...Whisper of the south....
...: เสียงกระซิบเเห่งเเดนใต้...
.
.
.
.
.
ตอที่ : 3
วันที่ฝนตก
วันนี้ตั้งเเต่เช้าก็มีอากาศหนาวเเละลมเย็นพัดมาเป็นระยะๆ เเละไม่นานฝนก็เทลงมาจนได้ มันตกเเบบนี้ได้เป็นอาทิตย์เเล้ว ซึ่งยิ่งฝนตกเเบบนี้บ้านของเด็กชายคนนั้นก็ยิ่งมีน้ำลั่วไหลจากหลังคา พื้นก็เลยชื้นเเชะเต็มไปด้วยน้ำฝน เเละเขาที่อยู่บ้านคนเดียวก็ได้เเต่เอาผ้าเก่าๆ มาเช็ดเเล้วเช็ดอีก
ส่วนทางเเม่ณะที่เดินไปทำงานก็มีฝนที่ตกลงมาจึงทำให้เธอเปียกไปหมด พร้อมกับลูกสาวคนเล็กของเธอด้วย เด็กสาวก็เปียกโชกไปด้วยฝน เเละพวกเธอก็รีบวิ่งไปที่ล่ม เเละเมื่อเวลาล่วงไปถึงยามบ่ายทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ เเดดก็กลับส่อง เเละๆอากาศที่ร้อนก็กลับมาอีกครั้ง
.
.
ณ เมื่อ เที่ยงเศษๆ
.
เเละในวันนี้เหตุผลที่เขาไม่ทำงานกับพ่อเฉกเช่นเคยก็เป็นเพราะว่าตัวเขานั้นไดรับบาดเจ็บจากการทำงานจึงทำให้เขาอยู่บ้านเเละในวันนี้ บ่ายๆ เขาก็ได้ออกมานั่งข้างหน้าบ้านตรงที่เก้าอี้ตัวเดิม พร้อมกับสายตาของเขาที่มองระฮ่อยไปยังเด็กคราวเดียวกันที่เดินผ่านหน้าเขาไป พวกเขาเหล่านั้นเเต่งกายด้วยชุดนักเรียนเเละสะพายกระเป๋า
ซึ่งเขาไม่มี เขาก็เลยเข้าบ้านไปหากระเป๋าเเละชุดที่คล้ายกัน เเละหลังจากนั้นก็ใส่เเละออกไปเดินข้างนอก ถึงเเม้จะเจ็บอยู่ก็ตาม เเละเมื่อพ่อของเขามาเห็นเขาเข้า ชายหนุ่มที่เกนื่อล้าอยู่เเล้วบวกกับภาพตรงอีก มันก็ทำให้เขาได้ถามเขาออกไป ว่า
“นี่เเกทำอะไรอยู่”
พร้อมกับสายตาคู่นั้นที่จ้องเขม็ง
เขาไม่ตอบเเละหันกลับไปเพื่อเดินกลับบ้านไปพร้อมกับพ่อของเขทเเต่นั่นก็ไม่, พ่อของเขากระชากตัวเเละจับเขาหันมาให้เด็กชายเผชิญหน้ากับตัวเขา เเละบอกให้เด็กชายตอบ
“นี่เเกจะทำให้ฉันอับอายหรอ ”
เขากลัวว่าจะได้รับการขายหน้าจากการกระทำของลูกชาย เเละเขาก็คว้ามือตีไปที่หลังด็กชายจนได้ นั่นทำให้เขากระเด็นไปตามเเรงที่พ่อเขาตบ เเละนั่นก็ทำให้เด็กชายกุมหลังของตัวเองเเละเเหงนหน้ามองพ่อ
เเต่เขาก็ไม่สนใจที่จะใส่ใจ เขาลากเเละดึงเเขนของเด็กชายกลับบ้าน, มันทำให้เขานึกสงสัยถึงการกระทำไร้เหตุผลของเขาจริงๆ ,เเละระหว่าง นั้นเขาได้เอ่ยถามขึ้นมา
“โรงเรียนคืออ่ะไรทำไมพวกเขาถึงไป”
.
เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัยเเก่พ่อ
.
“นั่นคือที่ๆทำให้เด็กๆ ไร้สาระเเละปัญญาอ่อน”
.
เขาพูดออกไปโดยคิดเเค่ว่า ทำให้ลูกชายเขาคิดไม่ดีต่อมันเเละถ้าเขาเกลียด เขาก็จะไม่ถามถึงมันอีก
เเละวันถัดไป เมื่อเขาหายดีก็ไปทำงานกัพ่อของเขาเหมือนเดิม กิจวัตรประจำเเบบนี้ก็ได้ล่วงเลมาถึงตอนที่เขาอายุได้ 10ปี กว่าๆ ถึงเเม้จะทำงานมาทั้ง 3ปี เขาเองก็ไม่เคยได้รับค่าตอบเเทนเเละผลพลอยได้อะไร ทุกอย่างเข้ากระเป๋าของเเม่หมด เเม้เเต่สักนิดหนึงเขาก็ไม่ได้รับ
(เขาเล่า/บรรยาย)
เเละไม่นานนี้ที่ฉันอายุได้10 ปี เเม่ของฉันเธอก็เลิกไปทำงานที่บ้านตาเเก่เเล้ว เพราะเมียของเขากลับมาเราจึงไม่ได้ไปอีกเเล้ว เเละในตอนนี้น้องสาวของฉันอายุได้ราว 5 ขวบเเล้ว ส่วนเเม่ของฉันเธอท้องอีกเเล้ว
หลังภรรยาของเจ้าอู่กลับมาได้ไม่นาน ที่บ้านของเด็กชายก็มีเรื่องไหม่ นั่นก็คือเเม่ของเขาได้ตั้งได้ประมาณสามเดือนเเล้ว สำหรับคนนี้เขาก็เฉยๆเเละไม่ได้เเสดงอาการอะไรออกมา(พ่อ)
ก็มีเพียงเเค่เด็กชายที่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เเม่ของเขาไปทำงานที่นั่น เธอไม่ได้ตั้งท้องกับพ่อ เเต่เธอตั้งท้องกับเเต่ลุงเเก่เจ้าเล่นั่น
หลายเดือนก่อนที่เขาได้อุ้มน้องเเละวิ่งไปหาเเม่ที่บ้านของตาเเก่ ก่อนที่จะเข้าไปในบ้าน เขาให้น้องสาวรอเเละพักอยู่ข้างนอกเนื่องจากเขาอุ้มเธอไม่ไหวเเละ เเละเธอเองก็เดินไม่ได้จากการบาดเจ็บ ที่เธอเผลอไปเยียบตะปูเข้า นั่นก็เลยเป็นสาเหตุที่สองพี่น้องวิ่งมาหาเเม่ เเละเมื่อเข้าเขาไปตามหาเเม่ข้างใน ภาพที่เห็นคือทั้งสองกำลังนัวเนียกัน เเละตาเเก่ได้ลูบไล้ไปมาบนตัวของเเม่ฉัน หลังจากที่เขาเห็นเด็กชาย ก็ตะโกนเสียงดังขึ้น นั่นก็เลยทำให้เเม่ของเขาตกใจเเละรีบผลักตัวออกจากจากเขาเเละทำทีท่าทำความสะอาดบ้านเหมือนเดิม เขาได้เเต่ยืนดูด้วยความสับสน
“นี่เเกมาทำอะไร รีบออกไปเลยนะ ไอเด็กบ้า”
หลังจากที่เด็กชายได้ยินเขาก็หันไปทางเเม่เเละพูดว่า :
“น้องไปเหยียมตะปูมา ตอนนี้เลือดไหลออกหมดเเล้ว ”
.
พอเธอได้ยินก็รีบออกไปดูลูกสาว ส่วนเขาก็ยังยืนดูชายเเก่กำลังสวมเสื้อเเละจัดเสื้อผ้าของเขาให้เรียบร้อยเหมือนเดิม
“นี่เเกมองอะไร”
“ไม่”
เขาเอ่ยตอบ
เเละได้วิ่งออกไปหาเเม่เเละน้องสาว
ตัดภาพมาที่บ้าน
พอระยะเวลาผ่านมาได้ได้สักประมาณเจ็ดเดือนเเม่ของเขาก็เริ่มทำงานไม่ไหวเเล้วจึงได้เเต่พักอยู่ที่บ้านจนกว่าจะคลอด ส่วนเขาก็ไม่ได้ทำงานกับพ่อเเล้ว เขาอาสาออกมาจากที่นั่นเเละไปทำงานเป็นเด็กเข็นผักในตลาดที่ส่งให้ร้านต่างๆเเละว่างๆก็เข้าไปล้างจานในร้านข้างทาง เเละนั่นเเหละที่ทำให้เขาเริ่มรู้จักเส้นทางของยาเสพติด
วันหนึ่งที่เากำลังทำหน้าที่ ที่ละเลยจากการล้างจานหลังครัวมาช่วยเสิร์ฟอาหารหน้าร้านบ้าง เเละตอนนั้น ในโต๊ะหนึ่งตรงมุมขวาได้มีเสียงเด็กวัยรุ่นนั่งคุยกันถึงการนำยาลักลอบเข้าไปขายในคุก โดยเสียงกระซิบ ในตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจอะไรมาก เละปล่อยละเลย เเต่เมื่อพอเขาได้ยินคำหนึ่งจากปากของวัยรุ่นหนึ่งในกลุ่มเข้า จึงเริ่มมีความลังเลในใจขึ้น
.
.
เพราะการที่เราเอาไปขายในนั้นจะได้ราคาที่ดีขึ้น
เเละมากกว่านั้นคือ การที่เราต้องเดินทางไปเอาของนี่เเหละ ถ้าเราไปกันเองคงต้องมีการสงสัยเป็นเเน่
หนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น
มันซ่อนอยู่ในลูกอมหลายหลายชิ้นเเล้วก็ในตุ๊กตา ถ้าสมมุติเป็นไปได้ เราให้เด็กไปไปซื้อ หรือยกลังมา คงไม่น่าสงสัย ว่ามะ
1.เลย เป็นเด็ก 2. เด็กเเถวนี้ที่ยากจนเเละทำงาน ไม่น่าเเปลกนะถ้าจะทำเเบบนี้
ข้อสุดท้าย ข้อ 3. หน้าเราโผล่อยู่มากเเล้วทุกที่
เออ ถ้าเป็นไปได้อย่างว่า ก็ดี หนึ่งในสี่พูดจบก็สูบบุหรี่เเละพ่นควันต่อ
เเละพอเขาเข้าไปเก็บจานใจร้าน เขาคิดว่าถ้า เจรจาดีๆ น่าจะได้เงินเยอะเหมือนกัน พอถึงเวลาเหมาะสมเขาก็จะออก พวกนี้ใครๆก็รู้เห็นว่าดีเเต่เเรกๆ
ถ้าได้เงินนั่นมาเขาจะเก็บเอาใว้เเละไม่บอกใคร เเละพาน้องสาวหนีไปด้วยกัน คงหน้าจะดี การอยู่ต่อที่นี่มันทรมารเกินกว่าเเล้ว
เพราะฉะนั้นเขาเลยรวบรวมความกล้า เข้าไปทักพวกนั้นก่อนที่ พวกเขาจะออกจากร้านไป
“นี่ พวกนายต้องการคนไช่มั้ย ”
หลังจากที่พวกเขาได้ยิน ก็มีทีท่าหวาดระเเวงมองไปรอบๆเเละพูดขึ้นว่า:
“ไอหนู เอ็งรีบออกไปเลยนะ เเละทีหลังอย่ามาพูดอะไรไร้สาระกับพวกเราอีก”
“ไม่งั้นเอ็งตา* เเน่ ” เขาขยับปากโดยไม่มีเสียง พร้อมกับทำท่าเชือดคอให้เขาดู
เเต่เด็กชายก็เข้าใจดีถึงมัน
เเละจากนั้นที่พวกนั้นกำลังเดินออกไป เด็กชายได้พูดขึ้นเสียงเบาๆว่า ถ้าพวกนายต้องการคน ฉันจะไปให้ได้ เเต่ต้องมีค่าเเรกเปลี่ยน
“ ฉันรู้ว่าพวกเขาได้ยิน ”
กลุ่มวัยรุ่นนั่นก็เดินออกไป เขาก็ได้เพียงกลับมาทำงานเหมือนเดิม
เเละวันหนึ่งในทางกลับบ้าน
เขาได้เจอวัยรุ่นกลุ่มเดิม ที่มีคนอีกคนอยู่ด้วย เหมือนว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน เเละวัยรุ่นหนึ่งสี่ ก็หยิบเศษกระดาษยื่นให้ชายร่างอ้วน มีหนวดคนนั้น
พอเขาเห็นก็พยักหน้า
เท่าที่ตัวฉัน สังเกต ผู้คนเห็นตำตา เเต่ก็ทำเป็นไม่เห็น (เขาคิดในตอนนั้น)
เเละโอกาศก็มาหาเขาจริงๆ
เเต่คราวนี้เขามาคนเดียวพร้อมกับสไตล์การเเต่งตัวที่เปลี่ยนไป เหมือนจะหลบซ่อนบางอย่าง
.
.
.
.
...----------------...
...ตอนต่อไป...
...↓↓↓↓↓↓↓...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments