เกตน์สิรี วาทินหรือเรียกติดปากกันด้วยนามสกุลของเธอเองว่าคุณหญิงวาทิน ผู้ก่อตั้งเครือธุรกิจวาทินที่โด่งดังด้วยสองมือของตัวเอง
และตอนนี้หมอกก็นั่งอยู่ต่อหน้าเธอ การเผชิญหน้าของสองแม่ลูกในครั้งนี้ค่อนข้างมาคุ คุณหญิงวาทินเป็นหญิงวัยกลางคนที่อีกไม่นานอายุของเจ้าหล่อนจะเข้าใกล้วัยเกษียณแต่ยังคงสวยสะพรั่งอยู่ดี
"ลูกสาวของพิกุลชัยยังรอคำตอบจากแกอยู่นะอวัศย์"
"เคยพูดแล้วนี่ว่าจะไม่แต่งงาน"
เขาตอบสั้นๆ ทำให้หล่อนไม่พอใจมากจนต้องสลัดคราบผู้ดีแล้วลุกขึ้นชี้หน้าลูกชายคนเล็ก
"นามสกุลที่ฉันสร้างขึ้นมาล่ะ! เพราะนามสกุลนี้ไม่ใช่เหรอแกถึงมีกินมีใช้ทุกวันนี้!! เราต้องมีคนสืบสกุลนี้นะอวัศย์!!"
เอาอีกแล้ว...หมอกใช้มือนวดบริเวณหว่างคิ้ว แม่ของเขาเป็นแบบนี้ประจำ เพราะนามสกุลที่เธอสร้างขึ้นมาเองมันมีความหมายกับเธอมาก
มากเสียจนเธอไม่สนใจใคร
"พี่ก็แต่งงานแล้วไง ลิเดียหลานของแม่และผมก็อายุ10ขวบแล้ว น้องเดียก็น่าจะโตทันสืบทอดกิจการนี่"
พูดไปแบบนั้นแหละ เขาไม่อยากให้หลานตัวเองต้องเดินตามทางที่ใครขีดไว้หรอก โดยเฉพาะแม่ของเขาเอง
เจ้าหล่อนพอได้ยินว่าลูกชายพูดถึงหลานก็ทำท่าไม่พอใจชัดเจน
"ยัยลิเดีย พ่อมันก็พูดว่าไม่อยากให้มันทำตามคำใคร ฉันจะไว้ใจได้ไงว่าถ้ามันมีผัวมันจะไม่ใช้นามสกุลผัว!"
"แม่หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!!" หมอกโมโหจนเลือดขึ้นหน้าไม่คิดว่าแม่ของเขาจะเป็นได้ขนาดนี้ ลิเดียคือหลานที่เขารักและหวงแหนจะให้ใครมาว่าร้ายเธอส่งๆ ได้ยังไง
ยิ่งหล่อนมีศักดิ์เป็นย่าแท้ๆ ของลิเดีย การที่เธอจะพูดถึงหลายด้วยถ้อยคำแบบนี้จะให้หมอกนั่งฟังเฉยๆ เขาทำไม่ได้
"เพราะแม่เป็นแบบนี้ไง! น้องเดียเป็นหลานของแม่ แม่ก็เป็นคนเลี้ยงดูเธอมาในช่วงที่พี่ไปทำงานต่างประเทศแท้ๆ ทำไมแม่ถึงมองเธอเป็นแค่เครื่องมือสืบสกุลล่ะ!!"
"อวัศย์แกอย่ามาเถียงฉันนะ!"
"ผมไม่เถียงแน่ เพราะผมจะไม่คุยกับแม่เรื่องนี้อีก!!"
"อวัศย์!!"
"ฝากบอกบ้านพิกุลชัยด้วยแล้วกันว่าผมจะไม่แต่งงาน!!"
ปัง!!
เสียงประตูถูกปิดลงอย่างแรง หมอกเดินออกไปแล้ว ทิ้งให้ผู้เป็นแม่ยืนกำมือแน่นด้วยความโมโหและไม่เข้าใจในตัวลูกชาย ลูกชายคนเล็กเคยเชื่อฟังเธอมาตลอดทำไมตอนนี้ถึงกล้ายืนเถียงกับเธอแบบนี้
"ออกรถได้แล้ว" หมอกเดินมาขึ้นรถโดยไม่รอให้คนขับรถหนุ่มเปิดประตูให้ จนทำให้คนที่นั่งหน้าพวงมาลัยตกใจเมื่อผู้เป็นนายมาทิ้งตัวลงที่เบาะหลังแบบไม่บอกกล่าว
กล้าแอบคิดเดินมาได้ไง รถจอดไกลจากประตูบ้านตั้งขนาดนั้น
"คุยกับคุณหญิงแล้วหรือครับ"
"ไม่ใช่ธุระของนายสักหน่อย"
นั่นไง..ทะเลาะกันมาอีกแล้วแน่ เขาทำงานที่นี่มาเกือบสิบปี เห็นคุณชายเล็กมานั่งหน้าหงิกแบบนี้ทีไร เหตุผลก็ไม่มีอะไรนอกจากทะเลาะกัน
"ออกรถสิ นายรออะไรเนี่ย!"
"ฮ่าๆ ได้ครับอย่าดุผมสิ"
หมอกถึงกับกรอกตา หมอนี่ต่อให้เขาจะไม่พอใจแค่ไหนก็กวนประสาทไม่เลิกสินะ
พอมาถึงหน้าบริษัทหมอกก็สั่งให้กล้าจอดรถทันที นึกสงสัยอยากเดินขึ้นมาหรือไง ทำไมไม่ไปจอดในที่จอดรถดีๆ
"ให้ส่งแค่นี้เหรอครับ"
"ฉันเดินไปเองได้ นายรีบกลับไปซะ"
"คร้าบบบ"
ขอให้ได้แค่กวนประสาทจริงๆสินะ หมอกเดินไปโดยไม่หันมามอง กล้าที่รอดูคุณชายของเขาเดินเข้าประตูบริษัทเรียบร้อยแล้วจึงค่อยออกรถ
หมอกกำลังขึ้นลิฟต์มายังชั้นทำงานของตัวเอง เขาคิดว่าวันนี้ภูไม่ได้กลับมาแล้ว ตัวเขาเองก็ควรจะโทรไปบอกเรื่องที่ไม่ต้องมารับในเย็นนี้ เพราะจะให้คนขับรถอีกคนมารับแทน
แต่พอถึงชั้นทำงานของตัวเองเขาก็ได้ยินเสียงกลุ่มคนคุยกันอยู่ใกล้ๆ ห้องทำงาน เหมือนกับเป็นเสียงของกลุ่มหญิงสาว
'ใครมันมาคุยอะไรแถวนี้?'
"น่ารักจังเลย\~"
"อายุเท่าไรแล้วคะเนี่ย"
"หล่อเหมือนคุณพ่อเลยนะคะ"
พอเดินมาถึงก็เห็นว่าโต๊ะของเลขาตัวเองกำลังถูกเหล่าพนักงานหญิงล้อมรอบ ทันทีที่เขาเดินเข้าไปใกล้พวกหล่อนคงสัมผัสได้ถึงกดดันเลยรีบหันกลับมามอง
"ท่านรอง! เอ่อ สวัสดีค่ะ"
เพราะไม่มีใครได้ตั้งตัวว่ารองประธานกรรมการจะโผล่มาตอนนี้เลยวางตัวไม่ถูก ทำท่าเลิ่กลั่กเหมือนกับโดนจับได้ว่าอู้งานมาแอบส่องเลขาหนุ่ม จึงพากันขอตัวกลับไปทำงานของตัวเองต่อ
หมอกไม่ได้สนใจพวกพนักงาน เขามองไปที่โต๊ะของเลขาก็พบว่าภูนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมยิ้มแห้งๆแบบรู้สึกผิดให้เขา
แต่พอไล่สายตาไปที่หน้าตักของอีกฝ่ายก็พบว่ามีก้อนกลมๆนั่งอยู่พร้อมทำตาแป๋วมาทางเขา
"ทำไมยังมาทำงานอยู่ล่ะ ไหนว่าลา"
"คือผม..เอ่อ คือว่า" ภูทำตัวไม่ถูกเช่นกันเมื่อสายตานิ่งๆของคนเป็นนายมองมาทางเขา
เพราะปกติเจ้านายก็นิ่งเลยทำตัวไม่ถูกนี่แหละ
"คือพอดีผมเห็นว่า...ลูกชายผมไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาไม่ยอมนอนโรงพยาบาล เอ่อ จะไปส่งที่บ้านก็ไม่ยอมแถมคุณหมอกก็ยังไม่กลับบ้านผมเลยมารอรับคุณครับเลยต้องเอาลูกมาที่บริษัทด้วย ขอโทษนะครับ!"
ภูอธิบายรัวๆจนหมอกอยากจะปรามให้ค่อยๆ พูดก็ได้
"จะขอโทษทำไมกัน มาก็ดีแล้ว"
ถึงการพาลูกมาที่บริษัทก็ไม่สมควรนักเพราะอาจจะรบกวนพนักงานคนอื่น และไม่ดีต่อตัวเด็กเอง แต่กรณีของภูที่ทำงานบนชั้นที่มีแค่พวกเขาสองคนจะพาลูกมาก็ไม่รบกวนใคร
อีกอย่างพอหมอกเห็นตาใสแป๋วนั่นพร้อมกับผ้าก๊อซที่มีเกือบทั่วตัวจะให้ดุพนักงานตอนนี้ใครจะกล้าทำ
"หม่าม้า?"
อยู่ๆ ไออุ่นที่นั่งบนตักภูก็พูดขึ้นมาทั้งที่ตายังจ้องอยู่ที่หมอก
ผู้ใหญ่ทั้งสองพอได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับเลิกคิ้ว โดยเฉพาะภูที่ทั้งเลิกคิ้วด้วย ตกใจจนตาตั้งด้วย
"หม่าม้าไงฮะ"
ไม่พูดเปล่า มือเล็กๆนั่นยังชี้ไปที่หมอกอีก ภูเห็นแบบนั้นก็ร้องในใจ คราวซวยมาเยือนของจริง
"ขอโทษครับ สงสัยไออุ่นยังมึนๆกับอุบัติเหตุ คุณหมอกอย่าถือสาเลยนะครับ! น้องอุ่นคุณหมอกไม่ใช่หม่าม้านะครับ"
ไออุ่นเหมือนจะไม่เข้าใจ ได้แต่ทำท่าเอียงคอยิ่งทำให้ภูรู้สึกซวยกว่าเดิม
"คุมย่าบอกน้องอุ่นว่าหม่าม้าต้องฉวยนี่ฮะ" แล้วก็ชี้ไปทางหมอก "นี่ก้อคนฉวยไงฮะ"
โอเคเลยน้องอุ่น!
ภูไม่เข้าใจนิยามคำว่าสวยในความคิดเด็กสามขวบ นะหว่างอยู่กับป้าพริ้มคงมีชวนกันดูหนังหรือละครตามประสาคนแก่ ป้าแกคงชี้ดาราคนนั้นคนนี้ให้ไออุ่นดูนั่นแหละ
ทีนี้น้องอุ่นของเขาก็จำมาไงล่ะ
"ไม่เอาน่าน้องอุ่น อย่าเรียกคนอื่นแบบนี้ไปทั่วสิครับ"
"ไม่เป็นไร อย่าดุเขา"
จะเอาอะไรมากก็นี่เด็กสามขวบ หมอกที่เห็นว่าภูมีท่าทีเด๋อด๋าก็นึกเหนื่อยใจแล้วเดินเข้าห้องไป แต่ในใจก็แอบรู้สึกฟูนิดหนึ่งเหมือนกัน
สำหรับเขาโดนเรียกว่าแม่ก็ไม่แย่เท่าไร
ภูเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ดุอะไร แต่ก็เดินเข้าห้องไปเงียบๆ ดูไม่ออกว่าพอใจหรือไม่พอใจกันแน่
"น้องอุ่นอย่าเรียกคนอื่นว่าแม่ไปทั่วนะครับ คุณหมอกเขาอาจจะไม่ชอบให้ใครชมว่าสวยก็ได้นะครับ"
"ก้อฉวยจิงๆนี่ฮะ.."
น้องอุ่นทำหน้าหงอย แต่ดูแล้วก็น่าจะยอมเชื่อฟังแต่โดยดี
ระหว่างที่น้องอุ่นนั่งเล่นของเล่นอยู่ที่พื้นบริเวณโต๊ะซึ่งเขาก็ปูผ้าจัดไว้ให้ลูกได้นั่งสบายๆ ตัวของเขาเองก็รีบจัดแจงเอกสารและตารางงานรวมถึงนัดหมายให้คุณหมอก
ยังมีเอกสารที่คุณหมอกต้องเซ็นต์อีก เขาหยิบมันแล้วลุกเพื่อจะเดินไปในห้องแต่ก็ไม่ลืมหันมาหาไออุ่น
"เดี๋ยวป๊ามา น้องอุ่นอย่าไปไหนนะครับ"
"ฮะ!"
น้องอุ่นถึงแม้จะดูเป็นเด็กว่าง่าย แต่ก็มีมุมรั้นเหมือนกัน ถ้าไม่กำชับดีๆ ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์แบบก่อนหน้านั้นอีก
ภูเดินถือเอกสารไปให้คุณหมอก เขาเห็นเจ้านายตัวเองนั่งหน้าเครียดพลางพลิกเอกสารไปมาบนโต๊ะ
จะว่าไปภูก็สังเกตว่าคุณหมอกดูอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่กลับมาแล้ว เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าก็ไม่อาจรู้ได้ เขาคิดว่าก่อนจะเอาเอกสารไปวางควรแวะไปชงกาแฟให้ก่อน
"ดื่มหน่อยนะครับ"
ภูวางเอกสารพร้อมกับกาแฟลงตรงหน้าหมอก กาแฟกลิ่นหอมลองฟุ้งจนได้กลิ่นชัดเจน เขาเพิ่งสังเกตว่าเลขาของตัวเองเข้ามาในห้องเพราะเมื่อกี้มัวแต่เครียดเรื่องที่คุณกับแม่ ตามด้วยเรื่องงานของตัวเองที่ค่อนข้างวุ่นวาย
แต่ก็ไม่คิดว่าเลขาคนใหม่คนนี้จะไหวพริบดีขนาดที่รู้ว่าจะดูแลเจ้านายที่กำลังเครียดยังไง ผู้ชายคนนี้สมแล้วที่เลื่อนตำแหน่งงานได้ไว เพราะเขาหูตาไวนี่เอง
"จะชงกาแฟทุกครั้งที่ผมเครียดเลยหรือไง"
ไม่รู้เป็นอะไร ถึงชมไปแล้วก็นึกอยากแซะขึ้นมาด้วย ภูได้ยินแบบนั้นก็งง เจ้านายแสดงหน้าตาดีใจผ่านหน้านิ่งๆนั้นออกมาแล้วแท้ๆ แต่ทำไมปากยังแข็งอยู่ดี
"ก็คงจะเป็นแบบนั้นแหละครับ คุณดื่มทีไรก็สีหน้าดีทุกที"
"งั้นก็ทำแบบนี้ต่อไปนะ"
หมอกหยิบกาแฟขึ้นดื่ม ทั้งกลิ่นและรสชาติของมันทำให้เขาผ่อนคลายขึ้นจริงๆ
"ลูกของคุณล่ะ" หมอกถามเพราะเห็นว่าภูมายืนในห้องนานแล้ว
"ข้างนอกครับ เขามีของเล่นอยู่ไม่น่าจะเดินซน"
"ว่าแต่เกิดอะไรขึ้น อุบัติเหตุแบบไหนลูกของคุณถึงบาดเจ็บขนาดนี้"
หมอกถามด้วยความสงสัย ภูก็ไม่ปฏิเสธที่จะเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นพอเขาเริ่มเล่าอีกฝ่ายก็ตั้งใจฟังเงียบๆ พอเล่าจบหมอกก็ถามต่อ
"ภรรยาของคุณเองก็คงทำงานหนักสินะ ต่างคนต่างไม่ค่อยมีเวลา ผมเข้าใจ พี่ชายผมก็--"
"เอ่อ ผมไม่มีภรรยาครับ"
ไม่มีภรรยา? หมอกนิ่งค้างครู่หนึ่งแล้วแอบมองไปที่มือข้างซ้ายของภู
จริงด้วยที่นิ้วไม่มีแหวนหรือแม้กระทั่งรอยแหวนด้วยซ้ำ เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวจริงๆสินะ เพราะในใบสมัครก็ไม่ได้ถามถึงสถานะภาพของผู้สมัคร เขาเลยต้องอาศัยการสังเกตเอาเอง
"อ่า..ผมขอโทษที่พูดถึงครอบครัวของคุณ"
"ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็กน้อยเอง"
"ส่วนลูกชายของคุณ ถ้าที่บ้านของคุณไม่สะดวกจะพาเขามาที่นี่ก็ได้ ทั้งชั้นมีแค่เราสองคนมีเด็กเพิ่มสักคนก็ไม่เป็นไร"
หมอกพูดจบก็เหมือนเห็นหูกับหางของภูกำลังส่ายด้วยความดีใจ เอาอีกแล้ว ทำตัวเป็นลูกหมาอีกแล้วตัวก็ออกจะใหญ่เท่ากำแพงแท้ๆ
"ขอบคุณครับคุณหมอก!!"
...#คุณหมอกไม่ใช่แม่...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments