แสงแรกของใจ
ยามบ่ายต้นเดือนมิถุนายน แสงแดดสีทองสาดผ่านกระจกหน้าต่างห้องสมุดของโรงเรียนมัธยม ภิรมย์วิทยากร อย่างไม่เกรงใจใคร ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านทั่วห้อง ไม่ได้มอบความรู้สึกปลอดภัยหรืออบอุ่นใจใดๆ แก่ ปุณณ์ นอกจากความหงุดหงิดที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงัน
ที่นั่งมุมประจำ—พื้นที่สงบที่เขาเลือกสรรไว้เสมอ—วันนี้กลับร้อนระอุจนแทบจะละลายความอดทน เสียงจอแจของนักเรียนที่เพิ่งเลิกคาบพละดังลอดเข้ามาไม่ขาดสาย กลายเป็นคลื่นรบกวนที่ทำให้การอ่านวรรณคดีที่ชวนง่วงอยู่แล้ว ยิ่งน่าเบือนหน้าหนีเข้าไปใหญ่
ปุณณ์เป็นคนเงียบๆ รักความสงบอย่างยิ่ง เขาชอบใช้เวลาพักเที่ยงหรือหลังเลิกเรียนในห้องสมุดเงียบๆ ปล่อยตัวเองให้จมหายไปกับหนังสือเล่มหนา หรือเสียงดนตรีคลอเบาๆ ผ่านหูฟัง ทว่าเงื่อนไขสำคัญของกิจกรรมทั้งหมดนี้คือ—ต้องไม่มี ‘เสียงรบกวน’
...และวันนี้ ความสงบนั้นก็พังครืนลงด้วยเสียงหัวเราะที่คุ้นเคยเกินไป
“ธีร์! ทางนี้ๆ มึงหาหนังสือเล่มไหนอยู่เหรอวะ?”
ไม่ต้องหันไปมอง ปุณณ์ก็รู้ทันทีว่าเจ้าของชื่อ ‘ธีร์’ คือใคร
ไม่มีใครในโรงเรียนนี้ที่จะยิ้มกว้างได้เท่าหมอนั่น—เด็กหนุ่ม ม.5 ห้อง 1 ที่เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ของโรงเรียน ไม่ว่าเดินไปทางไหนก็มีแต่เสียงทักทาย รอยยิ้มสดใส และแววตาอบอุ่นประหนึ่งหลุดมาจากฉากเปิดตัวพระเอกในหนังรักวัยรุ่น
สำหรับคนทั้งโรงเรียน ธีร์คือความสุขที่เดินได้
แต่สำหรับปุณณ์... เขาคือพายุเสียงหัวเราะที่ไม่มีวันสงบ
วันนี้ธีร์มากับกลุ่มเพื่อน เพื่อปรึกษาเรื่องโครงงานวิชาชีววิทยา และไม่ลืมทิ้งความโกลาหลไว้เป็นของแถม เสียงพูดคุยดังแทรกทุกซอกมุมของห้องสมุด ก่อนที่เสียงหัวเราะกังวานจะดังขึ้น ราวกับลืมไปว่านี่คือพื้นที่ต้องใช้ความเงียบเป็นหลัก
“ฮ่า ๆ ไม่ขนาดนั้นมั้ง! เดี๋ยวฉันช่วยหาให้”
ปุณณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อทั้งที่หัวใจบ่นพึมพำ ‘ทำไมต้องเป็นหมอนี่อีกแล้ววะ’
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ธีร์ปรากฏตัวในฉากชีวิตของเขาอย่างไม่ตั้งใจ ปุณณ์เห็นธีร์อยู่บ่อยครั้งตั้งแต่เปิดเทอม
—ไม่ว่าจะในโรงอาหารที่เสียงดังจนข้าวแทบไม่อร่อย หรือตรงสนามบาสฯ ที่เขามักนั่งดูอยู่เงียบๆ คนเดียว
ธีร์มีออร่าบางอย่างที่โดดเด่นเกินไป จนเหมือนแย่งพื้นที่จากทุกสิ่งรอบตัว ปุณณ์ได้ยินคนรอบตัวเอ่ยชมธีร์สารพัดว่าเป็นคนดี ใจเย็น ชอบช่วยเหลือผู้อื่น—แต่สำหรับเขาแล้ว รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นตลอดเวลานั้น... มัน ‘ดีเกินจริง’ จนน่าระแวง
สุดท้าย เมื่อเสียงเหล่านั้นจางหาย ธีร์และกลุ่มเพื่อนก็เดินจากไป ปุณณ์เงยหน้าขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย ทันเห็นว่าอีกฝ่ายลืมเสื้อแจ็คเก็ตชมรมไว้บนเก้าอี้เดิม
เขาลังเลว่าจะเอาไปวางที่โต๊ะบรรณารักษ์ดีไหม หรือปล่อยไว้เฉยๆ ก็พอ แต่สุดท้าย ความรำคาญก็มีชัย ปุณณ์เลือกเดินเลี่ยงไปอีกทางโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น
บ่ายคล้อยหลังเลิกเรียน ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทอง ปุณณ์เดินออกจากอาคารเรียนอย่างอ่อนล้า กระเป๋าสะพายหลังสีน้ำเงินเข้มไหวเบาๆ ตามจังหวะเท้า เขามุ่งหน้าไปยังทางออกด้านหลังโรงเรียน—เส้นทางที่เงียบสงบและไม่ค่อยมีใครใช้ เพื่อเลี่ยงผู้คนให้ได้มากที่สุด
แต่ทว่า...
เมื่อเขาก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้าย สายตาก็สะดุดกับใครบางคนที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่บนม้านั่งหินอ่อน—มุมสงบที่เขาหมายตาไว้
ธีร์อีกแล้ว...
อีกฝ่ายนั่งอ่านหนังสือเล่มหนา สีหน้าเรียบนิ่ง ผิดแปลกจากรอยยิ้มคุ้นเคยที่ทุกคนรู้จัก แสงแดดอ่อนปลายวันทอดเงาไล้ผ่านเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาอย่างนุ่มนวล เผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ ที่ไม่หวือหวา แต่กลับดูเป็นธรรมชาติและอบอุ่นเกินคาด
ปุณณ์ยืนนิ่ง ราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้ตรงนั้น
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกว่า... บางทีธีร์ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด
แต่ความคิดนั้นก็ถูกสะบั้นลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเสียงเรียกชื่อธีร์ดังแทรกเข้ามา เจ้าของรอยยิ้มสดใสเงยหน้าขึ้น ยิ้มกว้างตอบรับเพื่อนที่เดินเข้ามาหา ก่อนจะเก็บหนังสือและลุกเดินจากไป
ปุณณ์มองตามเงาร่างนั้นจนลับสายตา แล้วได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ให้กับตัวเอง
‘คิดอะไรเพ้อเจ้ออีกแล้ววะ’
เขาตัดสินใจเดินไปนั่งที่ม้านั่งตัวเดิม เผื่อจะได้พักขาและไถโซเชียลฆ่าเวลา
แต่ในจังหวะที่ก้าวเท้าลงไป ร่างของเขากลับสะดุดขอบทางเดินที่ยกขึ้นเล็กน้อยจนเสียหลัก สมุดโน้ตกับดินสอหล่นกระจายจากมือ พร้อมกับที่ตัวเขากำลังจะล้มหน้าทิ่มลงไปกับพื้นซีเมนต์อย่างแรง
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินควบคุม
และก่อนที่ปุณณ์จะทันได้หลับตายอมรับชะตากรรม...
หมับ!
มือหนึ่งคว้าเอวของเขาไว้มั่น ขณะที่อีกมือประคองต้นแขนด้วยแรงพอดิบพอดี ร่างของเขาหยุดชะงักกลางอากาศ ก่อนจะถูกดึงกลับมาอย่างมั่นคง
ปุณณ์หายใจแรง ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ
หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิด เมื่อดวงตาสบเข้ากับแววตาคู่เดิม—อ่อนโยน อบอุ่น และเปี่ยมด้วยความห่วงใยอย่างแท้จริง
ธีร์...
ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากของทั้งคู่
เพียงแค่ยืนสบตากันในช่วงเวลาเงียบงันที่เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน
...และนานพอที่จะทำให้หัวใจของใครบางคน สั่นไหวเป็นครั้งแรก
กริ๊งงงงงงงง!
เสียงออดจากอาคารเรียนปลุกทั้งสองกลับคืนสู่โลกความจริง ปุณณ์รีบเบือนหน้าหนี สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างพยายามเก็บอาการ
เขาหยิบสมุดกับดินสอขึ้นมาอย่างเร่งรีบ โดยไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายอีก ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินจากไป ทิ้งธีร์ไว้กับคำถามมากมายที่ยังไม่ได้เอื้อนเอ่ย
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ธีร์มั่นใจ—ดวงตาคู่นั้น ที่เคยมองเขาอย่างรำคาญ... วันนี้ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกต่อไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 2
Comments
Angela M.
แอดเก่งมาก! อยากได้ตอนต่อไปเร็วๆนี้เลย 😁
2025-07-16
0