กระต่ายน้อยของนายคลั่งรัก

กระต่ายน้อยของนายคลั่งรัก

01

ตอนที่หนึ่ง

ชีวิตของคนเราดีชั่วไม่เท่ากัน ประสบพบเจอเหตุการณ์ร้าย ๆ มากน้อยต่างกัน 

แต่ในวันที่เลวร้ายที่สุด ขอให้จำไว้ว่า ท้องฟ้าอันสดใสมักเกิดขึ้นหลังพายุใหญ่สงบลง 

ซึ่งถ้าคุณยังคงยืนหยัดอยู่ไหว  คุณจะได้พบบชีวิตใหม่อย่างแน่นอน

เช่นเด็กชายตัวเล็ก ๆ ผมสีชมพูอ่อน ดวงตาของเขางดงามสว่างไสวเหมือนคืนจัทร์เต็มดวง เด็กชายที่ต้องพบเจอกับเหตุการณ์บ้านแตกสาแหลกขาด  กระจัดกระจายกันไป คนละทิศ คนละทาง 

อกอุ่นของมารดา ก็เหลือเพียงเถ้ากระดูกให้เด็กชายได้โอบกอดแทนตัว รับขวัญในวัยสิบขวบ ไร้ญาติขาดมิตร เขาอยู่ได้ด้วยเงินออมของแม่ และข้าวปลาอาหารจากเพื่อนบ้านที่มีจิตใจดี แต่ก็ไม่วาย ที่เขาต้องถูกขู่บังคับ โดยนักเลงซึ่งได้ผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง ให้ทำงานให้กับพวกมัน ชาวบ้านแถบนั้นต่างรู้ดี แต่ไม่มีใครกล้าท้าทายลูกตะกั่วที่อาจลั่นใส่ตน ถ้าไปขัดแข้งขาพวกนั้นเข้า

สองปีที่เด็กชายเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดอย่างหมาจนตรอก เขารู้ว่าควรหาเงินให้ได้มากที่สุด แต่จะต้องไม่เด่นเกินไป   เขาเก็บหอมรอมริบเงินทุกบาท ที่พวกนักเลงจ่ายเป็นค่าแรงอันน้อยนิดทุกเดือน  หวังเพียงสักวันหนึ่ง เมื่อมีเงินมากพอ เขาจะสามารถไปจากนรกแห่งนี้ได้ 

แต่ดูเหมือนสวรรค์นั้นเมตตาเขาไวกว่าที่คิด เมื่อตำรวจบุกจับและวิสามัญนักเลงบางคนที่ขัดขืนการจับกุม

รับขวัญถูกช่วยเหลือเอาไว้ได้ แต่เขาไม่ได้สู่อิสระอย่างที่หวังไว้ เมื่อตกอยู่ในกระบวรการทางกฏหมาย เขาก็ถูกกาหัวให้เป็นเด็กกำพร้า และต้องเข้าไปอยู่ในรั้วของสถานพักพิง ที่มีชื่อว่า สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า

ชีวิตในสถานสงเคราะห์ไม่ได้ต่างจากภายนอกมากนัก แถมยังมีพวกเจ้าถิ่นที่หวงของดี  ๆ อยู่อีก อย่างเช่น เวลาที่มีใครบริจาคสิ่งของ  พวกมันจะต้องได้เลือกก่อน และสิ่งที่รับขวัญทำเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าหมายรังแกของพวกมัน ก็คือเขาจะไม่เลือกของ และรอเป็นคนสุดท้ายที่จะได้รับ ซึ่งบางครั้งเขาก็ไม่ได้อะไรเลย แต่รับขวัญยังคงเป็นเด็กดีตามคำสอนของมารดา เขาคอยอาสาช่วยเหลืองานของพี่เลี้ยงเสมอ และยอมเสียรางวัลเช่นขนม และเสื้อผ้า ที่พี่เลี้ยงให้กับพวกขี้อิจฉา มันจึงทำให้รับขวัญอยู่รอดได้ในสถานสงเคราะห์แห่งนี้ แม้จะต้องท่องจำคำว่า อดทน วันละหลายพันครั้งก็ตาม

สามเดือนที่เด็กชายผอมกะหล่องดูขี้โรค  เฝ้าภาวนาก่อนนอนให้เทวดานางฟ้าทั่วทั้งจักรวาลช่วยเขา กระทั่งช่วงสายของวันหนึ่งพี่เลี้ยงก็พาเขาเข้าไปในห้องธุรการ  เพื่อพบสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง  ทันทีที่คู่สมรสตระกูลคลาสก์เห็นรับขวัญ พวกเขาพุ่งตัวเข้ามากอดเด็กชายไว้

"หนู ลูกแม่ แม่ชื่อปริญนะครับ มันอาจจะกะทันหันไปหน่อย แต่พวกเราอยากมีหนูเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว" ชายหน้าตาสวยเหมือนเทพีในภาพวาด เขามีผมยาวสีชมพูอ่อนเหมือนรับขวัญ กลิ่นหอมอ่อน ๆ  ลอยแตะจมูก และคำพูดอ่อนโยน ทำให้รับขวัญหายจากอาการตื่นตกใจ ไปได้มาก

ผู้ชายอีกคนส่งยิ้มเบา  ๆ  ให้เด็กชาย ผมสีขาวถูกจัดทรงด้วยมูสใส่ผม   กรอบแว่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหนาเตอะ แต่ก็ยังเห็นแววหล่อเหลาทรงภูมิที่แว่นนั้นไม่อาจปิดบังได้หมด

"โผเข้ากอดรัดแบบนั้น รับขวัญเขาจะลำบากใจนะ ขอโทษด้วยนะ พวกเราน่ะดีใจมากที่มีสิทธิ์รับเลี้ยงหนู ถ้าตกลง เรื่องทำความรู้จัก ค่อยว่ากันหลังจากนี้ก็ได้จริงไหม" เขาเอื้อมอุ้งมือใหญ่ วางบนศีรษะของรับขวัญ โทนเสียงทุ้มใหญ่กังวาลที่ปกติเต็มเปี่ยมด้วยอำนาจน่าเกรงขาม แต่เวลานี้เขาพยายามอ่อนโยนที่สุดในชีวิต ยิ่งกว่าตอนพูดคำว่ารักให้ปริญฟังเสียอีก

รับขวัญยืนนิ่งอึ้ง ในใจเขากำลังถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ เขาฝันกลางวันอยู่หรือเปล่า ดวงตาเรียวสวยสีเหลืองอ่อนวูบไหว ก่อนจะมีน้ำใส  ๆ ไหลออกจจากหางตา ในไม่กี่อึดใจต่อมา

"ผะ..ผม..ผมหรอครับ..ผมจะมีบ้านแล้ว" เด็กชายทำได้เพียงโอบกอดตอบกลับอ้อมแขนอุ่นของปริญ เขาซุกหน้าปล่อยน้ำตาแห่งคำว่าอดทน 

จากเสียงสะอึกสะอื้นก็กลายเป็นเสียงร้องโฮดังขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่ข้างกายนั้น ยังมีปริญและสามีคอยปลอบประโลมเขาอยู่ตลอด 

ท่ามกลางความยินดีของเหล่าพี่เลี้ยง ต่างก็ปลาบปลื้มและยินดีกับเด็กชายที่น่ารัก ขยัน และเฉลียวฉลาด ที่จะได้รับโอกาสมีชีวิตใหม่ แม้ว่าครอบครัวที่รับเขาไปดูแลนั้น จะเป็นตระกูลคลากส์ก็ตาม..

เพียงไม่กี่สัปดาห์เอกสารหลักฐานต่าง ๆ ก็เรียบร้อย พร้อม ๆ กับที่เด็กชายรับขวัญคุ้นชินกับบ้านใหม่ แบบทุกซอกทุกมุม เป็นเพราะคฤหาสน์ตระกูลคลากส์นั้น กว้างใหญ่มาก มีที่ให้เขาวิ่งเล่นและผจญภัยในสวนด้านนอก ถึงจะสงสัยว่าบางจุดบางห้องเป็นที่ ๆ เขาถูกขีดเส้นแดงไว้ ไม่ให้ก้าวล้ำเข้าไปอย่างเด็ดขาด แต่เด็กชายก็ปฏิบัติตามคำสั่งของคุณพ่อคุณแม่อย่างเคร่งครัด

รับขวัญมีอิสระในเรือนที่ชื่อว่า 'ผลิบาน' มันเป็นเรือนไม้สไตล์ยุโรป ทั้งตัวอาคารและเครื่องเรือนกว่าเก้าสิบหกเปอร์เซ็นล้วนเป็นสีขาว ส่วนที่เหลือมักมีสีชมพูแต่งแต้มเป็นลวดลาย เรือนผลิบานมีขนาดหกสิบตารางวา มันถูกยกให้เป็นชื่อของรับขวัญทันที ที่เขาก้าวเข้ามาอยู่ในเรือนหลังนี้ ซึ่งห้องที่ยังว่าง จะถูกเปลี่ยนแปลงในอนาคต หากว่าเด็กชายต้องการ

"คุณหนูเล็กครับ เอกสารสำคัญที่เกี่ยวกับตัวคุณทั้งหมด คุณจะต้องเก็บไว้ด้วยนะครับ ส่วนซองนี้เป็นเอกสารเข้าเรียน คุณหนูตรวจสอบอีกครั้งก่อน ผมจะส่งให้ท่านเลขา" ชายวัยกลางคนคนนี้มีชื่อว่า ชาลล์ เขามีหน้าที่เป็นทั้งพี่เลี้ยงและพ่อบ้านประจำเรือนผลิบาน

เด็กชายเงยหน้าขึ้นจากหนังสือกฏอันพึงปฏิบัติของตระกูลคลากส์ เขาพยักหน้าแล้วรับเอากองซองเอกสารจากชายวัยกลางคน มาเปิดดูรายละเอียดการเข้าเรียนเป็นอย่างแรก ตามคำบอกของชาลล์ 

พ่อบ้านยืนรออย่างสงบ ลำคอของเขาตั้งตรง คางเชิดขึ้นเล็กน้อย ชายผู้นี้ยังดูหนุ่มกว่าอายุจริง แม้จะมีผมสีดอกเลาขึ้นแซมให้เห็นอยู่ประปราย ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองเด็กชายคนใหม่ ที่สองคู่รักรับอุปการะ ด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขารู้ประวัติโดยละเอียดของรับขวัญ แต่สภาพร่างกายของเด็กชายที่น่ารักนี้ ไม่เหมาะสมกับการทำงานให้ตระกูลคลากส์ในอนาคคต 

คนใช้อย่างฉันมีสิทธิ์ไปคาดเดาความคิดของนายใหญ่หรือยังไง แต่เด็กคนนี้ก็โชคดีกว่าสามคนก่อนหน้า ที่จะต้องห่ำหั่นกันเพื่อขึ้นเป็นนายใหญ่ในอนาคต

ชาลล์รู้ได้ด้วยประสบการณ์ของเขา ว่ารับขวัญจะไม่ถูกพี่น้องคนอื่นมองว่าเป็นนคู่แข่งแน่ เพราะกฏระเบียบที่เด็กชายได้รับ เป็นคนละแบบกับของเหล่าพี่ชายที่มาอยู่ก่อน 

หนำซ้ำนายใหญ่ยังยกเรือนผลิบานที่เป็นเรือนหวงห้ามให้รับขวัญอีก ซึ่งตามกฏของตระกูลไม่มีใครสามารถทำร้ายเจ้าของเรือนผลิบานได้ แม้แต่นายใหญ่ของตระกูล ที่บางครั้งต้องลงโทษสั่งสอนบุตรบ้างก็ยังทำได้แค่บอกกล่าวตักเตือนเท่านั้น เช่นนี้แล้วหากเขาไม่ภัคดีถวายชีวิตกับเด็กชาย เห็นทีชีวิตนี้ของเขาคงไม่ได้อยู่สงบ สบายอย่างที่เป็นอยู่แน่

"คุณลุงครับพรุ่งนี้ผมต้องเข้าพบคุณพ่อคุรแม่ที่บ้านใหญ่ใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นครูสอนพิเศษของผมก็คงจะได้เจอในวันนั้นเหมือนกัน ?" เขาเงยหน้าขึ้นส่งซองเอกสารสมัครเรียนคืนให้พ่อบ้าน

"รายละเอียดไม่มีส่วนไหนต้องแก้ครับ"

"ใช่ครับ คุณหนูเล็ก แต่กระผมว่าครูสอนพิเศษของคุณหนูคงไม่พ้นพี่ชายหรอกครับ นายใหญ่จะต้องให้พวกเขามาสอนคุณหนูแน่" พี่เลี้ยงตอบคำถามด้วยเสียงอ่อนนุ่ม 

รับขวัญเอียงหน้างง ๆ เขาเคยอ่านประวัติพี่ชายที่พ่อบ้านเป็นคนนำมาให้ พร้อมหนังสือกฏ เขาจะไม่สงสัยเลย หากว่าพี่ชายคนโตจะไม่ได้มีอายุสิบห้าปี  พี่ชายคนรองก็อายุแค่สิบสี่ปี และอีกคนก็เกิดก่อนเขาแค่ห้าเดือน แถมเขายังได้เรียนรุ่นเดียวกับพี่ชายคนที่สามอีก 

"กับพวกพี่ ?"

"ครับ ท่านเลขาเกริ่นให้ผมฟังเมื่อวันก่อน  นายใหหญ่คงอยากให้ลูกทั้งสี่คน สนิทกันเร็วขึ้นน่ะครับ"

"เอ่อ..ผมเดาว่า พี่กลเนี่ย ต้องได้เรียนเสริมพร้อมกับผมใช่ไหมครับ" รับขวัญพูดถึงพี่ชายยคนที่สาม 

คุณพ่อบ้านส่ายศีรษะเล็กน้อย

"ผมไม่มั่นใจเรื่องนี้ครับ คุณหนูกลแม้จะอายุห่างจากคุณหนูเล็กไม่กี่เดือน แต่ก็ฉลาดและมีพัฒนาการเร็วกว่าเด็กทั่วไปมาก"

"ได้พี่ชายช่วยสอน ผมจะตั้งใจให้มาก ๆ แน่นอนครับ" เด็กชายยิ้มกว้างแววตาสดใส เป็นประกายระยิบระยับ รอยยิ้มจริงใจใสซื่อเช่นนี้เอง ที่ซื้อใจพ่อบ้านและเหล่าคนงานในบ้านไปเต็ม ๆ ยิ่งกับผู้อุปการะ ก็คงถูกเสน่ห์ยิ้มหวานนี้เล่นงานด้วยเช่นกัน

"ถ้าอย่างนั้น ผมไม่รบกวนเวลาอ่านหนังสือแล้วนะครับ ดึงเชือกตรงนั้นเรียกกระผมได้ทุกเมื่อ หากคุณหนูต้องการอะไรเพิ่มเติม" เขาค้อมตัวให้เด็กชายที่อ่อนกว่าถึงยี่สิบปี ก่อนจะถอยตัวออกจากห้องไปทำงานของตนที่ยังคั่งค้าง

รับขวัญหันมาสนใจหนังสือเล่มหนา ที่มีเนื้อหาของตระกูลคลากส์ ซึ่งเขาควรเรียนรู้ทั้งหมด แม้จะมีชื่อตรงปกว่า กฏอันพึงปฏิบัติในตระกูลคลากส์ แต่นอกจากกฏเข้มงวดที่จะฝ่าฝืนไม่ได้ และกฏที่พอจะอะลุ่มอะล่วยได้นั้น ยังมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่บรรพบุรุษคนแรก  กิจการต่าง ๆ ที่ทำให้ตระกูลตั้งตัวเป็นเศรษฐี หลักปรัชญา และหลักปฏิบัติเพื่อการเป็นคลากส์ได้อย่างสมภาคภูมิ

ตระกูลคลากส์มีอำนาจมาก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อำนาจเหล่านั้นมาจากผู้คนสรรเสริญ และยำเกรง มีคนมากมายเข้ามาแล้วผ่านไป ทว่าคลากส์ยังคงอยู่ เพราะรู้จักปรับตัวไปตามกระแสของโลก..

"ประโยคพวกนี้กำกวมจัง ถึงจะอ่านออกแต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี" เขาถอนหายใจ อย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับเด็กชายอายุสิบสองปี ก่อนจะปิดหนังสือนั้น แล้วเปลี่ยนใจไปพักผ่อนด้วยการพาเจ้ามาร์ตินออกไปเล่นข้างเรือนผลิบาน

ภายในสวนที่ถูกปลูกด้วยพืชพรรณดอกไม้สีขาว สลับกับสีเหลืองอ่อน การออกแบบและผสมผสานของนักจัดแต่งสวนมืออาชีพ ทำให้สวนข้างเรือนผลิบานแห่งนี้ มีดอกไม้ออกดอกผลิบานตลอดทั้งปี 

รับขวัญมักจะอุ้มมาร์ตินออกมากลางดึกทุกวัน ในช่วงแรก ๆ ที่ได้เข้ามาอยู่ในเรือน เพราะไม่คุ้นชินกับสถานที่ และยังคงตื่นกลัวกับเสียงนกกลางคืน   จิตใต้สำนึกของเด็กชายยังคงหวาดกลัวกับความมืดและที่แคบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเคยถูกพวกนักเลงทำโทษโดยการจับขังเอาไว้ให้อดอาหารทั้งวัน เพียงเพราะแอบกินลูกอมที่เป็นสินค้าเพื่อประทังความหิว แต่หากเทียบกับเด็กคนอื่น ๆ แล้ว นับว่าเขานั้น โดนทำโทษเบาที่สุด ป่านนี้เพื่อน ๆ จะเป็นยังไงบ้างนะ   

ดวงตาสีเหลืองอ่อนเศร้าซึม ก้มมองสมมบัติชิ้นเดียวที่อยู่ในอ้อมกอดเล็ก ๆ ของตน มันคือตุ๊กตากระต่ายสีขาวที่ตอนนี้ มีสภาพเก่าเก็บตามกาลเวลา เด็กชายตั้งให้มันว่ามาร์ติน ของเล่นที่แม่แท้ ๆ ได้มอบให้เป็นของขวัญวันเกิด เวลานี้มันคือตัวแทนความคิดถึง ระหว่างเขากับมารดาผู้ล่วงลับ

"แม่ครับ ผมจะไม่ร้องไห้ แม่ ไม่ต้องเป็นห่วงขวัญแล้วนะ ครอบครัวคลากส์น่ะ ดูแลผมดีมาก" เขากระชับอ้อมแขนกอดกระต่ายน้อยมาร์ตินเอาไว้แน่น สำหรับเด็กชายอายุสิบสองปีเช่นรับขวัญ  ประสบการณ์ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต นับว่าไม่สูญเปล่า มันหล่อหลอมให้เขาแข็งแกร่ง และมีกระบวนการความคิดที่ดี  บางทีจิตใจของเขาอาจจะเข้มแข็งกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก

บ้านใหญ่ของตระกูลคลากส์นั้น สมควรเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่าบ้าน ที่ดินผืนนี้ตกทอดมาหลายรุ่น ผ่านการเปลี่ยนแปลงซ่อมแซมและต่อยอดมาโดยตลอด และหยุดลงในรุ่นของปริญ คลากส์  คุณแม่คนใหม่ของรับขวัญที่เหล่าคนงานต่างเรียกว่านายใหญ่ และสามีของนายใหญ่อย่างนักรบ พวกเขาให้เกียรติเรียกว่านายท่าน

อาคารและโกดังหลายหลังในที่ดินถูกถอนทำลายไปเกือบหมด ตามคำสั่งของนายใหญ่ บอกให้รู้ว่าเขานั้นวางมือจากธุรกิจหลายอย่างที่ตระกูลคลากส์เคยมีเอี่ยวมาตั้งแต่รุ่นทวด และตอนนี้นักรบก็กำลังเก็บกวาดพวกที่ยังตอแยเรื่องธุรกิจไม่เลิกลา

 ผลพวงจากการตัดสินใจของปรริญ ทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง หลาย ๆ คนเข้าใจ แต่ก็มีคนกลุ่มใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการชุบมือเติบของเขา แม้สามปีผ่านมา ทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย ไปพร้อมสถานการณ์เสี่ยงอันตราย แต่ก็มีพวกงูพิษ ที่คอยหาโอกาสทำลายคลากส์อยู่ดี 

ศัตรูตัวร้าย มันคอยจ้องจะล้างผลาญครอบครัวคลากส์มาไม่รู้กี่ทศวรรษ  และต่อให้แพ้มันก็จะกลับมาใหม่ ยิ่งเขารับอุปการะเด็กจากบ้านเด็กกำพร้า พวกมันก็ยิ่งจับจ้อง หาทางชักจูงจิตใจเด็ก ๆ ให้เชื่อฟังแล้วค่อย  ๆ ทำลายตระกูลคลากส์จากภายใน

นักรบและปริญต่างคำนึงถึงเรื่องนี้ดี เพราะแม้แต่สายเลือดเดียวกัน ก็มักหักหลังกันได้หน้าตาเฉย แต่ทว่าทั้งคู่ต่างเชื่อมั่นในสายตาของกันและกัน และหากว่าเด็กที่ตนชุบเลี้ยง หูเบาไปเข้าฝ่ายศัตรู  มันก็คงทำใจได้ไม่ยากนักที่จะจัดการกับพวกเขา 

แต่กับรับขวัญ เด็กชายที่ฉลาดมีไหวพริบในการเอาตัวรอด จากอิทธิพลเถื่อนในย่านสลัมนั้นต่างออกไป  สองสามีภรรยาไม่ได้คาดหวังว่าเด็กชายจะต้องทำงานให้ตระกูล หรือต้องพัฒนาคุณสมบัติให้มากพอที่จะรับช่วงต่อ แต่รับขวัญคือ ลูก ที่พวกเขาอยากมีมาทั้งชีวิตแต่งงาน ใครจะไปรู้ว่า จะมีเด็กที่เกิดมา มีทั้งผิว โครงหน้า  และสีผมเหมือนกับปริญ ส่วนดวงตานั้นเป็นสีเดียวกันกับนักรบ เมื่อทั้งสองคนเห็นรูปของรับขวัญ ผ่านทางเว็บไซต์ พวกเขาไม่รอช้าที่จะติดต่อไปยังสถานสงเคราะห์ และเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมารับเด็กชายด้วยตัวเอง 

แน่นอนว่านักรบและปริญรักรับขวัญ เช่นดังลูกในไส้ และพวกเขาก็ไม่ละเลยที่จะให้ความรักกับพี่ชายอีกสามคนของรับขวัญอย่างเท่าเทียม

ในวันที่เซ็นมอบเรือนผลิบานให้รับขวัญ  พวกเขาก็ได้แบ่งสัดส่วนของคฤหาสน์ให้กับเด็กชายอีกสามคนด้วย  คฤหาสน์มีโดมเป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นตึกส่วนตัวของพ่อแม่ ส่วนหน้าของคฤหาสน์คือพื้นที่ส่วนรวม ทางปีกขวาเป็นของจักรกฤษณ์ (กริช) ลูกคนโต ทางปีกซ้ายยกให้จักรวาล (วาฬ) ลูกชายคนรอง และตึกสามชั้นที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือนั้น เป็นของลูกชายคนที่สาม ชื่อว่า จักรกล (กล) 

ซึ่งทันทีที่ปริญประกาศออกไปให้เหล่าผู้คนในบ้านได้รู้ สามพี่น้องก็ส่งรายงานขอปรับแต่งพื้นที่ที่เป็นของตนทันที เพราะเด็กทั้งสามคนมีความสนใจและความสามารถที่แตกต่างกัน พวกเขามีอดีตที่เลวร้ายมาเป็นแรงผลักดันให้ตนเองก้าวไปข้างหน้า พรสวรรค์ที่โดดเด่นกว่าเด็กคนอื่น ๆ ก็เข้าตานักรบและปริญอย่างจัง ทั้งสองจึงทำเต็มที่เพื่อจะสนับสนุนเด็กเหล่านี้ ให้เป็นกำลังสำคัญในอนาคต

"ดูเหมือนเด็กสามคนนั้น จะเอ็นดูรับขวัญเป็นพิเศษนะครับพี่รบ" ปริญกรีดนิ้วเรียวงามไปตามแนวร่องอกของสามี ขณะพวกเขากำลังนอนพักผ่อนในห้องที่เต็มไปด้วยจอมอนิเตอร์ 

ห้องสมุดส่วนกลาง ที่เจ้าลูกชายอ่านหนังสือกันอยู่ แต่วันนี้เด็กทั้งสามต่างพากันพูดคุยถึงน้องชายคนใหม่ที่นั่งอยู่กลางสวน

ปริญที่ไม่ยอมสวมอาภรณ์เลยสักชิ้น ทำให้นักรบไม่มีสมาธิดูปฏิกิริยาของเหล่าเสือน้อยสามตัวเท่าไหร่นัก นายท่านของบ้านรวบมือบางไว้ไม่ให้ซุกซน เขาฟัดเนื้อนุ่มสูดดมกลิ่นหอมจากแก้มนิ่มอย่างหมั่นเขี้ยว

"อีกสองเดือนก็จะไปยุโรปแล้ว ให้เวลาพี่เคียร์งานเต็มที่เถอะนะครับ" เขาจูมเม้มริมฝีปากล่างของนางพญาจ้าวเสน่ห์ที่อยู่เคียงข้าง

ปริญดันหน้าสามีออกห่างเผยยิ้มหวานยวนยั่วอย่างจงใจ แววตาสีชมพูเข้มเปล่งประกายเชิญชวน

"ปากเนี่ย ขอเวลาทำงาน แต่ทำไมมายุ่มย่ามกับผมละครับพี่รบ" 

"ถ้างั้น ขอสักยก เป็นกำลังให้สามีได้ไหมครับ" นักรบสูดลมหายใจลึก กดกลั้นอารมณ์ที่ถูกอีกฝ่ายปลุกปั่นเอาง่ายๆ ไม่ต่างจากวันแรกที่พบกัน เขารีบช้อนร่างที่มีส่วนเว้าโค้งขึ้นบนตัก ไม่คิดเปิดโอกาสให้ปริญ ปล่อยเขาค้างเติ่งอยู่แบบนี้แน่

"ไม่ได้ครับ อย่างพี่รบครั้งเดียวพอที่ไหน เอาไว้ปริญจะชดเชยให้ทีหลังนะ" ว่าแล้วคนยั่วยุก็พลิกตัวหลบอ้อมแขนสามีออกมาได้อย่ารู้จุด ก่อนจะเดินนวยนาดออกจากห้องนิรภัย ไปเตรียมตัวสำหรับลูกชายใหม่

ร้ายไม่เปลี่ยนเลยนะ คอยดูเถอะปริญ จะทำให้ร้องขอให้หยุดเลยคอยดู  คนเป็นสามีได้แต่มองตามแผ่นหลังเนียนและบั้นท้ายอวบอัด ยังมีเรียวขาที่เขาหลงหัวปักหัวปำนั่นค่อย ๆ เดินห่างออกไป ต่อเมื่อหันกลับมามองจอแสดงผลในห้องสมุดของส่วนกลาง ที่เจ้าสามเสืออยู่อีกครั้ง  แล้วเขาก็ได้เห็นบางอย่างที่จะทำให้นางพญาเช่นปริญ ต้องเต้นเร่านั่งไม่ติดแน่ เพราะขนาดเขาเองยังเกิดอาการหวงลูกขึ้นมาตะหงิด ๆ 

เฮ้ ๆ เจ้าเสือตัวนั้น ทำไมถึงมีสายตาเร่าร้อนแบบนั้นได้ เป็นแค่เสือน้อยเพิ่งหย่านมแท้ ๆ หึ

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 3

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!