The Wizard ตำนานพ่อมดสองโลก

The Wizard ตำนานพ่อมดสองโลก

บทนำ

...บทนำ...

ในยุคสมัยที่เวทมนตร์รุ่งโรจน์ โลกเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติทั้งที่งดงามและน่าหวาดหวั่น เหล่ามนุษย์ผู้ซึ่งปรารถนาความสงบสุขอย่างแท้จริงจึงได้มารวมตัวกัน พวกเขารู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการแก่งแย่งอำนาจ การสู้รบกับปีศาจร้าย และความผันผวนของพลังเวทมนตร์ พวกเขาโหยหาชีวิตที่เรียบง่าย ปลอดภัย และเป็นไปตามครรลองของมนุษย์ผู้ธรรมดา

ด้วยความหวังอันแรงกล้า พวกเขาจึงเดินทางไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อเข้าพบกับ "พ่อมดผู้สร้าง" ผู้ทรงอำนาจและเมตตา เพื่อขอร้องให้เขาสร้างสถานที่ที่ปราศจากเวทมนตร์และภัยอันตรายจากโลกเหนือธรรมชาติพวกเขาต้องการเพียงแค่ดินแดนที่พวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุข สร้างครอบครัว และเติบโตไปตามธรรมชาติของมนุษย์

พ่อมดผู้สร้างผู้เข้าใจถึงความปรารถนาอันบริสุทธิ์นั้น รับฟังคำขอร้องด้วยความเห็นใจ ด้วยพลังเวทมนตร์อันไร้ขีดจำกัด เขาเริ่มร่ายเวทมนตร์ครั้งยิ่งใหญ่ สร้างมิติใหม่ขึ้นมา มิติซึ่งกฎเกณฑ์ของเวทมนตร์ไม่อาจเข้าถึงได้โลกที่ปราศจากอิทธิพลของพลังวิเศษและสัตว์ร้ายจากโลกอื่น

เมื่อการสร้างเสร็จสิ้น โลกใหม่นั้นก็ปรากฎขึ้น เป็นดินแดนที่งดงามและสงบสุข แสงอาทิตย์สาดส่องอย่างอบอุ่น สายลมพัดผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจี แม่น้ำไหลรินอย่างใสสะอาด และผืนดินอุดมสมบูรณ์พร้อมสำหรับการเพาะปลูก พ่อมดผู้สร้างขนานนามโลกแห่งใหม่นี้ว่า "โฮป" – โลกแห่งความปรารถนา

พ่อมดผู้สร้างได้ทำการตัดขาดโลกโฮปออกจากโลกเวทมนตร์อย่างสมบูรณ์ ไม่มีประตูมิติ ไม่มีช่องทางใด ๆ ที่จะเชื่อมต่อระหว่างสองโลกนี้ได้อีกต่อไป กฎเกณฑ์ของโลกโฮปถูกสร้างขึ้นให้แตกต่างไปจากโลกเดิมโดยสิ้นเชิง เวทมนตร์ใด ๆ ที่ถูกนำมาจากโลกอื่นจะสูญสิ้นพลังลงทันที ปีศาจร้ายหรือสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติไม่สามารถดำรงอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมนี้

หลายร้อยปีต่อมา

“อ่านหนังสือเล่มนั้นอีกแล้วเหรอ” หญิงสาวเดินเข้ามาในบ้าน เธอยิ้มเอ่ยถามลูกชายวัยแปดขวบที่นั่งอ่านหนังสือเล่มโปรดของเขาอยู่หน้าเตาผิง

เด็กชายละจากหนังสือมองผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้มร่า “นี่คุณแม่ผมอยากไปที่โลกนั้นอีกสักครั้งได้ไหมฮะ”

ปี 2185 เมืองใหญ่รีนอคเชลคึกคักไปด้วยชีวิตชีวา ผู้คนเดินขวักไขว่บนถนนหนทาง เช่นเดียวกับยานยนต์ล้ำสมัยที่สัญจรไปมาบนท้องฟ้า ตึกระฟ้าสูงตระหง่านเรียงรายราวกับกำแพงมหึมา สะท้อนสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานความงามสง่าและความแปลกตาได้อย่างลงตัว บนท้องฟ้ามีโดรนส่งของบินไปมาพร้อมกับของมี่มันต้องไปส่ง ยานพาหนะก็ขับเคลื่อนโดย(AI)ไม่มีมนุษย์ขับเคลื่อนพวกมันด้วยตัวเองอีกต่อไป

ห่างออกไปไกลหลายกิโลเมตร

ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของผืนป่าเขียวขจี ในห้วงเวลาพลบค่ำ แสงสุดท้ายของวันค่อย ๆ ลอดผ่านเรือนยอดไม้สูงตระหง่าน สาดส่องเป็นลำแสงสีทองลงมายังหลังคาที่ตั้งเรียงรายอย่างเรียบง่าย ไอเย็นจากผืนป่าเริ่มแผ่ซ่าน ปกคลุมหมู่บ้านด้วยความเงียบสงบและเย็นสบาย เสียงจิ้งหรีดและแมลงกลางคืนเริ่มบรรเลงเพลงกล่อมราวกับวงดนตรีธรรมชาติที่ขับขานบทเพลงแห่งความเงียบสงัด เสียงลมพัดเบาๆ ผ่านใบไม้ดังซ่าราวกับเสียงกระซิบของธรรมชาติที่เล่าขานเรื่องราวแห่งความสงบสุข กลิ่นดิน กลิ่นใบไม้ และกลิ่นดอกไม้ป่าที่โชยมาตามลมสร้างบรรยากาศที่บริสุทธิ์และสดชื่นได้ไม่น้อย

ควันไฟจางๆ ลอยขึ้นจากปล่องไฟของแต่ละบ้านเป็นสัญญาณของการเตรียมอาหารเย็นแสงสว่างนวลตาจากตะเกียงและกองไฟเล็กๆ หน้าบ้านส่องลอดออกมาจากหน้าต่างไม้บ่งบอกถึงความอบอุ่นและความเป็นกันเองของผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ราวกับว่าเทคโนโลยีและความทันสมัยยังมาไม่ถึง

เด็กน้อยวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานบนลานดินหน้าบ้าน เสียงหัวเราะคิกคักดังก้องกังวานไปทั่วหมู่บ้านก่อนที่ผู้ใหญ่จะเรียกให้กลับเข้าไปในบ้านเพื่อทานอาหารเย็น ผู้สูงอายุนั่งอยู่บนเก้าอี้ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่พูดคุยกันเบาๆ ถึงเรื่องราวในอดีตหรือไม่ก็มองดูลูกหลานเล่นซนด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข

บรรยากาศของหมู่บ้านชนบทแห่งนี้เต็มไปด้วยความเรียบง่าย ความสงบสุข และความผูกพันของผู้คนกับธรรมชาติ เป็นสถานที่ที่เวลาดูเหมือนจะเดินช้าลงเป็นที่พักพิงทางจิตใจที่อบอุ่นและปลอดภัย ห่างไกลจากความวุ่นวายของโลกภายนอกราวกับเป็นอีกโลกหนึ่งที่ถูกโอบล้อมด้วยความงดงามและความเงียบสงบของผืนป่าบรรยากาศที่นี่เงียบสงบและผ่อนคลาย อากาศบริสุทธิ์ และด้วยทำเลที่ตั้งติดกับชายฝั่งทะเลทำให้หมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ นอกเหนือจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่แล้วยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่เดินทางมาเพื่อสัมผัสความสงบและดื่มด่ำกับธรรมชาติอันแสนงดงาม

ที่บริเวณท้ายหมู่บ้านปรากฎภาพของฟาร์มขนาดใหญ่ เครื่องจักรเก่าแก่เคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าในทุ่งโล่งกว้าง เสียงขบเคี้ยวของโลหะที่ดังเป็นระยะบ่งบอกถึงอายุการใช้งานที่ยาวนานของมันภายในฟาร์มมีเครื่องจักรกลหลากหลายชนิดที่ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระงานของมนุษย์ ยุคสมัยแห่งการพัฒนาเทคโนโลยีได้นำมาซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมากมายเกินกว่าที่มนุษย์ในอดีตจะจินตนาการได้ รถยนต์ที่สามารถวิ่งได้ทั้งบนบกและในน้ำโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ชาญฉลาดสามารถปฏิบัติงานต่างๆ แทนมนุษย์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนดูราวกับเวทมนตร์ที่กลายเป็นความจริงในโลกแห่งนี้

แสงอาทิตย์สีส้มทองจางหายไปจากขอบฟ้าท้องนภาเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงินเข้ม แสงสุดท้ายของวันกำลังลาลับไปอย่างช้าๆ คนงานในฟาร์มต่างทยอยต้อนสัตว์เลี้ยงกลับเข้าคอกอย่างเป็นระเบียบ เครื่องจักรกลขนาดใหญ่เคลื่อนตัวกลับไปยังที่จอดของมันเองโดยไม่ต้องมีใครเข้าไปบังคับควบคุม

แอริส ชารอน หญิงสาวร่างเล็กใบหน้าแสดงความอ่อนล้าอยู่ตลอดเวลา ยืนมองภาพทุ่งฟาร์มที่เปลี่ยนสีสันผ่านหน้าต่างห้องนั่งเล่น แสงสุดท้ายของวันทาบทอเป็นสีส้มอมชมพูก่อนจะถูกแทนที่ด้วยสีน้ำเงินเข้มยามค่ำคืนด้วยร่างกายที่อ่อนแอมาตั้งแต่กำเนิดสามีของเธอจึงสั่งห้ามไม่ให้เธอทำงานหนักในฟาร์มโดยเด็ดขาด แอริสเดินช้าๆไปนั่งลงบนโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่ตรงกับหน้าต่างบานใหญ่ซึ่งทำให้เธอสามารถมองเห็นทัศนียภาพของฟาร์มได้จากมุมนี้และยังสามารถมองเห็นรถของสามีเธอได้ในตอนที่เขากลับมาถึง

เวลาผ่านไปเนิ่นนานแสงจันทร์เริ่มสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องแต่คนที่เธอรอคอยยังคงไม่กลับมาความกังวลเริ่มฉายชัดบนใบหน้าของแอริส บางทีรถของเขาอาจเสียระหว่างทางและเขาอาจต้องติดค้างอยู่ที่ไหนสักแห่งแถวนั้น เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่สามีเธอกลับบ้านช้ากว่าปกติเนื่องจากรถเสียหรือบางทีเขาอาจจะนอนค้างที่เมืองด้วยธุระบางอย่าง

ความเหนื่อยล้าเริ่มเข้าครอบงำแอริสตัดสินใจที่จะเข้านอนเธอค่อยๆ ลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปตรงบันไดที่ทอดยาวยังชั้นสองของบ้านด้วยความอ่อนแรง สายตาของเธอยังคงหันกลับมาสอดส่ายมองออกไปยังความมืดมิดภายนอกเป็นระยะ ด้วยความหวังเล็กๆ ว่าเธอจะเห็นแสงไฟหน้ารถของสามีเธอในไม่ช้า

แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอย่างหนักหน่วงขัดจังหวะความคิดของแอริส แอริสมั่นใจว่าสามีของเธอพกกุญแจบ้านติดตัวอยู่ตลอดเวลาแล้วในยามวิกาลเช่นนี้จะเป็นใครกันที่มาหา? ความสงสัยและความประหลาดใจฉายชัดบนใบหน้าของเธอ

โดยปกติในยุคสมัยเทคโนโลยีก้าวไกลขนาดนี้ทุกบ้านจะติดกล้องวงจรอัจฉริยะที่จะมีเซนเซอร์ตรวจจับได้และแจ้งเข้ามาผ่านหน้าจอของหุ่นยนต์แม่บ้านก่อนที่จะมาถึงหน้าประตูด้วยซ้ำ แต่กลับมีคนมาถึงหน้าประตูโดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ

"เธอจะไปดูพระจันทร์กับฉันไหม" เสียงที่คุ้นเคยของผู้หญิงดังลอดผ่านประตูเข้ามา

หัวใจของแอริสเต้นระรัวเธอจำเสียงนั้นได้ไม่มีวันลืมได้เลย! มือของแอริสสั่นเทาขณะที่เธอสาวเท้าไปยังประตู ประตูเปิดออกอย่างรวดเร็วราวกับมีใครบางคนรออยู่ด้านนอกทันทีที่ประตูเปิดกว้างแอริสก็โผล่เข้ากอดร่างตรงหน้าอย่างแรงด้วยความคิดถึงที่อัดแน่นมานานหลายปี หญิงสาวรับร่างของแอริสไว้จนเสียหลักล้มลงไปนั่งก้นกระแทกพื้น

"เธอทำฉันเจ็บทุกครั้งที่เจอกันเลยนะสาวน้อย" หญิงสาวพูดพลางหัวเราะเบาๆน้ำเสียงยังคงไพเราะและสดใสเหมือนเดิม

"เธอ... เธอทิ้งฉันไปตั้งหลายปีหายไปไหนมาจนถึงตอนนี้ แคลร์!" แอริสกอดร่างตรงหน้าแน่นเสียงอู้อี้ฟังลำบากขณะที่ใบหน้าซุกอยู่ที่อกของอีกฝ่ายน้ำตาเริ่มไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

แอริสผละตัวออกมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มอย่างลวกๆจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างฉงนพร้อมตั้งคำถามมากมาย แคลล์์ยังคงมีรอยยิ้มเหมือนเมื่อก่อรอยยิ้มที่เจิดจ้าดังดวงอาทิตย์ที่แอริสเคยเห็นมาตลอด

"ขอโทษนะ อย่าร้องไห้สิเธอก็รู้ว่าการมาที่นี่มันยากแค่ไหนและงานฉันก็ยุ่งมากด้วย อีกอย่าง... ไม่ใช่ว่าฉันเพิ่งมาหาเธอไปเมื่อสามปีที่แล้วหรอกเหรอ?" แคลร์อธิบายพลางลูบผมเพื่อนรักอย่างเอ็นดูพร้อมกับดึงให้แอริสลุกขึ้นยืน

"แล้ววันนี้ทำไมถึงมาได้ล่ะ?" แอริสถามพลางลุกขึ้นตามแรงดึงของแคลร์น้ำตายังคงคลอเบ้า

แคลร์ยิ้มกว้างหันหน้าไปทางต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นสง่าอยู่หน้าบ้านแอริสมองตามสายตาของเพื่อนไปเธอสังเกตเห็นกลุ่มผมสีน้ำเงินเข้ม ซ่อนอยู่หลังลำต้นดวงตาของแอริสเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อศีรษะเล็กนั้นค่อยๆ ขยับออกมาพร้อมกับดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความซุกซนเด็กชายยิ้มแป้นวิ่งตรงมาหาพวกเธอทั้งสองอย่างร่าเริงโดยมีละอองสีทองเล็กๆ ลอยอ้อยอิ่งอยู่รอบตัว

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 2

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!