ตำนานเทพบรรกาล🪷

ตำนานเทพบรรกาล🪷

จุติขององค์หญิงต้องห้าม

บทนำ
ท้องฟ้าเหนือดินแดนโลกมนุษย์แยกออกเป็นสองเส้น— เส้นหนึ่งเรืองรองด้วยแสงฟ้าศักดิ์สิทธิ์ อีกเส้นดำทะมึนคล้ายเงาแห่งหายนะกำลังสอดแทรก “เทพบรรพกาล...ได้จุติแล้ว!” เสียงหนึ่งจากฟากสวรรค์เอ่ยอย่างเร่งร้อน เหล่าเทพชั้นสูงนับร้อยล้วนยืนเรียงอยู่บนเมฆสีทอง ทอดสายตามองลงมายังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ หุบเขาหมื่นดารา จุดที่พลังแห่งจักรวาลบรรจบกัน ในขณะเดียวกัน อีกฝั่งหนึ่งของฟ้า มีเงามืดนับพันกระพือคลื่น—คือเหล่ามารสูงศักดิ์ในชุดดำปลายคลื่นโลหิต สะพายอาวุธปีศาจ ร่วมกับผู้นำมารผู้หนึ่งซึ่งดวงตาแดงฉาน กลิ่นอายกดฟ้าทลายดิน เขาคือ “จอมมารเยี่ยนโหลว” —ผู้เคยเข่นฆ่าเทพนับแสน และเป็นศัตรูคู่แค้นของแดนสวรรค์มาเนิ่นนาน ตรงกลางท้องฟ้า...ร่างของเด็กทารกหญิงคนหนึ่งลอยลงมาอย่างช้า ๆ รอบกายเธอมี กลีบดอกบัวสีฟ้าอมม่วง หมุนวนดุจภาพในตำนาน นัยน์ตาของเธอหนึ่งข้างสีทองจ้า อีกข้างคือแดงเข้มราวโลหิต เหล่าเทพเงียบงัน เหล่ามารตะลึง ขณะที่เหล่าเทพกำลังเตรียมต้อนรับ “การกลับมาของเทพบรรพกาล”... ลูกแก้ววิเคราะห์สายโลหิตกลับส่องประกาย ม่วงแดงฉาน “เลือดมาร...ครึ่งหนึ่ง?” เสียงเทพองค์หนึ่งหลุดดังขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา เงียบ—เงียบสนิททั่วฟากฟ้า ก่อนที่จอมมารเยี่ยนโหลวจะหัวเราะเสียงต่ำออกมา “เป็นลูกข้าจริง ๆ …เลือดครึ่งหนึ่งนั้น คือสายเลือดของข้า—บิดาของนาง!” สายลมเย็นเฉียบแผ่ซ่านไปทั่วหุบเขา “เด็กคนนี้มิใช่เทพผู้บริสุทธิ์…นางคือ ‘องค์หญิงต้องห้าม’!” เสียงจากผู้อาวุโสแห่งสวรรค์เอ่ยด้วยโทสะ เทพหลายองค์เริ่มลังเล บางองค์ชักเตรียมผนึก นัยน์ตาหวาดระแวง แต่ยังไม่ทันที่ใครจะเคลื่อนไหว จอมมารเยี่ยนโหลวเหยียบอากาศลงมา คุกเข่าหนึ่งข้างตรงหน้าร่างจุติของบุตรสาว มือข้างหนึ่งแตะศีรษะเล็กเบา ๆ ดวงตาคมดุอ่อนแสงลงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ “หลันเอ๋อร์…กลับไปกับบิดาเถิด”
:องค์เง็กเซียนโปรดพิจารณา :หากให้นางอยู่ต่อสรรค์อาจล่มจม :โปรดพิจารณา!
หลังการจุติ แม้เทพส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ แต่ “องเง็กเซียนฮ่องเต้” ( องค์จักรพรรดิสวรรค์ หรือองเซ็กเซียนฮ่องเต่) กลับยืนยันให้ลู่หลันฮวาอยู่ในสวรรค์ต่อ โดยให้ตำแหน่งพิเศษคือ: “องค์หญิงต้องห้ามแห่งชั้นฟ้าชิงหลัน” (青澜禁仙) – เทพีผู้ถูกผนึกสถานะ ต้องอยู่แต่ในวังเฉพาะ ห้ามออกนอกเขตสวรรค์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสภาเซียน
(องค์เง็กเซียน)“แม้นสายเลือดมารจะไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่ง... แต่นางกำเนิดจากประกายแสงบรรพกาล การจุติของนางมิใช่เหตุบังเอิญ หากแต่เป็นลิขิตสวรรค์!” “แดนฟ้านี้ไม่เคยขับไล่ผู้ใดเพียงเพราะสายเลือด หากจิตใจของนางยังยืนอยู่ในธรรม นางย่อมมีที่อยู่ ณ สวรรค์!” “ท่าน เยี่ยนโหลว เจ้าคือจอมมารผู้เกรียงไกร... แต่บุตรหญิงของท่านมิใช่ของเจ้าแต่ผู้เดียว นางมีสิทธิ์เลือกเส้นทางของตน!”
“ข้าในฐานะผู้อาวุโสแห่งสวรรค์ ขอปฏิเสธอย่างสุดเสียง! แม้นางจะถือกำเนิดจากเทพบรรพกาล แต่ครึ่งหนึ่งของเลือดนางนั้นคือเลือดมาร… สายเลือดแห่งความมืดที่เคยล้างผลาญโลกเซียนจนแหลกสลาย ข้าไม่อาจยอมให้ความบริสุทธิ์ของสวรรค์ถูกทำลายด้วยเงื้อมมือแห่งความมืด! การให้เจ้าหญิงผู้ถูกผนึกสาปเช่นนี้ได้อยู่บนสวรรค์ คือการเปิดประตูสู่วิบัติภัยและความวินาศในอนาคต ถ้าเราปล่อยให้นางลูบคลำพลังมารในกายอย่างเสรี ย่อมไม่ต่างกับการจุดไฟเผาผลาญบ้านของเราเอง ข้าในนามผู้พิทักษ์แห่งฟ้า ขอให้ท่านจอมมารและเหล่าเทพทั้งหลายช่วยกันปกป้องสมดุลแห่งสวรรค์ และกำจัดภัยร้ายนี้เสีย ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
เสียงถกเถียงโหมกระหน่ำทั่วหอประชุมสวรรค์ คลื่นพลังของเทพและมารแผ่ไอแรงตึงตลอดทั้งผืนฟ้า ทว่าทันใดนั้น... "เงียบได้แล้ว" น้ำเสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือทุกสิ่ง—สงบนิ่งแต่ทรงอำนาจ ยามนั้นทวยเทพและเหล่ามารต่างหยุดลมหายใจ ร่างขององค์เง็กเซียนปรากฏบนบัลลังก์หยกฟ้า สูงส่งและประดุจนิ่งนานชั่วนิรันดร์ “นาง เป็นโอรสธิดาแห่งสองภพ สายเลือดมารก็มิได้หมายถึงความชั่วร้าย หากจิตวิญญาณยังเปี่ยมด้วยความตั้งใจบริสุทธิ์” องค์เง็กเซียนทอดพระเนตรไปยังนางเอกที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า ดวงเนตรสงบเยือกเย็น “สวรรค์มิได้พิพากษาด้วยสายเลือด แต่ด้วยการกระทำ” “จงให้นางอยู่... หากนางทรยศ ผู้ตัดสินคือข้า” สายลมสงบลง... เสียงขัดแย้งเงียบงัน เหล่าเทพต่างพนมมือแสดงการยอมรับ แม้จะยังมีร่องรอยไม่เห็นด้วยในใจ
จอมมารเยี่ยนโหลวยืนขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย ดวงตาแดงลุกวาวเหมือนไฟนรกที่ไม่เคยดับ “ข้ายอมรับคำตัดสินขององค์เง็กเซียน... ให้องค์หญิงต้องห้ามอยู่บนสวรรค์ต่อไป หากนางได้รับการดูแล และปกป้องอย่างแท้จริง” สายตาคมดุจจับจ้องไปยังเหล่าเทพ “แต่ข้าขอเตือนทุกท่านไว้ ณ ที่นี้... หากเทพพวกเจ้าปล่อยให้นางถูกทำร้าย หรือปล่อยให้พลังในตัวนางหลุดลอยไปโดยไร้การควบคุม” “ข้าจะไม่ลังเลที่จะปลุกพิโรธแห่งนรกขึ้นอีกครั้ง” “และจะทำลายล้างทั้งเผ่าพันธุ์สวรรค์นี้ จนกระทั่งไม่มีเงาของพวกเจ้าเหลืออยู่” บรรยากาศเงียบสงัด ทุกคนรู้ดีว่าไม่ได้พูดเล่น
บรรยากาศในห้องบัลลังก์หยกฟ้าเต็มไปด้วยความเงียบสงัด เหล่าเทพและมารทั้งหลายต่างจับจ้องไปยังเด็กหญิงน้อยที่ยืนคุกเข่าต่อหน้าองค์เง็กเซียนและจอมมารเยี่ยนโหลว องค์เง็กเซียนทรงพระพักตร์นิ่งสงบ ทรงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและสง่างามว่า “จากนี้ไป เจ้าจะมีชื่อเป็นเครื่องหมายแห่งชะตากรรมและความหวังของสองโลก” ทรงเอื้อนเอ่ยชื่อช้าๆ อย่างระมัดระวัง “ลู่หลันฮวา (陆澜华)” “ลู่ (陆)” หมายถึงแผ่นดิน หรือพื้นดินมั่นคง “หลัน (澜)” หมายถึงคลื่นใหญ่หรือคลื่นพลังน้ำที่เคลื่อนไหวอย่างสง่างาม “ฮวา (华)” หมายถึงความงาม ความรุ่งเรือง หรือดอกไม้ที่เบ่งบาน องค์เง็กเซียนตรัสต่อ “ดั่งคลื่นที่พัดผ่านแผ่นดิน เจ้าจะเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่สง่างามและมั่นคง” จอมมารเยี่ยนโหลวยืนขึ้น เดินไปยังบุตรี ด้วยน้ำเสียงเข้มข้นแต่เต็มไปด้วยความรักกล่าวว่า “ลู่หลันฮวา บุตรีแห่งข้า… แม้เจ้าจะมีเลือดมารครึ่งหนึ่ง แต่เจ้าคือไฟที่ไม่เคยดับในใจข้า” เหล่าเทพและมารต่างพนมมือเคารพ และความหวังแห่งสองโลกก็เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้
บัลลังก์หยกฟ้าส่องประกายระยิบระยับ องค์เง็กเซียนทรงนั่งอยู่บนบัลลังก์สูง ทรงพระพักตร์นิ่งสงบ ดวงพระเนตรเปล่งประกายแห่งพระปรีชาญาณ ทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงหนักแน่นก้องกังวานไปทั่วท้องพระโรง “ฟ่งเหยา! ท่านคือเทพจตุรทิศฝ่ายตะวันออก ผู้พิทักษ์แห่งลมและพลังชีวิต” “ข้าทรงพระราชทานให้ท่านเป็นผู้ดูแลและผู้พิทักษ์องค์หญิงลู่หลันฮวา” “ท่านจะต้องฝึกฝน ปกป้อง และชี้นำให้เจ้าหญิงต้องห้ามผู้นี้ เติบโตอย่างสมบูรณ์ และรักษาสมดุลแห่งฟ้าดิน” ฟ่งเหยาก้มศีรษะลงอย่างเคารพ “ข้าขอสาบานด้วยชีวิต ว่าจะพิทักษ์องค์หญิง และไม่ปล่อยให้พลังแห่งความมืดครอบงำใจนางเด็ดขาด” องค์เง็กเซียนทรงยิ้มอย่างพอพระทัย “จงดำเนินภารกิจด้วยสติปัญญาและความรัก อันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวสองโลกนี้ไว้ด้วยกัน”
แม้ในใจของฟ่งเหยายังกังวลแต่ได้พระราชโองการองรัชทายาทแห่งสรรค์จึงจำใจยอมรับนางและเลี้ยงดูอย่างดี

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!