ตอนที่สาม
รับขวัญเล่าเรื่องต่าง ๆ ในพิธีปฐมนิเทศน์ที่เพิ่งผ่านไปสด ๆ ร้อน ๆ ว่ามีอะไรที่ตัวเขาตื่นเต้นบ้าง ยาวไปถึงความรู้สึกดี ๆ ที่ได้เรียนอยู่ห้องเดียวกันทั้งหมดสี่คน
แต่พอเขาพูดว่าได้อยู่ห้องเดียวกัน จักรกลก็ยิ่งทำหน้ามู่ทู่หนักกว่าเก่า เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจตักไอศครีมทานอีกคำหนึ่ง ก่อนจะหยิบมือถือพิมพ์ข้อความถึงพี่ชายคนที่สาม ใจความว่า
ไหนพี่กลจะทำความรู้จักกับภพไงครับ ทำไมยังทำตัวไม่น่ารักแบบนั้นล่ะ
ตริ๊ง
เสียงข้อความแอฟพลิเคชั่นแจ้งเตือนเครื่องของจักรกลดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่าน ก่อนจะรีบคว่ำหน้าจอลงกับโต๊ะ ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองรับขวัญที่กำลังส่งยิ้มหวานมาให้ ส่วนจักรวาลก็นั่งยืดคอกอดอก ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
ฮึ ทำเป็นนิ่งหรอพี่วาฬ อย่าให้ถึงทีผมบ้าง จะเป็นก้างทิ่มคอให้ทะลุเลย !
จักรกลกลืนน้ำลายฝืดคอ ก่อนจะเริ่มทำความรู้จักกับเอกภพด้วยการเปลี่ยนถ้วยไอศครีมของตัวเองกับของผู้ชายที่นั่งข้าง ๆ ทันที
"กูอยากชิมไอติมของมึงบ้าง สลับแบบนี้คงได้ใช่ไหม" พูดจบจักรกลก็กินไอศครีมต่อหน้าตาเฉย โดยไม่สนว่าเอกภพจะได้กินไอศครีมถ้วยของตนหรือไม่ เพราะเขานั้นกินมันจนหมดแล้ว !
เอกภพเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง มองสลับสามคนบนโต๊ะไปมา สีหน้าลุ้นระทึกของรับขวัญทำให้เขาพอจะเข้าใจถึงการกระทำผิดปกติของจักรกลได้ เขาจึงยอมเล่นไปตามน้ำ เพื่อให้เพื่อนสนิทสบายใจ
"ไอติมของผมอร่อยทุกรส ถ้าเป็นจักรกลละก็ ผมยอมให้กินทั้งวันทั้งคืน .."
แกร๊ง
"แฮ่ม"
เสียงช้อนหล่นจากมือ พร้อมกับเสียงกระแอมของจักรวาลดังขึ้นพร้อมกัน ประโยคกำกวมแบบนี้ คงมีแต่รับขวัญเท่านั้นที่ไม่เข้าใจ เพราะยังตักไอศครีมกินอย่างเอร็ดอร่อยหน้าตาเฉย ผิดกับจักรกลที่แทบจะอ้วกออกมาอยู่รอมร่อ
"อุ่ก แค่กแค่ก" จักรกลอ้าปากจะตวาดคนนั่งข้าง ๆ อย่างเหลืออด แต่เขาลืมกลืนคำที่เพิ่งกินเข้าไปจึงสำลักเสียเอง
รับขวัญรีบหาน้ำมาให้ เพราะนั่งอยู่ริมทางเดิน ใกล้น้ำมาที่สุด
"เห็นไหมครับรีบไปแย่งภพกิน สำลักเลยเนี่ย" คนเป็นน้องกระซิบบ่นพี่ชายเบา ๆ
ฝ่ายจักรกลได้แต่ก่นด่าพี่ชายและเอกภพในใจเท่านั้น
ทั้งที่ได้ตระกูลร่ำรวยเลี้ยงดูแท้ ๆ แต่ทำไม๊ไอ้กลถึงยังลำบากลำบนขนาดนี้ !
ตกดึกของวันนั้น รับขวัญยังคงขมักเขม้นกับการทบทวนบทเรียนอย่างสม่ำเสมอ เขานั้นเข้าใจอะไร ๆ ได้ช้ากว่าคนอื่น ๆ และด้วยความที่มีวิธีเรียนรู้ไม่เหมือนใคร ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเก็บมาทบทวนเองที่บ้าน เพื่อทำความให้เข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง ในแบบฉบับของตัวเอง
เสียงก้อกแก๊ก ดังขึ้นที่ระเบียงห้องนอน คนตัวเล็กหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมาทันที เพราะตั้งแต่ที่เขาบอกว่ากลัวเสียงนกกลางคืน พี่ชายรองก็มักปีนเข้ามาหาเขาเพื่ออยู่เป็นเพื่อนแทบจะทุกคืน
"พี่วาฬ เอาอีกแล้วนะครับ ประตูก็มี เข้ามาทางประตูก็ได้" รับขวัญว่าพลางกดเปิดกลอนประตูให้จักรวาลเข้ามาในห้อง
คนตัวใหญ่รีบคว้าร่างหอมนุ่มมากอดไว้ ด้วยความเคยชิน เขาแอบก้มหน้าลงซุกลำคอขาวนวล ที่มักล่อตาล่อใจอยู่เสมอ สูดกลิ่นหอมหวานให้หายคิดถึง
"ไม่เอาครับ ตาแก่ชาลล์เคร่งกฏอย่างกับอะไรดี ถ้าเอาไปรายงานท่านแม่ พี่คงได้งานเพิ่ม แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว" เขาแสร้งพูดเสียงบู้บี้ปน ๆ เหนื่อยล้า เรียกคะแนนสงสารจากน้องน้อย ที่มักตกหลุมพรางเอาง่าย ๆ
"แล้วแบบนี้จะติวให้ขวัญได้หรอครับ อะ กอดแน่นไปแล้ว" คนในอ้อนแขนดิ้นรนเพราะเริ่มอึดอัด อุณหภูมิร่างกายที่ร้อนอยู่แล้วของจักรวาล เมื่อร่างอ่อนยิ่งถูกรัดมันก็ยิ่งร้อนจนหายใจลำบาก
"ขอกอดให้หายเหนื่อยได้ไหม เด็กดีของพี่" เขาพารับขวัญมาที่เตียง และกดให้ร่างนั้นนั่งลงบนตักเขา ก่อนจะกระซิบอ้อนคนตัวเล็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
พี่วาฬอ้อนอีกแล้วหรอ เดี๋ยวนี้อ้อนเก่งขึ้นหรือเปล่านะ เราเองก็แปลก แค่พี่เขากอดทำไมต้องใจเต้นด้วย
"สิบนาทีนะครับ ขวัญยังทบทวนวิชาวันนี้ไม่เสร็จเลย" ที่สุดคนเป็นน้องก็ยอมใจอ่อน ยอมนั่งนิ่ง ๆ เป็นพื้นที่พักผ่อนให้กับพี่ชาย ที่ใจดีมาก ๆ สำหรับเขา ต่อให้ชื่อเสียงในวงการของจักรวาลนั้น เป็นที่กล่าวขวัญว่าไม่ควรทำให้เขาโกรธ
ฝ่ายจักรวาลนึกครึ้มใจขึ้นมาทันที เขาเอนร่างตัวเองและน้องน้อย นอนราบไปกับเตียงโดยให้รับขวัญนอนตะแคงข้างหันหลังให้เขา เป็นสิบนาทีที่ทั้งสองคน ได้เข้าสู่ภวังค์ที่อบอุ่น และได้รับความรู้สึกในใจของกันและกัน
คฤหาสน์ตระกูลคลากส์อยู่ในย่านชายเมือง ห่างไกลจากแหล่งชุมชนไปอีกเกือบสองกิโลเมตร ในสมัยแรกของการก่อสร้างคฤหาสน์ชาวบ้านบางคนก็บอกว่าที่แห่งนี้ เหมือนไม่ได้สร้างให้มนุษย์อยู่
ยิ่งในยามค่ำคืน มักจะมีเสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากเขตที่ดินของตระกูล ทุก ๆ สัปดาห์ จนผู้คนแถบนั้น ไม่กล้าออกมายามค่ำคืนและขนานนาม คฤหาสน์นี้ว่า บ้านขังวิญญาณ สิบปีหลังสร้างคฤหาสน์เสียงกรีดร้องเหล่านั้นก็หายไป กลายเป็นบ้านที่ผู้คนรู้จักในฐานะเศรษฐีใจบุญ
แต่ถึงกระนั้นในยามฟ้ามืด ก็ยังไม่มีคนกล้าผ่านไปบริเวณคฤหาสน์ตระกูลคลากศ์อยู่ดี เพราะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับกำแพงสูงของคฤหาสน์ว่า มีคนเคยพบเจอบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ใช่คนยืนอยู่บนนั้น และแม้จะเป็นเพียงเงาสีดำในทางเปลี่ยว ก็เขย่าขวัญผู้คนไม่ให้มาท้าทายลองดี
รับขวัญเคยถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับบ้านของเขาหลายครั้ง โดยคนที่คอยตอบคำถามแทนก็คือจักรกล ที่มักจะได้เรียนห้องเดียวกันกับรับขวัญมาตั้งแต่ม.ต้น แต่คำที่ออกจากปากของจักรกลนั้น ดูจะเป็นคำด่าสวนกลับเสียมากกว่า
วันนี้ก็เช่นกัน ทันทีที่พักเที่ยงรับขวัญก็ถูกล้อมด้วยเพื่อนใหม่ และถามถึงบ้านขังวิญญาณ แต่แทนที่จักรกลจะปรี่เข้าไปแก้ไขสถานการณ์ ด้วยนิสัยห้าวเป้งอย่างที่เคยทำ เขากลับนั่งกัดฟันพึมพัมอยู่เฉย ๆ เป็นเพราะสายตาสะกดสั่งของจักรวาลว่าอย่าก่อเรื่อง และควรปล่อยให้รับขวัญรู้จักแก้สถานการณ์ด้วยตนเองบ้าง
รับขวัญที่ถูกลุมล้อมค่อย ๆ ตอบทีละคำถาม เขาคุ้นเคยกับการที่ใครต่อใครเข้าหาแบบนี้ อาจเป็นเพราะเขานั้นคือคนเดียวในบรรดาพี่น้องที่อัธยาศัยดีที่สุดก็เป็นได้
แต่ในสายตาของคนทั้งห้อง เห็นพ้องต้องกันว่าพี่น้องคลากส์ เป็นกลุ่มคนที่เพอร์เฟ็ค และความน่ารักติดตาตรึงใจ ทั้งยังนุ่มนิ่มน่ากอดของรับขวัญต่างหาก ที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้พวกเขาเข้าหาเด็กหนุ่ม
ดวงตาสีเหลืองนวลเห็นว่าพี่ชายคนที่สาม ไม่เข้ามาว้ากอย่างทุกที ก็เข้าใจได้ ว่าคงเป็นทั้งวุฒิภาวะที่โตขึ้น และคงถูกใบหน้าบึ้งตึงของจักรวาลเพ่งมองอยู่ด้วย ใบหน้าน่ารักเอียงเล็กน้อยครุ่นคิดหาคำตอบเกี่ยวกับบ้านของตัวเอง บ้านอันแสนสุข อบอุ่น อาหารอร่อย แม้จะมีกฏมากมายก็ตามที
อ่ะ คิดออกแล้ว
"เอาอย่างนี้ไหม วันศุกร์กับวันเสาร์ พวกเธอไปตั้งแคมป์ที่บ้านขวัญไหมล่ะ จะได้หายสงสัย แต่ว่าบ้านขวัญมีกฏเยอะ พวกเธอต้องไม่ทำผิดกฏนะ" รับขวัญเสนอกิจกรรมสนุก ๆ ที่อยากทำ มาตั้งแต่ตอนเรียนม.ต้น เพราะพ่อแม่เคยห้ามไม่ให้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ หรือนอนค้างบ้านใครเลย คราวนี้ถ้าให้เพื่อนไปค้างที่บ้าน พี่ ๆ ต้องอนุญาตแน่
"ได้ไหมครับพี่วาฬ" ยังไม่ทันได้คำตอบจากเพื่อนหญิงชายที่ยืมล้อมอยู่ รับขวัญก็หันไปขออนุญาตพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างหลัง พาให้คนที่ยืนอยู่ทั้งหมดมองตามคนตัวเล็กไป
จักรวาลถูกสายตาหลายคู่จ้องมอง ความรู้สึกหลากหลายส่งผ่านดวงตาเหล่านั้นออกมาอย่างชัดเจน แต่เขาไม่ได้สนใจใครอื่นนอกจาก ใบหน้ารูปไข่และริมฝีปากจิ้มลิ้ม ที่กำลังอ้อนเขา คนเป็นพี่ขมวดคิ้วเข้มขึ้น เมื่อคนตัวเล็กขยับมาจับแขนเขาแล้วบีบเบา ๆ อย่างเร่งเร้า
จักรวาลตวัดสายตาออกจากดวงตาสีเหลืองเว้าวอน ซึ่งสำหรับเขาแล้วดวงตานั่นกำลังยั่วให้เขาจับกดชัด ๆ ให้เจ้าพวกนี้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง ก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่าข่าวลือไร้สาระจะซาลงบ้าง อีกอย่าง แค่ตั้งแคมป์รอบกองไฟ คงไม่สนุก
เขาแสร้งถอนหายใจยาวอย่างจำยอม ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ รับขวัญเห็นดังนั้นก็รีบเด้งตัวลุกจากที่นั่งไปกอดขอบคุณพี่ชายคนรองทันที
"อย่าเพิ่งดีใจไป คนที่จะไปตั้งแคมป์จะต้องพร้อมเข้าร่วมเกมส์ทดสอบกำลังใจด้วย แน่นอนว่ากิจกรรมและของรางวัลทางฉันจะจัดการให้ทั้งหมด คิดให้ดีก่อนจะลงชื่อเข้าร่วมล่ะ ถ้าเกิดจะไปกันทั้งห้องก็ควรรีบจดรายชื่อซะตั้งแต่ตอนนี้" หัวใจของจักรวาลเต้นถี่รัว เมื่อกลิ่นหอมหวานอยู่แนบชิด พร้อมกับอ้อมอกเล็ก ๆ ที่สวมกอดตนอย่างไม่คาดฝัน ยิ่งเขาพยายามกดกลั้นแรงปรารถนาในกาย ที่ถูกปลุกเร้าจากความไม่ตั้งใจ ทำให้เสียงโทนต่ำสั่นเครือจนเหมือน กำลังข่มขู่เหล่านักเรียนที่เป็นเพื่อนร่วมชั้น
เอกภพแหวกกลุ่มนักเรียนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะของรับขวัญ ส่วนสูงแบบลูกครึ่งของเขาโดดเด่นกว่าใคร และด้วยความอัธยาศัยดี เอกภพจึงมีเพื่อนเยอะ บุคลิกที่เป็นผู้นำทำให้ไม่ว่าเขาจะขอร้องอะไรเพื่อน ๆ ต่างให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
"งั้นผมจะเป็นคนรวบรวมชื่อให้เองครับ ทุกคน ใครอยากไปค้างที่คฤหาสน์ของคลากส์มาลงชื่อที่ผมได้เลย" เขาเสนอตัวเพื่อให้ทุกอย่างง่ายขึ้น และด้วยความดีความชอบในครั้งนี้ จักรวาลจะต้องเปิดทางให้เขาไม่มากก็น้อย
จักรวาลจดจ้องดวงตาสีเขียวมรกตของเอกภพเพียงชั่วแวบเดียวก็รู้ได้ ถึงความตั้งใจที่แอบแฝง เอาเถอะ ยังไงเขาก็ไม่ได้เป็นภัยกับบ้านเรา แต่แกอย่านึกว่าผ่านด่านฉันไปแล้ว จะได้ตามที่หวังง่าย ๆ เพราะแม้แต่ฉันเองก็ยังไม่พร้อมสำหรับบททดสอบของท่านแม่เลย
"งั้นพรุ่งนี้ก่อนโรงเรียนเลิก แกค่อยเอารายชื่อทั้งหมดมาให้พี่ก็แล้วกัน"
"จัดให้ครับพี่ชาย"
บทสนทนาที่เรียกแทนตัวกันว่าพี่ของจักรวาลและเอกภพ ทำเอาจักรกลถลึงตามองชายทั้งสองสลับไปมา ก่อนที่ชายผมบรอนด์ หน้าตาสวยหวานจะมีความรู้สึกว่าตัวเขานั้น กำลังจะกลายเป็นหมาหัวเน่า ส่วนรับขวัญนั้นกำลังเดินไปโต๊ะโน้นโต๊ะนี้ เพื่อชักชวนคนอื่น ๆ ทันทีที่ได้ยินพี่ชายพูดว่า จะไปกันทั้งห้องก็ได้
"พี่กริชจะเห็นด้วยหรือเปล่าครับ เอาคนไปมากขนาดนี้" ผิดกับจักรกลที่ค้านขึ้นเกือบจะทันที เพราะดูท่าทีของพี่ชายรองกับผู้ชายที่เขาเหม็นหน้านั้น จะต้องมีแผนอะไรแอบแฝงอยู่แน่
ในสายตาของจักรวาลเขามองเห็นรับขวัญเป็นกระต่ายตัวนิ่ม ที่ทำให้โลกสดใส ส่วนจักรกลนั้นคือเจ้าหนูแฮมเตอร์จอมซน และถ้าหากเผลอไปแหย่ปากมันเข้า เขาจะโดนมันกัดอย่างแน่นอน แต่ถ้าแมวป่าอย่างเอกภพสามารถกำราบแฮมเตอร์จอมซนได้ มีหรือที่พญาเหยี่ยวอย่างจักรกฤษ์จะไม่เอาด้วย
"คุณหนูกลกำลังจะบอกว่า ใจไม่กล้าพอจะเล่นเกมส์สินะครับ"
"ไอ้ภพ ! มึงสบประมาทคุณหนูอย่างกูมากไปแล้วนะ กูจะเล่นและเข้าเส้นชัยคนแรกให้มึงดูไว้ประดับชีวิตเอง !" คนโดนเย้าฉุนขาด ตกหลุมพลางที่เอกภพขุดไว้เต็ม ๆ
จักรกลเดินออกจากโต๊ะเรียน เพื่อจะไปหาอาหารกลางวันทานเสียที และเขาไม่ลืมที่จะลากรับขวัญติดไปกับเขาด้วย น้องชายหน้าสวยหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่จักรวาลอย่างมีชัย ก่อนจะออกจากห้องเรียนไป
ไม่กี่อึดใจที่รับขวัญและจักรกลออกไปจากห้อง เหล่านักเรียนคนอื่น ๆ ก็สลายตัวกันไปตามอัธยาศัย เหลือเพียงเอกภพที่ยืนอยู่ที่เดิม
"แบบนี้จะไม่อันตรายหรอครับ" คำถามของเอกภพ เปลี่ยนแววตาที่แสดงออกของจักรวาลไปอย่างสิ้นเชิง และแม้ดวงตาสีแดงนั้นจะเยียบเย็นราวกับกระจกน้ำแข็ง แต่มันก็ไม่ได้สั่นไหว จิตใจของเอกภพเลยแม้แต่น้อย
ดูเหมือนเขาจะคุ้นเคยกับแรงกดดันได้ดีมาก แกเป็นใครกันแน่นะเอกภพ
จักรวาลสงสัยความเป็นมาของเอกภพก็จริงอยู่ แต่ความรู้สึกที่ว่าเขาไว้ใจเพื่อนสนิทของรับขวัญคนนี้ได้ก็ยังไม่เปลี่ยนไป
"ที่ดินของคลากส์ไม่ได้มีแค่ส่วนของคฤหาสน์ ฉันจะจัดที่โกดัง ถ้าแกห่วงความปลอดภัย ฉันจะเพิ่มเวรยามรอบ ๆ โกดังก็แล้วกัน" เขาเห็นด้วยกับการเสริมกำลังด้านความปลอดภัย ศัตรูเริ่มเคลื่อนไหว ตั้งแต่ที่พ่อแม่บุญธรรมไม่ค่อยจะอยู่บ้านเป็นเวลานาน
ทั้งเขาและจักรกฤษณ์แม้จะยังเป็นแค่เด็กมอปลาย พวกเขาต่างเต็มใจทำงาน หนักมากขึ้น เพื่อรับผิดชอบต่อความหวังของผู้มีพระคุณ และมันคงง่ายขึ้นสำหรับอนาคต ในวันที่เขาขอรับขวัญมาดูแล ในฐานะคู่ชีวิต
เอกภพยิ้มน้อย ๆ ผ่อนลมหายใจเบา ๆ
"เข้าใจแล้วครับ งั้นผมขอไปรวบรวมรายชื่อก่อน"
"แกน่ะ รู้ใช่ไหมว่าไม่ได้มีแต่ฉันที่ดูแลเจ้ากล" จักรวาลกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืน
"อย่างน้อย ๆ คุณก็เปิดทางให้ผมได้พิสูจน์ตัวเอง" ผิดกับเจ้าตัวที่เกลียดหน้าเราแบบไม่มีเหตุผล
ด่านที่ยากที่สุดสำหรับแก คงจะเป็นเจ้ากลสินะ.. จักรวาลก้าวเท้า เดินผ่านเอกภพ ขณะที่เขากล่าวอะไรบางอย่าง
"ถ้าแกสยบเจ้าแฮมเตอร์จอมดื้อไม่ได้ ฉันคงผิดหวังน่าดู" เขาตบบ่าเอกภพเบา ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจในแบบฉบับของตัวเอง ก่อนจะนึกถึงเมนูอาหารกลางวัน ว่าวันนี้ที่โรงอาหารจะทำอะไรให้ทานบ้าง ถ้าเป็นของที่เผ็ดมาก ๆ คงต้องซื้อนมไว้ให้ขวัญซะแล้ว
"ขวัญจะให้พวกที่ห้องไปบ้านจริง ๆ หรอ ถึงจะไม่มีกฏห้ามพาเพื่อนไปก็เถอะ แต่ถ้ามีบางคนเข้าไปในเขตที่ไม่ควรไปล่ะ ถึงพี่กริชจะช่วย แต่พวกเราต้องโดนตีแน่" เมื่ออยู่กันสองคน จักรกลก็พยายามทำให้รับขวัญเปลี่ยนใจ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เมื่อสิ่งที่เขาพูดไปนั้นไม่ได้เข้าหูเจ้าน้องน้อยเลย
รับขวัญกระโดดโหยง ๆ อย่างไม่เคยเป็น ในหัวนึกจินตนาการแต่เรื่องสนุกที่เคยเห็นเพียงในจอสี่เหลี่ยม ที่ทั้งพ่อและแม่ มักจะห้ามด้วยเหตุผลเดียวว่าเขายังเด็กอยู่ ถึงแม้การได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ๆ ครั้งแรก จะทำในที่ดินของตัวเอง แต่มันก็ยังน่าตื่นเต้นอยู่ดี เพราะนอกจากสวนขาวกับบ้านใหญ่แล้ว เขาก็ยังไม่เคยไปในจุดอื่น ๆ ภายในที่ดินเลย
"พี่วาฬเนี่ยสุดยอดเลยนะครับ แถมยังใจดีสุด ๆ ด้วย" น้ำเสียงแจ่มใสแฝงไปด้วยชีวิตชีวาของรับขวัญ ทำให้จักรกลยอมปล่อยเลยตามเลย หากเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับหน้าย่อมเป็นจักรวาลอยู่แล้ว
สุดยอดน่ะใช่ แต่ใจดีน่ะ ขวัญจะรู้ไหมว่าพี่วาฬเขาเป็นแค่กับขวัญคนเดียว ในมุมมองของจักรกลที่มีต่อพี่น้องทั้งสามคนนั้น เขารักและห่วงใยน้องเล็กมากที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะรับขวัญไร้เดียงสา แต่ยังมองโลกในแง่ดีสุดขั้วอีกด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่รับขวัญเคยเจอมาตอนเด็ก
ส่วนพี่ใหญ่และพี่รองที่ทั้งอัจฉริยะและมากความสามารถคงไม่ต้องพูดถึง พวกเขาทำหน้าของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แต่ถ้าถามว่า เขากลัวใครมากกว่ากัน จักรกลสามารถตอบโดยไม่คิดเลยก็คือ จักรวาล เพราะจักรกฤษณ์นั้นเย็นชา สุขุม รอบคอบ แต่กับจักรวาลนั้น จักรกลต้องเติมคำว่าโหดเหี้ยมต่อท้ายให้ด้วย
เด็กหนุ่มหน้าสวยไม่เคยลืมสภาพเละเป็นโจ๊กของผู้ชายที่เคยล่อลวง อุ้มรับขวัญได้เลย ถึงพวกนั้นจะไม่ตาย แต่สำหรับเขาขอเลือกตาย จะดีซะกว่า เพราะไม่ใช่แค่โดนยำจนเละ แต่จักรวาลจะตามราวีไม่ให้คน ๆ นั้นได้ลืมตาอ้าปาก ทำอะไรในชีวิตอีกเลย แล้วการจัดการกับคนที่มาเกาะแกะรับขวัญนั้น ยังได้รับแรงสนับสนุนจากคนเป็นแม่อีกด้วย เรียกว่าต่อให้โดนฟ้องร้อง ก็ต้องจำนนด้วยหลักฐานว่าอีกฝ่ายทำผิดจริง
" ใครที่มาทำร้ายพี่น้องย่อมเป็นศัตรู จงจำไว้อย่าได้ปราณีต่อศัตรูเป็นอันขาด"
บ้าจริง แค่นึกถึงสภาพพวกนั้นก็กลืนข้าวไม่ลง แล้วสิ่งท่านแม่พูดนั่นนะ มันคือคำพูดของมาเฟียชัด ๆ
"พี่กลวันนี้กลับบ้านพร้อมกันไหมครับ" เสียงเล็ก ๆ มาพร้อมการสะกิดดังขึ้นใกล้ตัว
"เอะ ก็..ขอโทษนะขวัญ ต้องเริ่มซ้อมจริงจัง ตั้งแต่วันนี้น่ะ"
"งั้นหรือครับ พอโตขึ้นเวลาส่วนตัวของแต่ละคน ก็เหลือน้อยลงด้วยสินะ แบบนี้ขวัญต้องเหงาแน่เลย" คำตอบจากพี่ชายเล่นเอารับขวัญ ลืมอาการตื่นเต้นเมื่อครู่ไปจนหมด
"อย่าทำหน้าแบบนี้สิ เวลาส่วนใหญ่พี่ก็ให้ขวัญเป็นที่หนึ่งเหมือนเดิมนะ" เขาเล่นผมสีชมพูอ่อนจนฟูฟ่อง
"แหม ไม่ต้องเอาใจขวัญหรอกครับ ขวัญน่ะโตแล้วน้า ถึงจะเหงาไปบ้างแต่ขวัญก็ไปดูพี่กลซ้อมได้นี่นา"
"จริงด้วย แต่คนข้างหลังจะอนุญาตไหม" ว่าแล้วจักรกลก็ทำหน้าพยักเพยิดไปด้านหลังของรับขวัญ
"ยังไม่ได้กินอะไรกันเลยหรอ จะหมดเวลาพักแล้วนะ" น้ำเสียงติดดุดังขึ้น เมื่อรับขวัญหันกลับมาสบสายตากับเขาพอดี การที่เขาไม่พูดถึงเรื่องไปดูจักรกลซ้อม ก็เป็นการบอกได้ว่าเขาไม่อนุญาต และรับขวัญคงจะเข้าใจ
แต่ถ้าขวัญอ้อน คงต้องว่ากันอีกที
"ไม่เห็นต้องดุเลยนี่ครับ ขวัญกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหล่ะ" คนถูกดุทำปากยื่นไม่พอใจ ที่เอะอะอะไรจักรวาลก็ห้ามเสมอ แล้วยังต้องขออนุญาตอีก มือน้อยคว้าเอานมในมือของพี่ชายแล้วรีบจ้ำเท้า เดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
"ขวัญ อย่าเดินหนีพี่แบบนี้ ขวัญ!" จักรวาลหัวใจหล่นวูบ เขาลนลานอย่างไม่เคยเป็น แม้สมองจะบอกว่าให้รีบตามไป แต่ขาของเขากลับแข็งทื่อก้าวไม่ออก ราวกับถูกโซ่ตรวน ถ่วงลูกตุ้มหนักอึ้งทั้งข้อเท้าและข้อมือ
จักรกลได้แต่ยืนมองถึงจะแอบสะใจเล็ก ๆ แต่ก็สงสารจักรวาลเสียมากกว่า ในโลกนี้ จะหาคนที่ทุ่มเทเพราะความรักแบบจักรวาลคงไม่มีอีกแล้ว
ทุ่มเทงั้นหรอ อย่างพี่วาฬ ต้องเรียกว่าคลั่งรักเสียมากกว่า
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments