วเจ้าจะมาเยาะเย้ยบัลลังก์น้อยของข้าเพื่ออะไร!
"ข้าเดินเข้ามาเงียบๆยังมิได้พูดอันใดเจ้าจะร้อนตัวทำไมหรือ"
เจ้าหญิงเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเดินจากไป
"เจ้าเด็กไร้มารยาท!"
"ก็เพราะต้องมีมารดาอย่างเจ้า"
"ก็มีบิดาอย่างเจ้าเหมือนกัน"
เจ้าหญิงทรงเดินเข้าพระตำหนักและเดินแอบไปร้องไห้
"ชีวิตของข้าถูกลิขิตขึ้นมาแล้วจริงๆ"
เจ้าหญิงทรงร้องไห้และสลบไปเจ้าหญิงทรงได้ฝันเป็นฝันที่โศกเศร้ามาก
ฝันของเจ้าหญิงโซฟีก็คือ
"เจ้าชายท่านมานั่งทำอันใดตรงนี้?"
"โซฟีเจ้ากำลังเศร้าเหมือนข้าเจ้าคงเข้าใจอารมณ์นี้ดี"
"สรุปแล้วท่านเป็นอันใดหรือ"
"ทุกคนฆ่ากันเพื่อแย่งบัลลังก์"
"ชีวิตข้าเกิดมาต้องสืบทอดบัลลังก์อย่างเดียว"
"เจ้ากับข้าก็ไม่ได้ต่างอะไรกันข้าต้องเกิดมาไร้อิสระบิดาและมารดาเห็นบัลลังก์ดีกว่าบุตรตั้งแต่เกิดมาข้าถูกสอนให้เกิดมาแย่งบัลลังก์กับสามีซึ่งมันเป็นสิ่งที่ข้าไม่ได้ต้องการแต่ถ้าหากข้าไม่ทำมารดาของข้าเคยบอกไว้ว่าบรรพบุรุษจะต้องลงโทษคนที่ไม่ยอมทำตามกฎ"
"เจ้าจะต้องแย่งชิงบัลลังก์กับข้าหรือ"
"ถ้าหากเจ้าได้บัลลังก์ไปข้ายอมตายเสียจะดีกว่า"
ก่อนที่เจ้าหญิงจะทรงได้ยินเสียงลูกสมุนของนางร้องขอชีวิตเจ้าหญิงทรงสะดุ้งตื่นขึ้นมาและเห็นเหล่าทหารจำนวนมากเข้ามาค้นห้องของนางๆงงมากจึงเดินออกจากห้องนั้นและเห็นว่าคนที่สั่งคือมารดา
"โอ้!"
"คุณพระในที่สุดเจ้าก็ไม่ได้เป็นอันใด"
"เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะพระราชินี"
"นี่ก็สามชั่วยามแล้วข้าเห็นเจ้าหายไปผิดปกติเลยให้ทหารเข้ามาค้นดูเผื่อเกิดอันตรายขึ้นกับเจ้าแต่เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว"
ก่อนที่พระราชินีจะเรียกทหารกลับและนางก็เดินกลับไปอย่างเงียบๆ
"เหตุใดเจ้าถึงปล่อยให้เสด็จแม่และฝูงทหารเดินเข้ามาในห้องข้าได้เพลิดเพลินเช่นนี้"
เจ้าหญิงทรงถามลูกสมุนของนางด้วยความสงสัย
"หม่อมฉันต้องขอโทษที่ไม่ได้บอกพวกนั้นไปว่าท่านหลับแล้วให้อภัยหม่อมฉันด้วย"
"ไม่เป็นไร"
เวลาผ่านไปข้ามวันเจ้าชายก็ได้เดินเข้ามาถามเจ้าหญิงว่าเขาจะต้องกลับวังหลวงแล้วเจ้าหญิงจะไปกับเขาหรือไม่เจ้าหญิงตอบไปด้วยเสียงนิ่มๆว่าหม่อมฉันไม่ไปเจ้าค่ะวันถัดมาเจ้าชายได้ทรงขึ้นม้าขาวและกลับตำหนักวังหลวงของเขาเมื่อพระราชินีได้รับรู้ข่าวว่าเจ้าหญิงไม่ได้ทรงตามเจ้าชายไปก็รีบเดินมาตำหนักของเจ้าหญิงโซฟีอย่างรีบร้อนเจ้าหญิงก็เดินออกมาต้อนรับแล้วเอ่ยขึ้นว่า
"วันนี้หม่อมฉันยังไม่ได้ทำอันใดผิดเหตุใดพระราชินีถึงเดินมาตั้งไกลล่ะเจ้าคะ"
"เป็นเจ้าหญิงก็ไม่ยอมรับมีวังใหญ่ให้อยู่ก็ไม่ชอบจะอยู่"
"พระราชินีทรงพูดอันใดหรือเจ้าคะ?"
"เหตุใดเจ้าถึงมิยอมตามเจ้าชายไป!"
เจ้าหญิงตอบอย่างนิ่มๆไปว่า
"ตำหนักของหม่อมฉันก็มีเหตุใดหม่อมฉันถึงต้องตามว่าที่สามีไปด้วยหรือเจ้าคะ"
พระราชินีทรงโกรธแต่ทำอันใดไม่ได้ก็เลยเดินกับตำหนักไปด้วยความโกรธ และเจ้าหญิงก็ทรงนั่งวาดภาพตอนที่นางได้ช่วยเหลือประชาชนอย่างมีความสุข
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments