สมัยเรียนที่ทับแก้ว ตอนนั้นเวลาประมาณหกโมงเย็น กำลังจะไปซ้อมละครกลางปีที่โรงละคร A4 แล้วเพื่อนขับรถยนต์ไปกินข้าวกัน ส่วนเรารอที่หอพักหน้ามอ บอกเพื่อนว่าถ้าถึงป้อมยามให้โทรหา จะข้ามถนนติดรถไปโรงละครด้วย ก็ตามนั้น พอถึงเวลานัดเราก็วิ่งไป รถจอดตรงปากทางเข้าใกล้ๆ ป้อมฝนตกเริ่มหนัก เราเห็นคนในรถ 4 คน ตอนนั้นคิดว่าดูออกว่าเป็นใครบ้าง ซึ่งคนที่นั่งตรงหลังคนขับเราคิดว่าเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกทีที่เราไม่สนิท ผมสั้นประบ่านั่งนิ่งไม่หันมาดูเราอยู่คนเดียว (ในกลุ่มตอนนั้นมีคนเดียวผมสั้น) ที่นี้คนที่อยู่ข้างหลังฝั่งซ้ายคือเพื่อนสนิท (สมมติชื่อ M) นางก็กวักมือแอคทีฟมากให้เราขึ้นรถ เราก็วิ่งไปจะขึ้นทางซ้าย เพราะปกติเราก็จะเลือกนั่งกับเพื่อนอะเนอะ แต่ M กลับชี้ให้เราไปอีกฝั่ง นี่ก็งง แต่เอาวะ ฝนลงแล้ว นั่งรถไปแป๊บเดียว ก็เลยวนอ้อมหลังรถไปทางขวา ซึ่งตลอดเวลาที่เดินอ้อมไปก็มอง ผู้หญิงผมสั้นทางขวาก็ไม่มีทีท่าว่าจะเขยิบไปตรงกลาง พอถึงก็เปิดประตู…อ้าววววว ว่างเปล่าเฉย เลยถามเพื่อนไปแทบจะทันทีว่า “แล้ว (ชื่อเพื่อนผมสั้น) ไป…ไหน…” รู้ตัวอีกที ขนหลังลุกเลยจ้า โดนเข้าแล้วไงมองอีกทีเพื่อนในรถ 3 คนหน้าเหวอมาก คงเห็นสีหน้าเราเปลี่ยน นี่ก็กลัวเพื่อนจะกลัว เลยตัดสินใจ เอาวะนั่งก็นั่ง ทับที่ผีก็ทับ ทุกคนทำหน้าเหมือนจะถาม แต่เราบอกขับไปก่อนถึงโรงละครแล้วจะเล่า ทั้งรถเงียบมากกกก พอถึงที่เท่านั้น 4 คนสละรถจ้าาาา วิ่งหน้าตั้ง หนีไปมองไกลๆ แต่ไม่เห็นใครในรถแล้ว ก็เลยเล่าให้เพื่อนๆ ทั้งโรงละครฟัง แล้วก็มาวิเคราะห์สรุปกันเองว่า เธอผมสั้นคนนั้นอาจจะขอติดรถมาด้วย เพราะตอนเพื่อน M กวักมือเรียกนั้นนางพูดว่า “ขึ้นมาๆ ขึ้นมาเลย” ซึ่งเพื่อนหลายคนตรงนั้นเคยได้ยินมาว่าเวลาเรียกใครยามโพล้เพล้ดึกดื่นให้ระบุชื่อ ไม่งั้นอาจมีใครที่ไม่ได้เชิญตามมา ยิ่งตรงนั้นเป็นทางแพร่ง อาจเป็นทางผ่านของสิ่งที่มองไม่เห็น เค้าไม่รู้ พอมีคนเรียกก็เลยมา แต่หลังจากวันนั้นก็ไม่มีใครเคยเห็นอะไรในรถอีกนะ คิดว่าเค้าคงไปแล้ว
"End"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 10
Comments