ตอนที่ 3 – การเริ่มต้นใหม่ในหมู่บ้านเล็ก
แสงแดดอ่อนยามเช้าเล็ดลอดผ่านบานหน้าต่างไม้ที่แตกร้าวเป็นเส้น ลำแสงเหล่านั้นค่อย ๆ ลูบไล้ผ่านฝุ่นละอองที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ แล้วทอดตัวลงบนพื้นดินที่ยังเปียกชื้นจากฝนเมื่อคืน กลิ่นไอดินอวลในบรรยากาศชวนให้รู้สึกทั้งสดชื่นและเศร้าสร้อยปนเปกันไป
หลินอวี้เสวียนลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ เปลือกตาหนักอึ้ง ร่างกายเหมือนยังถูกถ่วงไว้ด้วยฝันร้ายและคำพูดเย็นชาเมื่อวานจากผู้ชายที่ถูกเรียกว่าสามี
เธอเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นนั่งบนฟูกบาง ๆ ที่แทบไม่รองรับน้ำหนัก ร่างกายรู้สึกเหนียวเหนอะหนะจากเหงื่อที่แห้งกรังติดผิว ความอึดอัดในอกยังไม่จางหาย แต่แววตาของเธอกลับนิ่งแน่วแน่
> "นี่คือชีวิตใหม่ของฉัน..."
หญิงสาวพึมพำในใจ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้น เดินตรงไปยังลานหลังบ้านที่มีอ่างน้ำเล็ก ๆ วางอยู่ข้างฝาไม้
เธอวักน้ำล้างหน้า มือเย็นชื้นตบเบา ๆ บนแก้มตนเองเพื่อเรียกสติ กระจกเงาเก่าด้านหนึ่งแตกร้าวจนสะท้อนใบหน้าได้ไม่ครบ แต่เธอก็ยังเห็นชัดใบหน้าของหญิงสาวผู้ไม่ยอมแพ้อีกต่อไป
ผิวที่เคยได้รับการดูแลด้วยครีมบำรุงแพง ๆ บัดนี้เปลือยเปล่า มีเพียงความงดงามตามธรรมชาติที่ยังคงอยู่ ดวงตาของเธอแม้ยังหม่นเศร้า แต่ก็มีประกายของความมุ่งมั่นปรากฏขึ้นแผ่วเบา
> “ภายนอกไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าคือ...สิ่งที่อยู่ข้างใน”
เธอมัดผมขึ้นเป็นมวยอย่างง่ายดาย ใช้เศษผ้าผืนเล็กพันไว้แน่น ๆ ก่อนเดินเข้าครัว
ครัวที่เรียกว่าครัวนั้นแทบไม่มีอะไรเลย นอกจากกระทะสนิมเขรอะ หม้อดินเก่า และฟืนไม่กี่ท่อนที่แห้งไม่สนิท
หลินอวี้เสวียนนั่งลง จุดไฟด้วยหินสองก้อนอย่างทุลักทุเล ก่อนที่เปลวไฟจะค่อย ๆ ลุกติดและลามไปยังฟืนอย่างช้า ๆ เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขณะหยิบข้าวสารในกระบอกไม้ไผ่มาเทลงหม้อดิน เตรียมต้มโจ๊กอย่างง่ายที่สุดเท่าที่มี
> “เมื่อก่อน...แค่กดปุ่มไมโครเวฟ ทุกอย่างก็พร้อมกิน...แต่ที่นี่ ไม่มีอะไรนอกจากมือสองข้างของตัวเอง”
แม้จะเหนื่อย ทั้งกายและใจ แต่เธอก็ไม่ยอมปริปากบ่น เพราะนี่คือชีวิตที่เธอต้องเผชิญ
ยังไม่ทันที่ข้าวในหม้อจะเดือด เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นหน้าประตูบ้าน พร้อมเสียงพูดจาเย้ยหยันของหญิงวัยกลางคนที่คุ้นหูดี
“โอ้โห! วันนี้คุณหนูหลินทำกับข้าวเองเลยรึเจ้าคะ? ไม่กลัวเล็บงาม ๆ จะหักเอาหรือ?” เสียงหัวเราะคิกคักตามมา ก่อนที่เพื่อนบ้านอีกคนจะพูดเสริม
“นางอาจกำลังสร้างภาพก็ได้นะ เห็นเงียบ ๆ อย่างนี้ แต่คงกำลังวางแผนอะไรอยู่ล่ะมั้ง!”
อวี้เสวียนเงยหน้าขึ้น เผชิญกับสายตาดูแคลนของคนในหมู่บ้าน ดวงตาของเธอไม่ได้สั่นไหวเหมือนเมื่อวานอีกต่อไป
เธอเพียงยิ้มบาง ๆ พลางพูดอย่างสุภาพ
> “วันนี้อากาศดี ข้าก็เลยอยากทำอะไรด้วยตัวเองเจ้าค่ะ ขอบคุณที่แวะมาดู”
ทั้งสองหญิงชะงักเล็กน้อย ท่าทางเหมือนคาดไม่ถึงกับคำตอบอ่อนโยนผิดคาด ก่อนจะสบตากันแล้วเดินจากไปพร้อมเสียงกระซิบกระซาบ
“คุณหนูหลินเปลี่ยนไปจริง ๆ รึว่าโดนของเข้า?”
แม้คำพูดจะเจ็บ แต่เธอกลับสงบนิ่งอย่างประหลาด ไม่มีอะไรสามารถดึงเธอกลับไปเป็นคนเดิมได้อีกแล้ว
หลังทานอาหารเช้าเรียบง่าย หลินอวี้เสวียนตัดสินใจเดินออกจากบ้านเพื่อลองสำรวจหมู่บ้านนี้อย่างจริงจัง
ถนนดินแดงทอดยาวอยู่เบื้องหน้า บ้านเรือนเรียงรายอย่างเรียบง่าย ไร้รั้วรอบขอบชิด เด็ก ๆ วิ่งเล่นกับหมาน้อยตรงลานกลางหมู่บ้าน เสียงหัวเราะสดใสลอยมาตามลม
แต่เมื่อผู้ใหญ่เห็นเธอ แววตาหลายคู่ก็เปลี่ยนไปทันที สายตาสงสัย ระแวดระวัง และอคติก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจน
เธอได้ยินเสียงกระซิบผ่านหลัง
“นั่นไง...นางที่เคยตบตีสามีต่อหน้าชาวบ้าน จำได้ไหมล่ะ?”
“จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ข้าจำได้ว่านางเคยปาข้าวใส่หัวเขากลางตลาดแน่ ๆ”
อวี้เสวียนไม่ได้เร่งฝีเท้า ไม่ได้หันกลับไปตอบโต้
> “ไม่จำเป็นต้องให้ใครรัก...แค่ไม่ทำให้ใครเกลียดเพิ่มก็พอ”
หญิงสาวที่กำลังซักผ้าอยู่ริมลำธารเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นเธอเดินผ่านมา แล้วก็เบะปากอย่างเด่นชัด
“ระวังหน่อยนะเจ้าคะ ทางตรงนี้ลื่นนัก เดี๋ยวจะเสียโฉมงาม ๆ เข้า”
หลินอวี้เสวียนหยุดเท้าเล็กน้อยก่อนหันไปยิ้มให้อย่างสุภาพ
“ขอบคุณที่เตือนเจ้าค่ะ ข้าจะระวังให้มาก”
แล้วเธอก็ก้าวข้ามพื้นลื่นอย่างมั่นคง ปล่อยให้คำเสียดสีย้อนกลับไปสู่คนพูดโดยไม่ต้องกล่าวอะไรเพิ่ม
เมื่อพระอาทิตย์ลับฟ้าและท้องฟ้าค่อย ๆ กลายเป็นสีส้มแดง อวี้เสวียนกลับมาถึงบ้าน เธอหยิบผ้าขี้ริ้วมาเช็ดหน้าต่าง เก็บผ้าห่ม กวาดพื้น ทำความสะอาดทุกซอกมุมด้วยมือตัวเอง แม้จะเหนื่อยแต่ก็รู้สึกเหมือนได้ชำระล้างบางสิ่งในใจไปพร้อมกัน
ระหว่างพลิกฟูกเพื่อทำความสะอาด เธอก็พบสมุดเก่า ๆ เล่มหนึ่งซุกอยู่ใต้ผืนผ้า
ปกสมุดสีน้ำตาลซีดจาง เปียกชื้นและขึ้นราตามขอบ แต่ยังพอเปิดอ่านได้อยู่
เมื่อพลิกหน้ากระดาษแรก ลายมือหวัด ๆ ปรากฏตรงหน้า
> “ข้าเกลียดชีวิตที่นี่...เกลียดคนพวกนั้นที่มองข้าเหมือนตัวประหลาด”
> “ไม่มีใครเข้าใจข้าเลย...ไม่มีแม้แต่เขา…”
ตัวอักษรที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ความเจ็บปวด และความโดดเดี่ยว
อวี้เสวียนพลิกหน้าต่อไปอย่างเงียบงัน ใบหน้าสงบนิ่ง แววตากลับทอประกายเศร้า
เธอวางสมุดลงบนโต๊ะไม้ หันไปมองท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม พร้อมเสียงจิ้งหรีดเรไรขับขานจากรอบทุ่ง
> “ข้าเข้าใจแล้ว...เจ้าคงเจ็บมากจนต้องผลักทุกคนออกไป”
หญิงสาวยืดตัวขึ้น สูดหายใจลึก ดวงตาส่องแสงแห่งความมุ่งมั่นอีกครั้ง
> “แต่ข้าจะไม่เป็นเช่นนั้น ข้าจะไม่เดินซ้ำรอยเดิมของเจ้า”
> “ข้าจะเป็นหลินอวี้เสวียน...ที่แม้จะเริ่มจากศูนย์ แต่จะสร้างทุกสิ่งด้วยความเข้มแข็ง ไม่ใช่ความเกลียดชัง”
แสงตะเกียงเล่มเล็กส่องแสงวับแวมในห้องไม้เก่า เงาของหญิงสาวทอดทับอยู่บนผนัง คล้ายกับบอกให้รู้ว่า แม้ร่างจะเปลี่ยน แต่อุดมการณ์ใหม่ของเธอกำลังหยั่งรากอย่างมั่นคง
ในหมู่บ้านเล็กที่เต็มไปด้วยอคติและความเงียบเหงา การเริ่มต้นใหม่ของเธอเพิ่งเริ่มต้นขึ้น
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 8
Comments