NovelToon NovelToon

แสงแรกของใจ

บทที่ 1: หมอนั่นมันน่ารำคาญ!

ยามบ่ายต้นเดือนมิถุนายน แสงแดดสีทองสาดผ่านกระจกหน้าต่างห้องสมุดของโรงเรียนมัธยม ภิรมย์วิทยากร อย่างไม่เกรงใจใคร ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านทั่วห้อง ไม่ได้มอบความรู้สึกปลอดภัยหรืออบอุ่นใจใดๆ แก่ ปุณณ์ นอกจากความหงุดหงิดที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงัน

ที่นั่งมุมประจำ—พื้นที่สงบที่เขาเลือกสรรไว้เสมอ—วันนี้กลับร้อนระอุจนแทบจะละลายความอดทน เสียงจอแจของนักเรียนที่เพิ่งเลิกคาบพละดังลอดเข้ามาไม่ขาดสาย กลายเป็นคลื่นรบกวนที่ทำให้การอ่านวรรณคดีที่ชวนง่วงอยู่แล้ว ยิ่งน่าเบือนหน้าหนีเข้าไปใหญ่

ปุณณ์เป็นคนเงียบๆ รักความสงบอย่างยิ่ง เขาชอบใช้เวลาพักเที่ยงหรือหลังเลิกเรียนในห้องสมุดเงียบๆ ปล่อยตัวเองให้จมหายไปกับหนังสือเล่มหนา หรือเสียงดนตรีคลอเบาๆ ผ่านหูฟัง ทว่าเงื่อนไขสำคัญของกิจกรรมทั้งหมดนี้คือ—ต้องไม่มี ‘เสียงรบกวน’

...และวันนี้ ความสงบนั้นก็พังครืนลงด้วยเสียงหัวเราะที่คุ้นเคยเกินไป

“ธีร์! ทางนี้ๆ มึงหาหนังสือเล่มไหนอยู่เหรอวะ?”

ไม่ต้องหันไปมอง ปุณณ์ก็รู้ทันทีว่าเจ้าของชื่อ ‘ธีร์’ คือใคร

ไม่มีใครในโรงเรียนนี้ที่จะยิ้มกว้างได้เท่าหมอนั่น—เด็กหนุ่ม ม.5 ห้อง 1 ที่เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ของโรงเรียน ไม่ว่าเดินไปทางไหนก็มีแต่เสียงทักทาย รอยยิ้มสดใส และแววตาอบอุ่นประหนึ่งหลุดมาจากฉากเปิดตัวพระเอกในหนังรักวัยรุ่น

สำหรับคนทั้งโรงเรียน ธีร์คือความสุขที่เดินได้

แต่สำหรับปุณณ์... เขาคือพายุเสียงหัวเราะที่ไม่มีวันสงบ

วันนี้ธีร์มากับกลุ่มเพื่อน เพื่อปรึกษาเรื่องโครงงานวิชาชีววิทยา และไม่ลืมทิ้งความโกลาหลไว้เป็นของแถม เสียงพูดคุยดังแทรกทุกซอกมุมของห้องสมุด ก่อนที่เสียงหัวเราะกังวานจะดังขึ้น ราวกับลืมไปว่านี่คือพื้นที่ต้องใช้ความเงียบเป็นหลัก

“ฮ่า ๆ ไม่ขนาดนั้นมั้ง! เดี๋ยวฉันช่วยหาให้”

ปุณณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อทั้งที่หัวใจบ่นพึมพำ ‘ทำไมต้องเป็นหมอนี่อีกแล้ววะ’

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ธีร์ปรากฏตัวในฉากชีวิตของเขาอย่างไม่ตั้งใจ ปุณณ์เห็นธีร์อยู่บ่อยครั้งตั้งแต่เปิดเทอม

—ไม่ว่าจะในโรงอาหารที่เสียงดังจนข้าวแทบไม่อร่อย หรือตรงสนามบาสฯ ที่เขามักนั่งดูอยู่เงียบๆ คนเดียว

ธีร์มีออร่าบางอย่างที่โดดเด่นเกินไป จนเหมือนแย่งพื้นที่จากทุกสิ่งรอบตัว ปุณณ์ได้ยินคนรอบตัวเอ่ยชมธีร์สารพัดว่าเป็นคนดี ใจเย็น ชอบช่วยเหลือผู้อื่น—แต่สำหรับเขาแล้ว รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นตลอดเวลานั้น... มัน ‘ดีเกินจริง’ จนน่าระแวง

สุดท้าย เมื่อเสียงเหล่านั้นจางหาย ธีร์และกลุ่มเพื่อนก็เดินจากไป ปุณณ์เงยหน้าขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย ทันเห็นว่าอีกฝ่ายลืมเสื้อแจ็คเก็ตชมรมไว้บนเก้าอี้เดิม

เขาลังเลว่าจะเอาไปวางที่โต๊ะบรรณารักษ์ดีไหม หรือปล่อยไว้เฉยๆ ก็พอ แต่สุดท้าย ความรำคาญก็มีชัย ปุณณ์เลือกเดินเลี่ยงไปอีกทางโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น

บ่ายคล้อยหลังเลิกเรียน ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทอง ปุณณ์เดินออกจากอาคารเรียนอย่างอ่อนล้า กระเป๋าสะพายหลังสีน้ำเงินเข้มไหวเบาๆ ตามจังหวะเท้า เขามุ่งหน้าไปยังทางออกด้านหลังโรงเรียน—เส้นทางที่เงียบสงบและไม่ค่อยมีใครใช้ เพื่อเลี่ยงผู้คนให้ได้มากที่สุด

แต่ทว่า...

เมื่อเขาก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้าย สายตาก็สะดุดกับใครบางคนที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่บนม้านั่งหินอ่อน—มุมสงบที่เขาหมายตาไว้

ธีร์อีกแล้ว...

อีกฝ่ายนั่งอ่านหนังสือเล่มหนา สีหน้าเรียบนิ่ง ผิดแปลกจากรอยยิ้มคุ้นเคยที่ทุกคนรู้จัก แสงแดดอ่อนปลายวันทอดเงาไล้ผ่านเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาอย่างนุ่มนวล เผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ ที่ไม่หวือหวา แต่กลับดูเป็นธรรมชาติและอบอุ่นเกินคาด

ปุณณ์ยืนนิ่ง ราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้ตรงนั้น

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกว่า... บางทีธีร์ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด

แต่ความคิดนั้นก็ถูกสะบั้นลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเสียงเรียกชื่อธีร์ดังแทรกเข้ามา เจ้าของรอยยิ้มสดใสเงยหน้าขึ้น ยิ้มกว้างตอบรับเพื่อนที่เดินเข้ามาหา ก่อนจะเก็บหนังสือและลุกเดินจากไป

ปุณณ์มองตามเงาร่างนั้นจนลับสายตา แล้วได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ให้กับตัวเอง

‘คิดอะไรเพ้อเจ้ออีกแล้ววะ’

เขาตัดสินใจเดินไปนั่งที่ม้านั่งตัวเดิม เผื่อจะได้พักขาและไถโซเชียลฆ่าเวลา

แต่ในจังหวะที่ก้าวเท้าลงไป ร่างของเขากลับสะดุดขอบทางเดินที่ยกขึ้นเล็กน้อยจนเสียหลัก สมุดโน้ตกับดินสอหล่นกระจายจากมือ พร้อมกับที่ตัวเขากำลังจะล้มหน้าทิ่มลงไปกับพื้นซีเมนต์อย่างแรง

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินควบคุม

และก่อนที่ปุณณ์จะทันได้หลับตายอมรับชะตากรรม...

หมับ!

มือหนึ่งคว้าเอวของเขาไว้มั่น ขณะที่อีกมือประคองต้นแขนด้วยแรงพอดิบพอดี ร่างของเขาหยุดชะงักกลางอากาศ ก่อนจะถูกดึงกลับมาอย่างมั่นคง

ปุณณ์หายใจแรง ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ

หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิด เมื่อดวงตาสบเข้ากับแววตาคู่เดิม—อ่อนโยน อบอุ่น และเปี่ยมด้วยความห่วงใยอย่างแท้จริง

ธีร์...

ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากของทั้งคู่

เพียงแค่ยืนสบตากันในช่วงเวลาเงียบงันที่เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน

...และนานพอที่จะทำให้หัวใจของใครบางคน สั่นไหวเป็นครั้งแรก

กริ๊งงงงงงงง!

เสียงออดจากอาคารเรียนปลุกทั้งสองกลับคืนสู่โลกความจริง ปุณณ์รีบเบือนหน้าหนี สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างพยายามเก็บอาการ

เขาหยิบสมุดกับดินสอขึ้นมาอย่างเร่งรีบ โดยไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายอีก ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินจากไป ทิ้งธีร์ไว้กับคำถามมากมายที่ยังไม่ได้เอื้อนเอ่ย

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ธีร์มั่นใจ—ดวงตาคู่นั้น ที่เคยมองเขาอย่างรำคาญ... วันนี้ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกต่อไป

บทที่ 2: หมอนั่น...ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนี่นา

เสียงกริ่งหมดคาบเรียนดังกังวานไปทั่วบริเวณโรงเรียน ดั่งเสียงระฆังที่ปลุกให้ทุกชีวิตได้รู้ว่าความวุ่นวายในวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว ทว่า สำหรับปุณณ์—เขาไม่ได้ยินเสียงนั้นเลยแม้แต่น้อย นอกจากเสียงหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ

สัมผัสอุ่นจัดจากมือที่โอบประคองไว้ที่เอวของเขายังคงตรึงแน่นอยู่ในความรู้สึก ความร้อนนั้นแผ่ซ่านผ่านเนื้อผ้าบางๆ ของชุดนักเรียนมายังผิวเนื้อ ราวกับจะจารึกบางสิ่งบางอย่างไว้ในความทรงจำ ราวกับทุกวินาทีที่ธีร์อยู่ใกล้...โลกทั้งใบของปุณณ์ก็เงียบงันลงทันตา

สายตาของเขาสบกับดวงตาคู่สวยตรงหน้า ใกล้กันเสียจนแทบได้ยินเสียงลมหายใจ

ความอ่อนโยนที่ฉายชัดอยู่ในแววตานั้นแทบจะลบล้างภาพลักษณ์ของ “รอยยิ้มมหาชน” ที่เขาเคยหมั่นไส้ไปจนหมดสิ้น

“ปุณณ์! เป็นอะไรหรือเปล่า? เกือบไปแล้วนะ”

เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามด้วยความห่วงใย ปลุกปุณณ์ให้ตื่นจากภวังค์ เขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะถอยห่างออกมาโดยอัตโนมัติ รู้สึกประหลาดใจกับตัวเองที่เผลอยืนนิ่งให้อีกฝ่ายประคองไว้อยู่นาน ทั้งที่ปกติเขาจะรีบหนีออกมาทันทีที่เห็นธีร์เสียด้วยซ้ำ

“มะ...ไม่เป็นไร” เขาตอบเสียงแข็งพอเป็นพิธี กลบเกลื่อนความร้อนที่กำลังไต่ขึ้นมาจนถึงปลายใบหู “แค่สะดุดเฉยๆ”

ธีร์ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแต่โน้มตัวลงเก็บสมุดและดินสอที่หล่นกระจายอยู่กับพื้นอย่างใจเย็น ปุณณ์ชะงักเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นหอมสะอาดละมุนจางๆ ลอยมากระทบจมูก กลิ่นที่เหมือนกลิ่นของใบไม้หลังฝนจางๆ สดชื่นจนเผลอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ โดยไม่รู้ตัว

“นี่ ของนาย” ธีร์ยื่นสมุดโน้ตคืนให้ พร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่ไม่ใช่รอยยิ้มแบบที่ใครๆ คุ้นตา

ปุณณ์รับไว้เงียบๆ หัวใจยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะ ขณะที่มองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ควรหวั่นไหวกับสิ่งเล็กๆ แบบนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า... มันอบอุ่นอย่างประหลาด

“โชคดีนะที่ฉันผ่านมาเห็นพอดี ไม่งั้นคงได้มีใครเลือดออกแน่” ธีร์เอ่ยกลั้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเสริมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คราวหลังเดินระวังหน่อยล่ะ”

ปุณณ์ไม่ได้ตอบอะไร เขาทำได้แค่พยักหน้าเบาๆ และเบือนสายตาหนีรอยยิ้มละมุนตรงหน้า ที่ไม่ได้รู้สึกจอมปลอมอีกต่อไป

“ขอบคุณ...” คำสั้นๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากของเขาเบาเกินกว่าที่เจ้าตัวจะตั้งใจ แต่ธีร์กลับยิ้มรับอย่างพอใจ ไม่แม้แต่จะทักท้วงอะไร

ความเงียบระหว่างคนสองคนคล้ายจะทอดยาวออกไป จนธีร์เอ่ยขึ้นว่า “จะกลับบ้านแล้วเหรอ?”

“อืม” ปุณณ์พยักหน้าเบาๆ พลางเบือนสายตาหลบอีกครั้ง

“งั้น...กลับด้วยกันไหม? ฉันก็จะไปทางเดียวกันพอดี”

คำชวนนั้นทำให้ปุณณ์เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อหู นี่เขาไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? เด็กหนุ่มคนดังของโรงเรียน—คนที่ราวกับมีแสงสปอตไลต์ส่องอยู่ทุกฝีก้าว

กำลังจะเดินกลับบ้านพร้อมกับเขา... คนที่พยายามหลบหลีกโลกทั้งใบมาโดยตลอด

ปุณณ์ลังเล แม้ใจหนึ่งจะเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เขายังไม่เข้าใจนัก แต่อีกใจหนึ่งก็ยังเต็มไปด้วยกำแพงที่เขาสร้างขึ้นมาเอง

“ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้” เขาปฏิเสธเสียงเรียบ ทั้งที่ในอกเหมือนมีบางอย่างรั้งไว้

ธีร์มองหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “โอเค งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”

หลังจากร่างสูงเดินจากไป ปุณณ์ก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ราวกับเท้ายังไม่ยอมขยับตามคำสั่ง สายลมเย็นยามเย็นพัดผ่านปลายผมเบาๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีส้มอมทอง พร้อมกับยกมือแตะตรงเอวของตัวเองอย่างแผ่วเบา—ตรงจุดที่ยังอุ่นอยู่แม้เวลาจะล่วงเลยไปแล้ว

‘ธีร์... หมอนั่นก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนี่นา’

ตลอดทางกลับบ้าน ภาพของธีร์ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว

รอยยิ้มที่ไม่ฉาบหน้า แววตาที่อ่อนโยนเกินกว่าจะมองข้าม และกลิ่นละมุนที่ยังติดอยู่ในความทรงจำ มันช่างแตกต่างจากทุกสิ่งที่ปุณณ์เคยเชื่อ

เขาส่ายหัวแรงๆ พยายามจะสะบัดความคิดเหล่านั้นออกไป แต่กลับยิ่งฝังแน่นอยู่ในใจยิ่งกว่าเดิม

เมื่อถึงบ้าน ปุณณ์โยนกระเป๋าลงกับพื้นอย่างแรง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง สมองที่ควรจะว่างเปล่ากลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของใครบางคน

ตึ้ง!

เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปุณณ์หยิบขึ้นมาดูอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้เขาถึงกับชะงัก

[ประกาศ] นักเรียนชั้น ม.5 ทุกคน โปรดทราบ: เนื่องด้วยวิชาโครงงานชีววิทยา ครูดวงพรได้มีการจัดกลุ่มใหม่...

ปุณณ์กดเลื่อนสายตาลงดูรายชื่อของกลุ่มใหม่ที่เพิ่งประกาศ และเมื่อเขาพบชื่อของตัวเองปรากฏเคียงข้างอีกสามชื่อ หนึ่งในนั้นคือ...

ธีร์

มือที่ถือโทรศัพท์สั่นเล็กน้อย หัวใจของเขาเต้นรัวจนแทบหลุดออกมานอกอก นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันอีก?

ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป... เขาจะต้องทำงานร่วมกับ ธีร์ งั้นเหรอ?

คนที่เขาเคยพยายามเลี่ยงอยู่ทุกวี่วัน

คนที่ทำให้เขาไม่เข้าใจตัวเองมากขึ้นทุกครั้งที่สบตา...

และบางที—นั่นอาจจะเป็นแค่จุดเริ่มต้นของบางสิ่ง

ที่เขาเอง...ยังไม่กล้ายอมรับก็เป็นได้

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!