เด็กสาวลืมตาตื่นขึ้นนอนตะเเคงขดตัวอยู่ข้างในเครื่องบิน ก่อนจะพบว่าศรีษะของตนถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าบางๆ อากาศที่ร้อนอบอ้าว นัยตาของเธอมองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดสนิท ทั่วทั้งร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อจาก มือทั้ง2ข้างถูกมัดให้อยู่ในท่าไขว้หลัง ไม่ว่าจะออกเเรงดึงมากเเค่ไหนปมเชือกก็ไม่มีทีท่าว่าะขาด หรือ คายออกจากกันเลยเเม้เเต่น้อย มีเเต่จะทำให้ข้อมือของเธอเจ็บจากการพยายามออกเเรงดึง
เมื่อพยายามเอาขาถีบตัวเองให้เคลื่อนไหว ก็กลับพบอีกว่าขาทั้ง2ข้างก็ถูกมัดเอาไว้จนเเน่นเช่นกัน อีกทั้งถุงเท้าที่สวมเอาไว้ก็ยังถูกถอดออก เชือกที่ขาถูกมัดเข้ากับปมเชือกอีกจุดที่อยู่ตรงผนังของด้านในเครื่องบิน จนไม่สามารถหนีไปไหนได้ เเต่โชคยังดีที่ภายใต้ผ้าคลุมศรีษะไม่ได้มีอะไรมาปกปิดปากของเธอเอาไว้ จนสามารถหายใจหรือส่งเสียงได้อย่างสะดวก เเม้ว่าจะมีผ้าคลุมทั้งใบหน้าอยู่ก็ตาม
"เฮ้.......!!!"
เธอเปร่งเสียงเรียกอย่างเเหบเเห้งหวังให้ใครสักคนเข้ามาช่วยเหลือ เเต่ก็กลับไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ ในกลางทะเลทรายที่กว้างใหญ่ อีกทั้งตัวของเธอนั้นถูกมัดอยู่ในเครื่องบินที่ทั้งมืดทึบ เเละ ยังปิดกั้นเสียงได้ดีระดับหนึ่ง หากไม่ได้มีใครเดินเข้ามาสังเกตุ หรืออยู่ใกล้กับเครื่องบินจริงๆ ก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีคนอยู่ข้างในนี้
"เฮ้........!!! มีใครอยู่ไหม ขอร้องล่ะถ้ามีใครได้ยินก็ช่วยตอบด้วย เอาฉันออกไปที เฮ้........!!!"
เด็กสาวยังคงตะโกนคำขอร้องอ้อนวอนออกมาเรื่อยๆอย่างไม่มีหยุด เพื่อหวังให้ใครสักคนที่ได้ยินรู้สึกสงสาร พร้อมกับเดินเข้ามาช่วยปลดเชือกที่มัดเธอเอาไว้ เเต่เเม้ว่าจะตะโกนเสียงดังมากเท่าไหร่สุดท้ายก็ไม่มีเสียงอื่นใด นอกจากสายลมที่ยังคงพัดเข้ามาจากทางท้ายเครื่องที่เปิดโล่งอยู่ตลอด
ไม่ว่าจะพยายามดิ้นจนสุดเเรง ดึงเชือกที่รัดเเน่นจนข้อมือเเดงไปหมด หรือเเม้เเต่พยายามเค้นเสียงตะโกนไม่หยุด เเต่กลับไม่มีวิธีใดเลยที่จะช่วยให้เธอหลุดออกจากการพันธนาการ ความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของเด็กสาว จนรู้สึกสิ้นหวังต่อสถาณการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ ทำให้เธอเริ่มรู้สึกสิ้นหวังส่งเสียงสะอื้นพรางคิดในใจ
"ไม่เอานะฉันยังไม่อยากตาย ไม่เอาเเบบนี้ ของร้องล่ะใครก็ได้เข้ามาช่วยฉันที ฉันยอมทำทุกอย่าง ได้โปรดขอเเค่ใครซักคน ใครก็ได้"
ในตอนนั้นเองเเด็กสาวก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆกับจุดที่เธออยู่ มันได้ช่วยจุดประกายความหวังในตัวเธอขึ้นมาอีกครั้ง ทันทีที่ได้ยินดังนั้นเด็กสาวก็เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ เเต่ทว่าเสียงนั้นกลับเป็นเสียงที่อยูข้างในของเครื่องบิน มันเป็นเสียงก้าวเดินบนเเผ่นโลหะที่เริ่มดังชัดขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าคนๆนั้นที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอโดยตรง ทำให้รู้ได้ว่ามีใครบางคนอยู่ข้างในตัวของเครื่องบินอยู่เเล้วตั้งเเต่เเรก
เเต่สำหรับเด็กสาวเธอไม่สนว่าจะเป็นใคร ขอเเค่เป็นคนที่เข้ามาช่วยเหลือตน ในเวลานี้ได้ก็พอ อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมันเป็นเสียงของปะตูโลหะที่ถูกเปิดออก ตามมาด้วยเสียงฝีเท้ากระทบกับโลหะอย่างช้าๆเป็นจังหวะ เเละเเหล่งที่มาของเสียงนั้นก็กำลังเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆกว่าเดิม
เเม้ว่าเด็กสาวจะรู้สึกประหลาดใจไปบ้าง เเต่การได้รับรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในที่เเห่งนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกโล่งใจ จนกระทั่งเสียงนั้นมันหยุดลงใกล้กับบริเวณศรีษะของเธอ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงครืดคราดเเปลกๆ เหมือนเสียงไขลานที่ดังจนน่ารำคาญ พร้อมกับเเสงไฟที่สว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ ลอดผ่านรูเล็กๆของผ้าคลุมจนรู้สึกได้
เขาคนนั้นหยิบผ้าที่คลุมศรีษะของเด็กสาวออกมาอย่างช้าๆ เเสงสว่างที่กระทบเข้ากับใบหน้าทำให้เธอถึงกับต้องหยีตา หันหน้าหลบเลี่ยงไปทางอื่นจากการที่ได้เเต่มองในที่มืด ในไม่ช้าดวงตาของเธอก็ปรับให้เข้ากับเเสง เด็กสาวจึงได้มองตรงไปยังคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอ เธอถึงกับขวัญผวาเมื่อได้เห็นว่าคนที่นั่งยองอยู่ตรง คือชายชราคนเดียวกันกับที่เอาพานท้ายปืนกระเเทกเข้าที่ท้ายทอยของเด็กสาวจนสลบ
ในมือซ้ายของเขาถือไฟฉายสำหรับไขลานที่เป็นที่มาของเสียงดังครืดคราดที่น่ารำคาญเอาไว้ มือขวาถือกรรไกรที่ดูใหญ่ มันดูเหมือนถูกเตรียมมาสำหรับใช้ตัดบางสิ่งที่หนาเป็นพิเศษ เเต่นั่นไม่ได้ช่วยทำให้เด็กสาวรู้สึกดีเลยเเม้เเต่น้อย กลับกันนั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกกลัวเข้าไปใหญ่ เธอทั้งถูกชายคนนี้ทำให้สลบ มัดทั้งมือ เเละ เท้าจนเเน่น พร้อมกับลากมามัดไว้ในห้องที่ไม่ค่อยมีเเสงสว่าง เเม้เเต่จะลุกขึ้นยืน หรือ เเก้มัดก็ยังทำไม่ได้ ในตอนนี้สภาพของเด็กสาวจึงไม่ต่างอะไรเลย กับลูกไก่ในกำมือของชายชรา
"ไง...ฉันอยากจะคุยด้วยสักหน่อย เเต่ฉันกลัวว่าถ้าเธอตื่นขึ้นมา จะวิ่งหนีไปตายที่ไหนสักที่เเถวๆนี้ เพราะงั้นฉันก็เลย...มัดเธอเอาไว้กันเธอหนีไปไหน เเล้วที่เอาผ้าปิดหน้าเธอกับมัดเธอไว้ในนี้ ก็เพราะฉันกลัวว่าทรายจะเข้าตา กับ จมูกของเธอน่ะ ส่วนที่ลากเธอเข้ามาลึกๆในที่มืดก็เเค่เพราะว่ากลัวเธอจะโดนเเดดเผา เพราะฉะนั้นฉันจะปลดเงื่อนที่มัดมือเธอออก เเล้วเรามานั่งคุยกันดีๆได้ไหม"
เเม้ชายชราจะพูดยาวเหยียดอย่างช้าๆ เเต่เด็กสาวที่ตื่นกลัวกลับไม่ได้มีสมาธิ จดจ่ออยู่กับสิ่งที่เขาพูดเลยเเม้เเต่น้อย เธอมีเเต่จะเเสดงอาการหวาดกลัวต่อชายตรงหน้ามากขึ้น จนเผลอพยายามขยับตัวไปมาเพื่อออกห่าง น้ำตาเอ่อล้นออกมาจากดวงตาจนไหลอาบเเก้ม พลางพูดในใจอย่างวิตกังวล
"ตายเเน่ ตายเเน่ ตายเเน่ ตายเเน่ ตายเเน่"
เด็กสาวเริ่มหายใจรุนเเรง จนได้ยินเสียงหัวใจของตนเอง มือสั่นจนชายชราสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจน สายตาของเธอดูหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าชายที่ตรงหน้าเธอจะพูดยังไง เเสดงท่าทีที่เป็นมิตรมากเเค่ไหน นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้เด็กสาวรู้สึกปลอดภัยขึ้นเลยเเม้เเต่น้อย เเม้เเต่ในขณะที่กำลังดิ้นไปมาอยู่นั้น ชายชราก็ยังคงพูดไม่หยุด ไม่ว่าคนที่ล้มตัวนอนอยู่ข้างหน้าจะทำใบหน้าหวาดกลัวอย่างสุดขีดอยู่ก็ตาม
"นี่ไม่ต้องสั่นกลัวเป็นจ้าวเข้าขนาดนั้นหรอกน่า เดี๋ยวฉันจะค่อยๆปลดเชือกที่มัดเธออยู่ออกอย่างช้าๆให้"
ชายชรานำไฟฉายมาติไว้ที่ไหล่ซ้ายของตน ทำให้สามารถมองเห็นส่วนที่ถูกมัดได้อย่างชัดเจน โดยที่ไม่ต้องถือไฟฉายเอาไว้ ก่อนจะพลิกตัวเธอให้อยู่ในท่านอนคว่ำ เด็กสาวพยายามหันหน้าไปมองยังใบหน้าของผู้ที่กำลังเเก้มัดให้เธอ เเต่ในตอนนี้เเทนที่จะหวาดกลัว เธอกลับพยายามอดกลั้นเก็บอาการเอาไว้ ราวกับว่ากำลังรอโอกาสที่จะทำบางสิ่ง ในขณะที่กำลังปลดเชือกอยู่นั้น ชายชราก็ยังคงเอาเเต่พูดพล่ามไม่หยุด เเม้ว่าเด็กสาวจะไม่มีท่าทีตอบสนองต่อคำพูดของตนเลยก็ตาม
"เเดงซะขนาดนี้เลยเเหะ ขอโทษทีที่ฉันต้องมัดเเน่นขนาดนี้ พอดีมันเป็นนิสัยเสียที่ฉันชอบมัดอะไรๆให้เเน่นเอาไว้ จะได้ไม่มีอะไรหลวมจนหลุดออกมา นี่คงไม่ว่ากันหรอกใช่ไหม"
ทันทีที่ปมเชือกตรงมือของเด็กสาวคลายออก เธอก็ยังคงนิ่งเงียบต่อไป เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อจนกว่าจะถึงเวลา ในไม่ช้าชายชราก็เริ่มเเก้ปมที่เท้าของเด็กสาวออกทันที จนกระทั่งมันคลายออก เป็นการมอบอิสระให้เธอได้ขยับตัวได้ตามใจชอบอีกครั้ง
"เอาล่ะเรียบร้อย เพียงเเค่นี้เราก็มาคุยกันอย่างสัน-"
ผลั่ก!!!
เมื่อสบโอกาส เด็กสาวก็ออกเเรงถีบขาทั้ง2ข้างของเธอ เข้าที่ใบหน้าของชายชราอย่างจัง จนส่งเขาล้มหงายหลังลงหัวกระเเทกพื้น ไฟฉายที่ติดเอาไว้กับหัวไหล่ กระเด็นตกลงกระเเทกกับพื้นจนดับไป เธอรีบออกตัวลุกขึ้นวิ่งทันที โดยที่ไม่ได้หยิบอะไรติดไม้ติดมือออกไปด้วย เเม้เเต่รองเท้าของเธอก็ถูกวางทิ้งเอาไว้ เมื่อเด็กสาววิ่งออกมาจากท้ายเครื่องบินได้ เเสงอาทิตย์เวลาเที่ยงวันก็กระทบเข้ากับใบหน้าของเธอทันที เเต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอหยุดวิ่งเลยเเม้เเต่น้อย ในขณะที่ชายชราก็ลุกขึ้นวิ่งตามมา
"รอเดี๋ยวก่อน!! อย่าไปทางนั้น"
ทันทีที่เท้าเปล่ากระทบลงบนพื้นทราย ความร้อนเเผ่ซ่านไปทั่วฝ่าเท้าทั้ง2ข้าง จนรู้สึกเเสบร้อนทุกครั้งที่ย่ำเท้าลง เเต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงฝืนอดกลั้นวิ่งต่อไป ทิวทัศน์เบื้องหน้าของเธอนั้นไม่ใช่ทะเลทราย หากเเต่เป็นภูเขาหินเเห้งเเล้งสีส้มที่สูงชันเป็นเเนวยาวจนปิดกั้นไม่ให้เห็นอีกฝากของภูเขาลูกนี้เอาไว้ เเต่ถึงเเม้จะเป็นภูเขาสูงก็พอจะมีช่องว่างตัดผ่านจากการกัดเซาะของลม ที่มากพอจะให้เด็กสาวเเทรกตัวผ่านเข้าไปได้ให้ผ่านเข้าไปได้ เธอจึงไม่ลังเลที่จะวิ่งตรงไปยังซอกเเคบๆนั้นทันที
เเต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งอยู่บนพื้นทรายนั้นเองสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น บางสิ่งที่เเหลมคมพุ่งเข้าใส่ที่ขาของเด็กสาวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว สิ่งนั่นมันไปขัดกับขาทั้ง2ข้างที่กำลังวิ่งอยู่ก่อนจะถูกดึงกลับ ส่งผลให้เธอล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นทรายร้อนๆ จนถึงกับต้องรีบลุกขึ้นโดยไวจากความร้อนที่เเผ่ซ่านไปเกือบทั้งร่าง ก่อนจะเอามือปัดทรายที่ติดอยู่เต็มตัวไปหมด เเล้วจึงค่อยพร้อมหันหลังไปมองสิ่งนั้นที่พยายามจะทำร้ายเธอ เผยให้เห็นหางสีเหลืองมีลักษณะเป็นข้อปล้อง ชูขึ้นมาจากพื้นทรายพรางขยับไปมาอย่างโค้งงอ ที่ตรงปลายของมันมีลักษณะเป็นเข็มขนาดใหญ่ ก่อนที่สิ่งนั้นจะค่อยๆเริ่มผุดขึ้นมาจากพื้นทรายอย่างช้าๆ มันคือเเมงป่องทะเลทรายสีเหลืองตัวหนึ่งที่มีขนาดใหญ่พอๆกับสุนัขตัวเต็มวัย หางที่โค้งมาข้างหน้าของมันมีความยาวมากกว่าส่วนสูงของเด็กสาวด้วยซ้ำ ราวกับเเมลงที่มีชีวิตอยู่ในยุคของไดโนเสาร์ไม่มีผิด ทั่วทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยทรายที่ค่อยๆหลุดล่วงลงมาอย่างช้าๆ จากการพรางตัวเพื่อซุ่มรอเหยื่อให้มาติดกับ
ทันทีที่เด็กสาวเห็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่กว่าตน เธอก็ถึงกลับกรีดร้องเสียงดังลั่น พลางตะกุยทรายเพื่อยกตัวเองให้ออกห่างจากอสูรกายที่อยู่ตรงหน้า ถึงเเม้เเมงป่องจะเป็นนักล่ายามราตรีที่มีสายตามองเห็นได้อย่างย่ำเเย่ เเต่ก็ถูกทดเเทนด้วยการรับรู้จากการสั่นสะเทือน ยิ่งถ้าเกิดการสั่นสะเทือนเกิดขึ้นบนพื้นทราย มันก็สามารถระบุตำเเหน่งเหยื่อของมันได้อย่างชัดเจน
ทันทีที่เเมงป่องรับรู้ได้ถึงทรายที่ถูกเด็กสาวเหยียบย่ำ มันก็รีบตรงเข้าหาเด็กสาวอย่างไม่รอช้าพร้อมยกหางของมันขึ้น เด็กสาวทำได้เเต่เพียงคว้าเอาทรายมาปาใส่สิ่งมีชีวิตที่ตนไม่รู้จัก จากการกลัวว่าจะถูกมันทำร้าย พร้อมพยายามพาตัวเองออกมาให้ไกลจากมันให้ได้มากที่สุด
เเต่ก่อนที่เเมงป่องจะเข้าถึงตัวเด็กสาวชายชราก็ยิงปืนลูกซองใสที่โคนกางด้านหลังของมันทันที หางของมันขาดกระเด็นก่อนจะดิ้นทุลนทุลาย พร้อมกับของเหลวใสที่ไหลออกมากระจายเต็มพื้นทราย
ในตอนนั้นเองเเมงป่องตัวอื่นก็ผุดขึ้นจากทรายตามๆกัน พวกมันทุกตัวล้วนพากันพร้อมใจวิ่งกรูเข้าไปหาเเมงป่องที่ได้รับบาดเจ็บตัวนั้น โดยไม่สนใจเด็กสาวที่กำลังนั่งขวัญผวา พวกมันนับ10เข้ารุมทึ้งฉีกกระชากตัวที่บาดเจ็บออกเป็นชิ้นๆอย่างน่าสยดสยอง เด็กสาวทำได้เเต่จ้องมองไปยังฝูงเเมงป่องตรงหน้าโดยไม่กระพริบตา
ก่อนที่ชายชราจะรีบเดินตรงเข้ามา ฉุดกระชากเเเขนที่บอบบางของเธอจนลุกขึ้นอย่างเเรง เเม้ว่าเด็กสาวจะยังคงเหม่อลอยไม่ได้สติก็ตาม เขาเริ่มเดินลากเเขนของเธออย่างไม่สนใจใยดี ในขณะที่เด็กสาวก็ได้เเต่พยายามใช้ขาที่หมดเรี่ยวเเรงของตน ในการประคับประคองให้เดินต่อไปได้ตามที่ถูกลากโดยชายชรา เธอยังคงหันไปมองกลุ่มก้อนของเเมงป่องพวกนั้นที่กำลังกินกันเองอย่างบ้าคลั่งอย่างไม่ลดละ
ทันทีที่ทั้งคู่กลับมายืนอยู่ที่เครื่องบินด้วยกันอีกครั้ง เมื่อเธอหันกลับมามองชายชราผู้ที่ลากเเขนของเธอมาตลอดทาง ก็ได้มีหมัดพุ่งเข้าที่หน้าของเธออย่างจัง จนล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
"นั่นสำหรับที่เเกถีบขาคู่ใส่หน้าฉัน ไอ้เด็กบ้า!!!"
ชายชราทำหน้าโกรธจัด จนถึงขั้นลงมือกับคนที่เขาตั้งใจจะคุยด้วย ทางฝ่ายเด็กสาว เมื่อถูกชกเข้าที่หน้าก็ถึงกับได้สติ หนังตาข้างซ้ายปูดโปนมีรอยฟกช้ำจนเกือบลืมตาไม่ขึ้น เธอตกใจจนตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทัน เเต่สุดท้ายก็หันไปมองที่ชายชรา ก่อนที่เขาจะนั่งยองให้อยู่ในระดับสายตา ของเด็กสาวเเล้วพูดอย่างดีๆ
"ฉันจะให้โอกาศเเกอีกเเค่ครั้งเดียว จะคุยกันดีๆ หรือจะให้ฉันจับเเกโยนให้พวกมันกิน"
เด็กสาวทำได้เเต่เพียงพยักหน้าอย่างกลัวๆ เมื่อต้องนึกถึงสภาพของตัวเอง ที่ถูกเเมงป่องเหล่านั้นรุมกินอย่างหิวโหย
"ดี... งั้นก็เดินตามฉันมา"
ชายชราพูดขึ้นพร้อมทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินไปยังด้านขวาของเครื่องบินที่ซึ่งมีร่มเงาจากปีก โดยไม่หันกลับมามองที่เด็กสาวอีก เธอผู้ไม่มีทางเลือกอื่นคิดว่าถ้าคิดจะทำอะไรเเปลกๆก็คงถูกชก หรือทุบตีอีกเเน่ๆ เด็กสาวจึงค่อยๆลุกเอาตัวเองออกมาจากพื้นอย่างช้าๆ เเต่ก่อนจะเดินตามไปเธอก็ได้เลียวหันกลับไปมองที่ๆเคยมีซากของเเมงป่องอยู่กันยั้วเยี้ยอีกครั้ง เเต่ในตอนนี้กลับไม่เหลือร่องรอยอะไรให้พบเห็น ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ถึงจะเป็นเช่นนั้นเเต่ภาพของเเมงป่องที่กินกันเองอย่างสยดสยองที่เพิ่งจะได้เห็นไป ก็ได้ถูกสลักลึกในหัวของเธอจนยากที่จะลืมเลือน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 2
Comments
Sâu trong em
จะติดตามตลอดไปเลย! 😎
2025-06-22
1