ณ เวลานี้ภายในห้องหอที่จัดเตรียมไว้ให้องค์ชายใหญ่ หลิ่งเฟยหลงกับพระชายาของเขาเกาเฟิ่งลู่
แต่ตอนนี้กับกลายเป็นห้องปะมือต่อสู้กันเสียอย่างนั้น
หลิ่งเฟยหลงพุ่งซัดใส่อีกฝ่ายไม่หยุดอีกฝ่ายก็ทำได้เพียงแค่หลบการโจมตีของอีกฝ่ายได้เท่านั้นเพราะว่าเขาไม่ใช่คู่มือของอีกฝ่าย
แย่ละสิ ไม่คิดเลยว่าเจ้าหมอนี่จะส่งคนมาดูเราเช่นนี้และใครจะไปคิดอีกว่าอีกฝ่ายจะยอมเข้าหอเพื่อมาทำเรื่องบ้าๆเช่นนี้แย่ละสิขืนให้อีกฝ่ายจับตัวได้มีหวังได้ตายคามือแน่ๆ!!
"เจ้านั้น บอกว่าพระชายาของข้ามีวิชาป้องกันตัวไง แต่ไหนถึงเอาแต่หลบข้าเช่นนี้ล่ะไม่คิดที่โต้กลับมาหน่อยหรือหลิวเฟิ่งลู่ของข้า"หลิ่งเฟยหลงที่เห็นอีกฝ่ายเอาแต่หลบก็เริ่มไม่สนุกเสียแล้ว
"เลิกเรียกข้าแบบนั้นได้แล้ว ข้ากับเจ้าไม่ได้เป็นกันแบบนั้นเสียหน่อย!และอีกอย่างข้าแซ่เกา!" หลิวเฟิ่งลู่รู้สึกปวดหัวกับอีกฝ่ายเป็นอย่างมากและไม่รู้จะเริ่มจุดไหนก่อนดี
"เจ้าไม่ต้องมาหลอกข้าหรอกก่อนที่เจ้าจะมาที่นี่ข้าได้ส่งคนไปสืบมาเรียบร้อยแล้วล่ะ ว่าความจริงแล้วเจ้าน่ะเป็นลูกอนุภรรยาชั้นต่ำถูกผู้เป็นพ่อรังเกียจเข้าไส้ซะจนแซ่เกายังมิให้ตั้งเลยจึงต้องใช้แซ่ของผู้เป็นแม่แทน"
"หึ รู้ขนาดนั้นแท้ๆแต่ก็ยังคิดจะแต่งงานกับข้าเจ้าไม่คิดจะเสียใจหน่อยหรือที่ได้เพียงแค่เศษขยะของเมืองฉู่อย่างข้ามาครอบครองน่ะ" หลิวเฟิ่งลู่กล่าวออกมาแต่ก็ยังตั้งท่าหลบอีกฝ่าย
"เศษขยะ? เข้าใจหาคำมาว่าตัวเองดีเสียจริงนะเจ้าน่ะ ทั้งๆที่เจ้าน่ะทั้งงดงามและมีความสามารถมากมายเช่นนี้แต่กลับเอาแต่ว่าให้ต่ำลงเสียอย่างนั้น" หลิ่งเฟยหลงกล่าวกับอีกฝ่ายที่เอาแต่ว่าตัวเองไม่คิดจะมองค่าตัวเองเสียอย่างนั้น
"เพราะความจริงความสามารถพวกนี้มันไม่ได้เกิดมาจากข้าตั้งแต่แรกอย่างไงล่ะ"หลิวเฟิ่งลู่เบื่อกับคำพูดของอีกฝ่ายที่เอาแต่ชวนให้ปวดหัวตลอดเวลาจึงเตะขวดสุราที่วางอยู่บนโต๊ะใส่อีกฝ่าย
หลิ่งเฟยหลงสามารถปัดออกได้อย่างสบาย แต่ว่าอีกฝ่ายเองก็พุ่งเข้ามาประชิดตัวเขาเช่นกันอีกฝ่ายพุ่งไปดึงหน้ากากสีทองที่อีกฝ่ายนั้นปกปิดใบหน้านั้นเอาไว้ไม่ให้เขาเห็นอยู่นานได้
เมื่อหน้ากากถูกดึงออกก็ทำให้เห็นใบหน้าภายใต้หน้าสีทองนั้น ใบหน้าสีหล่อเหลาสีขาวซีด คิ้วทั้งสองข้างตวัดเฉียงขึ้นดุจกระบี่ ดวงตาหงส์อันแคบยาวที่เชิดขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาสีม่วงอย่างกับอัญมณีนั้น
หลิวเฟิ่งลู่เห็นใบหน้าอีกฝ่ายก็อึ้งกับความหล่อเหลาของอีกฝ่ายทันที ขาแขนสองข้างไม่ยอมขยับเลยแม้แต่น้อยเหมือนกับว่าเขาถูกมนต์สะกดเอาไว้
นี่หรือหน้าที่แท้จริงของตัวร้ายในนิยายเรื่องนี้ ทำไมถึงหล่อขนาดนี้นะไม่อยากจะเชื่อเลยหล่อซะจนรู้สึกว่าถ้าตายเพราะเขาคงดีแท้แน่
หลิ่งเฟยหลงเห็นอีกฝ่ายที่ยืนถือหน้ากากนิ่งไปไม่ยอมขยับหนีก็รีบจับตัวอีกฝ่ายกดไว้กับเตียงทันทีด้วยความรวดเร็ว
หลิวเฟิ่งลู่ที่ถูกอีกฝ่ายพุ่งโจมตีจับกดเตียงเช่นนี้ก็ทำอะไรไม่ถูกทันที "เจ้าปล่อยข้านะ ปล่อยอ้าก!"
คนใต้ร่างดิ้นอย่างแรงแต่กับถูกคนด้านบนจับรวบแขนสองข้างไว้ด้วยมือข้างเดียวแน่นและจับรวบไว้เหนือศีรษะอย่างแรงและยังบีบอีก
"ในที่สุดก็จับตัวได้เสียที สุดท้ายวิชาป้องกันตัวที่เจ้าว่าฝึกมาก็เป็นแค่คำโกหกหมดเลยสินะเจ้าน่ะ" หลิ่งเฟยหลงมองคนใต้ล่างที่หันหน้าหลบไม่ยอมมองหน้าตน
หลิวเฟิ่งลู่หลบสายตาของอีกฝ่ายไม่กล้ามองหน้าไม่ใช่เพราะกลัวอีกฝ่ายแต่ว่าใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นหล่อเหลาเกินไปจนเขาไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายก็เท่านั่น
"เหตุใดจึงไม่หันหน้ามามองข้า....หรือว่าพอเห็นใบหน้าของข้าแล้วทำให้เจ้ากลัวจนไม่กล้ามองรึ?" หลิ่งเฟยหลงเห็นอีกฝ่ายเอาแต่หลับหันหน้าหลบไม่ยอมมองหน้าก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา
เขาบีบกรามอีกฝ่ายให้เห็นหน้ามามองตนก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น "มองหน้าข้า...ถ้าขืนยังคิดจะขัดขืนข้าละก็เตรียมตัวตายอย่างที่เจ้าหวังไว้ได้เลย...."
หลิวเฟิ่งลู่ได้ยินอีกฝ่ายกล่าวเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนที่จะยอมหันหน้าไปหาอีกฝ่ายช้าๆและลืมตามองใบหน้าอีกฝ่ายที่จ้องมองมาที่ตน
"ทำสิ....ฆ่าข้าสิ"เขากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
อ่า...ถ้าต้องมาตายเพราะตัวร้ายตรงหน้าฆ่าละก็...ก็คุ้มดีนะได้ตายเพราะฝีมือของตัวละครที่ชอบแบบนี้ก็คุ้มดี....ดีกว่าต้องไปตายอย่างเดี่ยวดายท่ามกลางหิมะเช่นนั้น.....
แต่ว่าหากข้าตายไปแบบนี้ตั้งแต่ต้นเช่นนี้เจ้าจะต้องไปเจอกับเฉินจิ้นหลิงนายเอกคนนั้นที่แย่งบทข้าไปและหลังจากนั้นเจ้าก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เขามาให้ได้แบบนั้นแต่สุดท้าย....เจ้าก็จะต้องตายเพราะเขา ข้าจะทำอย่างไรดีล่ะ อยากจะช่วยแต่ร่างที่แสนอ่อนแอเช่นนี้จะทำอะไรได้ล่ะ? ข้าควรจะทำอย่างไรดี ตัวร้ายของข้า....ข้าควรทำอย่างไรดีถึงจะช่วยเจ้าไม่ให้ตายเช่นนั้นได้นะ
แววตานั่นมันอะไรกัน...ทำไมคนผู้นี้ถึงได้มองข้าด้วยสายตาห่วงหาเช่นนั้น ทำไมกันนะ นี่เขาอยากจะตายจริงๆอย่างที่ปากว่าจริงๆรึ?....
ความแข็งแกร่งและความสามารถมากมายของหลิ่งเฟยหลงทำให้ผู้คนในวังและเชื้อพระวงศ์ต่างหวั่นพรั่งพรึงกันทันนั้น หากแต่ว่าสายตาของคนใต้ร่างนั้นที่มองมากลับเห็นเขาดูน่าเวทนาสงสาร ราวกับว่า....
"ทำไมเจ้ายังไม่รีบลงมือเสียทีล่ะ?"หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมคนใต้ล่างก็เปิดปากพูดกับอีกฝ่ายที่กำลังมองมาตนไม่วางตา
"นี่เจ้าอย่าบอกนะว่า....อยากตายขนาดนั้นเลยรึ?" หลิ่งเฟยหลงไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้หวั่งเกรงต่อตนและความตายที่กำลังใกล้เข้ามาเลยแม้แต่น้อย
"ถ้าได้ตายด้วยน้ำมือของคนที่ตนรักมันจะไปเสียหายอะไรและอีกอย่างไม่ช้าก็เร็วข้าก็ต้องตาย อยู่ดี...."เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่บอกอารมณ์ไม่ถูก
หลิ่งเฟยหลงได้ยินอีกฝ่ายก็กล่าวเช่นนั้นก็นิ่งอึ้งไปในทันที
รักรึ? คนคนนี้แค่เห็นหน้าข้าครั้งแรกก็รักข้าเลยรึตลอดที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าพูดเช่นนี้เลยไม่ใช่เพราะหน้าตาแต่เป็นเพราะกลัวเขาที่เป็นเหมือนปีศาจในคราบมนุษย์เป็นแค่สัตว์ประหลาดในสายผู้คนที่เห็น แม้แต่ท่านพ่อที่เห็นหน้าเขาก็ยังไม่เคยคิดจะมอบความรักในฐานะพ่อให้เลยแม้แต่น้อย แต่กับคนคนนี้กับตอบมาว่า...
ถ้าได้ตายด้วยน้ำมือของคนที่ตนรักมันจะไปเสียหายอะไร....
คำที่พูดออกมานั้นมันคือความจริงหรือว่าแค่ประชดเท่านั้นนะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนผู้นี้ที่เป็นแค่สิ่งของเท่านั้นแต่กลับทำให้ข้า....ทำให้คนอย่างข้า
หลิวเฟิ่งลู่เห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมลงมือเสียทีก็คิดจะขยับ แต่กลับถูกอีกฝ่ายสกัดจุดเอาไว้ทำให้ขยับร่างกายไม่ได้
"นี่เจ้าทำบ้าอะไร คลายจุดเดี๋ยวนี้นะ"หลิวเฟิ่งลู่รู้สึกตกใจที่อีกฝ่ายสกัดจุดไม่ให้ร่างกายขยับเช่นนี้ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะต้องทำอะไรก่อนฆ่าตนแน่ๆ
"ก็เจ้าบอกเองไม่ใช่รึว่าอยากตายน่ะ แต่ก่อนตายขอลิ้มลองเสียหน่อยว่าการนอนกอดบุรุษนั้นมันมีความรู้สึกแตกต่างกับสตรีอย่างไร"พูดจบก็กระชากเสื้ออีกฝ่ายออกทันที
หลิวเฟิ่งลู่รู้สึกทำตัวไม่ถูก ที่ตอนแรกคิดว่าอีกฝ่ายจะฆ่าเขาเลยแต่ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายนั้นจะมีอารมณ์กับคนอย่างเขาเช่นนี้ด้วยเพราะว่าเขาหน้าสวยหรือว่าอะไรกันแน่..
แต่ว่ามันต่างจากนิยายเป็นอย่างมากราวกับฟ้ากับเหวเพราะปกติแล้วตัวร้ายควรจะหนีการเข้าหอไปซะ แต่กับเปลี่ยนมาอุ้มเข้าห้องหอแทนและก็ปะมือกับเขาไปมาสักพักก็คิดทำเรื่องอย่างว่ากับเขาก่อนฆ่านี่มันเรื่องบ้าอะไรฟะเนี่ย!!
"อะ ไม่นะอย่านะหยุดนะ!!ถ้าจะฆ่าข้าก็ทำซะอย่า...ทำแบบนี้กับข้า!" หลิวเฟิ่งลู่รู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีเมื่อมือเย็นเฉียบของอีกฝ่ายนั้นล่วงเข้ามาในกางเกงของเขา
"ความตายของเจ้าข้าจะเป็นคนกำหนดเอง! ข้าอยากให้เจ้าตายเมื่อไรก็จะลงมือเมื่อนั้น! ตอนนี้เจ้าทำเพียงแค่ทำตัวให้สมกับเป็นพระชายาของข้าก็พอแล้ว!"
แววตาและน้ำเสียงที่กล่าวออกมานั้นทำให้หลิวเฟิ่งลู่รู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่ไปสงสารตัวร้ายเช่นนี้ขึ้นมา
หลังจากนั้นคืนของการหลับนอนของพวกเขาก็เริ่มขึ้นอย่างดุเดือดซะจนเสียงดังไปทั่วบริเวณรอบหอนอนนั้น
-----------------------●●------------------------
"อะ....อา!ไม่นะอึก!!"
หลิวเฟิ่งลู่พยายามกล้ำกลืนเสียงของตนเอาไว้ไม่ให้เล็ดรอดออกไป เหงื่อเย็นเฉียบซึมลึกจนสั่นสะท้าน หยาดน้ำตาจากความเจ็บปวดที่ถูกส่งเข้ามาในกาย ไหลลงตามกรอบหน้างามนั้น
"หลิว...หลิวเฟิ่งลู่..ข้าไม่คิดเลยว่าข้างในของเจ้ามันจะรัดแน่นกว่าสตรีเช่นนี้ ขนาดหญิงบริสุทธิ์ยังสู้เจ้าไม่ได้เลย.."
สองมือของอีกฝ่ายจับต้นขาเรียวยาวแยกออกกว้าง กดทับเอาไว้และกระแทกอย่างบ้าคลั่ง
"อึก...อื้อ!"
หลิวเฟิ่งลู่กัดปากซะจนเลือดไหลออก ทำให้คนด้านบนก้มลงมาจูบครอบครองริมฝีปากบางเล็กนั้นเอาไว้และโถมกายใส่อย่างรุงแรง
"ไม่คิดเลยว่าการกอดบุรุษเช่นนี้กับเจ้ามันจะทำให้รู้สึกดีเยี่ยมเช่นนี้ ถึงตอนแรกข้าจะรู้สึกไม่ชอบใจที่ต้องมาแต่งงานกับบุรุษเพื่อผลประโยชน์แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าคุ้มเสียจริงที่ได้เจ้ามาเป็นของ ของข้าแบบนี้"
องค์ชายใหญ่เอ่ยไปโดนที่ยังคงขบกัดร่างกายใต้ร่าง คุมคามส่วนอ่อนไหวของคนใต้ร่างไม่หยุด เห็นคนใต้ถูกหยอกเย้าซะจนแทบไม่ไหวแล้วก็ยิ่งอยากข่มเหงให้มากขึ้นอีก
หลิวเฟิ่งลู่ทนต่อความรู้สึกที่ถูกอีกฝ่ายหยอกเย้าไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถที่จะขยับหรืออะไรได้เลยทำได้เพียงแค่ครางเสียงต่ำออกมาได้เท่านั้น
กายสูงถอนตัวออกอยู่ครู่ ก่อนที่กระแทกกลับเข้าไปด้านในตัวอีกฝ่ายอย่างแรง และงับยอดอกสีชมพูที่บวมแดงนั้นเข้าไป
"อาาา...!"
ความเจ็บปวดและความเสียวซ่านทำให้ชายหนุ่มใต้ล่างร้องเสียงดังออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ เขาแอ่นตัวขึ้นกระตุกทันที
หลิวเฟิ่งลู่รองรับความปรารถนาอันไร้สิ้นสุดของอีกฝ่ายเอาไว้หมด ด้านในชุ่มเต็มไปด้วยหยาดร้อนของคนด้านบน ทำให้เขาลิ้มรสความรู้สึกของการถูกครอบครองของใครซักคนมันเป็นยังไง
ครอบครองทั้งร่างกายและหัวใจเป็นครั้งแรก...
คนด้านบนดึงคนที่นอนกระตุกขึ้นมาโอบกอดเอาไว้ ก่อนที่จะกระซิบที่ข้างพูดของเขาด้วยน้ำเสียงชวนน่าหลงใหลเย้ายวนใจออกมาเบาๆให้คนที่สั่นกระตุกได้ยินเพียงผู้เดียว
"เฟิ่งเอ๋อร์ เจ้าเป็นของข้า เป็นหลิวเฟิ่งลู่ของข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น...พระชายาที่รักของข้า"
พูดจบก็ขบกัดคอของอีกฝ่ายที่มีรอยขบกัดเป็นจำนวนมากอยากห้ามไม่ได้ คนที่ถูกอีกฝ่ายขบกัดก็ทำได้เพียงแค่ร้องออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้
นี่มันอะไรกันนะทำไมถึงรู้สึกว่าการที่ถูกอีกฝ่ายทำแบบนี้มันดีอย่างไรอย่างนั้นหรือว่า...นี่จะเป็นความรู้สึกของร่างนี้จริงๆกันแน่นะ....
••••••••••••••••¤••••••••••••••••
หลังจากที่หลิวเฟิ่งลู่รู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกครั้ง เขาก็ไม่รู้ว่าเวลานี้เป็นเวลาใดแล้ว บนเตียงนุ่มมีเพียงแค่เขาคนเดียวที่นอนอยู่ ไร้เงาของคนที่สุขสมบนเรืองร่างเขาไป ตัวร้ายของเขานั้นไม่ได้อยู่ข้างกายเขา
ขณะคาดว่าอีกฝ่ายคงจะออกไปทำงานตามประสาทขององค์ชายของที่นี่ ศอกทั้งสองข้างพลางดันตัวขึ้นนั้นเขาก็ทอดสายตามองตัวเองก็พบว่าร่างกายนั้นเหมือนถูกชำระออกไปไร้ร่องรอยของการถูกกระทำแต่ลอยแดงที่ถูกตีตราว่าโดนนั้นยังจางๆให้เห็นอยู่
นี่เขาให้คนมาทำความสะอาดตอนข้าหลับรึ?...
"ตื่นแล้วหรือเฟิ่งเอ๋อร์...."
ในขณะที่กำลังมองร่างกายตัวเองที่เปลือยเปล่าไรอาภรณ์นั้นก็มีเสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้นมาจากมุมใดมุมหนึ่งของห้อง
หลิวเฟิ่งลู่รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกายอันเปลือยเปล่าตัวเองเอาไว้และมองหาเจ้าของเสียงทันที
คนที่พูดก็คือหลิ่งเฟยหลงที่ไม่รู้ไปนั่งเชยคางตรงโต๊ะวางหนังสือตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่อาจทราบได้ หลิวเฟิ่งลู่จ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่พอใจเป็นอย่างมากพร้อมกับพยายามปกปิดรอยต่างๆที่คนตรงหน้าทำทิ้งเอาไว้เต็มตัวไปหมด
"เจ้าจะปิดทำไมกันถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้วและอีกอย่าง...เจ้าก็ไม่ใช่สตรีเสียหน่อย" พูดไปก็ลุกเดินมาหาคนที่นั่งอยู่บนเตียงช้าๆ
หลิวเฟิ่งลู่คิดอยากจะขยับหนีแต่ความเจ็บปวดจากการสุขสมเมื่อคืนนั้นแล่นเข้ามาทำให้ไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้
หลิ่งเฟยหลงมองคนที่คิดจะขยับหนีตนแต่ก็หนีไม่ได้และไหนจะผลงานที่กระทำไว้บนร่างกายนั้นอีกยิ่งรู้สึกชอบใจเข้าไปใหญ่เขายื่นมือไปเชยคางอีกฝ่ายก่อนกล่าว
"อย่ามั่วแต่นั่งเฉยสิ ถ้าตื่นแล้วก็รีบไปเตรียมตัวซะวันนี้พวกเราต้องไปถวายพระพรให้องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาหากช้าจะทำให้พวกเขาไม่ชอบก็เป็นได้"
"เจ้าก็ออกไปก่อนสิแล้วให้สาวใช้มาช่วยข้าซะจะได้รีบไป--!!"ยังไม่ทันกล่าวจบก็ถูกอีกฝ่ายอุ้มขึ้นจากเตียงทันที
"นี่! จะทำบ้าอะไรอีกปล่อยข้านะ!!"เขาดิ้นออกจากอีกฝ่ายแต่ยิ่งดิ้นความเจ็บปวดก็ยิ่งรุนแรงขึ้นจนต้องกำเสื้ออีกฝ่านแน่น
"อย่าดิ้นให้มากนักสิ ยิ่งขยับช่วงนั้นของเจ้าก็ยิ่งเจ็บเข้าไปกันใหญ่ตอนนี้ทำตัวดีๆ อย่าขยับมั่วซั่วไปทั่ว" พูดจบประโยชน์ก็พาอีกฝ่ายไปห้องอาบน้ำที่อยู่ในเรืองหอ
เมื่อเดินไปถึงก็พบว่าในห้องอาบน้ำได้มีการจัดเตรียมไว้สำหรับอาบน้ำชำระร่างกายแล้ว หลิวเฟิ่งลู่รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากกับคนที่อุ้มตน
นี่เขา....รอข้าตื่นก่อนแล้วค่อยออกไปพร้อมกันรึ? ไม่ใช่ว่าพอ...อะไรนั้นแล้วเขาจะฆ่าข้าทิ้งเลยรึ? หรือว่ากำลังคิดจะทำอะไรอย่างอื่นหรือป่าวนะ แต่ว่ารู้สึกดีใจแปลกๆแฮะที่เขายอมรอข้าไม่ทิ้งข้าไปในแบบนิยายที่เขียนไว้ ถึงจะไม่ชอบตรงที่อีกฝ่ายนั้นทำเรื่องแบบนั้นโดยไม่ระงับความต้องการเลยก็เถอะนะ....
เมื่อเข้ามาถึงด้านในอีกฝ่ายก็วางร่างบางลงในถังอาบน้ำ ที่เตรียมไว้ให้ลงช้าๆอย่างอ่อนโยนซะจนหลิวเฟิ่งลู่ยังรู้สึกไม่ปลอดภัยเลยเพราะในตามนิยายนั้นเรื่องอ่อนโยนอะไรแบบนี้ตัวร้ายไม่เคยทำให้ใครแต่กับเขานั้น....
แต่เมื่อคิดอยู่ครู่คนที่พึ่งวางตนไปก็ลงตามมาเช่นกัน ถังอาบน้ำที่เตรียมไว้ให้นั้นมีขนาดใหญ่พอที่จะลงไปอาบน้ำด้วยกันอย่างสบายๆ
หลิวเฟิ่งลู่รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ดีจะเกิดขึ้นกับตนก็คิดจะออกจากถังอาบน้ำนั้นแต่ถูกคนร่างสูงที่พึ่งเข้ามาดึงไว้เสียก่อน
"นี่! จะทำอะไรน่ะปล่อยข้านะอึก!"หลิวเฟิ่งลู่พยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายแต่ก็ไร้ผลที่จะต่อกรกับอีกฝ่าย
"หึ แรงดีเสียจริงเมื่อคืนข้าคงจะเบามือไปสินะถึงยังทำให้คนอย่างเจ้าดื้ออยู่เช่นนี้น่ะ"หลิ่งเฟยหลงเห็นคนในอ้อมกอดดิ้นก็รู้สึกอยากทำให้หายดื้อเสียเดียวนั้น
"เหตุใดเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่ไม่ใช่ว่าพอเจ้าสนุกกับร่างกายข้าแล้วจะไปหรือไม่ก็ฆ่าข้าทิ้งเสียล่ะ" หลิวเฟิ่งลู่เอามือดันอกแกร่งตรงหน้าเอาไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้กว่านี้
หลิ่งเฟยหลงได้ยินอีกฝ่ายกล่าวเช่นนั้นก็รู้สึกอยากจะหัวเราะออกมากับความคิดของอีกฝ่ายที่เอาแต่คิดเรื่องแบบนี้ตลอด
แต่เขาไม่กล่าวอะไรต่อเพียงแค่ดึงมาไว้ในอ้อมกอดและช่วยชำระร่างกายให้อีกฝ่ายเท่านั่น หลิวเฟิ่งลู่เองก็เบื่อที่จะต่อต้านจึงยอมให้อีกฝ่ายทำไป
อย่างน้อยๆอีกฝ่ายก็ยังไมฆ่าตนก็ยังมีเวลาพอที่จะทำให้อีกฝ่ายนั้นรอดจากความตายแบบนั้นก็เป็นถ้าเกิดเจ้าตัวจะไม่หลงอำนาจเพื่อให้ได้....คนคนนั้นมาครอบครองน่ะนะ
หลังจากที่ทำความสะอาดร่างกายเสร็จคนร่างสูงก็หันหยิบผ้าสำลีผืนใหญ่ห่อหุ้มคนในอ้อมกอดเอาไว้อย่างดี แล้วพาไปเตรียมตัวทันที
เขาวางร่างบางเอาไว้บนเตียงใหญ่และวางชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่งดงามเอาไว้ด้านข้าง หลิวเฟิ่งลู่มองอยู่ครู่ก่อนที่หยิบขึ้นมาสวมใส่เองถึงในใจจะคิดว่าเหตุใดจึงไม่เรียกสาวใช้หรือใครมาช่วยเขาแต่งตัว
เมื่อแต่งตัวเสร็จก็เหลือเพียงแค่ทำผมเท่านั้น เขาหันไปมองบุรุษที่อยู่ด้านข้างของตน หลิ่งเฟยหลงเองก็แต่งตัวเสร็จแล้วเช่นกันคนผู้นั้นแต่งตัวด้วยชุดสีดำสนิท กำลังมัดผมของตัวเองอยู่
"เหตุใดเจ้า....ไม่สิท่านถึงไม่ให้นางกำนัลหรือไม่ก็ขันทีมาช่วยเตรียมตัวให้ล่ะ?"หลิวเฟิ่งลู่อดถามอีกฝ่ายไม่ได้กับเรื่องนี้แต่คำตอบที่อีกฝ่ายพูดมาก็ทำให้คนอย่างเขาไม่อยากจะถามต่อ
"ข้าเกลียดการให้ผู้อื่นมาสัมผัสร่างกายข้า ถ้าหากข้าไม่ต้องการและอีกอย่างข้าไม่อยากให้ผู้อื่นมาสัมผัสของของข้า..."
สุดท้ายเขาก็เห็นข้าเป็นของเล่นแล้วสินะ ของเล่นที่มีความรู้สึกเช่นกันนะ......
-----------------------●●------------------------
ก่อนเข้าไปหาองค์จักรพรรดิที่วังอรุณที่องค์จักรพรรดิและฮองเฮารอพวกเขาอยู่นั้นหลิ่งเฟยหลงก็ไม่คิดจะสนใจอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย
หลิ่งเฟยหลงที่แต่งตัวด้วยชุดสีดำสนิทพร้อมกับสวมหน้ากากเหล็กสีเงินที่ดูน่าเกรงขามเอาไว้อย่างดีปกปิดใบหน้าเอาไว้
ผิดกับพระชายาที่อยู่ข้างกายที่สวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ ที่มัดรวบผมเอาไว้และปล่อยออกมาส่วนหนึ่งปักปิ่นสีเงินเอาไว้ และเผยใบหน้าที่งดงามขาวผ่องออกมา
เมื่อเข้ามาถึงวังอรุณก็ทำการคารวะต่อองค์จักรพรรดิและฮองเฮาที่นั่งอยู่บนจุดสูงสุดพร้อมกันทั้งคู่
องค์จักรพรรดิหงเจินตี้กล่าวชมเชยหลิ่งเฟยหลงก่อนที่จะหันมาชมเชยหลิวเฟิ่งลู่อีกคน "ขอบพระทัยเสด็จพ่อ"
แต่ถ้าสังเกตสีหน้าของฮองเฮาให้ดี หลิวเฟิ่งลู่ก็รู้ทันทีว่า อีกฝ่ายนั้นไม่ชอบตนขนาดไหนแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าขององค์จักรพรรดิ
ฮองเฮาที่มองพลางเหลือบมองหลิวเฟิ่งลู่ที่มีสีหน้าสงบเงียบเรียบง่ายแต่มีกลิ่นอายแปลกๆออกมาก็รู้สึกยิ่งไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่
ไม่นานบทสนทนาก็จบลงองค์จักรพรรดิหงเจินตี้ ก็โบกมือเป็นสัญญาณให้พวกเขาไป
หลิ่งเฟยหลงและหลิวเฟิ่งลู่ทำการถวายคำนับต่อองค์จักรพรรดิกับฮองเฮาแล้วก่อนเดินออกไป ฟ้ารู้ดีว่าตอนนี้เกมความตายของเขาได้ถูกเปลี่ยนไปแล้วที่เหลือขอเพียงแค่ทำอะไรซักอย่างเพื่อให้เขาไม่ตายและตัวร้ายของเขาด้วย ถึงจะรู้สึกว่าอยากให้ตายแต่เมื่อคิดถึงความไม่ยุติธรรมแล้วก็รู้สึกว่าไม่สมควรที่จะให้เขามาตายอนาถเช่นนั้น
หลังจากที่พวกเขาออกไปกันแล้ว ฮองเฮาที่นั่งด้านข้างก็หันมาหาคนด้านข้าง "เห็นท่าทางของเด็กคนนั้นแล้วหม่อมฉันรู้สึกแปลกๆอย่างไรชอบกลนะเพคะฝ่าบาท....."
ฮองเฮาเอ่ยออกมาด้วยความไม่สบายใจขึ้นมาแปลกๆ
"ข้าเองก็เช่นกัน ว่าเด็กคนนั้นนั่นมีบางอย่างแปลกๆแต่ก็เป็นเรื่องดีอยู่นะ" องค์จักรพรรดิหรเจินตี้รู้สึกพึงพอใจมาก อย่างบอกไม่ถูกเพราะเขาหวังไว้ว่าคนที่อยู่ข้างกายบุตรชายนั้นจะช่วยให้ความบ้าคลั่งในตัวของบุตรของตนหายไปได้
.
.
.
.
หลิวเฟิ่งลู่ที่เดินอยู่ก็รู้แปลกๆขึ้นมา เขาแอบมองแผ่นหลังของคนด้านหน้าที่เดินนำเขาอยู่ ในใจก็คิดแต่เรื่องต่อจากนี้ว่าควรทำอย่างไรต่อดี
ถ้าหากเขาเจอกับเฉินจิ้นหลิงนายเอกของนิยายเรื่องนี้แล้ว...เขาจะยังยอมอยู่เคียงข้างเขาอยู่อีกหรือไม่นะถ้าไม่แล้วเขาควรทำอย่างไรดีเขาควรจะหนีไปดีหรือไม่....หรือพยายามไปหาพระเอกแทนแต่ว่า.....
ตอนนี้เขาพยายามไล่ตามอีกฝ่ายแต่ไปได้ไม่กี่ก้าว เบื้องหน้าก็ดับมืดลงทันควันจนล้มไป
หากทว่ากลับไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อพยายามลืมตาขึ้นมองก็พบกับใบหน้าที่มีหน้ากากเหล็กสีเงิน
"ท่าน....."หลิวเฟิ่งลู่รู้สึกแปลกใจที่คนตนหน้ามาช่วยรับตนเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างดี
หลิ่งเฟยหลงมองคนในอ้อมกอดก็คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ทำหนักเกินไปหน่อย เพราะนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เขาทำกับบุรุษจึงไม่รู้ว่าควรใช้กำลังหรือแรงขนาดไหนต่อการทำเรื่องแบบนั้น
เมื่อคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็อุ้มขึ้นมาก่อนหันไปกล่าวกับองครักษ์ด้านหลังตน "เจ้าไปเตรียมรถม้ากลับจวนของข้าซะและไปตามหมอหลวงมาด้วย"
"พ่ะย่ะค่ะองค์ชายใหญ่!!"ฮุ่ยเหอรับคำสั่งทันที
หลิวเฟิ่งมองคนที่อุ้มตนก็รู้สึกดีใจขึ้นมาว่า อย่างน้อยตอนนี้ตัวร้ายของเขาก็ยังอยู่ตรงนี้....อยู่ข้างเขา...ยังไมทิ้งเขาไปไหนถึงในสายตาของเขาจะมองว่าเขาเป็นสิ่งของก็ตามเถอะแต่อย่างน้อยๆอีกฝ่ายก็ยังไม่ทิ้งตนไปไหนไม่ได้ไปไหนจากเขา...
ม่านราตรี ที่ปกคลุมไปด้วยสีเลือดของแสงจันทร บนท้องฟ้าสีแดงก็มีเสียงคำรามกึกก้องพร้อมกับหยาดพิรุณสีดำที่ตกตามลงมาสู่พื้น
ร่างบุรุษที่สวมเกราะสีเงินผมสีขาวและเขามังกรที่สีขาวบริสุทธิ์ ทอดสายตามองคนเบื้อนล่างที่สวมเกราะสีดำผมสีดำแดงเขามังกรสีดำสนิท ที่นอนหายใจรวยรินอยู่ในแอ่งโคลนด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกแต่ก็เห็นแววเกลียดชัง
"นี่มัน.....หรือว่าจะเป็นตอนจบของนิยายรึ? ไม่นะหรือว่า....ฉากนี้คือ"หลิวเฟิ่งลู่ที่มองดูอยู่เห็นก็ถึงกับตกใจกับสภาพตัวร้ายที่มีบาดแผลมากมายเขามังกรสีดำด้านซ้ายก็แตกหักออกไป
เขามองดูหลิ่งเฟยหลงที่นอนจมโคลนสีแดงอยู่แบบนั้นไม่ไกลนักที่ด้านหลังของเขาก็มีหลุมขนาดใหญ่อยู่ หลิวเฟิ่งลู่เดินเข้าไปดูหลุมนั้นใกล้ๆก็พบกับดาบนับล้านปักอยู่เต็มไปหมดเหมือนกับว่ากำลังรอให้ใครซักคนโดดลงไป
"ในเมื่อข้าไม่ได้ แกก็อย่าหวัง! "
เสียงทุ้มคำรามที่แสนน่าเกรงขามดังขึ้น ทำให้หลิวเฟิ่งลู่หันกลับมามองทันทีแต่ก็ต้องพบว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังถูกผลักให้มาทางหลุมนี้พอดีหลิวเฟิ่งลู่เห็นก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
ขณะที่ร่างสูงกำยำนั้นก็คือตัวร้ายกำลังตกลงสู่หลุมดาบเขาก็เห็นคนผลักอยู่สองคนที่ช่วยกัน ร่างบุรุษผมสีขาวนัยน์ตาสีฟ้าอย่างกับอัญมณีและก็บุรุษร่างบางที่สง่างามนัยน์ตาสีเขียวมิ้นอมฟ้านั้นก็คือ
หลิ่งหมิงฟู่และเฉินจิ้นหลิง พระเอกกับนายเอกของนิยายเรื่องนี้อย่างไรล่ะ!!!
ในขณะที่กำลังตะลึงกับสองคนนั้นสติเขาก็กลับมาเมื่อเสียงร้องของตัวร้ายนั้นก็คือหลิ่งเฟยหลงที่กำลังร่วงตกลงไปในหลุมดาบนับล้านเบื้องล่างอยู่นั้นเมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็รีบหันไปหาทันที
"เฟยหลง!!"หลิวเฟิ่งลู่เห็นอีกที่ถูกผลักกำลังตกลงไปก็รีบยื่นมือไปหาอีกฝ่ายทันที
แต่เมื่อยื่นมือไปเพื่อที่จะคว้าอีกฝ่ายไว้แต่กับไม่สามารถสัมผัสได้ หลิวเฟิ่งลู่รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันทีเมื่อต้องมาเห็นอีกฝ่ายที่ตนอยากจะช่วยกำลังร่วงลงสู่ความตายต่อหน้าเขา
"ม่ายยยย!!"
.
.
.
.
เฮือก!!
"แฮ่กๆ"หลิวเฟิ่งลู่สะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมาและหอบหายใจอย่างหนักจนแทบควบคุมสติตัวเองไม่ได้
นี่ข้าฝันไปรึ? แต่ว่าภาพเหล่านั้นมันอะไรกันมันคืออะไรกันทำไมถึงต้องทำให้ข้าเห็นด้วยทำไมต้องทำให้เห็นความตายของหลิ่งเฟยหลงด้วย....
"เฟิ่งเอ๋อร์เจ้าเป็นอะไรไปเหตุใดถึงหน้าซีดเพียงนี้" จู่ๆ คนที่ตนพึ่งฝันเห็นไปก็มาปรากฏตรงหน้าเขานั้นก็คือหลิ่งเฟยหลงนั้นเอง
"ท่าน....."หลิวเฟิ่งลู่มองใบหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองมาที่ตนอยู่เช่นกัน
มือหนาของหลิ่งเฟยหลงลูบศีรษะของร่างบางที่นอนหอบหายใจขณะว่า "เมื่อคืนข้ารุนแรงกับเจ้าเกินไป เพราะข้าไม่รู้ว่าควรจะควบคุมเรี่ยวแรงอย่าง ไรดี หมอหลวงบอกว่าให้เจ้าพักสักสองสามวันอาการก็หายแล้ว..."
ความรู้สึกที่อีกฝ่ายมอบให้ทำให้คนที่นอนอยู่สัมผัสความอุ่นวาบซาบซึมเข้ามาในหัวใจของเขา พร้อมกับความเจ็บปวด
....เขาเป็นห่วงข้าด้วยรึ
ดวงตาคู่สวยสีม่วงอัญมณีที่มองมาทำให้หลิวเฟิ่งลู่ยกมือขวาขึ้นช้าๆ และไปสัมผัสกับใบหน้าอันหล่อเหลาของอีกฝ่ายอย่างลังเล
"ความจริงแล้ว....ตอนนี้สำหรับข้าท่านมองข้าเป็นสิ่งของหรือว่าอะไรกันแน่...."หลิวเฟิ่งลู่ถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่นออกไป
ตอนนี้สำหรับเขาแล้วเขายอมเป็นสิ่งของให้กับอีกฝ่ายก็ได้ขอให้ได้อยู่ข้างกายเขาและปกป้องเขาจากความไม่ยุติธรรมที่เขาต้องเจอมาตลอดนั้นไว้ ขอแค่ไม่ให้คนตรงหน้าต้องไปตายเพราะความรักบังตาเช่นนั้น....
หลิ่งเฟยหลงไม่รู้สึกรังเกียจกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่กลับรู้สึกว่ามือนุ่มที่จับใบหน้านั้นทำให้จิตใจของเขาสบายใจและอุ่นใจมาก เขาเอนกายลงไปนอนข้างๆคนที่นอนก่อนและโอบเอวเอาไว้ แล้วปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามสัมผัสต่อไป
"เจ้าอยากได้ยินความจริงหรือว่าคำโกหกล่ะ?" เขาถามไปอย่างนั้นแต่ความจริงเขาเป็นคนที่ไม่ชอบโกหกที่สุดและเกลียดคำโกหกด้วยแต่บางทีหากต้องโกหกเพื่อความจำเป็นเขาก็จะทำ
"....ขอความจริง"
ถึงแม้ความจริงจะน่าหวาดหวั่น แต่กระนั้นคำลวงหลอกโกหกกลับยิ่งโหดร้ายและน่าหวาดหวั่นเสียยิ่งกว่า
"หากข้าบอกความจริงไป เจ้าจะไม่คิดเรื่องที่อยากตายหรือพูดให้ข้าได้ฟังอีกได้หรือไม่?"
หลิวเฟิ่งลู่ที่นอนสัมผัสใบหน้าอีกฝ่ายอยู่พยักหน้าเบาๆให้กับอีกฝ่าย
"สำหรับข้าแล้ว....ข้าไม่เคยคิดที่จะเชื่อใจใครหรือว่าต้องการใครมาครอบครองเลยแม้แต่น้อยถึงได้มาสำหรับข้าแล้วมันก็ไม่ต่างจากสิ่งของอย่างที่เจ้าว่ามา แต่ว่าพอได้เห็นเจ้าครั้งแรกแล้วในสายตาของข้าเจ้าเป็นคนที่ทำให้คนอย่างข้าคิดว่าเจ้าไม่ใช่สิ่งของแต่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับข้า...สำคัญซะจนข้าไม่อยากให้เจ้าไปจากข้าเลย"
คำพูดที่อีกฝ่ายกล่าวมานั้นทำให้หลิวเฟิ่งลู่เกิดความรู้สึกแปลกๆต่ออีกฝ่ายขึ้นมาทันที ความรู้สึกที่คิดว่าตัวเองนั้นยังมีโอกาสที่จะช่วยอีกฝ่ายจากความตายที่ลิขิตเอาไว้
ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นอะไรไปกันแน่ แต่ว่าเขาอยากที่จะอยู่ข้างกายอีกฝ่ายอยากปกป้องอีกฝ่ายจากความไม่ยุติธรรมต่างๆที่อีกฝ่ายได้รับมา
เขานั้นอยากแข็งแกร่งขึ้นให้มากกว่านี้จริงๆ หากร่างนี้ไม่อ่อนแอเช่นนี้ละก็ความหวังที่เขามีนั้นอาจจะช่วยอีกฝ่ายได้
แต่เมื่อคิดอยู่ในใจจู่ๆอีกฝ่ายก็ยื่นมือมาสัมผัสเขาก่อนที่จะจูบเขาสอดแทรกลิ้นเข้าไปในปากของเขาอย่างอ่อนโยน
หลิวเฟิ่งลู่สะท้านไปทั้งตัว แต่เมื่อลองสัมผัสจูบนั้นดูแล้วมันช่างอ่อนโยนเสียเหลือเกินจนเขาเองก็จูบตอบไป
หลังจากนั้นคลื่นลมแห่งความต้องการของทั้งคู่ก็แล่นเข้ามาจนทั้งคู่หลงเข้าไปในคลื่นนั้นทันทีจนไม่สามารถออกมาได้
.
.
.
.
.
"อ๊ะๆ..อ๊า!"
ในขณะที่อารมณ์ความต้องการของทั้งคู่พุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด หลิ่งเฟยหลงโน้มตัวลงมาจุมพิตที่หางตาของคนใต้ร่างอย่างรักใคร่ ท่าทีช่างอ่อนโยนแต่ว่าช่วงล่างกลับขยับอย่างบ้าคลั่งและดุดัน กระแทกลึกเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ จนทั้งสองแทบจะร่วมเป็นหนึ่ง
หลิวเฟิ่งลู่ถูกอีกฝ่ายกระแทกจนลมหายใจปั่นป่วนไปหมด ของเหลวในกายก็เริ่มไหลออกมาตามจังหวะการขยับของคนด้านบน สมองของเขาพลันว่างเปล่าไปหมด
มือไม้ทำได้เพียงแค่กำขอบเตียงเอาไว้แน่น ตามสัญชาตญาณ
ความรู้สึกตอนนี้ของเขามันบรรยายออกมาเป็นคำไม่ได้ความรู้สึกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอีกฝ่าย
หลิวเฟิ่งลู่พึมพำออกมาอย่างลืมตัวออกไป "เฟยหลง..." เพียงแค่สองคำที่อีกฝ่ายร้องออกมาก็ทำให้คนด้านบนยิ่งตื่นตัวมากขึ้นเข้าไปใหญ่
หลิ่งเฟยหลงยกแผ่นหลังกับสะโพกของหลิวเฟิ่งลู่ขึ้นมานั่งตักของตนเองไว้ และกระแทกกระทั้นหนักขึ้น พลางขบกัดขบเม้มไปตามต้นคออีกฝ่ายและแผ่นยอดอกอีกฝ่าย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดหรือนานขนาดไหน ที่ร่วมรักกันอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ เสียงครางของหลิวเฟิ่งลู่ก็ยังคงร้องเรื่อยๆ ช่องทางด้านหลังของเขาก็ยังคงบีบรัดแน่นอย่างรุนแรง
หลิ่งเฟยหลงรู้สึกว่าอีกฝ่ายใกล้ที่จะเริ่มไม่ไหวแล้ว จึงเร่งจังหวะความเร็วพร้อมกับขยับมือที่กำด้านหน้าเอาไว้ด้วย
ความรู้สึกสุขสมเสียวซ่านที่ได้รับมาจากอีกฝ่ายที่รุนแรงจนเกินไปจนทำให้หลิวเฟิ่งลู่สติหลุดไปพูดไม่เป็นภาษา ร่างกายเกรงกระตุกหนัก พร้อมกับปลดปล่อยออกมา หลิ่งเหยหลงเองก็ปลดปล่อยเข้าไปในช่องทางที่บีบรัดแน่นของหลิวเฟิ่งลู่
ลมหายใจของทั้งคู่ที่เพิ่งถึงจุดสุดยอดมาดๆ ยังคงหอบหายใจถี่รัวแผ่นอกกระเพื่อมขึ้นไม่หยุด ไม่มีใครที่จะเอ่ยอะไรออกมา
-----------------------●●------------------------
ยามจื่อ (23:00-24:59)
คนร่างกำยำที่กำลังเอนเอียงพิงกับเตียงมองคนที่นอนอยู่ใกล้ๆ หลิ่งเฟยหลงทอดสายตามองคนร่างบางที่นอนหลับสนิท
ในใจก็พลางคิดแต่เรื่องต่างๆที่คนคนนี้นั้นแตกต่างจากผู้อื่นไม่สิเหมือนกับคนที่ทำให้เขาต้องแข็งแกร่งขึ้น.....
คนที่ทำให้เขาไม่สามารถที่จะยอมแพ้ใครได้อีกคนที่ทำให้เขากลายเป็นมารปีศาจอยู่เช่นนี้คนที่ทำให้เขาไม่สามารถที่อยากจะมีความรักอีก...
ตอนนั้นตอนที่องค์จักรพรรดิบอกเขาว่าจะให้เขากับน้องชายแต่งกับบุรุษนั่นเขาก็เกิดความรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาเพราะเหตุใดถึงเอาพวกเขาไปแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเช่นนี้
พอรู้ว่าเป็นใครมาจากไหนก็ให้คนไปสืบมาผลที่ได้มาก็คือเป็นหนึ่งในบุคคลที่เขาเกลียดที่สุดขี้ขลาดและอ่อนแอแบบนี้สำหรับเขาแล้วถ้าได้แต่งขึ้นมาเขาจะไม่สนใจอะไรกับอีกฝ่ายหรือไม่ก็ฆ่าทิ้งเสีย
แต่เมื่อวันที่คนผู้นั้นต้องเข้าวัง เขาก็เกิดความรู้สึกอะไรบางอย่างก็ไม่รู้ถึงทำให้คนอย่างเขาต้องไปดูคนที่จะมาเป็นเจ้าสาวเขาแต่เมื่อมาเห็นอีกฝ่ายเท่านั้นก็เกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นมา
แววตาที่คนผู้นั้นจ้องมองมาที่องค์จักรพรรดิเช่นเยือกเย็นและนิ่งสงบเหลือเกินผิดกับที่ได้ยินมาหากคนผู้นั้นเป็นคนขี้ขลาดจริงๆอย่างที่ได้ยินมาคงไม่ใช้สายตาที่เหมือนกับนักฆ่าเช่นนั้นมองมาหรอก
แต่เขาก็ยังคงไม่แน่ใจว่าความจริงแล้วอีกฝ่ายนั้นเป็นคนนิสัยแบบไหนกัน เมื่อถึงเวลาที่คนผู้นั้นต้องกลับตำหนักเขาก็แอบปลอมตัวเข้าไปแอบดูอีกฝ่าย
ตอนที่เห็นอีกฝ่ายนั้นกำลังจับไม้ร่ายรำอยู่นั้นภาพในอดีตของเขาที่เห็นคนตรงหน้าเหมือนกับคนในอดีตที่เขาเคยเข้ามาแอบดูขณะที่กำลังร่ายรำท่วงท่าเช่นนี้เหมือนกัน
ไม่ว่าจะจังหวะหรือท่าทางการจับไม้ที่เหมือนกับจับกระบี่นั้นมันเหมือนกับคนนั้นมากขณะที่กำลังเชยชมอยู่นั้นอีกฝ่ายก็พลาดจนเกือบล้มลงทำให้เขาพุ่งไปรองรับอีกฝ่ายทันที
เมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าเขาแอบดูอยู่ก็ทำสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาและยังไม่เกรงกลัวต่อเขาอีกทำให้เขารู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที ปกติคนขี้ขลาดพอเห็นหน้ากากที่เขาใส่นั่นก็คงต้องกลัวจนตัวสั่นไปแล้วแต่คนผู้นี้กับนิ่งสงบไม่กลัวเขา
แถมการพูดของอีกฝ่ายก็ดูหนักแน่นมากซะจนคำเหล่านั้นที่เขาได้ยินมาเป็นคำโกหกไปหมดเลย
แต่ว่าพอได้คุยกับอีกฝ่ายดูแล้วความรู้ของเขามันเหมือนกำลังคุยกับคนผู้นั้น คนที่เขาอยากจะต่อสู้อยู่เคียงข้างคนนั้น....
คนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นช่างเป็นคนที่แปลกใหม่มากเลย คำที่กล่าวมาแต่ละทีมันก็มีเหตุผลไปหมดร่วมถึงการที่พูดถึงองค์จักรพรรดิออกมาไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินเช่นนั้นช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน
แต่เขาก็เกิดความรู้สึกไม่ชอบใจอีกฝ่ายอยู่ตรงหนึ่งก็คือคนตรงหน้าช่างเป็นคนที่เก็บความลึกลับไว้เยอะซะเหลือเกินแม้กระทั่งคำพูดที่พูดออกมาก็มักจะทิ้งเอาไว้ให้คนอย่างเขาสงสัยตลอดเวลาที่คุยกัน
แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนอย่างเขารู้สึกอยากจะไปสั่งสอนอีกฝ่ายเหลือเกินก็ตรงที่ว่าอีกฝ่ายนั้นชอบเอาแต่กล่าวว่าถ้าตายไปจะดีกว่าเหตุใดคนตรงหน้าถึงไม่รักชีวิตเช่นนี้นะ!!
แต่เมื่อได้ยินเหตุผลก็ต้องทำให้เขาเข้าใจขึ้นมาทันที เพราะอีกฝ่ายนั้นรู้ดีแก่ใจอยู่แล้วว่าการแต่งงานครั้งทำเพื่อผลประโยชน์ก็เท่านั้นแต่ว่า...ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกว่าตอนนี้ผลประโยชน์ที่ว่าจะยึดเมืองนั้นเขาไม่คิดจะสนใจอีกต่อไปแล้วตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดก็คือคนตรงหน้า
ที่ไม่กลัวตายและไม่กลัวสิ่งอื่นใดเหมือนกับคนนั้นที่เขาแอบรัก....
เมื่อถึงยามร่วมหอก็รู้สึกว่าอยากลองฝีมือกับอีกฝ่ายซัดตั้งว่าจะเก่งขนาดไหนแต่เมื่อลองดูกันแล้วอีกฝ่ายนั้นช่างอ่อนแอเสียเหลือเกินแต่ยอมรับเรื่องการหลบของอีกฝ่ายนั้นดีมาก
แต่ว่าถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกเกลียดคำพูดคนอีกฝ่ายที่เอาแต่ดูถูกตัวเองอยู่เช่นนั้นตลอดใช่เขาเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายนั้นต้องเจออะไรมาบ้างแต่ก็ไม่ควรที่จะดูถูกตัวเองอยู่เช่นนั้น
แต่เมื่อจับคนผู้นั้นมาได้และขู่เขาแต่ว่าคำขู่เหล่านั้นกับไร้ผลต่อคนเบื้องล่างของตน คนผู้นั่นเตรียมใจมานานแล้วว่าจะต้องตาย
แต่ว่า...พอเห็นแววตาของอีกฝ่ายที่จ้องมองขึ้นมาที่เขาก็ทำให้คิดถึงแววตาของคนนั้น คนที่เขาแอบรักคนที่มองเขาเป็นคนที่น่าสงสารไม่ใช่มารปีศาจเช่นนั้น
แต่ว่าเมื่อได้ยินคำนั้นที่ออกมาจากอีกฝ่าย
คำที่พูดว่า ถ้าได้ตายด้วยน้ำมือของคนที่ตนรักมันจะไปเสียหายอะไร....
คำพูดที่คนเบื้องล่างกล่าวมานั้นทำให้เขาคิดถึงตอนที่เจ็บปวดที่สุดเข้ามาทันที ตอนที่เขาเอากระบี่แทงไปที่อกกลางหัวใจของคนนั้นคนที่เขารักที่สุดนั้นเข้าไป
ก่อนตายคนผู้นั้นก็กล่าวคำพูดแบบนี้ออกมาคำพูดที่ทำให้คนอย่างเขาบ้าคลั่งออกมาได้ ตอนนั้นเองทำให้คนอย่างเขาคิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องเก็บอีกฝ่ายเอาไว้ข้างกายให้ได้เขาจะฝึกอีกฝ่ายให้เป็นของเขาอย่างสมบูรณ์จนไม่อยากหนีเขาไปไหนเลย
คิดอยู่นานก็สัมผัสได้ว่าคนที่นอนข้างๆเหมือนจะสั่นขึ้นมาแปลกๆ จนทำให้คนที่กำลังนั่งคิดอยู่ต้องหันหน้ามามองทันที
ร่างบางที่นอนสั่นนั้นพึมพำอะไรบางอย่างออกมาแต่ก็ต้องทำให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆนิ่งอึ้งไปทันที "ไม่นะอย่านะ....เฟยหลง...ข้า..ข้าขอโทษ..."
นี่เจ้ากำลังฝันถึงข้าอยู่รึ?....ฝันอะไรกันนะแล้วเหตุใดต้องขอโทษด้วยล่ะ แต่เมื่อตั้งใจฟังดีๆก็อดทำให้ความรู้สึกในใจหยุดนิ่งทันที
"อย่าฆ่าเขานะ.....อย่าฆ่าเขาเลยนะ หลิ่งหมิงฟู่"
------------------------------------------------
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments