ตอนที่5​ ชักจะไม่ชอบมาพากลแล้วสิ

ดับแค้นวันสิ้น​โลก​ ตอนที่5 ชักจะไม่ชอบมาพากล​แล้วสิ

ในชีวิต​ก่อน

ณ​ ห้องโล่งสีขาว​ขนาดไม่กว้างนัก​และมีเตียงอยู่ตรงกลางห้องพร้อมกับชุดอุปกรณ์​แพทย์​และอุปกรณ์​วิทยาศาสตร์​ต่างๆที่ใช้สำงานวิจัยกับคอมพิวเตอร์​ควอนตัม​เครื่องหนึ่งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ​ทำงานพร้อมกับโฮโลแกรมขนาด​ใหญ่สองหน้าจอ​ที่ใช้ฉายภาพงาน​พร้อมกับแป้นพิมพ์​ไว้สำหรับพิมพ์​ แล้วก็กระดาษขาวที่เขียนอะไรบางอย่างเอาไว้พร้อมปากกาที่ตั้งทับไว้​ รอบๆห้องที่ประกอบ​ด้วยตู้และลิ้นชักมากมายที่ข้างในนั้นกักเก็บอุปกรณ์​เคมีและวัสดุโครงสร้างแบบแปลน​ไม่ก็เครื่องมือเครื่องใช้

ภายในห้องนั้นมีอยู่กันแค่2คนคือ1ชายหนุ่มที่มีผ้าพันแผล​พันไว้รอบดวงตาจนปิดสนิทกับเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งเป็นรองเป็นรอยเต็มไปหมดจนมิสามารถ​แยกออกได้ว่านี่คือเสื้อถ้าไม่ได้ใส่และมีคราบเลือดและลอยซึมของเลือดเต็มไปหมดแถมยังส่งกลิ่นคาวอีก​ แต่ที่น่าแปรกคือบนผิวกายของชายหนุ่ม​กลับไม่มีแผลเลยแม้แต่น้อย ซึ่งชายคนนี้กำลังนอนอยู่บนเตียงสีขาว​ และที่ข้อแขนข้างขวาที่ถูกต่อสายระโยงระยางที่กำลังลำเรียงสารเคมี​บางอย่างที่มาพร้อมกับโลหิตสีข้น​

ส่วนหญิงสาวอีกคนนั้นเธอใส่ชุดวันพีชสีดำทับด้วยแจ็คเก็ต​ที่มีฮูดกับสายรัดหนึ่งคู่ห้อยอยู่ด้านหลัง​ ตรงใบหน้าส่วนล่างถูกปิดไว้ด้วยหน้ากากกันแก๊สที่มีดูมีออบเจ็คมากมาย​ บนเรือนผมสีดอกเลาถูกคาดด้วยแว่นตากันลมสีทึบ​ ซึ่งเธอคนนี้กำลังนั่งสร้างอุปกรณ์​บางอย่างอยู่ในโปรแกรม​บนหน้าจอโฮโลแกรม​

ในตอนนั้น​ หลังจากที่พวกเขาข้ามผ่านช่วงเวลาแห่งการสูญ​เสียกันมา...

".. ดร.​ ผมอยากจะแข็งแกร่งให้มากกว่านี้.." เสียงสะอื้น​พร้อมทั้งน้ำตาแห่งลูกผู้ชายดังขึ้นมาจากชายหนุ่มผู้นอนอยู่บนเตียง​ "ผมอยากฆ่าพวกมันให้เยอะกว่านี้.." เขาเคียดแค้น​ "ผมอยากจะปกป้องพวกเขาให้ยิ่งกว่านี้.." เขาโศก​เศร้า​ "ผมไม่อยากที่จะให้ใครต้องมาตายเพราะไอ้เวรพวกนี้อีกแล้ว .... " และเขาก็สิ้นหวัง

น้ำเสียงแห่งความโกรธ​แค้นที่เจือปน​ไปด้วยความเศร้าหมองถูกลั่นขึ้นด้วยใบหน้าที่เปื้อน​ด้วยน้ำตา​กับหญิงสาวตรงหน้า​ พร้อมกับกำหมัดแน่น​ราวกับว่าเขาพึ่งผ่านห้วงเวลา​แห่งความสิ้นหวัง​มา แต่ไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบเสียงก้องของหญิง​สาวที่เย็นชาก็ดังขึ้น

"ก็ย้อนเวลากลับไปซะสิ​ ถ้าทำได้ก็ไปกินสมองไอ้พวกมนุษย์​น่าโง่ที่มีวิวัฒนาการ​แค่ระดับ0ซะก็สิ้น​เรื่อง"

หญิงสาวหยุดการรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์​ลงและหันหน้าที่สวมใส่หน้ากากขนาดใหญ่ไปทางชายหนุ่มด้วยนัยน์ตา​สีแดงสด​ พร้อมกล่าวขึ้นราวกับกำลังประชดประชัน​ แต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าหญิงสาวนั้นพูดจริงเพราะเธอไม่ได้มีท่าทีที่ล้อเล่น​เลยกับคำพูดนั้น

"มันทำได้ที่ไหนกัน"

ชายหนุ่มเถียง​

"ตามทฤษฏี​แล้วเมื่อผู้ที่มีไวรัสอยู่แล้วไวรัสพวกนั้นจะทำการแทรกซึมเข้าไปในเซลล์​ต่างๆ​และทำการกระตุ้นให้เซลล์​เกิดการกลายพันธุ์​ และถ้าทำอย่างที่ฉันบอกได้ล่ะก็​ พอนายวิวัฒนาการ​ไปอีกระดับนึงพลังทุกอย่างก็จะข้ามขั้นไปอีกระดับนึง​ เนืองด้วยไวรัสที่มีอยู่แล้วทำการหลอมรวมกับไวรัสที่เข้ามาใหม่​ และยิ่งนายกินมันเยอะมากเท่าไร​ ไอ้กายภาพหวนคืนนั่นก็ยิ่งทวีคูณ​ความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ​ ส่วนทั้งพลังจิตกับพลังนั้นของนายก็จะพัฒนา​ขึ้นเช่นกันแต่ก็ไม่เท่ากันการฟื้นฟูอยู่ดี"

หญิงสาวพูดขึ้นด้วยสมองที่ทรงภูมิด้วยความรู้นับไม่ถ้วนพร้อมด้วยกล่าวอธิบายอย่างฉะฉาน​และชัดเจน​

"แต่!​ มันก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีหลอกนะ​ ถ้าไอ้ไวรัสพวกนี้มันถูกหลอมรวมมากจนเกินไปกว่าคนผู้นั้นจะรับได้ล่ะก็​ เขาคนนั้นจะได้รับสิ่งที่เรียกว่าตายทั้งเป็นเลยหล่ะหรือจะเรียกว่าอยากตายก็ตายไม่ได้ก็ว่าได้.. "  เธอพูดต่อพร้อมจ้องมองไปที่ชายหนุ่มที่กำลังนอนเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าอยู่ด้วยนัยน์ตา​ที่ท่อแสงสีฉาดออกมาอย่างแปลกประหลาด​

"ใช่ฉันผู้นี้รู้ว่านายคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้​ แต่สำหรับอัจฉริยะ​ผู้มีไอคิวสูงที่สุดในโลกตลอดกาลอย่างฉัน​ มีหรือจะไม่สามารถ​ทำมันให้เกิดขึ้นได้"

เธอหยุดพูดไปครู่นึงพร้อมวิเคราะห์​ท่าทีของชายหนุ่ม​ จากนั้นก็พูดขึ้นราวกับว่าเธอสามารถ​อ่านใจคนตรงหน้านี้ได้ยังไงยังงั้น

หญิงสาวกล่าวจบก็ทำการถอดหน้ากากขนาดใหญ่​นั้นวางไว้กับโต๊ะและทำการดึงเข็มฉัดยาออกมาจากสายรัดตรงหน้าขาข้างหนึ่งและทำการฉีดของเหลวออกไปก่อนหน่อยนึง​ ก่อนที่จะเดินมาถึงชายหนุ่มและทำการฉีดอะไรบางอย่างลงไปตรงบริเวณ​ต้นคออย่างแม่นยำ​ เข็มทำการแทงลึกลงไปโดยไม่มีการขัดขืนเลยแม้แต่น้อย​และต่อมาเขาก็หลับไปพร้อมกับความสงสัยและความโศกเศร้า​นั้น....

"แต่ตอนนี้นายไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องอนาคตก่อน​ เพราะปัจจุบัน​นั้นนายก็ยังแข็งแกร่ง​พอที่กวาดล้างมันอยู่แล้ว..."

ปัจจุบัน

"ดร.ขอบคุณ​สำหรับทฤษฎี​บ้าๆนั่นก็แล้วกัน"

ชายหนุ่มพึมพัมกับตัวเองถึงดร.อัจฉริยะ​คนนั้น...

หลังจากที่กานต์​จัดการกินสมองของพวกมันไปเสร็จแล้ว​นั้น​ ตัวเลขเปอร์เซ็นต์​ก็เพิ่มขึ้นอีก2%จนตอนนี้มีอยู่5%  ส่วนตัวเลขอีกด้านก็เพิ่มขึ้นจนเป็น2.670Kหรือ2670นั่นเอง​พร้อมกับตัวเลขลบที่อยู่ข้างล่างที่ยังคงอยู่-0เท่าเดิม

และเขาก็สั่งให้3คนที่เหลือให้ไปกับเขาที่โรงเรียน​ ซึ่งทั้งแก๊ง​นั้นจริงๆแล้วก็เรียนที่โรงเรียน​เดียวกันทั้งหมดนั่นแหละแต่อยู่กันคนละอาคารเลยไม่ค่อยได้ข้องแวะกันสักเท่าไร​ ส่วนใหญ่เวลาถูกใช้งานก็จะถูกใช้ตอนเวลาว่างหรือหลังเลิกเรียนเท่านั้น

ตอนนี้เสื้อผ้าของชายหนุ่มมีแต่เลือดเต็มไปหมด​ เลยขอเสื้อผ้านักเรียนของแจ็กหนึ่งในนักเลงที่รุมทำร้ายเขา​เมื่อกี้ใส่ แจ็กยอมให้อย่างว่าง่ายไม่มีคัดค้านใดๆ​ และได้ใส่แค่แจ็ค​เก็ตดำตัวหนึ่งเท่านั้นเพื่อปิดบังร่างกาย​ ใช่​ใครมันจะไปกล้าขัดคำสั่งของฆาตกร​ที่ฆ่าคนแล้วยังสบายใจ​ได้อยู่หล่ะ

ส่วนคนที่เหลืออยู่อีก2คนคือเอ็มกับไม้ก็ยังหวาดกลัวต่อกานต์​อยู่​เนื่องด้วย​เหตุการณ์​เมื่อกี้เลยทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะหนีเลยแม้แต่น้อยถึงจะอยากหนีมากแค่ไหนก็ตาม

และเหตุผลที่ว่าทำใมชายหนุ่มถึงไม่ฆ่าทั้ง3คนนั้น​ ก็ง่ายๆ​ แค่อยากได้ลูก(ทาส)​มือ​ ในเหตุการณ์​การเอาตัวรอด​ในครั้งนี้

"เอาหล่ะจากนี้พวกนายจะต้องรับใช้ฉันเข้าใจไหม" เมื่อแต่งตัวใหม่เสร็จเขาก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์​เช่นเคยพร้อมท่าทางที่สงบลงจนไม่เห็นเค้าเดิม​จากเมื้อกี้เลย

พวกเขาทั้ง3ที่ไม่มีทางเลือกมากนักก็ได้แต่พยังหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ชายหนุ่มพูดทั้งหมด

"ฉันจะต้องบอกสิ่งนี้ให้พวกแกได้รู้ หลังจากนี้อีกไม่นานวันสิ้นโลกจะมาถึงและสิ่งที่เรียกว่าซอมบี้จะออกอาลวาดแพร่เชื้อ​ เมื่อถึงตอนนั้นพวกนายจะขอบคุณ​ฉัน​"

คำพูดที่ไม่น่าเชื่อถือถูกเปล่งออกมาจากชายผู้เป็นฆาตกรสุดโรคจิต..

"บ้าน่า! เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไงกัน​ แต่ถ้ามันเป็นจริงแล้วไอ้บ้าที่กินสมองคนสดๆแบบนี้มันเป็นตัวอะไรกัน"

พวกเขาที่ได้ฟังสิ่งนี้หลุดออกจากปากของคนที่พึ่งกินสมองคนอย่างเลือดเย็นก็คิดขึ้นอย่างวิเคราะห์​ แต่ถึงให้หาข้ออธิบายมายังไงก็คงไม่มีทางเชื่อสนิทใจกับเรื่องนี้เป็นแน่ถ้าไม่เห็นกับตา​ เหมือนดั่งประโยคที่ว่าสิบว่าไม่เท่าตาเห็น

...

หลังจากที่กานต์​ไดัพูดคุยกับทั้งสามคนนั้นไปสักพัก​ ก็เดินทางมาโรงเรียน​และมุ่งไปที่ห้องอาบน้ำในทันทีเพราะถึงเลือดจะหายไปแล้วแต่กลิ่นคาวมันยังคงอยู่ไม่หายไปไหนเขาเลยคิดที่จะอาบน้ำก่อนแล้วค่อยขึ้นไปหาเพื่อนของเขาเพื่อวางแผนเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดนี้

ส่วนแจ็ค​เอ็มและไม้เขาก็ปล่อยให้กลับไปที่อาคารเรียนของพวกเขาก่อน​ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไปแอบอยู่ในห้องเก็บของแทนเพราะยังผวาอยู่เลยที่ได้เห็นคนเป็นๆได้ตายต่อหน้าแถมยังโดนกินสมองอีก​ ดูเหมือนว่าพวกเขาคงจะหวาดกลัวและจิตตกไปอีกนานเลยหล่ะกว่าจะกลับมาเป็นปกติ

ดูจากหลังที่กานต์​ได้พูดถึงซอมบี้แล้วด้วยถึงพวกเขาจะไม่ค่อยเชื่อ​ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนมีข่าวออกมาว่าเชื้อไวรัสที่ทำให้คนคลั่ง​ แล้วเริ่มทำร้ายคนรอบข้าง​ได้ระบาดหลุดออกมา​ซึ่งตอนนั้นที่พวกเขายังคงฟังข่าวอยู่​ ด้วยความเป็นวัยรุ่นก็รู้กฮึกเหิม​ว่าซอมบี้บุกแล้วได้เวลาพวกเราจะไปฆ่ามันแล้วเหมือนในเกมหรือในหนังที่ตัวเอกจะออกไปสู้ด้วยเทคนิค​ต่างๆ

แต่ที่นี่คือความเป็นจริง​ ตอนนี้เมื่อพวกเขาเจอกับเหตุการณ์​ที่ไม่คาดฝันยิ่งกว่าเลยคิดได้ว่าถ้าเหตุการณ์​มันเกิดขึ้นไม่ไช่ว่าพวกเขาจะอยู่ในอาการจิตตก​หรอกเหรอถ้าเจอศพคนตาย​เกลื่อนกลาด​ พวกเขาจะไม่หวาดกลัวงั้นเหรอถ้่าฝูงซอมบี้จะเข้ามากัด​ ใช่แล้วพวกเขาจะไม่ต่างจากตอนนี้มากนักอย่างแน่นอน​ หรือไม่ก็ถูกพวกมันกัดจนติดเชื้อก็เป็นได้

เมื่อมาถึงพวกเขาที่เริ่มเข้าใจถึงสถานการณ์​ ก็มองไปรอบๆห้อง​ ซึ่งภายในนี้มีสิ่งที่น่าจะทำเป็นอาวุธ​ได้​อยู่ ก็คงจะเป็นมีดทำครัว​สองเล่มที่วางอยู่ตรงชั้นเก็บของ ขาโต๊ะเก้าอี้และด้ามจอบ​ที่หั​กนับสิบ ชะแลง​ที่ตั้งอยู่ริมห้อง พล้า​เก่าเล่มนึงที่ถูกทิ้ง​ ไม้ถูพื้น​ที่ยังไม่ได้ใช้ ขวานที่ใช้ในงานประดิษฐ์​ ค้อนที่ใช้ในงานหััตถกรรม​ และตะปูที่อยู่ในถังนับไม่ถ้วน

ตอนนี้ในหัวของพวกเขาต่างคิดขึ้นต่างๆนานาว่าจะทำไงกับของพวกนี้ดี​ แต่ร่างกายกลับไม่ได้ขยับเขยื้อน​ไปตามความคิดนั้น​ พวกเขาทั้งสามต่างนั่งหมกตัวกันอย่างสงบอยู่ในห้องที่แออัด​ ที่ค่อนข้างจะดีหน่อยที่ห้องนี้มีพัดลม​เพดาน​ที่คอยพัดไล่ความร้อนอยู่ไม่งั้นพวกเขาคงโดนอบตายอยู่ในนี้แน่​

..

เวลา10:05

ตัดฉากมาที่กานต์​ที่ตอนนี้อาบน้ำเสร็จแล้ว​  กำลังเดินบันไดขึ้นไปยังห้องเรียน​ ถึงเขาจะมาสาย​แต่ก็คงไม่มีอาจารย์​คนไหนมาดุเขาเป็นแน่เพราะพวกเขาทั้งหมดนั้นอยู่ที่ห้องประชุม​ ใช่แล้วหล่ะวันนี้ทั้งเช้าจะไม่มีการเรียนการสอนเพราะเหล่าอาจารย์​ต่างต้องเขาประชุมอย่างกระทันหันกันหมด​ กานต์​ที่รู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะต้องมีประชุมเร่งด่วน​เข้ามา​ เขาเลยไปจัดการพวกนั้นก่อนแล้วถึงจะมาที่นี่​ ซึ่งแผนการอันแยบยลนี้ถูกคิดมาตั้งแต่แวบแรกที่เขาพึ่งตื่นมาในยุคนี้แล้ว

ในขณะที่กำลังเดินขึ้นบันใดจากชั้น2ไปชั้น3อยู่​นั้น​ ดันเจอเข้ากับเหล่านักเลงอีกแก็งนึงที่เป็นคู่อริกับแก็งของแจ็กโดยบังเอิญ​

พวกนี้ปกติก็จะไม่มาละลานกับเขาหรอกนะแต่วันนี้พวกมันกลับมาล้อมรอบกานต์​เอาไว้ราวกับจะรุมกระทืบยังไงยังงั้น

นี่มันอาจจะเป็นเพราะเมื่อหลายวันก่อนเขาไปฟ้องอาจารย์​ก็เป็นได้ที่พวกมันสูบบุหรี่​ในโรงเรียน​จนทำให้ต้องเรียกผู้ปกครอง​ แต่นั่นมันเป็นเพราะเพื่อนในห้องให้เขาไปบอกอาจารย์​ต่างหากหล่ะถึงได้เป็นเป็นนี้

เมื่อชีวิตก่อนตอนที่พวกมันล้อมเขาไว้ เขาก็โดนอัดจนเละมีรอยฟกช้ำทั่วตัว​ และมันก็เป็นช่วงเวลาที่น่าอับอายที่สุดของเขาด้วย​ เมื่อพ่อกับแม่และน้องสาวรู้ว่าเขาโดนรุมกระทืบ​อยู่ฝ่าย​เดียว​โดยไม่สวนกลับเลยแม้แต่น้อย​ ซึ่งมันเป็นเหตุการณ์​ที่เสียศักดิ์ศรี​เป็นอย่างมาก

เขาจำมันได้และก็ไม่อยากให้มันเป็นเหมือนเดิม​อีก​ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็แสยะยิ้มขึ้นในใจเพราะตอนนี้เขามีพลังแล้ว​ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถ​ใช้ได้เต็มที่ก็ตามเพราจากการต่อสู้เมื่อกี้มันทำให้เขาล้ามาก​ แต่ต่อให้โดนรุมด้วยคนปกติเป็นร้อยคนเขาก็สู้ได้สบายๆ​

"เฮ้.. แกจำเมื่อวันก่อนได้รึป่าวว่ะ​ ที่แกไปฟ้องอาจารย์​หน่ะ" ชายคนหนึ่งที่หน้าตาค่อนข้างดีหน่อย​ ผลักเขาติดกำแพงพร้อมยื่นหน้าเข้ามาถามใกล้ๆ​อย่างเย้อหยิ่งและกล่าวขึ้นด้วยเสียงที่แสดงถึงความหงุดหงิด​

"..."

กานต์ยังคงสีหน้าปกติเอาไว้และไม่ได้พูดอะไรออกไปทั้งนั้นปล่อยให้เหตุการณ์​มันวนลูปในรูปแบบเดิม​ จากนั้นเขาก็สายศีรษะ​เบาๆบ่งบอกว่า'พวกมันไม่น่าเลย'​

แต่ชายหนุ่มตรงข้ามกลับไม่ทันได้สังเกตุและศีรษะ​ไปกล่าวกับลูกน้องที่ยืนอยู่รอบๆ

"ไปปิดทางเดินบันใดไว้​"

เมื่อได้ยินคำพูดจากชายที่หน้าจะเป็นหัวโจก​ ชายที่มีหน้าตาดุดันหน่อยสองสามคนก็เดินออกไปกั้นบันใดขึ้นลงตามที่เขาสั่ง

เหล่านักเรียนที่เห็นว่ามีคนมากั้นบันใดเอาไว้ก็รู้ในทันทีว่าต้องมีคนโดนรุมซ้อม​ เพราะทุกครั้งที่มีคนมาทำแบบนี้​ ก็จะมีนักเรียนคนนึงหรือสองคนเดินอ่วมออกมาด้วยรอยช้ำเขียวตามตัว​ และในครั้งนี้ก็ไม่ต่างกันแค่ต้องลอลุ้นว่าจะเป็นใครกันที่เดินออกมา​ ซึ่งเส้นทางบันใดทางด้านนี้ของตึกจะไม่มีอาจารย์​คนไหนเข้ามาใช้อย่างแน่นอนเพราะอีกฝั่งนั้นเป็นห้องพักครูมีหรือที่คุณครู​ผู้มีงานเยอะทั้งหลายจะว่างพอจะเดินอ้อม

"ทำได้แซบนักนะแก​ ฉันจะทำให้แกจำได้เองว่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับพวกฉันเมื่ออาทิตย์​ก่อน"

เขาเค้นเสียงออกมาด้วยความโกรธ​ พร้อมกำมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันและหักกระดูก​จนเกิดเสียงสองสามครั้ง​ จากนั้นมันก็ตั้งท่าเล็กน้อยพร้อมกับเหวี้ยงหมัดหมายที่จะพุ่งเข้าไปที่หน้าของอีกฝ่าย​

"เอาหล่ะตอนนี้ก็ไม่มีใครแล้ว​จะเข้ามายุ่งแล้ว​ ฉันจะได้เอาคืนเรื่องเมื่อครั้งก่อนสักที" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงพันเปลี่ยนจากเมื่อกี้ราวกับคนละคน​  จากใบหน้าเรียบๆก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา

เมื่อหลังจากที่สองคนนั้นเดินออกไปกั้นบันใด แทนที่พวกเขาที่เหลือจะได้เห็นใบหน้าที่กำลังหวาดกลัว​ของกานต์​  แต่พวกเขากลับเป็นฝ่ายหวาดกลัวซะเอง.!

'ชักจะไม่ชอบมาพากล​แล้วสิ'​

ชายหนุ่มที่เหวี่ยง​หมัดออกมาพลันคิดขึ้นในใจ​ขณะที่หมัดยังคงพุ่งเป้าไปที่หน้าของชายหนุ่ม​ที่ยืนอยู่ตรงข้าม เมื่อได้ยินสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามได้กล่าวออกมา มันก็เหมือกับเขาได้ยินเป็นรางร้าย เนื่องจากแทนที่ฝ่ายตรงข้ามแทนที่มันจะหวาดกลัวแต่กลับกัน​ ชายหนุ่มกลับแสยะยิ้มขึ้นอย่างมีนัยยะ​ ต่อมาเขาก็เกิดอาการกลัวขึ้นอย่างฉับพลันทันใดและอยากคิดที่จะหนีออกไปจากที่นี่แต่ก็คงสายไปแล้วหล่ะ...

ตอนที่6​

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!