ณ.คอนโดแสงจันทร์
นี่เรากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย..ปากบอกไม่ถึงขั้นนั้นแต่ดันขับรถมาถึงบ้านของเขาแล้วเนี่ยนะ..เอ่อเราก็มาตั้งครึ่งทางแล้วจะถอยกลับก็รู้สึกเสียหน้าแย่ที่ปอดแหก…
เราสูดลมหายใจเข้าดึกๆเพื่อรวบรวมความกล้าของตัวเองในการยกมือเคาะประตูห้อง
ก๊อกก๊อก..
หลังหยุดเคาะได้สักพักคนในห้องก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแบบ..เหมือนคนอ่อนแรงจากการทำงานหนักๆตามด้วยเสียงเหมือนวางไม้กวาดลงพื้น
"ใครคะ?"
"สวัสดีฉันชื่อดอร่า..เธอชื่ออะไร?"
"......"
"เราเอง-มะลิกา"
ฟากฝันเงียบหายไปนานก่อนจะค่อยๆแง้มประตูออกมาและโผล่มาแค่หัวยุ่งๆกับตากลมๆใสแป๋วเชียว เหมือนลูกกระต่ายระแวงระวังภัยจากหมาป่าเจ้าเลห์ยังไงยังงัน…พอเจ้าตัวเห็นเราก็รีบขมวดคิ้วแบบงวยงงและถามคำถาม
"คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ?คงไม่ได้มาเพื่อเล่นมุกสามบาทห้าสิบหรอกใช่ไหม?"
"ทำไมต้องสามบาทสามร้อยไม่ได้เหรอไง.."
"เคยมีคนบอกคุณหรือเปล่าว่าคุณกวนโอ้ยได้น่าตบมาก"
"จะท้าตบเราเหรอ?"
"เอาไหมล่ะ.."
"ตบด้วยปากแทนเนอะ^_^"
"......."
ผีหลอก..นี่คือสภาพหน้าน้องหลังเจอเรายิงมุกเสี้ยวๆใส่อย่างคนหน้าหม้อหน้าด้านทนหน้าทำด้วยปูนตราจระเข้อะไรก็ว่าไปแต่เรายึดคติว่าตื้อเท่านั้นที่ครองโลกเพราะเราเสียเวลาไปมากแล้ว…มากจนเกินความจำเป็นดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องอ้อมโลก
"คือเราเห็นว่าตัวไม่สบายก็เลยจะมาชวนว่าไปกินข้าวกันมั้ยเดี๋ยวเราเลี้ยง"
"ฝันไม่สบายค่ะคง-"
"เราปวดฉี่"
"คะ?!"
"เราปวดฉี่ขอเข้าห้องน้ำห้องตัวหน่อยสิ"
"อา..ๆได้ค่ะเข้ามาสิ" น้องทำหน้าเหวอๆก่อนจะรีบเปิดประตูกว้างๆให้เราเข้าไปขอใช้ห้องน้ำ
4นาทีผ่านไป..
เราก็เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วพบกับคนสวยกำลังยืนกอดอกมองเราด้วยสายตาเหมือนทหารเมกามองผู้ร้ายข้ามแดนอีกเช่นเคย(คือไม่รู้จะระแวงอะไรในตัวเรานักก็ไม่รู้นักนะทั้งๆที่เบ้าหน้าเราออกจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเสียขนาดนี้…)
"แล้วนี่คุณขับรถมาคนเดียวเหรอคะ?"
"อื้ม..ปกติก็ไปไหนมาไหนคนเดียว"
"ไม่มีเพื่อนเหรอคะ"
"อื้ม"
"....." น้องตกใจจนเงียบไปเลยจนเรานึกฉงนในทีเพราะตั้งแต่เด็กมาการอยู่คนเดียวไม่มีเพื่อนสนิทสักคนเลยมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรถ้าเรารู้จักปรับตัว
"คุณไม่ได้ล้อฝันเล่นจริงๆใช่มั้ย?มันจะเป็นได้ยังไงที่คนเราไม่มีเพื่อนสนิทสักคนเลยน่ะ "
"ก็เราไงแต่เพื่อนรักน่ะมีคนนึงแต่แม่นั่นเขาติดงานจะไปลากให้มาด้วยเหมือนสมัยเมื่อตอนเด็กๆก็เกรงใจ….เอ่อเรียกพี่ก็ได้นะเราเป็นพี่ตัวหนิห่างกันตั้งหลายปีหนิ"
"ค่ะเป็นสิบปีคุณเป็นแม่ของฝันได้"
"เราไม่อยากเป็นแม่ตัว"
"ทำไมเหรอคะ? "
"เพราะมันไม่มีแม่ดีๆ คนไหนจะอยากได้ลูกมาทำเมีย"
"-///-"
น้องก้มหน้าลงมองพื้นไอ้อาการยกมือข้างขวาขึ้นมาปิดหน้าที่แดงปั้ดของตัวเองทำเอาเราอดที่จะหัวเราะในลำคออย่างผู้ชนะไม่ได้
…หึ..ไม่รู้จักมะลิกาคนนี้ดีเสียแล้วเด็กน้อย
"แล้วตัวท่าทางมอมแมมจังไปทำอะไรมาเหรอ?"เรามองเจ้าตัวที่ตอนนี้ทั้งหัวและแก้มมีรอยฝุ่นกับใยแมงมุมติดจนนึกอยากจะเช็ดออกให้แต่ทว่านึกยั่งตัวเองเอาไว้เพราะมันเป็นการไม่สมควรนักที่จะยุ่งกับร่างกายคนอื่นถ้าไม่ได้สนิทสนมกันมากพอ
"อ้อ.." น้องยอมเงยหน้าขึ้นมามองฉันอีกครั้ง
"คือฝันจะทำความสะอาดน่ะค่ะพอดีห้องมันรกนิดหน่อย"
"ไหนว่าไม่สบายแล้วทำความสะอาดทำไม..ถ้าเกิดกระทบเด็กในท้องขึ้นมาจะทำยังไง”ให้ตายสิทำไมน้องไม่ห่วงตัวเองบ้างเลยนะ
"แท้งก็ดีค่ะ"
“…”
เราก้าวขาไปหาน้องด้วยท่าทางเอาเรื่องทันทีจนน้องถอยหลังจนไปนั่งลงกับเก้าอี้โซฟาน่วมด้านหลังและมีเรากางแขนขังต่างกรงเอาไว้
"เราขออีกรอบได้มั้ย..ไอ้คำพูดแบบนี้น่ะมันสมควรออกมาจากปากคนเป็นแม่เหรอ?"
"แต่เด็กคนนี้ขนาดพ่อเค้ายังไม่ต้องการเลย..ฝันไม่เคยมีพ่อเพราะแบบนี้ฝันถึงเข้าใจไงว่าความเจ็บปวดจากการถูกล้อถูกแกล้งเป็นยังไง!ให้เขาตายไปเสียกว่าเติบโตมามีปมนะคะ”ดวงตาคู่นั่นของฟากฝันมีความเจ็บปวดผสมกับความเคืองแค้นจนเราปวดหนึบที่อกด้านซ้ายแต่เลือกที่จะไม่แสดงออกมาทางสีหน้าให้เจ้าตัวรับรู้
"ตัวฟังเราให้ดีๆนะ.."
"...."
"เราจะทำให้เด็กคนนี้ไม่เจอสภาพแบบนั้นเองเราสัญญา"
"คุณจะทำยังไง?"
"มีวิธีหรอกน่า..”
"ก็นั่นล่ะค่ะวิธีอะไร?"
"ส่งลูกไปเรียนโรงเรียนในเครือบริษัทเรา-หากว่าแกเจอใครรังแกก็จัดการได้อีกทั้งโรงเรียนเป็นหลักสูตรนานาชาติมีเด็กจากต่างประเทศเข้ามาเรียนที่นี้เยอะไม่มีเรื่องล้อปมด้อยหรือบลูลี่กันหรอกส่วนค่าเทอมเราจะออกให้ฟรีจนกว่าแกจะพึ่งพาตัวเองได้.."
ฟากฝันดูทึ่งๆจนหุบปากสนิทในตอนนั้นเรารู้สึกปวดหลังขึ้นมาเลยลุกไปนั่งบนพนักโซฟาแทน..อาการปวดหลังมันเริ่มมาเยือนกันบ่อยขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น..เราไม่ค่อยอยากยอมตัวเองเท่าไหร่นักหรอกว่าแก่แล้วแคลเซียมมันก็เลยไม่ค่อยจะมี
มันแค่ทำงานหนักมากไปเท่านั่นแหละ..ไม่ได้แก่สักหน่อย
"ตัวคิดว่ามันแปลกที่เราเติบโตมาได้ไงโดยไม่มีเพื่อนสนิทสักคนนั้นแหละคำตอบเรา-เตี่ยส่งเราไปเรียนโรงเรียนหญิงล้วนเอกชนซึ่งที่นั้นเตี่ยบริหารเองในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนเราจึงไม่มีใครกล้ารังแกหรือแม้แต่ครูก็ยังเกรงใจเราเลยบางที.."
"......"
"เพราะงั้นหยุดเครียดเถอะนะ"
"ฝันไม่เครียดได้ยังไงในเมื่อฝันไม่อยากไว้ใจคุณ..ฝันเคยนอนกับสามีคุณนะแล้วนี้ก็ลูกของสามีคุณ-คุณไม่มีความแค้นต่อฝันเลยเหรอคะ?"
"เราหย่าแล้ว"
"นั่นล่ะค่ะ"
“หลอกเราก็ได้โกงไปยังไงก็เหลืออยู่ดี”
"ฝันไม่ได้ชั่วขนาดนั้นนะพี่ลิน..."
ตึกตัก..ตึกตัก..ตึกตัก
"หื้ม.."น้องเลิกคิ้วมองหน้าเราอย่างสงสัยขึ้นมาทันทีก่อนจะยืนมือมาจับบ่าเราโยกไปมาทำเอาเราหัวสั่นหัวคลอนจนอีกนิดตาข้างขวาจะไหลไปตาข้างซ้ายแล้ว
"พี่ลินเป็นอะไร?"
"ปะ..เปล่าเมื่อกี้ตัวเรียกเราว่าอะไรนะ?"
"พี่ลินไงคะ"
"อีกที"
"ฝันเรียกคุณว่าพี่ลินค่ะ"
"ตัวอยากได้บ้านสักหลังมั้ยเดี๋ยวเรายกให้แถมรถคันนึงเลย"
อะไรก็ได้ที่เธอนั่นต้องการต่อให้เป็นดาวเดือนก็หาให้ได้ขอเพียงสิ่งเดียวแค่เรียกด้วยน้ำเสียงติดจมูกหวานๆอย่างเมื่อสักครู่ให้ฟังตลอดไป
‘เรียกพี่ลินอีกสักครั้งเถอะนะคะคนดี…
ณ.ในช่วงเวลาเดียวกันที่บริษัท….
อ้อมเองก็กำลังคิดอยู่ในทีว่าจะโทรไปรายงานเจ้านายดีไหมว่าตอนนี้มีพี่สาวของเจ้าตัวเข้ามารอที่ห้องอยู่นานแล้วไอ้ครั้นจะบอกว่าให้กลับไปก่อนก็ถูกตอกหน้ามาว่ารอได้
มันก็เลยกลายเป็นว่าตอนนี้อ้อมเลยต้องมายืนรอเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆเพราะรู้ดีว่าพี่สาวคนโตของเจ้านายชอบมีมุมขึ้เหงาอยากหาเพื่อนคุยด้วยอีกทั้งตัวอ้อมเองก็ไม่มีงานอะไรมากมาย
จนในที่สุดก็มีสายเข้ามาด้วยเบอร์ที่ไม่คุ้นเอาเสียเลย…แต่ก็ต้องกดรับเพราะเผื่อว่าเป็นลูกค้าคนสำคัญที่ติดต่องานเข้ามา
“สวัสดีค่ะ..เลขาคุณมะลิกาพูดค่ะ”
((ฮัลโหลนี้ฉันเองภัค))
ทันที่ได้รู้ว่าใครเลขาคนสวยก็แอบเบะปากแล้วกรอกตามองบน
“ค่ะ”
((คุณลินอยู่ที่บริษัทเหรอเปล่าพอดีฉันมีธุระสำคัญจะคุยด้วยขอเรียนสายคุณลินที))
“คุณมะลิกาไม่ได้อยู่ที่บริษัทตอนนี้ค่ะไม่รู้ด้วยว่าไปอยู่ที่ไหน”การตอบด้วยเสียงแข็งๆของอ้อมส่งผลให้ผักกาดหันมาถามทางสายตาว่าใครโทรมาซึ่งอ้อมก็ตอบเป็นการขยับปากว่า ‘คนที่เราก็รู้ว่าใครนั้นแหละค่ะ’ก่อนจะตัดสินใจเปิดลำโพงให้ได้ฟังด้วย
‘เอามาให้ฉันคุย’
‘จะดีเหรอคะคุณผัก’
‘เถอะน่า…’
พอได้โทรศัพท์มาอยู่ในมือตัวเองเสร็จคนเป็นพี่สาวคนโตของประธานบริษัทก็กรอกเสียงอันเย็นระเยือกลงไปแบบไม่แคร์ว่าคนในสายจะรู้สึกยังไงกับน้ำเสียงนิ่งขรึมนี้
“นายมีธุระอะไรกับน้องสาวฉันเหรอ?...ได้ข่าวว่าเลิกกันไปแล้วไม่ใช่เหรอไงอีกอย่างนึงบริษัทนี้ก็ไม่มีนายเป็นหุ้นส่วนอีกแล้วนะคุณภัค”
((พี่ผักครับ..ผมได้เงินไปแค่น้ำลายไก่-มันไม่คุ้มเลยที่ตลอดมาผมทำงานอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างให้DNกรุ๊ปนะครับ))
สายตาของผักกาดตอนนี้เริ่มวาวโรจน์เพราะรู้สึกโกรธแทนยัยตัวเล็กจับใจ…ให้ตายสิไอ้ผู้ชายคนนี้มันมีดีอะไรถึงทำให้น้องสาวเคยหลงผิดไปแต่งงานจดทะเบียนสมรสด้วยกัน
“เท่าที่ฉันทราบมานายมาบริษัทแทบจะนับครั้งได้…ถอดงบส่วนกลางไปใช้ในการเปย์ผู้หญิงที่เป็นชู้รักของนายไม่ใช่เหรอภัคแล้วนี้ยังมีหน้ามาขอเงินน้องสาวฉันเพิ่มอีกเหรอ?”
((ผมถูกใส่ความ))
“หลักฐานก็มีอย่ามาทำไขสือนะ-คิดว่าฉันกินหญ้าแทนข้าวเหมือนนายงันเหรอ?”
((…))
“ฟังให้ดีนะคุณภัค-นายจะไม่มีวันได้อะไรจากยัยลินไปอีกแม้แต่เศษเงินเศษผักจำใส่หัวเอาไว้แล้วอย่าคิดว่าจะมาง้อคืนดีเลยเพราะน้องสาวฉันไม่ได้เป็นหมูในเล้าให้นายกับแม่ของนายกินง่ายๆเหมือนแต่ก่อนแล้ว”
ติ้ด…
หลังกดวางสายไปเสร็จผักกาดก็ถอดหายใจออกมาเฮือกหนึ่งเพื่อระบายให้อารมณ์ตัวเองเย็นลงต่างจากคุณอ้อมที่รู้สึกอยากตบมือให้กับความเด็ดขาดของคุณท่านจับใจ..สมแล้วที่เป็นหัวหน้าแผนกที่เฉียบขาดที่สุดในบริษัทนุวัฒทนากร
“ถ้าเขาโทรมาอีกก็ไม่ต้องกดรับนะคุณอ้อม..ผู้ชายคนนี้ตอนนี้ในหัวมันก็สระกดได้แต่คำว่าเงินเท่านั้นแหละ”
“ค่ะคุณผักกาด”
“หรือถ้ามีอีกก็แจ้งฉันมานะไม่ต้องให้คุณมะลิการู้หรอกเพราะลำพังแค่งานของน้องสาวฉันก็เยอะอยู่แล้ว…ให้นางพักบ้าง”
ไม่สำคัญว่าจะพักกับใครขอแค่มีความสุขมีความสบายใจบ้างก็เพียงพอแล้วนั่นคือสิ่งพี่สาวคนนึงต้องการจะบอกน้องสาวตัวเล็กของตนเองตลอดมา..
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 26
Comments