ตอนที่ 2 – คำพูดเย็นชาราวคมมีด
เสียงไก่ขันยามเช้าแว่วมาแผ่วเบาจากทิศไกล แทรกผ่านเสียงสายลมและกลิ่นอับของห้องไม้เก่า หลินอวี้เสวียนลืมตาขึ้นช้าๆ แสงอาทิตย์บางเบาทะลุผ่านรอยร้าวของบานหน้าต่าง ทำให้ฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในอากาศดูราวหมอกจาง ๆ
เธอหอบหายใจเบา ๆ ขณะที่หัวใจยังเต้นแรงจากฝันร้ายที่คล้ายภาพจำของอีกคน ความเจ็บปวดที่ไม่ใช่ของเธอ กลับฝังแน่นราวกับถูกสลักไว้ด้วยเหล็กร้อน ความรู้สึกหนักอึ้งในอกยังคงตามหลอกหลอนแม้เธอจะลืมตาตื่นแล้วก็ตาม
เธอขยับกายลุกขึ้นจากเสื่อผืนบางที่ปูบนพื้นไม้แข็ง ท่วงท่าของเธอเชื่องช้า เต็มไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ร่างกายนี้ไม่ใช่ร่างกายที่เธอคุ้นเคย มันแปลกแยกและเปราะบางอย่างประหลาด
"ไม่ใช่ความฝัน..."
เธอกระซิบกับตัวเอง ริมฝีปากซีดจางขยับเบา ๆ ขณะไล้ปลายนิ้วตามกรอบหน้าอย่างระมัดระวัง
และในเสี้ยวนาทีนั้นเอง
ปึง!
เสียงฝีเท้าหนักแน่นเหยียบย่ำเข้ามาทางหน้าห้อง ก่อนที่ประตูไม้จะถูกผลักเปิดออกอย่างแรงโดยไม่มีแม้แต่เสียงเคาะเตือน
แสงแดดสาดเข้ามาจากด้านหลังร่างสูงของชายหนุ่มที่ยืนเด่นอยู่กลางกรอบประตู ราวกับพระอาทิตย์ที่อยู่เบื้องหลังเขาถูกกลืนหายไป
“ตื่นแล้วรึ” เสียงทุ้มต่ำเย็นชาดังขึ้นเป็นคำแรก
อวี้เสวียนเงยหน้ามองไปยังต้นเสียง ดวงตากลมสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะหยุดลงที่ใบหน้าหล่อเหลาที่เธอจำได้ขึ้นใจจากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม
เซียวเฉิน ชายหนุ่มร่างสูงสง่า แววตาแข็งกร้าวและไร้แววอบอุ่น ทั้งที่ใบหน้าหล่อคมราวแกะสลัก หากแต่แววตานั้นกลับเย็นเยียบราวน้ำแข็งในฤดูหนาว
เขายืนอยู่ตรงนั้น ร่างแน่นด้วยกล้ามเนื้อจากการใช้แรงงานสม่ำเสมอ เสื้อผ้าผ้าฝ้ายธรรมดา แต่ความแข็งแรงและสง่าของเขากลับเด่นชัดจนมองข้ามไม่ได้
“ทำไมเจ้ายังไม่ตายอีก?”
คำพูดที่ไม่มีปี่มีขลุ่ย ราวกับถูกตบหน้าด้วยฝ่ามือไร้ความเมตตา
อวี้เสวียนชะงักราวถูกตบจริง ๆ ดวงตาเบิกกว้าง แผ่นอกขยับขึ้นลงถี่เร็วอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ถ้าเจ้าจะล้มลงแล้วตายไปเสีย ข้าก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ จะได้หมดเวรหมดกรรมกันเสียที”
น้ำเสียงของเขาไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความห่วงใย เหมือนเขาไม่ได้พูดกับ ‘ภรรยา’ แต่เป็นเพียงศัตรูคนหนึ่งที่เขาไม่อาจทนมองหน้าต่อไปได้
ดวงตาของเธอที่เคยแวววาว สั่นไหวอย่างชัดเจน เธอกัดริมฝีปากล่างแน่น เพื่อไม่ให้คำพูดใดหลุดรอดออกมา...เธอไม่รู้จะพูดอะไร เพราะแม้เธอจะไม่ใช่หลินอวี้เสวียนคนเก่า แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธความผิดที่ร่างนี้ได้ก่อไว้
“...ข้า...” เธอขยับปาก พยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับกลืนคำพูดลงคอในวินาทีสุดท้าย
เธอหลุบตาลงอย่างเงียบงัน มือกำชายเสื้อจนแน่นเพื่อระบายความอัดอั้นในใจ
เซียวเฉินเลิกคิ้วมองอย่างประหลาดใจ ท่าทีเงียบสงบนี้...ไม่ใช่นิสัยของสตรีที่เขารู้จัก
“หืม? เจ้าจะไม่กรีดร้อง ไม่ด่าทอ หรือไม่ปาข้าวของใส่ข้าเหมือนเคยแล้วหรือ?”
น้ำเสียงของเขายังเย็นชาดังเดิม แต่แฝงไว้ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ดวงตากลมนั้นเต็มไปด้วยความสับสนและความรู้สึกผิดที่ล้นทะลักออกมาโดยไม่ต้องใช้คำพูดใด
เขาชะงักไปชั่ววินาที ก่อนจะหรี่ตาลง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มที่แฝงด้วยความดูแคลน
“อย่าคิดว่าท่าทางอ่อนแอนั่นจะหลอกข้าได้ ข้าเคยเห็นเจ้าทำตัวเรียบร้อยแค่เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการมาแล้ว อย่าคิดว่าเจ้าจะใช้มันกับข้าอีก”
เสียงนั้นราบเรียบ ทว่าเหมือนมีเข็มนับร้อยทิ่มแทงเข้าที่หัวใจ
“วันนี้ข้าจะออกไปตัดฟืนบนเขา ข้าจะไม่อยู่ทั้งวัน หากเจ้าคิดจะก่อเรื่อง...อย่าหวังว่าข้าจะกลับมาช่วยเจ้าอีก”
พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
ปัง!
เสียงประตูปิดกระแทกอย่างแรงก้องในหูเธอ ราวกับเสียงย้ำเตือนว่าในสายตาของเขา...เธอไม่เหลือแม้แต่คุณค่าของมนุษย์
อวี้เสวียนนั่งนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ราวกับร่างกายหมดเรี่ยวแรง ดวงตาเหม่อลอยมองผ่านหน้าต่างเล็กที่แสงอาทิตย์ลอดผ่าน
เธอไม่ได้ร้องไห้ น้ำตาไม่ไหลแม้แต่น้อย แต่ภายในใจกลับปวดหนึบ
> “การเริ่มต้นชีวิตใหม่…คงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด”
เธอพึมพำในใจ สูดลมหายใจลึกเพื่อข่มอารมณ์ก่อนจะขยับตัวอีกครั้ง
ในเมื่อฟ้าส่งเธอมาอยู่ในร่างนี้ เธอก็ต้องทำให้ดีที่สุด...ต่อให้ไม่มีใครเชื่อใจ ต่อให้ต้องถูกเกลียดทั้งหมู่บ้าน...เธอก็จะไม่ยอมแพ้
ภายในเวลาไม่นาน ห้องไม้ที่เต็มไปด้วยฝุ่นเกาะก็เริ่มสะอาดขึ้นจากความพยายามทีละน้อยของเธอ
มือเรียวปัดฝุ่น กวาดพื้น จัดของอย่างเงียบงัน แม้แต่เสื้อผ้าที่เคยพับกองทิ้งไว้บนพื้นก็ถูกจัดเรียงเป็นระเบียบ
เธอไม่ได้ทำเพียงเพราะอยากให้ห้องสะอาด...แต่เพื่อเรียกศักดิ์ศรีของตัวเองกลับคืนมา
แม้ต้องอยู่ในร่างของคนที่ใคร ๆ รังเกียจ เธอก็จะไม่ยอมให้ตัวเองเป็นคนที่ไร้ค่า
บ่ายวันเดียวกัน
กลิ่นข้าวต้มธรรมดา ๆ ลอยคลุ้งไปทั่วห้องไม้ อวี้เสวียนนั่งซุกอยู่ข้างเตาไฟ มองหม้อที่ตั้งอยู่บนกองฟืนพลางกอดเข่าช้า ๆ
เธอซดข้าวร้อน ๆ คำเล็ก ๆ ลงคออย่างระวัง มันไม่อร่อยเลย แต่เธอกลับรู้สึกว่ามันคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในตอนนี้
> “ฉันจะไม่ปล่อยให้ตัวเองหิวอีก ถ้าไม่มีใครทำให้ฉันมีความสุข...ฉันจะทำมันด้วยตัวเอง”
เมื่อดวงตะวันคล้อยต่ำ เธอเดินไปริมรั้วหลังบ้าน สายลมเย็นพัดมาแตะใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ
เธอมองออกไปยังแนวป่าไกล ๆ แล้วหลับตาลงเงียบ ๆ
> “ชีวิตใหม่นี้...ข้าจะไม่เป็นปีศาจอีก ข้าจะเป็นคนที่ดีกว่าที่เจ้าของร่างเคยเป็น”
ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายอ่อนโยน แม้โดดเดี่ยว แต่กลับไม่สั่นคลอน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 8
Comments
Suzy❤️Koko
คิดถึงตัวละคร
2025-08-09
0