"บัลลังก์อันแสนว่างเปล่า" 2 : ฝาแฝด

คืนฝนตกในฤดูหนาวตกลงมาอย่างเงียบงัน บนที่ราบ 'มง-แซ็ง-มีแชล'

มันเป็นเวลาดึกแล้ว มีสายลมหนาวพัดผ่านเบาๆ พร้อมกับฝนปรอยปราย

ทว่าที่ราบมง-แซ็ง-มีแชลก็ไม่ได้ปกคลุมด้วยความมืดมิด ในบ้างส่วนของที่ราบกว้างใหญ่ยังมีอาคารบ้านเรือนอันรวมตัวเป็นเมืองหรือหมู่บ้านขนาดใหญ่-เล็กแตกต่างกัน

โดยถ้ามองจากฟากฟ้าอาจเล็กจนเห็นเป็นดวงดาราบนท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่หากเพ่งมองจะเห็น 3 สถานที่มีแสงเจิดจ้ากว่าจุดใด

โดยจุดแสงที่สว่างจ้าที่สุด มีเหล่าคนงานทำงานอยู่ตามทุกหัวมุมถนน พวกเขาเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องพกพาตะเกียงติดตัวมอบแสงสว่างไปทุกย่างเก้า หรือมีไฟฉายสาดส่องทางข้างหน้า เพราะมีเสาไฟข้างทางคอยมอบแสงสว่างเป็นระยะตามท้องถนน

แสงสว่างเหล่านี้ยังร่วมถึงในบ้างอาคารที่ยังคงมีไฟอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะอาคารบริเวณส่วนกลางของเมือง

กลางเมือง 'คาร์ลอส' มีแสงสว่างเรืองรองจากภายในอาคาร สามารถมองเห็นได้แม้อยู่บริเวณกำแพงแถบรอบนอกของเมือง

อาคารกลางหมู่บ้านคาร์ลอส ทั้งแสงรอบอาคารรูปลักษณ์จึงถูกเผยโฉมแม้ยามค่ำคืน เป็นโบสถ์สีขาวมียอดแหลมสองแหลมเด่นสง่า รูปลักษณ์จัดว่าดูเป็นระเบียบและงดงามตามแบบสถาปัตย์ ชื่อของมันคือ 'โบสถ์ซานเซบาสเตียน'

ภายในโบสถ์มีแสงไฟสว่างไสวยิ่งกว่ามองเห็นจากภายนอก เป็นประกายความรุ่งโรจน์

"บรรพบุรุษทั้งหลาย และทวยเทพบนสวนสวรรค์ โปรดอวยพรพวกเราด้วยเถิด! เราขอภาวนาให้พิธีกรรมนี้นำมาซึ่งบุตรหลานที่มีความสามารถ สติปัญญา และพรสวรรค์ที่โดดเด่นมากมาย นำสายเลือดและความหวังไว้มาสู่ตระกูลของพวกเรา เราหวังว่าเด็กทั้งสองจะเป็นผู้นำรุ่นต่อไปของตระกูล" หัวหน้าตระกูลคาร์ลอส มีรูปร่างเป็นสตรีวัยกลางคน ผมสีดำและดวงตาสีน้ำตาล แม้จะมีหงอกปรากฏออกมาบ้าง และสวมชุดพิธีกรรมสีขาว เผยรูปลักษณ์งดงามอ่อนโยน เธอกำลังนั่งคุกเข่าบนพื้นของโบสถ์ ด้วยสองมือยังประสานกันแน่น หลับตาปิดสนิท ขนาดที่เขาภาวนาอย่างจริงจัง

เธอกำลังหันศีรษะไปทางตราสัญลักษณ์ด้านบนของโบสถ์ อยู่ด้านล่างมีตู้สีดำกล่องสามชั้น ซึ่งทั้งหมดบรรจุกล่องใส่อัฐิของบรรพบุรุษ ทั้งอาหารและเครื่องดื่มเลิศรสวางตรงกลาง ทั้งด้านข้าง มีเทียนสว่างไสว กลิ่นเครื่องหอมที่เทพสวรรค์ชื่นชอบลอยคละคลุ้ง

ด้านหลังมีคนหลายสิบคนกำลังสวดภาวนาในลักษณะเดียวกับเธอ พวกเขาสอนชุดพิธีกรรมสีขาวหลวมๆ แล้วทั้งหมดล้วนเป็นผู้อาวุโสของตระกูล สมาชิกคนสำคัญ หัวหน้าองค์กร และเหล่าผู้มีอำนาจ

หลังจากสวดภาวนาเสร็จแล้ว หัวหน้าตระกูลคาร์ลอส 'ยูโล-คาร์ลอส' ก็ก้มเอวลงโดยเอาสองมือกดลงกับพื้นและก้มเอาหัวลง เมื่อหน้าผากกับพบกับพื้นของโบสถ์ เสียงอื่นก็ดังตามมา

ด้านหลังเธอ เหล่าผู้อาวุโสและสมาชิกในตระกูล ต่างลุกขึ้นยืนออกจากห้องสวดภาวนาอย่างเงียบๆ

ในโถงทางเดิน มีเสียงถอนหายใจโล่งอกจากหลากหลายบุคคล ได้บรรยากาศก็เริ่มผ่อนคลายลง เสียงพูดคุยได้เริ่มดังขึ้นอย่างช้าๆ

"เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน หลังจากรอคอยมาเกือบ 13 ปี"

"พิธีกรรมนี้ยังรู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ข้าสงสัยว่า หลังจากอดทนทำมันมาตลอดหลายปี โอกาสของพวกเราก็ใกล้มาถึง"

"พวกเจ้าพูดถูก.." เสียงดังกังวานไปทั่วโถงทางเดิน ผู้พูดดึงดูดสายตาจากเหล่าผู้คนโดยรอบทันที

"หลังจากรอคอยมาอย่างยาวนาน เหล่าสายเลือดใหม่ของผู้คนภายในตระกูลก็จะปรากฏ พรสวรรค์ของพวกเขาอาจสามารถเทียบเคียงได้กับ เซียน่า-เมริก้า หรือ เวเนเซีย-เวเนโต้ ได้"

หลังจากผู้นำตระกูล เป็นฝ่ายกล่าวถึงตัวตนของเวเนเซีย-เวเนโต้ สุดยอดพรสวรรค์ของตระกูลเวเนโต้

หลังจากได้ฟังคำพูดของผู้นำตระกูล ความกังวลของเหล่าบุคคลโดยรอบชัดเจนมากขึ้น เป็นเวลาหลายปีแล้วที่พวกตนรับรู้ได้ถึงสุดยอดพรสวรรค์คนนี้

คุณสมบัติการขึ้นสู่คลาสระดับ 3 ในช่วงเวลาสั้นๆ ของการฝึกฝนอมรบสองปีโดยไม่ได้จริงใจอะไรมาก

ในรุ่นปัจจุบันไม่มีใครเทียบติดได้แม้แต่คนเดียวในรุ่นของเขา แม้จะมีหลายคนคิดว่าทัดเทียม เช่น เซียน่า แต่หากได้รับข้อมูลเทียบเท่าพวกตน จะรับรู้ว่ามันไม่ใช่แม้แต่น้อย

คุณสมบัติมากเกินพอในการขึ้นสู่ผู้นำตระกูล หรือเหล่าผู้อาวุโส เขาจะกลายเป็นเสาหลักของตระกูล หรือบุคคลอันตรายที่ไม่มีใครอยากยุ่ง

"อย่ากังวลให้มาก อีก 15 วันจะเป็นวันครบรอบวันเกิดของลูกๆ ของข้า เด็กทั้งสองต่างแสดงพรสวรรค์อย่างโดดเด่นมาเสมอ และข้ามั่นใจเกินพอเกี่ยวกับเด็กทั้งสองว่า บางที! เวเนเซีย-เวเนโต้ ก็อาจเทียบไม่ติดเลยก็ได้"

สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อนึกถึงสองฝาแฝดสาวที่มักจะก่อปัญหามาตลอดหลายสิบปี บวกกับการเป็นลูกของผู้นำตระกูลคาร์ลอสคนปัจจุบัน แต่ถึงอย่างั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเธอมีพรสวรรค์ เหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันไปไกลมาก

เป็นความโดดเด่นทั้งในเชิงตัวปัญหาและอัจฉริยะประสมประสานกัน โดยทั้งสองต่างมีปัญหาในด้านนี้จะขึ้นอยู่ว่ามีมากหรือมีน้อยแค่นั้นเอง

ยูโล ยังคงรักษารอยยิ้มไว้ได้แม้จะเป็นสถานการณ์และความคิดของเหล่าผู้อาวุโสของตระกูล เหตุผลส่วนหนึ่งที่เธอเปรียบเทียบเวเนเซีย-เวเนโต้ เพื่อให้เหล่าผู้อาวุโสเก็บไปคิด หลังจากจบพิธีกรรมนี้ลงเป็นการสนับสนุนให้เลือกข้างในอนาคต

สีหน้าของผู้อาวุโสเต็มไปด้วยความคาดหวังและความวิตก แต่มีผู้อาวุโสคนหนึ่งเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจเหมือนกับผู้นำตระกูล เธอคือผู้อาวุโสห้องการแพทย์ - ฮันน่า

"เอาล่ะ พอกันแค่นี้ก่อน" ผู้นำตระกูล ยูโล กล่าวก่อนเดินไปปิดตระกูลห้องสวดภาวนา

ทุกคนต่างเดินกลับไปยังบ้านหรือที่พักของตน หวังพักผ่อนก่อนตื่นมาทำพิธีของวันพรุ่งขึ้น พิธีในวันนี้ยังคงเป็นวันแรกสำหรับพิธี <อ้อนวอนบรรพบุรุษ> อันต้องจำเป็นทำครบ 15 วัน โดยยังเหลืออีกประมาณ 14 วัน

...

"เฮ่อ"

เสียงถอนหายใจดังกังวานทั่วหลังคาโบสถ์กลางเมือง

ดวงตาสีแดงเพลิงจับจ้องมองท้องฟ้าไร้แสงดาว จากเฆมฝนอันปกปิดดวงดาราอันแสนงดงามยามค่ำคืน เธอมักมองมันในีทุกโอกาสที่มาถึง โดยไฟจากภายอาคารด้านใต้เธอเองก็เริ่มถูกปิดลงบ้างแล้ว ถือเป็นการจำกัดตัวรบกวนการมองเห็นได้ดี

ทันใดนั้น เธอสูดอากาศชื้นสดชื่นจากสายฝนรู้สึกถึงความหนาวเห็บและชื่นแฉะจากมวลบรรยากาศ

ดวงตาคู่เพ่งมองไปยังทั้งเหล่าสถาปัตยกรรมล้อมรอบโบสถ์ ทั้งเหล่าแสงไฟข้างถนนจากโคมไฟ ทั้งเหล่าแสงไฟหน้าบ้าน ทั้งเหล่าผู้คนบ้างส่วนที่ยังคงใช้ชีวิตยามรัตติกาล ทั้งเหล่าเวรยามกลางดึก ทั้งเหล่าคนรับใช้ผู้กำลังเตรียมงานเทศกาลมรกมายในช่วงสิ้นสุดปี ทั้งเหล่าผู้อาวุโสที่กำลังออกมาจากโบสถ์หลังพิธีกรรม ทั้งจากผู้ติดตามที่แอบมองตนจากระยะไกล และทั้งจาก...

"เกียวโต!"

ในขณะนี้เสียงเรียกจากเหนือศีรษะ และมีวัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้าหา

"ทำไมถึงมานอนตากฝนอยู่บนหลังคาล่ะ"

เด็กสาววัยรุ่นรูปร่างสูงเพรียว ผมแดงยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าที่นุ่มนวล และดวงตาสีแดงเพลิงสดใส คิ้วสีแดงเพลิงเข้มของเธอช่วยเสริมให้ดวงตาที่แสดงออกถึงความรู้สึกของเธอเปล่งประกายด้วยความสดใสของวัยเยาว์และสูงศักดิ์ของชนชั้นสูง และแก้มที่โค้งมนและโครงหน้าที่ดูอ่อนโยนบ่งบอกว่าเธอมีอายุน้อยมากเพียงใด

เหมือนทุกครั้งร่ำไป เธอยังคงสวมใส่ชุดฝึกซ่อมนักรบสำหรับสตรี เป็นตัวเดียวกับเมื่อหลายปีก่อนที่แม่มอบให้พวกตน

"มีอะไร มานิลา?"

เกียวโตหันศีรษะจ้องมองไปน้องสาวตน ในท่าฝ่ามือสองข้างรองเป็นหมอน ขาขวาวางพับขาซ้าย เธอสวมใส่เสื้อคลุมจอมเวทย์สีดำลายแดง

โดยแสดงกริยามารยาทแบบที่เธอมักแสดงมาเสมอ โดยไม่มีมาตรของกุลสตรีลูกสาวคนโตของผู้นำตระกูลเลยสักนิด

มาลินาเพียงมานั่งข้างซ้ายพี่สาวของตน ท่าทางเองก็ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด

เพียงหยิบสิ่งของในกระเป๋าสะพายก่อนก่างออกมา วางไว้ระหว่างคนทั้งสอง เป็นร่มขนาดใหญ่มากพอสำหรับให้ทั้งสองอยู่ใต้ล่มเงาได้สบาย

ก่อนจับโยนผ้าขนหนูผืนเล็กไปทางเกียวโต "รับไป" เธอเพียงใช้มือขวาคว้าจับไว้ก่อนนำมาเช็ด ใบหน้าและศีรษะตนอย่างชำนาญ

มาลินาเพียงก้มหน้ามองพี่สาวฝาแฝดของตน ท่าทางยังคงผ่อนคลายและไม่แยแสต่อสิ่งใดอยู่เสมอ รูปลักษณ์ภายนอกแทบจะเหมือนกันกับตนแต่มีบ้างอย่างแตกต่างกัน

เด็กสาววัยรุ่นรูปร่างจัดว่าสูงแม้นอนหงาย ดวงตาสีแดงเพลิงเผยความเบื่อหน่ายอยู่เสมอ คิ้วสีแดงเพลิงกรีดปลาย ผมเธอตัดสั่นและแสกข้างอย่างเรียบร้อย แก้มขวามีรูปหัวใจ ข้างแก้มซ้ายเป็นรูปดาวห้าแฉกกลับหัว ใบหน้าตกแต่งคล้ายตัวตลกในนิทาน และแม้ถูกน้ำฝนเครื่องสำอางก็ยังคงอยู่

ถึงอย่างนั้นรูปร่างพวกเธอก็ใกล้เคียงจนหากมองเพียงด้านหลัง หรือไม่มีการแต่งตัวหรือแตกต่างกัน คงเป็นไปได้ยากสำหรับการแยกแยะตัวตน แต่หากมองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก โดยไม่มีการแต่งตัว มาลินามองยังหน้าอกของตนกับพี่สาวท้องเดียวกันด้วยสายตาพิจารณา

"เฮ้ย! มองอะไรอยู่ฟะ" เกียวโตมีท่าทีฉุนเฉียวเล็กน้อย

"ไม่มีอะไร" เธอรีบปฎิเสธทันใด ป้องกันความพิโรธที่อาจเกิดขึ้น แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยโกรธตนเลยสักครั้ง แต่ถ้าเคยเห็นการลงทัณฑ์จากพิโรธก็ควรระวังไว้ไม่ดีกว่าหรือ?

เธอเพียบขยับศีรษะขึ้นมองสายฝนที่หยุดโปรยปรายลงมาจากท้องนภา เหล่าเมฆเคลื่อนคล้อยไปตามสายลมบ้างทีค่ำคืนนี้พวกเธออาจสามารถเห็นดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนได้

ดวงตาเธอเหม่อลอย ก่อนขยับสายตามองไปยังทิศทางที่เกียวโตเพ่งมองอยู่ก่อนหน้า

เหล่าผู้คนใต้ราตรีรัตติกาลผู้กำลังเคลื่อนไหวโดยสามารถมองเห็นได้จากแสงสว่างริบหรี่ยามค่ำคืน

ในหมู่พวกนั้นมีผู้อาวุโสของตระกูล รวมถึงแม่ของพวกตนกำลังเดินทางกลับบ้าน

"นี้ มานิลามันใกล้ถึงเวลาแล้วนะ"

"อา~~" เธอตอบเสียงอ่อย

อีกเพียง 15 วันก็จะถึงวันครบรอบวันเกิดอายุ 15 ปีของพวกตนแล้วแน่นอน

สำหรับโลกใบนี้วันเกิดครบรอบ 15 มันหมายถึงหลายสิ่งหลายอย่าง โดยเฉพาะเหล่าบุคคลหนุ่มสาวหรือชนชั้นสูงมันกลับยิ่งพิเศษ

ดังนั้นพิธี <อ้อนวอนบรรพบุรุษ> แม้จะเป็นงานที่มีเหมือนไว้สำหรับขอพรสำหรับเหล่าทายาทสายเลือดใหม่ตลอด 15 วัน เป็นพิธีสำคัญมุ่งหวังว่าบรรพบุรุษหรือทวยเทพส่งทายาทอันเต็มเปี่ยมพรสวรรค์

แต่เหตุผลมุมหนึ่งเพื่อเป็นการแสดงอำนาจในฐานะผู้นำตระกูลตั้งแต่ช่วงเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านคาร์ลอสจนกลายมาเป็นเมืองคาร์ลอส แถมเป็นการกำหนดวันเกิดของเหล่าทายาทผู้สืบทอดที่จะนำตระกูลต่อไปในอนาคตในทุกปี เพราะเป็นงานที่ไม่ว่าอย่างไงต้องจัดตั้งขึ้นมาทุกปี และเป็นการเลือกตัวผู้นำตระกูลล่วงหน้า ป้องกันไม่ให้เกิดการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งจนเป็นเหตุให้ตระกูลอ่อนแอลง เพราะเป็นการกำหนดตัวผู้สืบทอดล่วงหน้าแล้ว เป็นกฎที่ถูกก่อตั้งมาตั้งแต่เริ่มหมู่บ้าน

ทำให้ตัวตนของทายาทที่ถูกเลือกสามารถได้รับการสนับสนุนจากเหล่าผู้อาวุโสได้ง่ายมากขึ้น

นับว่าเป็นพิธีสำหรับการแสดงในเชิงพิธีกรรมและเชิงทางการเมือง

เป็นแบบนั้นทุกครั้งที่ตระกูลคาร์ลอสไม่เกิดปัญหาใดขึ้น เช่น ปัญหาความขัดเเย้งภายใน ถูกฝูงมอนสเตอร์โจมตี หรือมีเรื่องกับอีกสองหมู่บ้าน เพียงแต่มันถูกยกเลิกจนกระทั่ง..

"มาลินา หลังจากได้เป็นหัวหน้าตระกูลแล้วเธอคิดจะทำอย่างไรต่อไปหรือ?"

"อะ เรื่องนั้นหรือ?" ใบหน้าเฉยเมยที่มักแสดงหายไป มาลินาเผยสีหน้าสับสน

เป็นลักษณะทางอารมณ์ที่เธอมักแสดงยามอยู่กับครอบครัว ใบหน้าเฉยเมยเป็นเพียงหน้ากากปกปิดที่เธอสวมใส่เพื่อใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนด้านทางอารมณ์มีเพียงสมาชิกในครอบครัว 2 คนบนโลกเท่านั้นที่เธอจะแสดงออกอย่างจริงใจ

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน"

".."

บรรยากาศการสนทนาเข้าสู่ความติดขัดในทันใด ปัญหาจะเป็นเพราะเธอไม่เคยคิดถึงอนาคตส่วนนี้เลย การได้รับคำถามจากบุคคลที่เธอไม่เคยคิดฝันว่าจะสนใจเรื่องแบบนี้เข้า ทำเอาตกใจไม่น้อย

พริบตา เกียวโตลุกขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็ว ด้วยท่านั่งขัดสมาธิยามเธอหาที่นั่งสมาธิเงียบๆ ดวงตาเพ่งมองไปยังท้องฟ้าที่ยังมีเหล่าเมฆดำปกคลุม

"ยังใช้ชีวิตโดยทำตามความต้องการของผู้อื่น โดยไม่สนใจแม้แต่ตัวเองอยู่อีกหรือ? มาลินา เธอนะบ้างที่ควรเห็นแก่ตัวมากกว่านี้ เย่อหยิ่งมากกว่านี้ และไม่ต้องสนใจพวกผู้ใหญ่ให้มากนัก อา..รวมถึงไม่ต้องไปสนใจเสียงนกเสียงกาให้มาก เธอมีพรสวรรค์..ยิ่งกว่าพวกวายร้ายในนิทานที่แม่มักเหล่าให้ฟังบ่อยๆ มาก ต่อให้ทำตัวจมูกขึ้นฟ้าแบบเดียวกัน มันก็ไม่มีใครว่ากล่าวตักเตือนเธอได้หรอกนะ"

เมื่อเห็นสีหน้าของมาลินาเริ่มเปลี่ยนแปลง เกียวโตรับกล่าวเสริม

"โดยส่วนตัวฉันไม่ต้องการเป็นผู้นำตระกูลหรือผู้อาวุโสมากนักหรอก เพราะมันใช้สมาธิเยอะมาก ปวดหัวมากเลยละ ขนาดตอนนี้ยังปวดหัวมากๆ เลยละ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วจะได้รับงานที่ปวดหัวมากๆๆ แบบนั้นได้อย่างไร แต่.."

ดวงตาคู่หันเหมามองเธอโดยมีความนุ่มลึก คล้ายมีประสบการณ์อย่างยาวนานอัดแน่นอยู่

"มนุษย์มักตัดสินอย่างพลาดพลั้งอยู่เสมอ โดยฉันเป็นหนึ่งในนั้นแหละ ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรต่อไปในอนาคต บางทีโชคชะตาคงทำให้ฉันรู้ว่าจะตัดสินใจสินใดต่อไป... "

"ฉะนั้น.."

ฝ่ามือชี้ขึ้นไปยังท้องฟ้าอันมีเมฆดำปกคลุมเริ่มเลื่อนหาย

"มาลินา ในคืนวันเกิดวันปีที่ 15 ของพวกเรา วันนั้นฉันอยากได้ยินคำตอบของเธอสำหรับการตัดสินใจ โดยฉันตัดสินว่าถ้าเธอเลือกสินใจฉันก็จะตัดสินใจตาม"

"เกียวโต!"

ท้องฟ้าเริ่มเปิดดวงดาราส่องประกายเจิดจ้า ดวงเนตรสีแดงของเธอจ้องมองความงามจากธรรมชาติอันคงอยู่มาตั้งแต่มนุษย์ในยุคเริ่มต้นของโลกใบนี้

ดวงตาของเกียวโตเพ็งมองอยู่ชั่วครู่ อย่างผิดหวังแต่ก็แปลงเปลี่ยนเป็นดีใจ

"นับว่าเป็นวันเวลาที่ดี เข้าใจละว่าทำไมเหล่าตาแก่กับแม่ถึงได้บอกว่า ช่วงเวลาพิธี <อ้อนวอนบรรพบุรุษ> ของพวกเรานับว่ายอดเยี่ยม เพราะเริ่มต้นจากช่วงก่อนจันทร์ดับก่อนไปจบลงจันทร์เพ็ญในวันเกิดพวกเรา เป็นช่วงเวลาที่ดีจริงๆ แหละนะ"

พริบตา เกียวโตลุกขึ้นกระโดดจากหลังคาอาคาร จนเธอต้องเดินตามไปดูตรงมุมอาคาร แต่อีกฝ่ายกลับลงบนพื้นอย่างง่ายดาย

"เพราะฉะนั้นตัดสินใจให้ดีละ"

เสียงดังกังวาลดังตามทั่วโบสถ์จนดึงดูดเหล่ายามอารักษ์ขา

มาลินาจ้องมองไปยังด้านล่างด้วยดวงตาเหม่อลอย

"เอ๋"

กระดาษสีเหลืองหยาบใบหนึ่งลอยปลิวมาทางเธอจากทิศทางที่โตเกียวนั่งลงเมื่อครู่ ฝ่ามือจับคว้าอย่างง่ายดาย ก่อนพลิกมาเพ็งดูเนื้อหาด้านใน

ไปนอนได้แล้ว การนอนดึกมันเสียสุขภาพเสมอเลยล่ะ

-เกียวโต

"พูดไม่ดูตัวเองเลย!" มาลินาพึมพำด้วยแววตาอ่อนโยน

สายลมพัดผ่านเสื้อผ้าและเส้นผมปลิวไสว เธอหันศีรษะจดจ้องดวงดาราบนท้องฟ้าไร้แสงจันทร์ทาใด ด้วยความไม่ระวังหรือเพราะเหตุผลอันใด

แผ่นกระดาษล่องลอยไปตามสายลม หลุดลอยไปจากฝ่ามือของเหนือมนุษย์อย่างง่ายดาย เพราะความสนใจของเธอทั้งหมดเล็งมองไปยังสิ่งที่ประดับประดาบนท้องฟ้าเป็นเวลานาน

สายลมยังคงพัดผ่านต่อไป พัดผ่านไปยังดินแดนไร้ซึ้งมนุษย์ พัดผ่านไปเหนือดินแดนเหนือมหาสมุทร สายลมไม่จำเป็นต้องมีใครควบคุมเพียงไหลผ่านอย่างเฉยชา แต่ถึงอย่างนั้นบนโลกใบนี้กลับมีพลังมากมายที่สามารถควบคุมสายลมอันไร้ผู้ควบคุม คล้ายกับโชคชะตาของโลกใบนี้ที่ไร้ผู้ควบคุมมาเนิ่นนาน

กระดาษแผ่นนั้นร่องรอยตามสายลม ไม่มีใครรู้ว่ามันจะล่องลอยไปถึงที่ใด มันถูกพัดผ่านไปตามทั่วท้องถนน พัดผ่านผ่านผู้ซึ้งยังไม่หลับใหลยามราตรี พัดผ่านไปสิ่งตกแต่งสำหรับงานฉลองที่กำลังจะเกิดขึ้น พัดผ่านสถานที่และเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น พัดผ่านข้ามกำแพงปราการเมือง พัดผ่านทุ่งราบเป็นเวลานาน ไม่มีใครรู้ว่ามันจะไปยังที่แห่งใด..

'เอิ่ม.. ขอโทษนะครับ ผมขอถามหน่อยนะครับ?'

'ว่ามาพ่อหนุ่มนักเวทย์อัจฉริยะ การที่ผู้ใช้ปัญญาอย่างเจ้าไม่เกิดความสงสัยขึ้นมาเลย คงเป็นสิ่งที่ความหน้าสงสัยมากกว่าถึงคุณสมบัติการเป็นจอมเวทย์ของเจ้า'

'สิ่งที่เรากำลังทำกันอยู่มันมีประโยชน์ต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตหรือครับ?'

'ดิฉันเองก็เห็นด้วย'

'เจ้าเองก็ด้วยหรือถ้าเป็นแบบนั้นข้าคงต้องบอกจริงๆ สินะ เอาล่ะเหตุผลก็คือ-'

เสียงดังแผ่วล่องลอยตามสายลมแต่กลับมิอาจรับรู้แหล่งที่มาของเสียงได้แม้แต่น้อย

[กำลังสงสัยถึงเหตุที่พวกเจ้าต้องมาทำอะไรแบบนี้อยู่อีกหรอ?]

เสียงนั้นคล้ายดังก้องในใจของทั้งสองบุคคล เป็นเสียงที่ไม่ได้รับการตอบรับแม้เป็นระยะเวลาไม่นาน แต่มันกับคล้ายเนิ่นนาน คำหนึ่งปรากฏในใจทั้งสามในทันที..

-เอ็น

เขากล่าวเสริม โดยไม่แยแสบรรยากาศรอบข้าง กระดาษแผ่นนั้นถูกพัดผ่านไปถึงบุรุษและสตรี

[ผลกระทบจากการกระทำจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า และพวกเจ้าจะสัมผัสได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในอนาคต]

พวกเขาอยู่ท่ามกลางป่าหนาทึมใกล้ภูเขาห่างไกลจากตัวเมือง ซ่อนร่างไว้ใต้เงามืดโดยแทบไม่สามารถระบุรูปลักษณ์ลักษณะว่าเป็นอย่างไง

[ออ.. ใช่แล้ว มันคงใกล้มาถึงแล้วละ]

โดยทั้งสามสัมผัสได้ถึงตัวตนของกระดาษปริศนาแผ่นนั้นได้ จากประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ของพวกเขา

ฝ่ามือผอมแห้งหนังแทบติดกระดูกผิวสีแทน

ตริ้ง~~~!

[บริวารของท่าน 'ธากา' ได้รับของขวัญจากโชตชะตา]

[โชคชะตาเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย]

หน้าต่างแจ้งเตือนดังก้องหน้าร่างอันหลับใหลอยู่ใต้ความมืดมิด

[ยินดีด้วย พวกเจ้าได้รับของขวัญของโชคชะตาทั้ง ธากา วิลเลียม เมอร์เล่ และ..]

เสียงนั้นเว้นวรรคหนึ่งลมหายใจก่อนกล่าว

[อธีน่า]

...

ฮอต

Comments

Duane

Duane

มีความสนุกสนานกับการอ่านเลย

2024-08-30

0

ทั้งหมด

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!