เพื่อนพี่อะแฟนผม
"เฮ้ย! เร็วสิวะ กะอีแค่เอาของมาให้พี่ชายมันจะอะไรนัก"
"เออๆ! ก็จะเข้าไปอยู่นี่ไง!" ผมหันไปเอ็ดเพื่อนเมื่อมันเอาแต่เร่งผมอยู่ได้ ก็รู้ทั้งรู้ว่าคนกำลังตื่นเต้น โดยไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าใบหน้าของผมตอนนี้มันต้องซีดไร้สีเป็นแน่ ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดฟืดใหญ่เพื่อเป็นการเรียกขวัญกำลังใจ และค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ กำปั้นน้อยยกขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าให้ดูจริงจังที่สุดก่อนจะส่งเสียงฮึกเหิมในลำคอ แล้วก้าวขาเดินไปยังประตูกระจกด้านหน้าที่อยู่ห่างเพียงไม่กี่ก้าว
แต่ไม่รู้ว่าเป็นจังหวะนรกหรืออย่างไร เมื่อมือผมที่กำลังจะเอื้อมจับเพื่อเปิดประตูนั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูบานนั้นถูกเปิดออกพอดิบพอดีโดยคนด้านใน
เพราะมันเกิดขึ้นอย่างกระทันหันจนผมไม่มีเวลาได้ตั้งตัว ผมจึงเสียการทรงตัว ผมหลับตาปี๋เตรียมตัวรับแรงกระแทกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเหมือนกับว่าพระเจ้ายังปราณีกันอยู่บ้าง เมื่อเอวบอบบางของผมถูกรวบหมับและออกแรงดึงผมขึ้นไปจนผมสามารถกลับมาทรงตัวได้ปกติ
แต่ด้วยความใกล้ชิดจึงทำให้ผมได้กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยจนรู้สึกว่าใบหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ผมพยายามสูดดมกลิ่นหอมนั้นให้เนียนที่สุดโดยไม่ให้ถูกมองว่าเป็นพวกโรคจิต
"ไอ้ข้าว มึงจะทำจมูกฟุดฟิดเหมือนหมาอีกนานมั้ย" เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ที่เห็นน้องชายตนกำลังรุ่มร่ามกับเพื่อนตัวเองอยู่ หลังจากเอ็ดน้องชายเสร็จก็ขอโทษขอโพยเพื่อนตน แต่เพื่อนก็ไม่ได้ถือสาอะไรน้องชายของเพื่อนเลยสักนิด แถมยังยิ้มอ่อนๆคล้ายเอ็นดูอยู่ไม่น้อย
"ผมเอาเอกสารมาให้ อ่ะๆอย่าเข้าใจผิดไปละ ถ้าแม่ไม่จ้างก็ไม่เอามาให้หรอกนะ!" หลังจากที่ดมจนพอใจก็ผละออกมาจากอ้อมกอดอบอุ่น แม้จะไม่อยากปล่อยแต่ก็ต้องยอมอย่างจำนน
รอให้ได้เป็นแฟนก่อนเถอะ จะกกกอดไม่ปล่อยเลย!
"ขอบใจนะ เฮียให้คนหากันให้วุ่น ดันลืมเอามาซะได้" ผมยืนกอดอกเก็กท่าที่คิดว่าเท่ที่สุดใส่พี่ชาย ซึ่งในสายตาของพี่ชายนั้น เห็นเพียงแมวซนที่กำลังทำตัวเย่อหยิ่งก็เท่านั้น
"มีน้องน่ารักแบบนี้ก็ดีนะ ข้าวปั้นทำให้พี่อยากมีน้องเลยรู้ป่ะ"
"ขะ..ขอบคุณครับ" พี่ชินเอ่ยออกมาทั้งรอยยิ้มน่ามอง ดวงตาของเขาหรี่ลงยามแย้มยิ้ม โดยที่สายตานั้นจ้องมองมาที่ผม เพียงเท่านี้ก็ทำให้อุณหภูมิในร่างกายผมเพิ่มขึ้นจนอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ
"ยังไม่เลิกเกร็งอีกเรอะ เสียงสั่นเชียว รู้จักกันมาก็ตั้งนานแล้วนะ" จะชินได้ยังไงเล่า ยิ่งได้เจอกันก็ยิ่งหลงรักเขามากขึ้นเสียด้วยซ้ำ
"มึงก็อย่าไปแซวน้องกู จะกลับเลยหรือว่าจะอยู่ต่อล่ะ" ประโยคแรกหันไปเลยกับเพื่อน แต่ประโยคหลังหันมาคุยกับน้องชายตน
พี่ชินยังคงยิ้มอบอุ่นส่งมาให้ผม ผมได้แต่กรีดร้องในใจ และตอบกลับพี่ชายไปก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆพี่ชายอย่างแสนเรียบร้อย แม้ภายในอกข้างซ้ายจะเต้นโครมครามจนหูอื้อ ถ้าคุณเป็นผมก็คงไม่ต่างกันหรอก รอยยิ้มจากคนที่แอบชอบเชียวนะใครจะไม่เสียอาการบ้างล่ะ
"ข้าวปั้นดูโตขึ้นเยอะเลยนะ เจอกันตอนนู้นยังตัวนิดเดียวอยู่เลย แถมน่ารักขึ้นมากเลยด้วย" พี่เขามองผมก่อนที่จะพูดออกมา
น่ารักก็รักเลยสิ..
เพียงแค่ได้รับคำชมนิดหน่อยเสียงกรีดร้องภายในก็แผดเสียงดังมากขึ้น จนอยากร้องให้คนได้รับรู้ถึงความฟินนี้ แต่สิ่งที่ผมทำในตอนนี้นั้นต่างไปอย่างสิ้นเชิง ผมเพียงยกมือขึ้นมาเกาแก้มแก้ความเก้อเขินที่ร้อนผ่าวเบาๆ
"แน่นอน! บ้านกูเชื้อไม่ทิ้งแถว พี่มันออกจะหล่อขนาดนี้!"
"พี่ได้ยินมาว่า มีคนตามขายขนมจีบเป็นแถวเลยเหรอ?" ปากก็พูดไปเรียวคิ้วก็เลิกขึ้นทั้งที่ริมฝีปากก็ระบายยิ้มมาให้ผม "แล้วมีคนที่ข้าวปั้นสนใจใครบ้างหรือยัง พี่จะได้ช่วยสแกน"
"ไม่มีใครเหมาะสมกับน้องกูทั้งนั้น!" ผมที่กำลังจะเอ่ยตอบชายในดวงใจแต่ก็ถูกพี่ชายขัดซะก่อน จึงต้องหุบปากฉับ
พี่ขันหันหน้ามามองผมอย่างจริงจัง ก่อนจะเอ่ยต่อ " ไม่ต้องมีแฟนหรอก น้องคนเดียวพี่เลี้ยงได้ ผู้ชายสมัยนี้มีแต่เหี้ยๆทั้งนั้น!"
ผมหรี่ตามองพี่ชายอย่างเซ็งๆ ใครจะสนเรื่องที่พี่เลี้ยงเขาได้กันเล่า คนดีๆก็ยังมี ไม่ได้มีแต่พวกเหี้ยๆซะหน่อย ผมก็อยากมีแฟนกับเขาบ้างเหมือนกันนะ ยิ่งถ้าเป็น...
ผมช้อนตาขึ้นมองพี่ชิน ซึ่งเขาเองก็มองผมและระบายยิ้มอ่อนๆมาให้ผม เพียงเท่านั้นผมก็เขินจนมือไม้อยู่ไม่สุข จนต้องจิกเข้ากับขาตัวเอง
โอ๊ย...ระทวยจนไม่รู้จะระทวยยังไงแล้ว!
"เฮ้ยๆ ไอ้ขัน ดูน้องมึงมองกูดิ มองกันแบบนี้กูชักจะคิดแล้วนะ ยิ่งน้องมึงน่ารักซะขนาดนี้ด้วย" พี่ชินเอ่ยขึ้นอย่างขี้เล่นตามนิสัยของเจ้าตัว
"เอามะๆ มาเป็นเด็กพี่มั้ยครับ"
เป็นครับ! อย่าทำเป็นเล่นนะพี่ ผมเอาจริง!
"ไอ้ชิน!!" พี่ชายผมดีดตัวลุกขึ้นไปประจันหน้ากับพี่ชินอย่างเอาเรื่อง ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าไม่ได้จะต่อยตีกันจริงๆก็ตามแต่ก็อดใจหายไม่ได้ เพราะใครๆก็รู้กันทั่วว่าสมัยยังเรียนอยู่เฮียเป็นคนยังไง เรียกได้ว่าไม่มีใครกล้าเข้าใกล้รัศมีเชียวล่ะ มีแต่พวกไม่รักชีวิตเท่านั้นที่กล้าลองดี
"จะไปกันได้ยัง!" แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดชะงักเมื่อมีเสียงทุ้มติดเย็นชาเอ่ยขัดขึ้นมาซะก่อน
"อ้าว มาแล้วเหรอ? โทษทีคุยกันเพลินไปหน่อย งั้นก็ไปกันเถอะ!" ผมเหลือบตาขึ้นไปมองเจ้าของเสียงเย็นชา ซึ่งเขาก็ตวัดสายตามามองผมพอดี จนเป็นผมที่ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตา
ผมรู้จักกับเขาพร้อมๆกับพี่ชินนั่นแหละ เพราะเขาก็เป็นเพื่อนอีกคนของพี่ขัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกเกร็งๆและอึดอัดทุกครั้งที่ได้เจอกัน ก็น่ากลัวขนาดนั้นใครบ้างจะไม่กลัว
เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เขาเป็นคนเงียบๆแถมยังหน้าตายตลอดเวลา ตัวก็สูงใหญ่อย่างกับยักษ์ ไหนจะรอยสักนั่นอีก สักเลยนะ..สักแบบสักจริงๆอะ
โดยปกติแล้วเด็กบริหารมักจะมีบุคลิกเนี้ยบๆกันใช่ป่ะ อย่างเฮีย พี่ชินเงี้ย แต่เขาแตกต่างออกไป ถามว่าผมรู้ได้ยังไงน่ะเหรอว่าเขาสัก ก็ผมเห็นมากับตาน่ะสิ
ก็วันนั้นอะฝนดันตกหนักเอามากๆ แล้วบ้านเขาอยู่ไกลก็เลยมาแวะบ้านผมเพื่อรอให้ฝนซาก่อนแล้วค่อยกลับ พอจอดรถเสร็จเขาก็ถอดเสื้อเชิ้ตออกแล้วบิดน้ำออก ซึ่งผมก็เห็นรอยสักของเขาเข้าเต็มตา (จริงๆแล้วผมคิดว่าเป็นพี่ชินเลยมายืนมองอยู่ที่หน้าต่างชั้นสอง) มันก็ดูเท่ดีนะ แต่แอบเถื่อนไปหน่อย ยิ่งเขาเงียบๆขรึมๆด้วย
ผมเคยเอาน้ำไปเสิร์ฟเวลาเขามาที่บ้าน (ไม่ได้อยากทำสักนิดแต่โดนแม่ใช้) เขาปรายตามองผมแล้วก็ตอบแค่ 'ขอบคุณ' แค่นั้นจริงๆ ส่วนผมก็วิ่งขึ้นห้องอย่างไว
เพราะแบบนี้แหละผมกับเขาถึงไม่สนิทกันแถมยังอึดอัดด้วย แต่ก็ดีหน่อยพอเขาเรียนจบก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ เพราะต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง แต่ก็ยังมีเจอกันบ้างอย่างเช่นตอนนี้ ถึงจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆแต่ให้ความรู้สึกที่แสนยาวนาน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments