ดับแค้นวันสิ้นโลก ตอนที่2 ได้เวลาเริ่มการแก้แค้นแล้ว
ภายในห้องนอนส่วนตัวขนาดไม่กว้างนักห้องหนึ่ง
เขาตื่นขึ้นมาบนเตียงที่คุ้นเคยกับฉากเบื้องหน้าที่จำได้เป็นอย่างดี ทั้งโทรศัพท์ ทั้งชุดนอน และคอมพิวเตอร์ ทุกสิ่งชั่งน่าคิดถึงเป็นอย่างมากสำหรับเขา
เขาเปิดโทรศัพท์ขึ้นตอนนี้เวลา03:14แล้ว และวันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่3 เมษายน ปี2020
ตามความทรงจำของเขาวันนี้คือวันก่อนที่เหล่าซากศพเดินได้จะปรากฏตัวและทำการแพร่กระจายเชื้อไวรัสกลายพันธ์ู ที่จะคร่าชีวิตของประชากรโลกไปเกิน90%
ตลอดห้วงเวลาแห่งหายนะนั้นเขาแทบไม่มีความสุขเลยในโลกที่โสมมนั่น จนกระทั่งเขาได้พบกับเมย์ หญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง ที่ทำให้เขาในตอนที่กำลังซึมเศร้าที่สุด ได้กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง
แต่แล้วเหล่าซอมบี้ก็พรากเธอไปจากเขาอย่างไม่ใยดี เขาจะโทษใครได้ละ ผู้สร้างไวรัสงั้นเหรอ ซอมบี้งั้นเหรอ ผิดแล้วกล่ะในตอนนั้นสิ่งที่เขาควรโทษมากที่สุดก็คือความอ่อนแอ่ของตัวเองต่างหากหล่ะที่ไม่สามารถช่วยเธอได้
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มตั้งมั่นและฝึกฝนพัฒนาในพลังที่เขามีให้ถึงที่สุด แล้วไล่ล่าเหล่าซอมบี้อีกครั้ง
จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเขารู้สึกตัวอีกทีทุกคนที่อยู่เคียงข้างเขาก็ได้ล่มหายตายจากไปหมดแล้ว
ึความรู้สึกที่โกรธเคือง ความรู้สึกที่โศกเศร้าเริ่มถูกบั่นทอนลงจนมันทำให้เขาเป็นคนเย็นชา
แต่เมื่อเขาได้กลับมาอีกครั้งในชีวิตนี้ ชีวิตเดิมของเขา ความรู้สึกที่เคียดแค้นของเขาก็กลับมาอีกครั้ง ความรุ่มร้อนที่มีอยู่ภายในเริ่มปะทุขึ้น เลือดทำการสูบฉีดอย่างรุนแรงแม้ไม่ได้ออกกำลังกาย ความรู้สึกที่อยากฆ่าและล้างแค้นเริ่มกลืนกินสมอง ความมุ่งมั่นที่อยากจะช่วยเหลือคนในครอบครัว เพื่อน และคนรักพุดขึ้นพร้อมกับความหวังอันล้นเหลือที่พกมากับประสบการณ์แสนมากล้น
...
"ฉันจะไม่ยอมให้มันเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว"
ชายหนุ่มกำหมัดแน่น พร้อมด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยวแต่เบื้องลึกก็แฝงไว้ด้วยไฟแค้นที่ต้องการจะชำระ
เขาพูดขึ้นจากก้้นบึ้งในจิตใจที่ทั้งเกรียดชังและโศกเศร้า แต่น้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยความหวังและความมุ่งหมั่น
ถึงจะอีกแค่1วันก่อนที่เหตุการณ์โลกาวินาศจะเกิดขึ้น แต่เชื่อไวรัสก็เริ่มแพร่กระจายมาเป็นเดืิอนๆแล้ว
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าควรทำอย่างไรบ้างในชีวิตนี้ จึงไม่รอช้าทำการตั้งสมาธิเพ่งจิตในทันที วิธีนี้จะช่วยให้เขาทำการควบคุมพลังที่มาจากการกลายพันธุ์ได้ และมันจะทำให้เขาวิวัฒนาการเร็วขึ้นด้วย
มันเป็นวิธีที่ไม่ได้ยากแต่อย่างไร มีแต่เพียงเวลาเท่านั้นที่ต้องใช้ เขาทำการนั่งสมาธิ เริ่มขั้นตอนรวบรวมจิตให้เป็นหนึ่งเดียว ตามเทคนิคที่ได้เรียนมาจากอาจารย์เมื่อชีวิตก่อน ตั้งจิตไว้ให้หมั่นกับอากาศธาตุในร่างกาย กำหนดลมหายใจเข้าออกเพื่อปรับสมดุลในการใหลเวียนของพลังที่มากับอากาศ
และเนื่องด้วยหัวใจที่เต้นระรัวแรงจึงทำให้โลหิตที่สูบฉีดอย่างพรุพรั่งนั้น นำพาเชื่อไวรัสให้ไหลเวียนไปกับของเหลวสีแดงข้นในร่าง ตัวไวรัสรูปร่างประหลาดเริ่มกระจายและแทรกซึมเข้าไปทุกที่ในร่างทำการเพิ่มพูนพลังงานให้แก่เซลล์เพื่อเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์ แต่มนุษย์ผู้รอบรู้อย่างเหล่านักวิจัยจะเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้กับมนุษย์ที่ไม่กลายร่างเป็นซอมบี้ว่าการวิวัฒนาการ
เซลล์นับล้านในสมองได้รับการวิวัฒนาการไปอีกขั้น เซลล์ในส่วนต่างๆของร่างทำการขับเคลื่อนและวิวัฒนาการเช่นกัน จากเซลล์บางเซลล์ที่จากเดิมที่ควรจะตายแล้วกลับฟื้นคืนอย่างผิดปกติ ไวรัสที่แสนมหัศจรรย์นี้ถ้าอยู่ในมือของนักวิจัยแสนปราดเปรื่องละก็ด้วยผลคือเซลล์ที่ไม่มีวันตายและฟื้นคืนชีพได้มีหรือจะไม่สามารถสร้างมนุษย์ที่เป็นอมตะนับล้านได้
แต่ก็คงจะสายไปแล้วหล่ะเพราะไวรัสที่ไม่สมบูรณ์แบบนี้ได้แพร่กระจายไปก่อน มันจึงไม่มีหวังแล้วที่จะทำแบบนั้นได้ในขณะที่วิ่งหนีซอมบี้ไปด้วย
การวิวัฒนาการของเซลล์นั้นมีส่วนช่วยแค่ในเรื่องของพละกำลังด้านกายภาพเท่านั้น ซึ่งในเชื้อไวรัสนั้นยังมีอีกหลายสิ่งที่ถูกผสมเข้ามาด้วยซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมอบความสามารถให้แก่ผู้วิวัฒนาการได้อย่างแท้จริง ซึ่งมันจะทำให้บุคคลธรรมดากลายเป็นผู้ใช้พลังพิเศษได้เลยหล่ะ...
...
การตั้งสมาธิเพ่งจิตในแรกเริ่มนั้นสีหน้าของชายหนุ่มสื่ออารมณ์ของความแค้นออกมาอย่างเจ็บปวด ซึ่งความเจ็บปวดนี้ย่อมไม่ได้มาจากแค่ตรรกะความคิดอย่างแน่นอน ซึ่งมันมาจากการที่ร่างกายของเขาเริ่มกระตุกเป็นระยะๆจากการกระตุ้นอย่างไม่เป็นจังหวะของเซลล์ในร่าง
มันกำลังทำให้กล้ามเนื้อในส่วนต่างๆพร้อมทั้งเส้นเลือดปูดโบนขึ้นและยุบลงสลับไปมาทั่วทั้งร่าง ซึ่งความทรมานนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าเพียงแค่เขารอตัวเซลล์มันทำการกระตุ้นเองตามกาลเวลา กลับกันเขาดันรีบไปกระตุ้นการวิวัฒนาการมันจึงทำให้เขาเจ็บปวดอยู่อย่างนี้
การตั้งสมาธิเพ่งจิตเป็นไปอย่างยาวนานพร้อมกับความทรมานอย่างเจ็บปวดนี้ เมื่อสายธารแห่งกาลเวลาได้หลั่งไหลไปเรื่อยๆตอนนี้ความเจ็บปวดได้เริ่มเลือนหายไปหมดแล้ว ความรู้สึกที่จำได้ถึงพลังที่คุ้นเคยนี้ได้กลับมาอีกครั้ง เมื่อลมหายใจเริ่มผ่อนคลายลงไปพร้อมกับสีหน้าท่าทางที่สงบลง ในที่สุดการวิวัฒนาการก็เสร็จสมบูรณ์ มนุษย์ผู้มีวิวัฒนาการ ขั้น1 ปรากฏแล้ว.. อ่า~เสร็จสักที..
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ขยับเขยื้อนร่างกายเลยแม้แต่น้อย ในตอนนั้นนั่นเองก็ได้มีเสียงๆหนึ่งได้ดังมาจากทางฝั่งหน้าประตูห้องนอนของเขา
"ก็อกๆ~ พี่กานต์ วันนี้วันจันทร์แล้วนะอย่ามัวแต่นอนขี้เซาอยู่ ลงมากินข้าวได้แล้ว "
ความรู้สึกที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง เสียงใสแสนน่ารักของเธอนั้น มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากที่ได้ยินเสียงนี้อีกครั้งหลังจากเหตุการณ์นั้น... นี่คือเสียงของหญิงสาวอีกคนนึงที่เขารักไม่แพ้กับแฟนของเขา เสียงของยัยน้องสาวสุดรักสุดหวงของเขาพีช
ภาพความทรงจำแสนอบอุ่นอันเจืองปนไปด้วยความสุข เริ่มหลั่งใหลเข้ามาในหัวเขา ภาพของเด็กหญิงแสนซนที่มักหกล้มอยู่บ่อยๆด้วยความซุ่มซ่าม ภาพของเด็กหญิงขี้แงที่ชอบร้องไห้อยู่บ่อยๆกับเรื่องไม่เป็นเรื่องและก็จะมีเด็กชายคนหนึ่งที่มักเข้าไปปรอบเธอเสมอ ซึ่งไม่ว่าเธอจะเครียด จะทุกข์ จะเศร้า หรือจะมีอะไรไม่สบายใจต่างๆ เด็กชายคนนั้นก็จะไปปลอบเธอทุกเมื่อ นี่คือภาพความทรงจำในวัยเด็กของกานต์และพีชน้องสาวของเขา
"รู้แล้วจ่า เดี๋ยวลงไป"
เขาทำการควบคุมอารมณ์ที่รู้สึกถึงความผิดพลาดร้ายแรงของตนเองที่ไม่อาจจะให้อภัยได้ พร้อมกับพยายามตอบออกไปอย่างปกติเหมือนๆทุกครั้ง
ใช่เขามีความสุขที่ได้เจอน้องสาวอีกครั้งแต่เขากลับไม่กล้าแม้ที่จะสบตาเพราะเหตุการณ์ในอดีตนั้น ซึ่งในช่วงชีวิตก่อนตลอดทั้งชีวิตของเขา เขาคิดว่าคนที่เขาพบเจอทั้งหมดมีเพียงน้องสาวของเขานี่แหละที่พบกับชะตากรรมที่โหดร้ายมากที่สุด และคนที่ทำให้เธอเป็นอย่างนั้น คนๆนั้นแหละคือคนที่เขาอยากจะกลับมาล้างแค้นมากที่สุด..
"จ้าๆ งั้นหนูไปก่อนนะ"
เมื่อสิ้นสุดการสนทนาพีชน้องสาวของกานต์ก็เดินบันใดลงไปรับประทานอาหารตรงชั้นล่าง
ส่วนกานต์ที่พึ่งตื่นจากการตั้งสมาธิเพ่งจิต ก็สังเกตุเห็นบางอย่างที่ข้อมือข้างขวา ซึ่งมันไม่น่าจะใช่ของที่ในยุคนี้ควรจะมี มันเป็นนาฬิกาดิจิตอลที่ไม่ได้บอกเวลาสีดำ ที่สร้างด้วยวัสดุที่คงทนยิ่งกว่าเหล็กและยืดหยุ่นได้ไม่ต่างจากยาง ใช้แล้วหล่ะมันคือNox เครื่องวัดพลังจากในชีวิตก่อนของกานต์
เมื่อเหล่าซอมบี้เริ่มกลายพันธุ์เข้าระดับ2และ3มากขึ้น มีหรือที่มนุษย์ที่เหลือจะปล่อยไว้เฉยๆ
ส่วนเหล่ามนุษย์เองก็วิวัฒนาการจากไวรัสเพิ่มขึ้นเช่นกัน นี่จึงเป็นเหตุให้พวกนักวิจัยต้องทำการสร้างNox เพื่อตรวจสอบพลังของมนุษย์ที่วิวัฒนาการได้ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อที่จะเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาใช้พลิกแพลงกับการสร้างอาวุธ และยาที่ไว้สำหรับเพิ่มพลัง
หน้าจอของมันในตอนนี้ปรากฏแค่1%เท่านั้น แต่เมื่อมันอยู่ในมือของมนุษย์ผู้เคยมีค่าเปอร์เซ็นต์สูงสุดแบบนี้ เชื่อได้เลยว่ามันจะไม่หยุดอยู่แค่ตัวเลขเดิมอย่างแน่นอน...
ชายหนุ่มไม่ได้ใส่มากนักกับเรื่องนี้แต่ก็อดสงสัยไม่ได้เช่นกันว่ามันมาได้ยังไง?...
หลังจากที่เขาแต่งตัวและรับประทานอาหารเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินทางไปโรงเรียนโดยหวังว่าจะได้ไปหาเพื่อนเก่าของเขาที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่ในปัจจุบันนี้มันไม่ใช้อย่างนั้น เขายังคงเจอเพื่อนอยู่เสมอตลอดที่เขายังไปโรงเรียน
แต่นั่นมันเป็นเป้าหมายรองเท่านั้น เป้าหมายของเขาตอนนี้คือพวกตรงหน้านี้ต่างหาก...
ณ ซอยๆหนึ่งซึ่งติดกับถนนที่ไม่ค่อยมีผู้คนสันจร
อยู่ระหว่างตึกร้างสูง2ตึกที่ไม่มีใครใช้การแล้ว และทางเดินระหว่างตึกก็กว้างพอสำหรับให้รถยนต์คันนึงผ่านไปได้ แต่มันต้องชนสื่งนั้นแน่ๆถ้าจะผ่านไป มันคือถังขยะขนาดใหญ่สีเขียวที่ถูกทิ้งและไม่ได้แล้ว ตรงผนังของตึกทั้ง2เต็มไปด้วยภาพกราฟิกตี้ที่มีคนมาผ่นเอาไว้อย่างสวยงามแต่มันก็มีบางส่วนที่เริ่มจางหายกับโดนฝุ่นเคลอะทับ
กลิ่นเหม็นของบุหรี่โชยเข้าจมูกพร้อมด้วยควันสีเทาที่ลอยอย่างคละคลุ้ง
มีกลุ่มนักเรียนท่าทางนักเลงยืนพิงกำแพงกันอยู่ บางคนก็นั่งบนขยะสีเขียวขนาดใหญ่นั้น บางคนก็ถือไม้หน้า3พาดบ่าทำเป็นเท่ พวกมันขวางกั้นปิดพื้นที่นี้ราวกับว่าเป็นเจ้าถิ่น
ชาวบ้านธรรมดาที่ต้องการจะผ่านทางก็ต้องหลบไปทางอื่นด้วยความกลัวและหลีกเลี่ยงการเจ็บตัว เพราะด้วยข่าวลือที่ว่านักเลงพวกนี้มักจะออกจี้เงินชาวบ้านกับรังแกพวก้ขาเป็นประจำ ส่วนที่ตำรวจไม่เข้าไปยุ่งเพราะหนึ่งในพ่อของพวกมีนเป็นตำรวจนายใหญ่หนุนหลัง..
ชายหนุ่มเดินมาถึงหน้าซอยที่มีพวกมันกำลังนั่งอัดบุหรี่กันอยู่ พร้อมกับในมือที่ถือท่อนเหล็กที่น่าจะมาจากไซต์ก่อสร้างที่อยู่ใกล้ๆ
เมื่อได้มาเห็นพวกมันอีกครั้งอารมณ์แห่งความโกรธแค้นของชายหนุ่มก็ปะทุขึ้น และภาพของเรื่องราวต่างๆที่สุดแสนจะน่าชิงชังของพวกมันก็ผุดตามมาอีกนับไม่ถ้วน
สีหน้าของกานต์ในตอนนี้กลายเป็นเย็นชาสุดขั้ว สีของนัยน์ตาเริ่มหม่นหมองลง ไฟแห่งราคะเริ่มลุกโชน
"ตอนนี้ได้เวลาเริ่มการแก้แค้นแล้ว"
ตอนที่3 ในตัวเมือง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 15
Comments