คุณหมอกไม่ใช่แม่
"ภู เราท้อง…"
โลกของภูสั่นคลอนเมื่อเพื่อนของเขาเดินมาบอกเรื่องสำคัญ เมื่อในร่างกายของหล่อนกำลังมีชีวิตน้อยๆเติบโต
ในคืนนั้นเราทั้งคู่ต่างมึนเมาด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ และได้ทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัว
"ล..แล้วจะทำยังไงต่อ" ภูถามเธอ หญิงสาวไม่ตอบ ได้แต่นิ่งเงียบ
"เราขอโทษ ถ้าไม่พร้อม เอ่อ.. เราจะพาเธอไปเอาเด็กออกนะ"
เขาคิดว่าวิธีนี้น่าจะดีที่สุด เราไม่ใช่คนรัก เราไม่ได้พร้อมที่จะดูแลชีวิตเล็กนี้
แต่ตอนนั้นภูไม่ทันได้คิดว่าอีกฝ่ายอ่อนแอทั้งกายใจ แม่เจ้าหล่อนจะรู้ว่าต่างเป็นความผิดของเราทั้งคู่ก็ตาม
สุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจจะเก็บชีวิตน้อยๆ นี้เอาไว้และคิดจะสานสัมพันธ์กันต่อ
แต่ถ้าเริ่มต้นไม่ดี มันก็ไม่มีอะไรดีภูยืนมองหน้าทารกตัวน้อยที่หน้ากระจก
แม่ของเด็กคนนี้ได้หนีไปแล้ว
ภูไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเขาไม่รู้จะโทษใครในวันนั้นเขาก็มีส่วนผิดกว่าครึ่ง เขาคิดอะไรไม่ออกซักอย่าง ทำได้แค่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ไออุ่น คือชื่อของเด็กคนนี้ ถึงแม้เขาและเธอจะไม่ได้ผูกพันกันนักแต่เขากลับรู้สึกรักเด็กคนนี้จากหัวใจ ทันทีที่ได้ลองอุ้ม ภูรู้สึกว่าเด็กคนนี้ทำให้เขาสัมผัสได้ความอบอุ่น
ไออุ่นคือลูกชายของเขา
3 ปีผ่านไป
ภูเพิ่งผ่านสัมภาษณ์งานเป็นเลขา เขารู้สึกหวั่นใจเมื่อเห็นตึกสูงอยู่ตรงหน้า นี่จะเป็นที่ที่เขาได้เข้ามาทำงานจริงๆเหรอ
ที่นี่คือหนึ่งในเครือบริษัทวาทินกรุ๊ป เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ร่ำรวยในประเทศแม้จะมีอายุของธุรกิจไม่นาน
'เอาเว้ยไอภู ถ้าแกทำงานนี้ได้ดีน้องอุ่นจะได้โตอย่างมีคุณภาพ!'
เขาเปิดมือถือดูหน้าลูกแล้วยิ้มอยู่คนเดียว วันนี้เขาฝากลูกไว้กับคุณป้าเจ้าของห้องพักเหมือนทุกๆ ครั้งที่ต้องออกไปทำงาน
คุณป้าช่วยเขาเลี้ยงไออุ่นตั้งแต่แรกคลอด เธอเห็นว่าคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวไร้ประสบการณ์เกินไป เกรงว่าเด็กคนนี้จะไม่ทันได้โตจึงเข้ามาช่วยดูแล
ก็กลายเป็นว่าไออุ่นเหมือนได้ฝากตัวเป็นหลานแท้ ๆ ไปเสียแล้วขนาดที่ว่าคุณป้าเอ่ยปากถ้าไออุ่นโต ห้องพักห้าตึกแห่งนี้จะกลายเป็นของไออุ่นทันที
"สวัสดีค่ะ ไม่ทราบมาต้องการติดต่อเรื่องอะไรคะ"
พนักสาวแผนกต้อนรับเอ่ยทักทายเขาอย่างนอบน้อมจนภูรู้สึกว่าบริษัทนี้เทรนพนักงานดี จริง ๆ
"ผมนัดหมายกับคุณอวัศย์ไว้น่ะครับ"
"เลขาคนใหม่ของท่านรองสินะคะ ขึ้นไปที่ชั้น 10 ได้เลยค่ะ ห้องทำงานของท่านอยู่สุดทางเดิน"
ภูเอ่ยขอบคุณ พร้อมตรงไปที่ลิฟต์ตามที่พนักงานต้อนรับบอก วันแรกเขาถูกนัดมาหลังช่วงเข้างาน จึงไม่เห็นความวุ่นวายของพนักงานเงินเดือนในเวลาเช้า
เขาเดินขึ้นลิฟต์และกดตามเลขชั้นตามที่ได้รับมา ระหว่างขึ้นลิฟต์ไปเขาก็นึกประหม่าในใจการเป็นเลขาไม่ได้ง่ายที่เขาได้งานนี้อาจเพราะบริษัทนี้มักจะชอบรับคนที่จบจากจากมหาวิทยาลัยเดียวกับเขา ใครว่าจบจากที่ไหนก็เหมือนกัน ภูบอกเลยว่าไม่จริง
ลิฟต์ส่งเสียงติ๊งก่อนประตูจะถูกเปิดอออก ภูจัดความเรียบร้อยของชุดตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อไม่ยับ เนคไทไม่เบี้ยว รองเท้าเงาวับเพราะเพิ่งขัดมาเองกับมือ
เพอร์เฟกต์!
เขาเดินไปตามทางเดินทอดยาวพร้อมมองไปรอบๆ ชั้นนี้ดูไม่ค่อยมีอะไร มีเพียงห้องประชุมสองถึงสามห้องที่ยังไม่ได้ใช้งาน ที่เด่นเลยคงเป็นกระจกบานใหญ่ตลอดทาง เขาคิดว่าตึกนี้สมกับเป็นบริษัทใหญ่ทั้งการตกแต่งและบรรยากาศดูดีทีเดียว
พอมาสุดทางอย่างที่บอก ก็พบประตูไม้อย่างดีขนาดใหญ่ที่ดูก็รู้ว่าแพงมากอยู่ข้างหน้าเขาแล้ว ภูกลืนน้ำลายเพราะรู้สึกถึงความกดดันที่ผ่านออกมาจากประตูนั่น
สูดหายใจเข้า หายใจออกหวังว่าจะไม่เจอเจ้านายที่ใจร้ายก็พอ…
"ขออนุญาตครับคุณอวัศย์ ผมคือภู.."
“เข้ามาสิ”
ภูสะดุ้งเมื่อเสียงจากข้างในตอบรับเร็วทั้งที่เขายังพูดไม่จบ เขามองตรงไปข้างหน้าก็พบกับชายหนุ่มที่ดูอายุห่างจากเขาไม่มาก กำลังยืนสูบบุหรี่ตรงหน้าต่างบานใหญ่ไม่ห่างจากประตูนัก
ชายคนนั้นเห็นภูเดินเข้ามาก็ขยี้บุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้
"คุณภูธเรศสินะ"
"ช..ใช่ครับ ผมคือภูธเรศเข้ามาทำงานเป็นวันนี้วันแรกครับ"
เขามองเห็นใบหน้าของคนที่นั่งบนโต๊ะตำแหน่งรองประธานกรรมการแล้วก็นึกแปลกใจ ตอนแรกมองไม่ชัดก็นึกว่าดูโตกว่าเขาสักหน่อย แต่พอมองอีกทีคนคนนี้ไม่น่าจะเกิน25ด้วยซ้ำ
ตัวทั้งเล็กและบาง ผิวดูใสมากเหมือนคนไม่ขาดคอลลาเจนมาทั้งชีวิต พูดแล้วก็มองผิวตัวเอง
โอโห หยาบกร้านขนาดนี้เลย
"คุณกำลังคิดว่าผมเด็กเกินไปอยู่สินะ"คนบนโต๊ะพูดโดยไม่ได้แสดงสีหน้า "สบายใจได้ผมอายุมากกว่าคุณเกือบสิบปี"
"ไม่ใช่นะครับ! ผมแค่คิดว่าท่านดูดีมากๆ เท่านั้นเอง!"
มันเป็นคำชมที่ควรจะพูดกับเจ้านายที่เพิ่งรู้จักกันเหรอ ภูนึกอยากทุบตัวเองขึ้นมา วันแรกที่มาทำงานก็เผลอเสียมารยาทแล้ว
แต่อายุมากกว่าเกือบสิบปีเลยเหรอ คงไม่ได้ล้อเขาเล่นใช่ไหม
"งั้นไปชงกาแฟให้ผมทีสิ"
ภูโล่งใจที่เจ้านายใหม่ไม่ได้ดุอะไร จึงรีบตอบรับทันที "ได้ครับ รอสักครู่"
เขามองหาเครื่องชงกาแฟก็เห็นมันตั้งอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะทำงานของคนเป็นนายจึงรีบเดินไป
ภูชงกาแฟบ่อยตั้งแต่สมัยเรียน ก็อาจารย์ของเขาเวลาไปส่งงานชอบให้นักศึกษาชงกาแฟให้พร้อมอ้างว่าเป็นการฝึกเผื่อไปทำงาน แต่ทุกคนรู้คนแก่คนนี้แค่ขี้เกียจทำเอง
ซึ่งพอได้มาทำงานจริงดันได้ใช้เสียงั้น ภูชงกาแฟวันหนึ่งทีละหลายแก้วตั้งแต่ฝึกงานยันเป็นพนักงานประจำในบริษัทแรก
คนบนโต๊ะนั่งดูเลขาใหม่ของตัวเองชงกาแฟเงียบ ๆ เด็กคนนี้อายุยังน้อยถ้าเทียบกับประสบการณ์งาน ในบริษัทเก่าเขาสามารถเลื่อนตำแหน่งตัวเองจากพนักงานใหม่เป็นถึงหัวหน้าแผนกได้รวดเร็วจนน่าแปลกใจ
แต่พอดูบุคลิกแล้วก็ดูเหมือนเด็กอยู่ดี
"เชิญครับท่าน"
ภูนำกาแฟมาวางไว้ตรงหน้ามองสีกับกลิ่นของมันก็รู้ว่าใช้ได้ เหลือแค่รสชาติ
มือขาวยกแก้วขึ้นจิบเบาๆ ก็นึกชมรสชาติกาแฟที่เด็กคนนี้ชง ปกติแม่บ้านเป็นคนชงมันก็เหมือนรสชาติกาแฟทั่วไป ทำไมคนคนนี้ถึงทำออกมาได้ดีขนาดนี้กัน
คงเลือกคนไม่ผิดจริงๆ
ถูกปากไหมนะ... ภูลอบมองใบหน้านั่นหลังยกกาแฟขึ้นชิม พอเขาเห็นว่าท่านรองไม่ได้ติเตียนอะไรแถมยังทำหน้าผ่อนคลายแล้วก็ภูมิใจฝีมือชงกาแฟตัวเอง
"คราวหน้าขอแบบนี้อีกนะ"
ภูยิ่งดีใจออกหน้า "ยินดีเลยครับท่าน"
ส่วนคนเป็นนายมองแล้วก็นึกถึงหมาตัวใหญ่ที่พอได้คำชมหูหางก็กระดิก
งานวันแรกผ่านไปด้วยดี เขามีโต๊ะประจำตำแหน่งอยู่หน้าห้อง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะโล่งมีแค่โต๊ะกับเก้าอี้ แต่มีกระจกยกสูงขึ้นมาเหมือนกับเคาท์เตอร์พนักงานต้อนรับ
แต่ในหัวภูคิดว่าเหมือนคอกเด็กของลูกเขา
ผ่านไปสักพักเจ้านายของเขาก็เดินออกมาหา "คุณมีใบขับขี่รถยนต์ใช่ไหม"
"มีครับท่าน" ถึงจะไม่ได้ขับรถประจำเพราะไม่อยากเสียค่าน้ำมันเลยห้อยรถเมล์มาทำงานก็ตาม
"ต่อไปนี้คุณใช้รถคันนี้รับส่งผมทุกวันแล้วกัน ส่วนรถก็จอดไว้บ้านคุณ"
กุญแจรถหรูถูกยื่นมาให้เขา ภูอ้าปากค้าง ตื่นเต้นที่จะได้ขับรถราคาแพงคันนี้แต่ก็กังวลว่าจะเอาไปทำพังไหม
งั้นใช้แค่เรื่องงานพอแล้วกัน…
เวลาเลิกงานมาถึงภูวิ่งไปเอารถมารอรับนายของเขาที่ชั้นล่างทันที เขามองดูว่าอีกคนจะออกมาเมื่อไร ใจก็กลัวว่าจะมองเจ้านายตัวเองไม่ออกเพราะคนเยอะ
แต่ที่ไหนได้เขามองเห็นคนตัวเล็กเดินออกมาชัดเจน ไม่รู้ว่าเพราะออร่าจับหรือพอเหล่าพนักงานเห็นว่าเป็นรองประธานกรรมการก็พากันหลบแล้วยกมือไหว้ทักทาย
เห็นแบบนั้นก็รีบลงมาเปิดประตูรถทันที
"กดที่GPSได้เลย ถูกเซ็ตไว้แล้ว"
"ทราบครับท่าน"
อยู่ๆ คนตัวเล็กก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาพอได้ยินว่าเลขาคนใหม่เรียกเขาแค่สรรพนามสั้นๆ อาจเป็นเพราะเขาเองไม่ค่อยชอบถูกเรียกแบบนี้เท่าไร
ก็คงต้องบอกให้เรียกชื่อนั่นแหละ
"เรียกผมด้วยชื่อจะดีกว่านะ"
"ครับท่าน เอ่อ..ท่านวสันต์"
ขอร้องเลยนะ…ไม่เอาคำว่าท่านสิ
"คุณ.."
"ขอโทษครับ คุณวสันต์?"
ก็ยังไม่ลื่นหูอยู่ดี
"ผมชื่อหมอก"
"ด..ได้ครับ คุณหมอก"
แบบนี้ค่อยลื่นหูหน่อย
ภูขับรถมาตามทางที่แผนที่ชี้บอก ก่อนหน้านี้เขาโดนคุณหมอกบอกให้เรียกชื่อแทนคำว่าท่าน ถึงแม้มันจะค่อนข้างไม่ชินที่เรียกคนตำแหน่งสูงขนาดนี้ด้วยชื่อเล่น แต่เจ้านายบอกให้ทำก็ทำ ก็เขาเป็นเลขานี่
คุณหมอกนั่งอยู่ด้านหลัง ดวงตาเรียวมองออกไปทางกระจก ภูมองซึ่งผ่านกระจกหลังก็เห็นพอดี
ปกติก็ดูดีมากอยู่แล้ว แต่พอมีไฟสีอ่อนข้างทางมากระทบก็ยิ่งทำให้ผิวดูนวลใสไปอีกแถมปากนั่นพอหันข้างมันก็ดูอวบกว่าที่เห็นอีก เหมือนลูกเจี๊ยบเลย ภูไม่ปฏิเสธว่าคุณหมอกเป็นคนที่สวยมากจริงๆ
เดี๋ยว!คิดอะไร นั่นเจ้านาย!
สบัดหัวเพื่อจะทิ้งความคิดไม่ดีออกไป หมอกที่นั่งอยู่ข้างหลังก็สงสัย เลขาของเขาเป็นอะไรไป ข้บรถแล้วง่วงหรือไง?
ภูมาจอดรถที่คอนโดหรูแห่งหนึ่ง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงบ้านของระดับรองประธานของบริษัทใหญ่ต้องดูหรูหรา แต่เขาก็ไม่ชินอยู่ดี คอนโดนี่มันมีกี่สิบชั้นกัน
"ส่งแค่นี้แหละ คุณกลับไปเถอะ"หมอกพูดตอนลงจากรถ
"พรุ่งนี้เช้าผมจะมารับนะครับ สวัสดีครับท่าน เอ้ย คุณหมอก"
ร่างเล็กเดินเข้าไปแล้ว ภูเห็นแบบนั้นก็ขับรถกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของตัวเอง
รถหรูจอดเทียบที่อพาร์ตเมนต์ราคาไม่แพงมากก็สามารถสร้างความประหลาดใจให้คนแถวนั้นได้ พอภูลงมาจากรถในชุดสูทเต็มยศก็ยิ่งทำให้ผู้คนที่หันมองมาตกใจ
ตายล่ะนึกว่าพระเอกหนัง
แม้กระทั่งป้าเจ้าของหอที่อุ้มลูกชายของเขาเดินออกมาเพราะได้ยินเสียงฮือฮาข้างนอก
"เจ้าภูเหรอน่ะ? แล้วนั่นรถใคร"
"ป่าป๊า!"
ไออุ่นดิ้นในอ้อมแขนของคุณป้าเพื่อจะวิ่งมาหาเขา คุณป้าก็ยอมปล่อยลง พอขาถึงพื้นก็วิ่งมาทันทีจนภูต้องอ้าแขนรับเอาไว้
"อย่าวิ่งสิน้องอุ่น อ้อ รถคันนี้เจ้านายให้น่ะครับ"
"ตายแล้ว! เจ้านายให้เหรอ!?"
ป้าทำหน้าตกใจ ไม่รู้ว่าคิดไปถึงไหน หรือละครหลังข่าวอะไรแต่ภูก็รีบหยุดความคิดทันที
"ให้แค่ไว้รับส่งนายเฉยๆ ครับป้า!"
"เฮ้อ แบบนี้นี่เอง" ป้าถอนหายใจ "จริงสิ วันนี้เจ้าอุ่นเห็นเพื่อนห้องชั้น3 เขาไปโรงเรียนแล้วงอแงอยากไปด้วย ภูจะให้ลูกไปเรียนตอนกี่ขวบล่ะ"
"อุ่นดันเกิดกลางปีน่ะครับป้า อายุถึงเกณฑ์ไม่ทันที่โรงเรียนกำหนด เลยต้องรอปีหน้า"
"ป้าคงไม่เหงาได้แค่ปีเดียวสินะ" ว่าแล้วก็เดินมาลูบหัวไออุ่นที่ภูอุ้มไว้ เด็กน้อยหัวเราะคิดคักดูน่ารักน่าชังจนหญิงใกล้วัยสูงอายุอดคิดไม่ได้ว่าทำไมคนเป็นแม่ถึงกล้าทิ้งไป
ภูขอบคุณป้าเจ้าของหอที่คอยดูแลลูกชายตัวเองก่อนพาไออุ่นขึ้นไปบนหัอง เขาพาลูกชายอาบน้ำ ทานข้าวก่อนจะนั่งดูการ์ตูนจนไออุ่นหลับไป
เขาพาเด็กน้อยเข้านอนบนเตียงดีๆ แล้วแอบมานั่งเขียนบันทึกประจำวันของไออุ่น ภูเปิดดูตั้งแต่เล่มแรก ตลอดสามปีที่เขามีไออุ่นมา เฝ้ามองและบันทึกการเจริญเติบโตของลูก
วันนี้เขาได้งานที่ดีทำแล้ว ไออุ่นก็คงมีอนาคตที่ดีและสดใสขึ้นแน่นอน
แต่ชั่วขณะที่พูดถึงงานใหม่ก็เผลอมีหน้าของคุณหมอกลอยขึ้นมาในหัวเสียอย่างนั้น
'คิดอะไรไอภู นั่นเจ้านาย!!'
...#คุณหมอกไม่ใช่แม่...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments