หั ว ใ จ ท ะ ลุ โ ล ง เเ ก้ ว

“ชีพ” ยังใช้ชีวิตอยู่กับ ร่างไร้วิญญาณ ของ “ลั่นทม” ราวกับทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม

ในบ้านไม้เก่าๆ หลังเดิมที่ทั้งสองเคยใช้ชีวิตร่วมกัน ทุกอย่างยังถูกจัดวางไว้เหมือนวันสุดท้ายที่เธอยังมีลมหายใจ

ทุกเช้า เขาจะลุกขึ้นมาจัดโต๊ะอาหารอย่างประณีต วางจานข้าวไว้สองจาน ถ้วยต้มจืดฝีมือเขาเอง ข้างๆ มีธูปที่จุดไว้จางๆ กลิ่นควันลอยคลุ้ง ผสมกับกลิ่นดอกลั่นทมแห้งที่เขาเก็บใส่แจกันไว้มิได้ขาด

เขาเอ่ยเสียงแผ่วเบาเหมือนกระซิบกับลม

“ลั่นทม…มากินข้าวเถอะ วันนี้พี่ต้มต้มจืดกระดูกหมู ใส่ผักที่เธอชอบไว้ให้ด้วยนะ”

ตรงข้ามกับเขา บนเก้าอี้อีกฝั่ง คือร่างที่ไร้ชีวิตของหญิงสาวในชุดเดิมที่เธอสวมในวันที่จากไป ถูกจัดวางไว้อย่างดี เส้นผมถูกหวีเรียบ เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนทุกวัน เขาดูแลร่างนั้นอย่างทะนุถนอม ไม่ต่างจากดูแลชีวิตหนึ่งที่ยังคงหายใจ

คนในหมู่บ้านพากันกระซิบกระซาบ พูดกันไปต่างๆ นานา บ้างว่าเขาคลั่งรัก บ้างก็ว่าถูกคำสาป แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเข้าไปในบ้านของเขาอีกเลยนับตั้งแต่คืนที่ลั่นทมเสียชีวิต

บางคืน...เสียงหัวเราะเบาๆ ของหญิงสาวเล็ดลอดออกมาจากบ้าน

บางคนยืนยันว่าเห็นเงาผู้หญิงเดินผ่านหน้าต่างไปมา

แต่เมื่อมีใครกล้าหาญเข้าไปดู บ้านหลังนั้นก็เงียบสนิท มีเพียงชีพที่นั่งจ้องร่างไร้วิญญาณอยู่เงียบๆ ราวกับหลุดจากโลกแห่งความเป็นจริง

เขายังคงพูดคุยกับเธอเสมอ

ยังเล่าเรื่องข้างนอก ยังอ่านหนังสือที่เธอเคยชอบให้ฟัง

แม้จะไม่มีเสียงตอบรับ เขาก็ไม่เคยหวั่นไหว

รอยยิ้มของเธอ—ที่เขาเชื่อว่าเห็น—ยังคงอยู่ตรงนั้น

“เราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้... ตลอดไป”

เขาพึมพำคำเดิมซ้ำๆ ทุกคืนก่อนนอน

และเมื่อหลับตา เขาฝันเห็นเธอจับมือเขาไว้แน่น

ยิ้มให้เขาเหมือนวันแรกที่พบกัน

รอยยิ้มนั้น...ตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขาไม่เคยเลือน

สำหรับชีพ—ลั่นทมยังไม่เคยจากไป

และเขาก็ไม่มีวันปล่อยให้เธอจากไปอีกครั้ง

บางครั้ง...ฉันก็อยากเอื้อมมือไปลูบหน้าผากเขาเบาๆ

อยากบอกเขาว่า “พอเถอะ”

ไม่ต้องจุดธูปให้ฉันกินข้าวทุกวัน

ไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ร่างนี้ ไม่ต้องคุยกับเงาอีกต่อไปแล้ว

ฉันรู้...เขารักฉันมาก

และฉันก็รักเขาไม่แพ้กัน

แต่หัวใจของฉัน...กำลังค่อยๆ เปื่อยล้า

เหมือนเสียงกระซิบของลมที่เบาบางจนแทบไม่ได้ยิน

ทุกครั้งที่เขามองมา แล้วพูดว่าเห็นฉันยิ้มให้

ฉันยิ้มจริงๆ นะ

ยิ้มเพราะฉันยังอยู่ในใจเขา

ยิ้มเพราะเขาไม่เคยปล่อยให้ความรักของเราตายตามเวลา

แต่ยิ้มด้วยน้ำตา เพราะรู้ดีว่าสิ่งนี้...ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง

ฉันเห็นเขาเหนื่อย เห็นเขาอ้างว้าง

เห็นเขาค่อยๆ หายไปจากโลกของคนเป็น เพื่อยึดรั้งสิ่งที่ไม่อาจย้อนคืน

บางคืนฉันยืนข้างเตียง

อยากกระซิบว่า “ไปเถอะ กลับไปใช้ชีวิตของเธฮ”

แต่ฉันไม่มีเสียง ไม่มีลมหายใจ ไม่มีอ้อมกอดอีกแล้ว

ถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปเกิดแล้วจริงๆ

ดวงวิญญาณของฉัน...ไม่ควรจะติดค้างอยู่แบบนี้

สามีของฉันเป็นคนดีมาก คอยดูแลเอาใจใส่แม้กระทั่งหลังจากที่ฉันหมดลมหายใจ

แต่การรักใครสักคน...บางทีก็ต้องกล้าปล่อยเขาให้เป็นอิสระ

หากชีวิตใหม่ของฉันจะได้เริ่มต้น

ฉันก็ขอให้เขาได้เริ่มต้นใหม่ด้วยเช่นกัน

ขอให้เขามีความสุข แม้ไม่มีฉันอยู่ข้างๆ

ขอบคุณนะชีพ...

สำหรับความรักที่มากมายเหลือเกิน

แต่ตอนนี้ ฉันขอไปตามทางของฉันแล้ว

ไปในที่ที่แสงสว่างรออยู่...

แล้วสักวัน เราคงได้พบกันอีก

หลังจากคำพูดสุดท้ายของลั่นทม...

เสียงของเธอแผ่วเบาเหมือนลมฤดูหนาวที่พัดผ่านหัวใจ

ในห้วงเวลาเดียวกันนั้น

ชีพรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังจะหลุดลอย

เขาเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะอาหาร แล้วหันไปยังร่างของลั่นทมที่ยืนอยู่ข้างโรงแก้ว

บางสิ่งบางอย่างในใจเขากรีดร้อง

เหมือนเสียงตะโกนของคนกำลังจะสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต

“ลั่นทม...อย่าไป!”

เขาร้องเรียก ก่อนจะรีบวิ่งไปคว้าร่างนั้นเข้ามากอดไว้แน่น

ร่างที่เย็นเฉียบไร้ลมหายใจมาตลอด…

แต่ในวินาทีนั้น เขารู้สึกได้ถึงไออุ่นสุดท้าย

เหมือนลั่นทมก็กอดเขาตอบ...เป็นครั้งสุดท้าย

“อยู่กับผมก่อน...นะลั่นทม”

น้ำตาของชีพร่วงหล่นลงบนเสื้อผ้าของเธอ

มือของเขากอดแน่นขึ้นราวกับจะยื้อเวลาไว้

แต่เขากลับต้องเห็นกับตา—

เนื้อผิวของเธอเริ่มโปร่งแสง

เส้นผมค่อยๆ ละลายไปกับอากาศ

แขนที่เคยกอดเขากลับกลายเป็นเพียงสายหมอกบางๆ

ก่อนที่ทุกส่วนจะค่อยๆ สลาย ละลาย กลืนหายไปกับแสงสีขาวนวลที่อบอุ่นและสงบงาม

ชีพร้องไห้สะอึกสะอื้น เขากอดอากาศว่างเปล่า

แต่ในใจกลับรู้สึกอิ่มเต็มอย่างประหลาด

เสียงกระซิบสุดท้ายแว่วผ่านลมหู

“ขอบคุณนะชีพ… ฉันรักเธอ"

แล้วทุกอย่างก็เงียบลง

เหลือเพียงแสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่าง และความเงียบสงบในใจของชายผู้สูญเสีย

...และปล่อยวาง

30 ปีผ่านไป...

สวนเล็กๆ หน้าบ้านไม้เก่าหลังเดิมยังคงเงียบสงบ

ชีพในวัยชรา...ผมขาวแซมศีรษะ ดวงตาลึกแต่แววตายังอบอุ่น เขายังคงรดน้ำต้นไม้ทุกเช้าอย่างเป็นกิจวัตร

ต้นลั่นทมที่เขาปลูกไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน ยังคงยืนต้นออกดอกสีขาวนวล ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ อยู่หน้าบ้าน

ขณะมือกำลังจับสายยางรดน้ำ จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียง...

เสียงกิ่งไม้แห้งแหลกใต้ฝ่าเท้าใครบางคน

ชีพเงยหน้าขึ้น

ภาพตรงหน้านั้นทำให้มือของเขาชะงักกลางอากาศ

หัวใจในอกสั่นสะท้านเหมือนถูกช็อกเบาๆ

หญิงสาวในชุดกระโปรงสีอ่อนยืนอยู่ตรงรั้วหน้าบ้าน

เส้นผมยาวสลวยสีน้ำตาลอ่อน

รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาด

เธอไม่ได้พูดอะไร

แต่เพียงสบตา...เขาก็รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในวันวาน

“...ลั่นทม?”

เสียงเขาเบาแผ่ว ราวกับไม่แน่ใจว่าควรจะเชื่อในสิ่งที่เห็นดีหรือไม่

หญิงสาวยกมือไหว้เขา

ก่อนจะพูดประโยคสั้นๆ อย่างนุ่มนวลว่า

“ลุง...ขอรบกวนถามทางหน่อยค่ะ หนูหลงทาง...แต่ทำไมรู้สึกเหมือนเคยฝันถึงที่นี่...”

"หญิงสาวยิ้ม พลางเอื้อมมือแตะกลีบดอกสีขาวนวลที่ปลายกิ่งเบาๆ

“ต้นลีลาวดีออกดอกดีมากเลยนะคะคุณลุง... คงดูแลดีมากแน่เลย”

ชีพที่ยืนอยู่ข้างๆ เงยหน้ามองต้นไม้ต้นเดิม

รอยยิ้มบางๆ แตะที่มุมปาก แม้แววตาจะเต็มไปด้วยความคิดถึง

“ใช่แล้วนังหนู... ต้นนี้ภรรยาลุงเป็นคนปลูกกับมือเลยนะ

เธอรักมันมาก… ดูแลมันเหมือนลูก”

เขาเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

“ตอนเธอจากไป ลุงก็สัญญากับตัวเองว่าจะดูแลมันให้ดีที่สุด

เหมือนที่เคยดูแลเธอ...”

หญิงสาวฟังด้วยความเงียบ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม

“น่าอิจฉาภรรยาคุณลุงจังเลยนะคะ...

ที่ได้มีใครสักคนรัก และดูแลขนาดนี้ แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน”

เธอพูดพร้อมยิ้มเศร้าเล็กน้อย

แววตานั้นสั่นไหวบางอย่าง...เหมือนกำลังจดจำบางสิ่งที่เคยลืมไปนาน

ชีพหันมามองหญิงสาวชัดๆ อีกครั้ง

หัวใจของเขาสะท้านวาบ

เขาไม่รู้ว่าทำไม...แต่ดวงตาคู่นั้น เสียงนั้น กลิ่นไอละมุนแบบนั้น

มันเหมือนกับ “เธอ”

เหมือนลั่นทม...

แต่เขาไม่ได้พูดอะไร

เพียงแค่ยิ้ม แล้วชี้ไปที่เก้าอี้ไม้ใต้ต้นลีลาวดี

“หนูเหนื่อยไหม...มานั่งพักตรงนี้ก่อนก็ได้นะ

ตรงนี้ ลมดี...แถมกลิ่นดอกไม้ก็หอมพอดีเลย”

หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินตามไปอย่างว่าง่าย

ขณะเธอนั่งลง

สายลมก็พัดเอาดอกลีลาวดีร่วงหล่นลงบนไหล่ของเธอพอดี

เธอเงยหน้ามองขึ้นไป พลางยิ้มออกมาอีกครั้ง

“กลิ่นนี้...คุ้นจังเลยค่ะ”

ชีพยิ้ม

ในใจลึกๆ เขาไม่แน่ใจว่าโชคชะตาเล่นตลก หรือกำลังมอบปาฏิหาริย์ให้แก่เขาอีกครั้ง"

ชีพยืนนิ่ง

ความรู้สึกบางอย่างไหลทะลักเข้ามาในใจอีกครั้ง

ไม่ใช่ความเจ็บปวด...แต่เป็นความอบอุ่นแบบเดิมที่เขาเคยรู้จัก

เขายิ้ม

เหมือนกับเข้าใจบางสิ่งในจักรวาลที่ไม่มีใครอธิบายได้

เพราะบางความรัก...ไม่เคยจางหาย

มันแค่รอเวลาหวนกลับมา...ในร่างใหม่

...ทะลุผ่านโรงแก้วอีกครั้ง

“ความรักทะลุโลงแก้ว”

คือ ความรักที่ยิ่งใหญ่และมั่นคงจนสามารถก้าวข้ามกาลเวลา ความตาย และข้อจำกัดของโลก

ถึงแม้ลั่นทมจะจากโลกนี้ไป ร่างของเธอจะเหลือเพียงเถ้าธุลี

แต่หัวใจของชีพยังคงมองเห็นเธอ เหมือนเธอยังยืนอยู่ตรงหน้า

เขา ยังรักเธอแม้จะไม่มีเธออยู่จริงอีกต่อไป และเธอก็ยังตอบรับความรักนั้น แม้อยู่ในอีกภพหนึ่ง

แม้โรงแก้วจะใสบริสุทธิ์ แต่ก็เป็นผนังที่กั้นระหว่าง “คนที่อยู่” กับ “คนที่ลับลา”

แต่ความรักของทั้งสองคน กลับทะลุผ่านมันไปได้อย่างสง่างาม

เป็น รักแท้ที่ไม่ต้องการร่างกาย ไม่ต้องการคำพูด แต่อยู่ในใจ และตราตรึงชั่วนิรันดร์

จ บ

ค ว า ม รั ก ท ะ ลุ โ ล ง เเ ก้ ว

มีต่อภาค2

“ค ว า ม รั ก ท ะ ลุ โ ล ง เเ ก้ ว 2 ” อีกไม่นานทุกคน

จะได้อ่านเเน่นอนฝากติดตามผลงานด่วยนะครับ

ขอบคุณครับ

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!