เช้าที่โต๊ะเดิม
เช้าวันใหม่เริ่มต้นอย่างเงียบงัน แม้แสงแดดจะพยายามส่องลอดม่านโปร่งบางเข้ามาในห้องของนที แต่กลับให้ความรู้สึกเศร้าซึมคล้ายภาพถ่ายโทนซีเปีย — จาง และอุ่น แต่ไม่เคยสดใส
เสียงนาฬิกาปลุกดังแผ่ว ๆ นทีลืมตาตื่นทั้งที่แทบไม่ได้หลับเลยตลอดคืน จดหมายในมือเขายังอยู่ในสภาพเดิม ยับนิดหน่อยจากการจับไว้แน่นเหมือนกลัวว่ามันจะหายไป
“ถ้ายังอยากเริ่มใหม่ ลองเจอกันพรุ่งนี้…ที่นี่ เวลาเดิม
ถ้าไม่มา ฉันจะเข้าใจ…”
ประโยคนั้นดังอยู่ในหัวเขาตลอดคืน
เขาไม่รู้ว่าขิมหมายถึงอะไรด้วยคำว่า “เริ่มใหม่” มันอาจเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ในฐานะใหม่ หรือเป็นแค่การปิดฉากความรู้สึกเก่า ๆ อย่างนุ่มนวล
แต่ที่แน่ ๆ หัวใจของเขายังมีเธออยู่…ไม่เคยหายไปไหน
นทีลุกขึ้น อาบน้ำ แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนตัวเดิมที่ขิมเคยบอกว่า “ใส่แล้วดูใจดี” ทั้งที่เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะดูใจดีกับใครได้เลยนอกจากเธอ
เขาชงกาแฟให้ตัวเอง แก้วแรกของวัน — ใส่นมมากกว่าปกติหนึ่งช้อนโต๊ะ
เธอเคยบอกว่ากาแฟของเขาขมเกินไป… แล้วเขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้มันขมอีกต่อไป
—
เสียงกระดิ่งประตูร้านดังตอน 7 โมงกว่า ๆ
ลูกค้าประจำคนหนึ่งเดินเข้ามายิ้มให้เหมือนทุกวัน แต่นทีไม่ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มแบบเดิม
เขาพยายามเก็บอาการ แต่หัวใจมันร้อนรุ่มกว่ากาแฟในหม้อร้อน
โต๊ะมุมหน้าต่าง — ที่นั่งประจำของขิม — ยังว่างเปล่า
เขาวางกาแฟแก้วหนึ่งไว้ตรงนั้น เหมือนกำลังจองที่ให้เธอ
เพลงคลอเบา ๆ จากลำโพงคือเพลย์ลิสต์เดิมที่ขิมเคยจัดไว้ เพลงโฟล์กบัลลาดช้า ๆ ที่มีเสียงกีตาร์โปร่งคลอตลอดทั้งเพลง และเสียงร้องที่เหมือนลมหายใจคนเหงา ๆ
9:47 น.
เขามองนาฬิกา — “เวลาเดิม” ของขิมคือสิบโมงตรง
10:01 น.
ไม่มีเสียงประตู ไม่มีเสียงร่มกระทบพื้นไม้ ไม่มีรอยยิ้มที่เขาเฝ้ารอ
10:09 น.
ลูกค้าคนสุดท้ายลุกจากร้าน เหลือเพียงเขา กับเสียงเพลง กับกาแฟที่เย็นลงทุกนาที
เขาเปิดสมุดบันทึกเล่มเก่า…อีกครั้ง
หน้ากระดาษเปล่าหนึ่งหน้า
เขาเขียนช้า ๆ — เหมือนทุกวันที่เคยเขียนถึงเธอ
ถึงขิม,
วันนี้ฉันมารอแล้วนะ
โต๊ะมุมเดิม กาแฟแก้วเดิม เพลงลิสต์เดิม
ทุกอย่างอยู่ครบ ยกเว้นเธอ…
ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ
เหมือนที่เธอบอกไว้ในจดหมาย
บางครั้ง… แค่คิดถึง ก็เพียงพอแล้ว
แต่จะโกหกไหม ถ้าฉันจะบอกว่า
ฉันหวัง…
หวังว่าฉันจะเห็นเธอเปิดประตูเข้ามา พร้อมรอยยิ้มอุ่น ๆ เหมือนเมื่อก่อน
แต่ไม่เป็นไรนะ
เพราะแค่เธอเคยอยู่ตรงนี้
มันก็เพียงพอสำหรับการเขียนถึงทุกวันแล้ว
รักเสมอ
นที
เขาปิดสมุด ปิดตาลงชั่วครู่
ขอแค่สักนาที…ให้ตัวเองได้เสียใจเงียบ ๆ
ก่อนจะลุกขึ้นไปทำความสะอาดโต๊ะ เตรียมเปิดร้านตามปกติ
แต่แล้ว…
10:23 น.
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น
เขาไม่กล้าหันไปในทันที
หัวใจเขาเต้นแรงเกินกว่าจะเสี่ยงผิดหวัง
“ขอโทษที่สายไปหน่อย”
เสียงนั้น…
นทีหันไปอย่างช้า ๆ
ขิมยืนอยู่ตรงนั้น — เปียกปอนไม่มาก แต่ดูรีบ ร่มสีเทาในมือยังมีหยดน้ำฝนติดอยู่ปลายผ้า
เธอสวมเสื้อกันฝนสีครีมตัวเดิม ใบหน้าซีดเล็กน้อย แต่ตายังอบอุ่น
นทีไม่พูดอะไร เขาแค่เดินเข้าไปดึงเก้าอี้ให้เธอ — ที่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะ
ขิมนั่งลงช้า ๆ เหมือนกลัวทำลายบรรยากาศเงียบ ๆ ที่แขวนอยู่ในอากาศ
“ฉันไม่ได้แน่ใจเลยว่าจะกล้ากลับมา… แต่เมื่อคืน ฉันนั่งอ่านจดหมายทุกฉบับที่เธอเขียน”
เธอพูดเบา ๆ
“ฉันร้องไห้ไปหลายรอบ
ทั้งเพราะเจ็บ และทั้งเพราะ… รู้สึกว่าตัวเองยังมีที่อยู่ในใจใครสักคน”
นทีไม่ได้พูดอะไร เขาชงลาเต้ร้อนให้เธอเหมือนเดิม
ใส่นมมากหน่อย ใส่ใจมากกว่าเดิม
เขาวางแก้วตรงหน้าเธอ เธอยกขึ้นจิบช้า ๆ
“ยังอร่อยเหมือนเดิม…” เธอยิ้มบาง ๆ
ความเงียบคลุมโต๊ะอีกครั้ง
แต่ไม่ใช่ความอึดอัด
มันเหมือนการกลับมานั่งตรงข้ามใครสักคนที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราทุกวัน
—
“ตอนนั้น…” ขิมพูดขึ้น “ฉันไม่ได้ไม่รักเธอ…”
นทีเงียบ เขาไม่ได้ต้องการคำแก้ตัว แต่เขาก็อยากฟัง
“ฉันแค่กลัว… กลัวว่าเราจะอยู่ไปเรื่อย ๆ ด้วยความเคยชิน
กลัวว่าวันหนึ่งร้านนี้จะกลายเป็นกรง
และเราจะไม่กล้ามองหน้ากันเลยด้วยซ้ำ”
เธอวางมือบนโต๊ะเบา ๆ ใกล้มือเขา
“แต่ฉันลืมคิดไปว่า คนที่กลัวมากที่สุด คือคนที่ยังอยากอยู่…แต่ไม่รู้จะอยู่ยังไง”
นทีมองเธอ เงียบไปนาน ก่อนจะตอบว่า
“ฉันไม่เคยโกรธเธอเลย
แค่คิดถึง
คิดถึงในแบบที่… ไม่มีอะไรมาแทนได้”
—
พวกเขานั่งอยู่แบบนั้นนานมาก
ไม่มีคำสัญญา ไม่มีคำขอคืนดี
มีแต่บทสนทนาอ่อนโยนเรื่องสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ
เรื่องลูกค้าคนเดิม เรื่องเพลงในร้าน เรื่องสูตรขนมที่เธอลองทำที่เชียงใหม่
ขิมหัวเราะตอนพูดถึงเค้กที่เธออบแล้วไม่ขึ้นฟู
นทีหัวเราะตาม แม้ในใจจะยังมีเงาเศร้าบาง ๆ ทอดตัวอยู่
เมื่อฝนหยุดตก
ขิมลุกขึ้น
เธอหยิบร่ม หยิบเสื้อกันฝน และมองเขานิ่ง ๆ
“พรุ่งนี้… ถ้าเธออยากให้ฉันมานั่งตรงนี้อีก ฉันจะมา”
เธอเว้นจังหวะ
“แต่ถ้าเธอไม่มาเปิดร้าน ฉันก็จะเข้าใจ…”
เธอยิ้มบาง ๆ — ยิ้มที่ไม่เหมือนการบอกลา
แต่เหมือนการให้เวลาหัวใจ…ตัดสินใจอีกครั้ง
นทีพยักหน้า เขาไม่ได้พูดอะไร
เพราะคำบางคำ ถ้าพูดเร็วเกินไป อาจไม่ซึมซับพอ
เธอเดินออกจากร้านไปอีกครั้ง
คราวนี้ไม่มีฝนตก
มีเพียงแสงแดดที่ส่องลอดผ่านเมฆออกมาเล็กน้อย
—
นทีมองไปที่เก้าอี้ที่เธอเพิ่งลุกจาก
เขายิ้ม
พอฝนหยุดตก ขิมก็ลุกขึ้นเตรียมจะกลับ
เธอหันมาบอกว่า
“วันพรุ่งนี้ ฉันจะมาอีกนะ ถ้าเธออยากเจอ”
เขายิ้ม และพยักหน้า
หัวใจเขาไม่ได้หวังเหมือนเมื่อวาน
แต่มันเริ่มเชื่ออีกครั้งว่า
บางการกลับมา…ไม่ใช่เพื่อลา
แต่เพื่อเริ่มใหม่ อย่างช้า ๆ
—
หลังจากเธอเดินออกจากร้าน นทีไม่ได้ลุกตามไป
เขายังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะเดิม ปล่อยให้กลิ่นลาเต้ค่อย ๆ จางลงในอากาศ
เขามองแก้วกาแฟเปล่าของขิม รอยลิปสติกจาง ๆ ตรงขอบแก้วดูเหมือนเศษซากของความจริง
“เธอกลับมาแล้วจริง ๆ” เขาพึมพำกับตัวเอง
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิม
หัวใจเขาเต็มไปด้วยคำถาม
แต่ไม่มีคำใดหลุดออกจากปาก
อาจเพราะบางความรู้สึก…แค่ได้เจอก็พอแล้วสำหรับวันหนึ่ง
—
คืนนั้น เขากลับบ้านช้ากว่าปกติ
ไม่ใช่เพราะงานยุ่ง แต่เพราะเขาไม่อยากให้วันนี้จบลงเร็วเกินไป
เขาเดินผ่านหน้ากระจก มองเงาตัวเอง
เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูเหนื่อย แต่สายตามีแววบางอย่าง
บางอย่างที่เขาไม่ได้เห็นมานาน — ความหวัง
เขานั่งลงที่โต๊ะเล็ก ๆ ในห้องนั่งเล่น
เปิดสมุดเล่มเดิม
แต่วันนี้ เขาไม่ได้เขียนจดหมายถึงขิม
เขาเปิดหน้ากระดาษเก่า ๆ ไล่สายตาผ่านแต่ละฉบับ —
ตั้งแต่ฉบับแรกที่เขียนในวันที่เธอจากไป
จนถึงฉบับล่าสุด ที่เขียนว่า “โต๊ะมุมเดิม กาแฟแก้วเดิม เพลงลิสต์เดิม…แต่เธอยังไม่มา”
เขาค่อย ๆ พับหน้ากระดาษแต่ละแผ่นอย่างเบามือ แล้ววางซ้อนกันไว้ในกล่องไม้
เขาไม่ได้ตั้งใจจะหยุดเขียน
แต่บางอย่างในใจเขากระซิบว่า…
บางครั้ง การฟัง ก็สำคัญเท่ากับการพูด
—
รุ่งเช้า แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างครัว
กลิ่นกาแฟหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน
วันนี้ เขาไม่ได้รู้สึกใจเต้นเหมือนเมื่อวาน
ไม่ใช่เพราะความรู้สึกลดลง แต่เพราะเขารู้แล้วว่าเธอยังอยู่ตรงนั้น
ไม่ใช่แค่ในความทรงจำ…แต่ในความจริง
—
เวลา 10:01 น.
ขิมเดินเข้าร้านพร้อมเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นเบา ๆ
วันนี้เธอแต่งตัวสบาย ๆ กว่าปกติ
เสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดา กางเกงยีนส์ และผ้าคลุมไหล่ผืนบาง
ผมถูกรวบไว้หลวม ๆ ราวกับไม่ได้ตั้งใจ
แต่รอยยิ้มของเธอยังคงมีความตั้งใจเต็มเปี่ยม
นทีอยู่หลังเคาน์เตอร์ เขาหยิบแก้วเปล่าขึ้นมา
“ลาเต้ร้อน แก้วเดิม?” เขาถามโดยไม่ต้องคิด
ขิมยิ้ม และพยักหน้า
“เธอยังจำได้ทุกอย่างเลยนะ”
“ทุกอย่าง…ที่เกี่ยวกับเธอ ฉันจำได้หมด” เขาตอบเบา ๆ
—
ขิมนั่งลงที่โต๊ะเดิม
วางสมุดเล่มเล็ก ๆ ลงบนโต๊ะ
มันไม่ใช่สมุดบันทึก แต่ดูเหมือนจะเป็นสมุดสเก็ตช์ภาพมากกว่า
“เธอยังวาดรูปอยู่เหรอ?” เขาถามขณะวางแก้วกาแฟตรงหน้าเธอ
ขิมเปิดหน้าหนึ่งให้เขาดู
เป็นภาพโต๊ะในร้านกาแฟ
มีแก้วกาแฟ ร่มเปียกฝน และหน้าต่างที่มีหยดน้ำฝนเกาะพราว
“ฉันวาดมันเมื่อวาน ตอนกลับไปถึงที่พัก”
เธอยิ้มเล็กน้อย “ก็ยังไม่ลืมที่นี่…สักที”
เขามองภาพนั้นเงียบ ๆ
มันไม่สมบูรณ์แบบ แต่มันจริง
เต็มไปด้วยอารมณ์ที่เขาไม่สามารถเขียนในจดหมายได้
—
ขิมเปิดหน้าถัดไป
เป็นภาพชายคนหนึ่งนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ร้านกาแฟ
“นี่เธอเหรอ?” เขาถาม
ขิมพยักหน้า
“ตอนวาด ฉันนึกถึงช่วงที่เธอยังยิ้มบ่อยกว่านี้”
นทีเงียบไปเล็กน้อย
“ตอนนั้น…ฉันยังมีเธออยู่ข้าง ๆ”
—
“ขิม…” เขาเรียกชื่อเธอเบา ๆ
เธอเงยหน้าขึ้นจากแก้วกาแฟ
“ถ้าฉันบอกว่า อยากเริ่มใหม่…เธอจะกลัวอีกไหม?”
เธอมองเขานิ่ง ๆ สักพัก
“ถ้าฉันบอกว่า…ฉันไม่ได้กลับมาเพื่อตอบว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ แต่กลับมาเพราะคิดถึง แล้วเราค่อย ๆ ไปทีละวัน จะได้ไหม?”
เขาพยักหน้า
“แค่เธอยังอยู่ตรงนี้…ฉันไม่ขออะไรไปกว่านั้น”
—
หลังจากวันนั้น ขิมก็แวะมาที่ร้านทุกวัน
บางวันเธอนั่งเงียบ ๆ วาดรูป
บางวันเธอช่วยเขาชงกาแฟหรือจัดดอกไม้
ไม่มีคำว่าคืนดี
ไม่มีคำว่า “เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ”
แต่ทุกอย่างดูเหมือนกำลังฟื้นคืน…ในแบบที่ละมุนและเข้าใจกันมากกว่าเดิม
—
เย็นวันหนึ่ง หลังร้านปิด
พวกเขานั่งอยู่ด้วยกันบนม้านั่งหน้าร้าน
ท้องฟ้าสีส้มอมเทาคล้ายพรมผืนใหญ่ที่กำลังถูกพับเก็บ
“วันนั้น…ที่ฉันหายไป” ขิมพูดเบา ๆ
“ฉันนั่งอยู่บนรถเมล์ แล้วร้องไห้ทั้งทาง
ฉันไม่ได้หนีเพราะหมดรัก
แต่หนีเพราะกลัวว่า…ถ้ายังอยู่ เราจะพังไปพร้อมกัน”
นทีฟังเงียบ ๆ ไม่พูดแทรก
“แต่พอไม่มีเธอ…ฉันพังอยู่ดี” เธอหัวเราะเศร้า ๆ
“ฉันเขียนถึงเธอทุกวัน” เขาพูด “ในจดหมายที่ไม่ได้ส่ง”
ขิมหันมามองเขา แววตานุ่มนวลแต่มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่
“ถ้างั้น…วันนี้ฉันขอเขียนถึงเธอบ้าง”
เธอหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งจากสมุดโน้ตในกระเป๋า
เขียนอะไรบางอย่างสั้น ๆ แล้วพับใส่มือเขา
“อย่าเพิ่งเปิด…จนถึงพรุ่งนี้เช้า” เธอกระซิบ
—
คืนนั้น นทีวางจดหมายนั้นไว้ข้างหมอน
ไม่กล้าเปิด
แต่ก็อดมองไม่ได้
เช้าวันรุ่งขึ้น
เขาตื่นแต่เช้า เปิดหน้าต่างให้แสงเช้าสาดเข้ามา
แล้วเขาค่อย ๆ แกะจดหมายนั้นออก
ในนั้นมีเพียงหนึ่งประโยค
“ขอบคุณที่ยังรอฉัน…แม้ฉันจะไม่ได้สัญญาอะไรไว้เลย”
นทีอ่านแล้วหลับตาแน่น
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
เขาหยิบปากกาขึ้นมาอีกครั้ง
เปิดสมุดบันทึกไปที่หน้าว่างสุดท้าย
แล้วเขียนจดหมายฉบับที่ 147
ถึงขิม,
เธอยังอยู่ตรงนี้ และนั่นคือคำตอบที่ดีที่สุด
ไม่ต้องพูดอะไร ไม่ต้องสัญญาอะไร
แค่มีเธอในวันธรรมดาแบบนี้…มันก็พอแล้ว
ฉันไม่รู้ว่าปลายทางของเราจะเป็นยังไง
แต่อย่างน้อย ฉันก็ไม่ต้องเขียนจดหมายโดยไม่มีที่ส่งอีกต่อไป
รัก,
นที
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
Oralie
แอดเก่งมากเลย! 👍
2025-06-06
1