เมื่อความมืดเดินทางมา แทนที่แสงสว่าง รอบๆบ้านมีแต่ความเงียบสงบ แต่หัวใจของอินทิรามิได้สงบเหมือนกับบรรยากาศโดยรอบ เพราะเสียงใครบางคน ที่กำลังบุกรุกเข้ามา ประตูรั้วบ้านของอินทิรามิได้สูงเท่าไรนัก ผู้บุกรุกคนนั้นอาจจะปีนเข้ามา อินทิรารีบปิดไฟหลังจากที่เธอปิดประตูหน้าต่างแน่นหนาเรียบร้อยแล้ว และอินทิรามั่นใจว่าประตูหลังที่เธอปิดตาย ไม่เคยเปิดมันเลยและไม่มีใครรู้ว่ากุญแจของเธอเก็บไว้อยู่ที่ใด อีกไม่นานผู้บุกรุกก็คงจะออกไป เพราะไม่มีทางเข้ามาในบ้านของเธอได้ แต่ทว่า
“กรี๊ด…! ขโมยไอ้โรคจิตจะทำอะไรชั้นอยากได้อะไรเอาไปให้หมดเลย”
“ชูววว อย่าเสียงดังสิผมแค่คิดถึงคุณเฝ้าดูคุณมานานแล้วนะ อือ หอมจัง”
ชายชุดดำสวมเสื้อฮู้ดปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุมสีดำ เขาเปิดผ้าออกให้เห็นแค่ปลายจมูกของเขา ก่อนที่จะซุกไซร้ผนึกใบหน้าและจมูก ของเขาลงบนลำคอระหงส์ของอินทิราอย่างบ้าคลั่ง มือก็ปัดป่ายลูบคลำ บนเนื้อตัวของเธอ ประหนึ่งว่าจะหยิบมันติดไม้ติดมือกลับไปด้วย แต่อินทิราก็สู้สุดกำลัง เท้าของเธอกระทืบไปที่เท้าของชายชุดดำคนนั้น เขาสูญเสียการทรงตัวเพราะเจ็บ อินทิราได้จังหวะเตะเข้าที่กล่องดวงใจไปหนึ่งครั้ง แล้วก็รีบวิ่งขึ้นห้องของเธอโดยที่ไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ไปด้วย เสียงรถตำรวจจอดอยู่หน้าบ้านพอดี พร้อมกับตะโกนเรียกคนในบ้าน อินทิราเปิดหน้าต่างตรงระเบียงแล้วก็ตะโกนบอก เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายว่า มีคนร้ายอยู่ด้านล่าง แต่เธอไม่สามารถลงไปเปิดประตูให้ได้ เพราะกลัวมันจะทำร้าย นายตำรวจทั้งสองจึงต้องปีนเข้ามา แต่คนร้ายได้หนีออกไปแล้วทางประตูด้านหลัง เสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจเคาะประตูห้องของอินทิรา เธอรีบมาเปิดประตูให้กับเจ้าหน้าที่ทั้งสอง แล้วก็ลงไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ห้องรับแขกด้านล่าง
“ขอบคุณมากนะคะถ้าไม่ใช่ว่าคุณตำรวจทั้งสองคนผ่านมาตรวจตราแถวนี้ ทิราคงแย่แน่”
“ไม่ใช่ครับ มีคนแจ้งว่ามีคนร้ายปีนเข้าบ้านหลังนี้ เสียงผู้หญิงไม่ใช่คุณหรอกหรือที่โทรมาแจ้งน่ะ?”
“ไม่ค่ะทิรากำลังจะโทรแจ้งความอยู่พอดีคุณตำรวจก็มา คงเป็นเพื่อนของทิราาเองนั่นแหละ เพราะ กล้องวงจรหน้าบ้านคงจับภาพของคนร้ายได้ในขณะที่ทิราไม่ทันได้ระวังตัว”
เจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูไฟล์ภาพทั้งหมด แต่ก็ไม่เห็นมีใครเดินผ่านกล้องหน้าบ้านเลย เมื่อตรวจสอบลายนิ้วมือก็ไม่มีเช่นเดียวกัน มีเพียงรอยของรองเท้าผ้าใบขนาดใหญ่เท่ากับเท้าของผู้ชาย เหยียบเข้ามาทางประตูหลัง อินทิราให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าประตูทางด้านหลังนั้นเธอไม่เคยเปิดมันออกเลยและล็อคมันไว้ตลอดส่วนกุญแจนั้นเก็บไว้ในบ้าน
“คนร้ายมันวาร์ปเข้ามาหรือยังไงวะ ไม่มีร่องรอยการงัดแงะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวผมจะให้เจ้าหน้าที่มาตรวจตราที่บ้านของคุณบ่อยๆก็แล้วกันโดยเฉพาะช่วงกลางคืน นี่คือเบอร์โทรของผมโดยตรง ถ้าโทรแจ้งไปที่สถานีแล้วไม่มีคนรับก็โทรเข้าเบอร์ผมได้เลย ถ้าไม่มีรอยเท้านี้ผมคิดว่าคุณคง หลอนและคิดไปเอง มันจะเข้ามาทางไหนภายในบ้านไม่มีกล้องอีกเลยเหรอ?”
“ไม่มีค่ะ”
“ไม่เป็นไรถ้าอย่างนั้นผมสองคนต้องกลับ สน.ก่อน”
“ขอบคุณค่ะมากค่ะ”
อินทิรายังคงจดจำกลิ่นน้ำหอมบนร่างกายของผู้ร้ายคนนั้นได้ เธอนอนไม่หลับ หลังจากได้ผ่านเหตุการณ์น่ากลัวนั้นมา อินทิราพลิกตัวไปมา นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าน้ำหอมของคนร้ายนี้เธอเคยได้กลิ่นที่ไหน คนร้ายสูงประมาณ 180เซนติเมตรโดยประมาณ อินทิราจดจำทุกสิ่งที่เธอได้สัมผัส ถึงแม้จะมองเห็นไม่ชัดในที่มืด แต่เธอมั่นใจว่าคนร้ายตัวสูงกว่าเธอมาก
แสงสว่างจากพระอาทิตย์ในยามเช้านั้นช่วยปลุกให้อินทิราตื่นจากฝันร้ายกับเหตุการณ์เมื่อคืน อินทิราสะดุ้งตื่นอย่างตระหนกหลังจากหลุดพ้นจากฝันร้ายที่น่ากลัว เหงื่อแตกเต็มไปทั่วใบหน้า จนไรผมบางๆของเธอเปียกชุ่ม ในวันพรุ่งนี้แล้วที่เธอจะได้เริ่มงาน โทรศัพท์ คือเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอในเวลานี้ เธอรอเวลาให้เขาทักมาคุย เพื่อครายความกังวล และความเงียบ
“กลางวันแสกๆคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง” เธอปลอบใจตัวเองในขณะที่กำลังจะเข้าห้องน้ำ ในมือของเธอยังคงกำไม้ช็อตยุงไว้แน่น เสียงข้อความในมือถือดังรัวๆ ทำให้เธอสะดุ้ง อินทิราออกมาเปิดข้อความอ่านดูหลังจากที่ทำธุระเสร็จแล้ว
“เมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง?”
“คุณรู้ได้อย่างไรว่าที่บ้านขอทิรามีเรื่อง”
“มีเรื่องอะไรหรือครับผมถามแบบนี้เพราะอยากรู้ว่าเมื่อคืนหลับสบายไหม แต่ถ้าไม่ถามแบบนี้เกรงว่าคุณจะหาว่าผม คิดอะไรไม่ออก ก็พูดแบบเดิมซ้ำๆคุณจะเบื่อ”
“อ๋อ เมื่อคืนหลับสบายดีค่ะ”
อินทิราเลือกที่จะไม่บอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องนั้น คนที่เธอไม่เคยพบเจอตัวจริงของเขา พริษฐ์ เป็นเพียงเพื่อนแก้เหงาในแอพเท่านั้น เธอจะไม่มีวันไปพบเจอเขา แล้วก็ไม่จำเป็นต้องบอกทุกเรื่องให้เขารู้ ความสัมพันธ์ของเธอระหว่างเขาจะมีเพียงแค่ในโลกของการสื่อสารทางโทรศัพท์ เท่านั้น ทว่าในบางครั้งเหมือนกับว่าอินทิรา ก็แอบทรยศความตั้งใจเดิม เธอรู้สึกชอบการที่ได้คุยกับเขา ขึ้นมาจริงๆ และอยากเห็นหน้าเขาที่เป็นตัวจริงขึ้นมา เธอเผลอมองโทรศัพท์ทั้งวัน เหมือนกับว่ากำลังรอคอยให้เขา ทักมาคุย เมื่อได้ยินเสียงข้อความดังขึ้น หัวใจของเธอเต้นแรงทุกครั้ง ตื่นเต้นและมีความสุข เหมือนกับเด็กน้อยวัยแรกรุ่น อินทิรามไม่เบื่อที่จะตอบโต้ข้อความของเขาเลย แหมในข้อความที่เขาส่งมาจะไม่ได้มีคำพูดที่หวาน และไม่มีท่าทีว่าจะจีบเธอ มันเป็นเพียงประโยค ที่เพื่อนส่งถึงเพื่อน และหลายๆประโยค เหมือนกับว่า เขารู้ว่าเธออยู่คนเดียว จึงชักชวนคุยเพื่อให้เธอรู้สึกว่ามีเขาอยู่ด้วยตลอดเวลา อินทิราอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้คุยกับใครก็ไม่รู้ที่อยู่ในโลก แห่งความหลอกลวงนี้ พริษฐ์ ตอบแชททุกแชทที่อินทิราส่งให้เขา เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกกลัวเวลาที่อยู่คนเดียวในตอนกลางคืน ถึงแม้ว่าในเวลานั้นเขากำลังจะทำงานอยู่ก็ตาม
“พรุ่งนี้คุณก็ต้องไปทำงานแล้วสินะเวลาของเราไม่ตรงกันแล้ว”
“ทิราจะรอคุยกับคุณช่วงวันหยุดก็แล้วกันค่ะ”
“เธอไม่มีเวลาคุยกับเราแล้วสินะชั้นคงเหงาแย่” พริษฐ์ รำพึงรำพัน ในขณะที่กำลังเล่นดนตรีอยู่ เขาจินตนาการว่า ถ้าอินทิราได้มาเจอเขาตัวจริงๆแล้วจะได้ฟังเพลงของเขาเธอจะชอบหรือเปล่า นักดนตรีฉายาหน้าเดียวที่เพื่อนๆในวงตั้งให้ บัดนี้เขากำลังคลี่ริมฝีปากยิ้มหวาน อยู่หน้าเวที คนที่ไม่รู้ ก็คิดว่าเขายิ้มให้ จึงส่งยิ้มตอบให้เขา
“นักร้องหน้าหนวดคนนี้ยิ้มเป็นด้วยเหรอวะ ยิ้มไม่หุบตาลอยแบบนี้กูว่าคงพี้มาแน่ ๆ”
ในวันแรกที่อินทิราเริ่มงาน เธอไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเสียงโทรศัพท์เพราะเกรงใจ สถานที่ที่เธอทำงานอยู่ เกรงใจเจ้าของร้าน อินทิราตั้งใจทำงานมากเพราะเธอไม่อยากตกงานนี้ ถึงแม้ว่าบ้านนั้นที่เธออาศัยอยู่ พ่อแม่ที่ต่างจังหวัดจะซื้อให้ แต่หลังจากที่เธอเรียนจบและได้ทำงานแล้ว อินทิราก็ไม่เคยไปรบกวนขอเงินพ่อแม่อีกเลย เธอต้องดิ้นรนหาเงินมาเลี้ยงชีพของตัวเองให้ได้ และไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วง สิ่งที่เราไม่เคยเล่าอะไรให้พ่อแม่ฟัง ไม่เช่นนั้น พ่อและแม่คงขายบ้านและบังคับให้เธอกลับไปอยู่บ้านนอก
“ทำงานวันแรกก็วุ่นวายเลยโชคดีที่คุณทิราจบบัญชีมาจึงรู้ระบบงานได้เร็วแถมยังคิดเลขได้เร็วอีกด้วย แต่ตอนนี้มันเป็นช่วงโปรโมชั่น ลูกค้าก็เลยเยอะแบบนี้แหละ แต่ถ้าหมดช่วงโปรคงจะไม่แน่นขนาดนี้ ได้เวลากลับบ้านแล้ว คุณทิรากลับบ้านก่อนเถอะค่ะเดี๋ยวมันจะดึก”
ทิราหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู ตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาว่า ตอนนี้ 21:00 น กว่าแล้ว เธอเดินออกมาจนถึงหน้าถนนใหญ่ ในขณะที่อินทิรากำลังโบกรถเพื่อจะกลับบ้าน เสียงของใครคนหนึ่งก็ตะโกนเรียกเธอ
“ ทิรา ๆ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ”
“จะดีหรือคะนี่มันดึกแล้ว ทิราต้องทำงานพรุ่งนี้ด้วยนะสิ”
“ดึกอะไรกันยังไม่สี่ทุ่ม เลย พี่สัญญาว่าห้าทุ่ม พี่จะรีบไปส่งเธอ”
“ก็ได้ค่ะ”
อินทิราอยากกลับไปคุยกับชายผมยาวมากเลยคนนั้นมากกว่าแต่เธอรู้สึกเกรงใจ ปราณ รุ่นพี่ที่ทำงาน และเป็นคนและนำงานนี้ให้กับเธอ ปราณขับรถพาอินทิรามายังผับแห่งหนึ่ง
“พี่ปราณ พี่บอกว่าจะพาอินมากินข้าวแล้วทำไมถึงพามาที่นี่?”
“ ในนี้มีห้อง วีไอพี พี่จองไว้แล้ว”
อินทิรา เดินตามปราณ เข้าไปจนถึงข้างในสุดของผับซึ่งมีห้องเล็กๆหลายห้อง ในนั้นมีโต๊ะและโซฟาสามารถสั่งอาหารได้ อินทิรากำลังหิวเธอสั่งน้ำผลไม้เและข้าวผัดธรรมดา ๆ เพราะจะได้รวดเร็ว เมื่อเธอกินข้าวเสร็จเธอก็จะได้รีบกลับบ้านทันที ในขณะที่กำลังรออาหารอยู่อินทิราเปิดข้อความในแอปมาอ่านมีข้อความจาก พริษฐ์ หลายข้อความ และข้อความสุดท้ายเขาได้บอกกับเธอว่า
“คืนนี้ถ้ากลับบ้านแล้วรีบนอนนะครับ อย่าลืมปิดประตูล็อคให้แน่นหนาเปิดไฟในบ้าน ให้สว่างได้เป็นดีเพราะคนร้ายจะไม่กล้าปรากฏตัว ในที่มีแสงสว่าง ในที่มีแสงสว่างคืนนี้ผมมีเล่นดนตรีแค่ที่เดียว ก่อนหนึ่งทุ่มหลังจากนั้นก็จะสังสรรค์กับเพื่อนคงไม่ได้คุยกับคุณคืนนี้ ฝันดีดูแลตัวเองด้วย”
“ทิราสั่งน้ำอะไรเพิ่มอีกไหม?”
ปราณ ขัดจังหวะเมื่อเห็นอิทธิรามัวแต่สนใจโทรศัพท์มากกว่าเขา
“อ๊ะ…ค่ะทิราสั่งไปแล้วค่ะเป็นข้าวผัดกับน้ำผลไม้ รวม”
“ไม่ดื่มเบียร์เป็นเพื่อนพี่หน่อยเหรอ?”
“ไม่ค่ะทิราไม่ค่อยสันทัดกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คราวที่แล้วเกือบตาย”
“ถ้าอย่างนั้นทิรา นั่งรออาหารไปก่อนนะพี่ขอตัวเข้าห้องน้ำแป๊บนึง”
ปราณ เป็นผู้ชายอบอุ่นที่ใครหลายคนในที่ทำงานเก่าของเธอหมายปอง อยากได้เขามาเป็นคู่ครอง แต่อินทิรากับรู้สึกได้เพียงแค่พี่ชายที่เคยร่วมงานกันเท่านั้น พนักงานเสริฟ นำข้าวมาเสิร์ฟให้อินทิรา เพียงไม่กี่นาทีน้ำผลไม้ที่เธอสั่งก็มา กลิ่นหอมๆชวนให้อินทิรา หยิบยกมันขึ้นมากระดกดื่มรวดเดียวเกือบครึ่งแก้ว เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ อินทิราก็เริ่มมีอาการแปลกๆ ร่างกายของเธอร้อนรุ่มดังมีไฟลุกไหม้ อยู่บนร่างกายของเธอ ร่างกายของอินทราเริ่มมีความต้องการ ไม่มีถังขยะอยากถูกใครสักคน สัมผัส อินทิรา อึดอัดจนไม่สามารถอยู่ในห้องแคบ ๆนั้นต่อไปได้ เหงื่อบนร่างกายผุดออกมาเป็นใบหน้า คิดได้แต่เพียงว่าเธอต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่สติสัมปชัญญะของเธอเริ่มจะขาดหาย ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่าเลือน หัวหมุนติ้ว ในที่สุดเธอก็ตะเกียกตะกายออกมาถึงหน้าร้าน รถแท็กซี่ คันหนึ่งจอดรอผู้โดยสารอยู่ ผู้ชายผมยาวคนนั้น เธอจำได้ว่าเขาคือคนที่คุยกับเธอ เขาเปิดประตูเข้าไปก่อน แล้วอินทิราก็รีบตรงไปเปิดประตูอีกข้าง เข้าไปนั่งใกล้ๆเขา พริษฐ์ ตกใจกับสภาพของอินทิราที่เขาเห็น
“ทิรา…คุณมาได้ยังไง?”
“ช่วยพา ทิรา กลับบ้านที ทิรากำลังแย่”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 13
Comments