" อาจจะมีคำผิดอยู่บ้างต้องขออภัย "
หลังจากข่าวการสิ้นพระชนขององค์จักรพรรดิทั้งสอง อาณาจักรก็ตกอยู่ในความโศกเศร้า เหล่าประชาชนต่างก็ทยอยมาร่วมไว้อาลัยส่งเสด็จเป็นครั้งสุดท้ายที่ลานกว้างหน้าพระราชวังแห่งราชอาณาจักรวินเนอร์
"ท่านว่าใครจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปหรือท่านอำมาตย์ " จะใครชะอีกล่ะนอกจากท่านผู้นั้น" เสียงกระซิบคุยกันของเหล่าอำมาตย์. "ข้าว่าคงได้มีเหตุนองเลือดเกิดขึ้นแน่ไม่วันไดก็วันหนึงล่ะ ถ้าถึงวันนั้นจริงข้าก็คงต้องเลือกอยู่ข้างฝ่ายที่ชนะเท่านั้นและ.
พระศพทั้งสองถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติเหล่าราชาที่ร่วมรบต่างมาไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้วทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับอาณาจักรของตน ซึ่งเหล่าราชาได้กล่าวไว้ว่าจะไม่ขอยุ่งเรื่องภายในของ อาณาจักร วินเนอร์
หลังจากผ่านพ้นงานราชพิธีศพของสองจักรพรรดิทั้งสองพระองค์ อาณาจักรวินเนอร์ก็กลับเข้าสู่ความสงบสุขอีกครั้ง ราชวังใหญ่โตองค์อาจที่ยังไม่มีผู้ใดสืบทอดบันลัง ด้วยที่ทั้งสองพระองค์นั้นไม่มีบุตรสืบทอดราชกุลเลย อำนาจทั้งหมดจึงตกไปอยู่กับตระกูล โคเรช ซึ่งเป็นมหาอำนาจที่ควบคุมกองกำลังทหารอัศวินที่มีระดับอดามัลไทร์มากที่สุดในราชอาณาจักรวินเนอร์ องค์ราชาและจักรพรรดินีเอง ก็เคยเป็นลูกศิษย์ ของ ดยุค มอแกน โคเรส ด้วยเหมือนกัน หลายตระกูลต่างก็คิดที่จะขัดขวางแกร่งแย่งราชบัญลัง แต่ก็ไม่มีใครสามารที่จะต้านทานอำนาจของตระกูลโคเรสได้ในช่วงเวลานี้ อาณาจักร วินเนอร์ นั้นเป็นอาณาจักร ใหม่ที่พึ่งก่อตั้งมาไม่ถึง 200 ปี เท่านั้นเอง แต่กลับมีพื้นที่อาณาเขตที่กว้างขวางกว่าอาณาจักรที่อยู่ไกลเคียง
" สี่เดือนหลังจากการสิ้นพระชน "
"ชายสองคนในคฤหาสน์หลังโต ภายในห้องที่ตกแต่งด้วยสิ่งของชั้นเลิศซึ่งบ่งบอกถึงสถานะของเจ้าของคฤหาสน์ว่ามีความร่ำรวยเพียงใดการตกแต่งห้องด้วยสีโทนอ่อนบวกกับรวดรายหวานแหวบนผ้าม้านและสีของห้องซึ่งบ่งบอกรถสะนิยมของเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดีเตียงนอนผ้าห่มหนาที่มีลวดลายของดอกไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งตอนนี้กำลังคุมร่างบางนอนบนเตียงโดยไม่ได้สติ ชายสองคนที่กำลังทำอะไรบางอย่าง อยู่ข้างเตียงอีกคนมีใบหน้าที่หยาบก้านดวงตาสีดำคิ้วดกหนาพร้อมกับหนวดเคราที่เริ่มงอกซึ่งแสดงออกถึงความมีอายุ ร่างกายบึกบึนเต็มไปด้วยมัดกล้ามสวมเกราะเบาสีเงินบวกกับลวดรายสีทองชวนให้คนมอง อีกคนซึ่งแต่งกายคล้ายกับหมอกำลังตรวจดูอาการของสตรีที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงไม่ได้สติ
""ท่านหมอหลวงลูกสาวข้าอาการเป็นอย่างไรบ้าง...ในตอนนี้ภายในห้องได้มีชายสองคนกำลังตรวจดาอาการ ของหญิงสาวที่กำลังนอนหลับไหลอยู่บนเตียง อีกคนที่กำลังรอลุ้นอยู่ข้างๆเตียงก็คือ ดยุคมอแกน โคเรส พ่อของเอเวนน่านั่นเอง หลังจากท่านหมอตรวจดูอาการเสร็จก็หันหน้ามาหา ดยุคมอเเกนที่ยืนอยู่ข้างๆขอบเตียง ",,เรียนท่านดยุคมอแกน จากเท่าที่ข้าได้ตรวจดูชีพจรของคุณหนูดูแล้ว ชีพจรทุกอย่างก็เป็นปกติ การไหลเวียนของพลังเวทย์ก็เป็นปกติข้าก็แปลกใจเหลือเกินว่าเหตุใดนางถึงไม่ฟื้นขึ้นมาทั้งที่พลังภายในทุกอย่างก็เป็นปกติหมด ข้าได้ลองโคจรพลังเวทย์ดูแล้วก็พบว่าไม่มีจุดไหนเลยที่ติดขัด ท่านดยุค ข้าเองก็จนปัญญา...
" ดยุคมอแกนเมื่อได้ยินหมอหลวงกล่าวเช่นนั้นก็ทอนหายใจออกมาคำโต..พร้อมกับ ทำหน้าเศร้า ดยุคมอแกนมองเอเวนน่าด้วยคววามห่วงหา มืออันหยาบกร้านลูบไปที่ใบหน้าเรียวที่กำลังนอนหลับไหลไม่ได้สติ..
""เจ้าไม่น่าไปวิ่งตามผู้ชายพันธุ์นั้นเลย เอเวนน่า ลูกรักของพ่อ" หากเขารักเจ้าจริงคงไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้กับท่านเป็นอันขาด ที่บังอาจมาทำร้ายลูกสาวของข้าเจ้าชายแกนดิส..ดยุคมอแกนสถบคำออกมาด้วยความโกรธ "คอยดูเถอะถ้านางฝื้นขึ้นมาเมื่อไหร่แล้วล่ะก็...ฮึ..ฮึ..ๆ ข้าจะผลักดันให้นางขึ้นเป็นจักรพรรดินีของอาณาจักรนี้ให้ดู...ใครริอาจขัดขวาง ข้าจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น...ท่านหมอรบกวนท่านช่วยดูอาการนางให้ข้าด้วยท่านหมอ...ขอรับ ถ้าท่านไม่บอกข้าก็พร้อมจะดูนางและหาวิธีช่วยรักษานางอย่างถึงที่สุด ..โอ้ว.. ข้าขอขอบคุณท่านจริงๆ ...ดยุคมอแกนขยับเข้าไปนั่ง ข้างเตียง พร้อมกับเชยมองลูกสาวที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา ดยุคมอแกน มีบุตรเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนแม่ของนางนั้นได้จากโลกนี้ไปนานแล้ว ฉะนั้นแล้วอุปนิสัยนาง จึงเป็นคนหัวรั้นชอบเอาแต่ใจหากสิ่งไหนไม่ได้ดั่งใจนางก็จะร้องโวยวายทันที นิสัย ที่นางเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เพราะใครนอกจากคนเป็นพ่อที่ชอบเอาอกเอาใจจนทำให้ลูกสาวเสียคน ด้วยความที่ดยุคมอแกนนั้น ไม่เคย มีบุตรมาก่อน จึงดูแลนางเป็นพิเศษ เรียกได้ว่ามดไม่ให้กัดยุงไม่ให้ตอม " ข้าหวังเพียงว่า " ได้เห็นนาง มีชีวิตอีกครั้ง ได้โปรดเจ้าฟื้นขึ้นมาเถอะ เอเวนน่าเจ้าอยากได้สิ่งใดพ่อก็จะหามาให้ เจ้าอย่าได้นอนจมติดเตียงอยู่เช่นนี้เลย ดยุคมอแกน ลุกออกจากเตียง พร้อมกับ เรียกสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับฝากฝังให้คอยเฝ้าดูเอเวนน่าหากพบสิ่งผิดปกติก็ให้เข้ามาแจ้งเขาที่ห้องทำงานที่อยู่ไม่ไกลจากห้องของนางทันที ส่วนหมอหลวงนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับดยุคมอแกน โดยกล่าวกับดยุคมอแกนว่าจะไปศึกษาหาวิธีรักษาเอเวนน่า ในดยุคมอแกน เมื่อ ได้ยิน เช่นนั้นก็รู้สึกขอบคุณหมอหลวงคนนี้เป็นอย่างมากที่ยอมช่วยเหลือลูกสาว ของเขามากเพียงนี้
ภายในห้องที่มีเพียงเอเวนน่าและสาวใช้ที่กำลังยกอ่างน้ำพร้อมกับผ้าขาวสะอาดที่ถูกเตรียมไว้สำหรับเช็ดตัวนายหญิงน้อยของเธอ สาวใช้ค่อยๆบรรจงถอดเสื้อผ้าคลุมกายของนายหญิงที่นอนไม่ได้สติ เผยให้เห็นผิวขาวนวลอมชมพูชวนให้หลงใหล ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็ตามก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความงาม สาวใช้นำผ้าขาวจมน้ำ เธอบิดผ้าหมาดๆให้น้ำเสด็จแล้วค่อยนำผ้านั้นไปเช็ดตัวให้นายของตน หลังจากเช็ดตัวเสร็จแล้วเธอก็นำผ้าขาวพร้อมกับอ่างน้ำที่ทำด้วยไม้นำไปเก็บสักพักเธอก็เดินเข้ามาพร้อมกับถืออะไรบางอย่างเข้ามาด้วยลักษณะคล้ายกับกล่องไม้มีลวดลายแกะสลักรูปดวงจันทร์รอบๆกล่อง มันถูก วางไว้ข้างๆเตียงของ เอเวนน่าสาวใช้ทำการเปิดกล่องเผยสิ่งที่อยู่ข้างในกล่องนั้น มันเป็นหินอะไรสักอย่างสีเขียวมรกตสักพักมันก็เกิดแสงเรืองรองสีเขียวมรกต ซึ่งทำให้ทั้งห้องในตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นแสงสีเขียวมรกตทั่วทั้งห้อง เธอเปิดมันไว้อย่างนั้นพร้อมกับเดินออกไปจากห้องก่อนออกไปเธอก็ไม่วายหันมาทำความเคารพพร้อมกับถอนสายบัวซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอนั้นถูกฝึกเรื่องมารยาทมาเป็นอย่างดี
" ในห้องนอนอันเงียบสงบพร้อมกับมีกล่องบรรจุด้วยหินสีมรกตส่องแสงเรืองรองอยู่ข้างๆเตียงพร้อมกับร่างบางที่นอนหลับใหลไม่ได้สติ ในห้วงแห่งความฝันของเอเวนน่าสิ่งที่เธอกำลังเห็นอยู่ในตอนนี้คือภาพของใครสักคนที่เธอไม่รู้จักมันเป็นโลกที่แตกต่างแล้วเธอก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน อาคารที่สูงสง่าเสียดฟ้าผู้คนแต่งกายสุดแปลกตาไม่เคยเห็น เอเวนน่าพรรณนาอยู่ในห้วงแห่งความฝันว่าที่นี่มันคือที่ไหนกัน จากนั้นก็มีความทรงจำของใครก็ไม่รู้ไหลทะลักเข้ามาในหัวเรื่อยๆเธอกรีดร้องอย่างสุดเสียงในห้วงแห่งความฝันไม่รู้ว่านานเท่าใด ในที่สุดเสียงกรีดร้องของเธอก็หยุดลงพร้อมกับหอบหายใจอย่างแรง ... ภาพที่เธอเห็นในช่วงแรกๆ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามันคือภาพความทรงจำในอดีตของเธอเอง "ในที่สุด"...ในที่สุด..ฉันก็จำได้สักที " เธอจำได้ทั้งหมดทั้งที่ตอนตายและตอนที่เธอถูกส่งมาเกิดใหม่พร้อมกับพรของพระเจ้าที่ได้มอบให้กับเธอ พลังของเธอจะถูกปลุกขึ้นพร้อมกับความทรงจำในอดีตของเธอเมื่ออายุเธอครบ 18 ปีโดยพระเจ้าเป็นผู้กำหนด เงื่อนไขนี้ไว้ ดวงจิตของเธอลอยเคว้งคว้างอยู่ในมิติที่มืดสนิทไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืดมิด ไม่นานสิ่งที่เธอเห็นแต่ความมืดมิดก็พันเกิดรอยแตกออกเหมือนว่าจะเริ่มมีแสงสว่างลอดผ่านรอยแตกนั้น "โป๊ะ " ความมืดมิดแตกกระจายออกเหมือนกระจก เข้าแทนที่ด้วยแสงสว่าง เอเวนน่า ยกมือขึ้นมาบังแสงจ้านั้นพร้อมกับใช้สายตาลอดผ่านนิ้วมือสิ่งที่เธอกำลังเห็นอยู่ในตอนนี้ คือร่างของใครบางคนที่กำลังออกมาจากแสงนั้นไม่นานแสงนั้นก็ค่อยๆหายไปปรากฏร่างของสตรีนางหนึ่งที่กำลังลอยอยู่เหนือหัวเธอ ความงามของเธอนั้นไม่สามารถที่จะบรรยายได้เลย ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะสามารถเทียบเครียงความงามของอิฏสตรีผู้นี้ได้เลย " ใบหน้าช่างดูคุ้นๆแฮะเหมือนเคยเห็นที่ไหน" เอเวนน่าร้องอุทานออกมา " อ๋อจำได้แล้ว พระเจ้าสุดสวยของฉันนี่เอง เธอกล่าวออกมาพร้อมกับทำหน้าเลิงล่า ,,ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องออกไปปะเชิญกับโลกแห่งนี้แล้ว เจ้าจงนำพรของข้าจงใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดพร้อมกับนำปัญญาจากโลกของเจ้ามาช่วยพัฒนาอาณาจักรของเจ้าเสียเทอด ,,ค่ะรับทราบเจ้าค่ะคุณพระเจ้า ขอบคุณที่ให้โอกาสฉันอีกครั้ง เอเวนน่าทำสอดอ่อนวอนพร้อมกับกล่าวขอบคุณพระเจ้า ,, เอาล่ะข้าต้องไปแล้ว ฝากเจ้าด้วยล่ะอีกไม่นานจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ข้าเองก็ไม่สามารถที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้เพราะมันเป็นกฏแห่งวัฏจักรหากข้ายื่นมือเข้าไปช่วยโดยใช้พลังแห่งพระเจ้านั่นก็เท่ากับ ข้าฝ่าฝืนกฎแห่งวัฏจักรที่ ข้าเป็นผู้สร้างไว้เอาละลากันแค่นี้แหละนะ แสงวิวับแสบตาปกคลุมรอบบริเวณพร้อมกับร่างพระเจ้าที่หายไปจากตรงบริเวณนั้น ทุกอย่างเริ่มดับมืดลงอีกครั้ง พร้อมกับดวงจิตฉันที่ค่อยๆเลือนหายไป
ไม่รู้ว่ายามนี้เป็นช่วงเวลาใด ประตูหน้าต่างทุกบานถูกปิดไว้ไม่ให้แสงลอดผ่านเปลือกตาของเอเวนน่าค่อยๆเปิดออกนั่นแสดงว่าสติของเธอนั้นได้กลับมาแล้ว .. ทำไมในห้องฉันมันถึงเป็นสีเขียวมรกตละเนี่ย เธอเริ่มมองหาต้นตอของแสงจนพบเข้ากับกล่องไม้ขนาดเล็กเท่าฝามือ ที่ถูกปิดเอาไว้พร้อมกับมีก้อนหินสีเขียวมรกตที่ส่องแสงเรืองรองอยู่ข้างๆเตียงของเธอ ... "นี่มันกล่องอะไรล่ะเนี่ย" เธอปิดกล่องนั้นไว้เพราะมันแสบตา เอเวนน่า มองสำรวจรอบกายเธอพบว่าตอนนี้เธอกำลังใส่ชุดนอนอยู่เธอดันกายลุกออกจากเตียงเดินไปยังหน้าต่างเพื่อทำการเปิดมัน หลังจากแง้มบานหน้าต่างออก แสงสว่างลอดผ่านเปลือกตาเธอปรับโฟกัสสักพักพบว่าดวงอาทิตย์นั้นไกลขึ้นตรงหัวเธอ เต็มที "นี่มันไกล้เที่ยงแล้วหรือเนี่ยเอเวนน่าอุทานออกมา เธอเดินกลับเข้ามานั่งบนเตียงพร้อมกับคิดทบทวนความทรงจำในอดีตที่ผ่านมา " ในโลกนี้ฉันมีชื่อว่า เอเวนน่า ช่างบังเอิญตรงกับชื่อฉันในโลกก่อนเลยแฮะแตกต่างก็แค่สกุลก็เท่านั้น " อดีตที่ผ่านมายัยนี่ไปทำอะไรมาบ้างแล้วเนี่ย อดีตที่ผ่านมาวันๆวิ่งตามแต่ผู้ชายคิดแต่เรื่องผู้ชายเอาแต่ใจทะเลาะกับคนอื่นไปทั่วขี้อิจฉาริษยาทั้งที่ตัวเองนั้นก็มีครบหมดทุกอย่าง เฮ้อคิดแล้วก็ปวดใจ
เหตุที่ฉันนอนติดเตียงอยู่อย่างนี้ก็เพราะอดีต ที่ผ่านมาตัวฉันไปติดพันลูกชายของดยุคคีนอส หรือเจ้าชายแกรนด์ดิส หลงรักเขาจนหัวปักหัวปำ แรกๆก็รักกันดีอยู่หรอกพอหลังๆมาเจ้าแกรนด์ดิสก็เริ่มตีตัวออกห่างเพราะไปถูกใจสาวนางหนึ่งเข้า...ฮึ..ฮึ..นี่มันเหมือนกับนิยายรักพระเอกกับนางร้ายเลยนี่หว่า พอแม่นี่รู้เข้าก็ถึงกับขั้นปรีดแตกหาวิธีแก้สารพัดสารภีจนเกิดเป็นข่าวลือเรื่องเสียๆหายๆของแม่นี่ไปทั่วเมือง เจ้า แกรนด์ดิส เองตระกูลของเจ้าหนี้ก็ไม่ใช่เล่นถึงแม้จะไม่มีอำนาจทางการทหาร แต่เรื่องที่ตระกูลของเจ้านี่คุมเรื่องเศรษฐกิจของอาณาจักรก็ถือว่ามีอำนาจต่อรองที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
สาเหตุที่ฉันนอนแอ้งแม้งอยู่อย่างนี้ก็เพราะโดนไอ้เจ้าแกรนด์ดิสมันรำคาญฉันแล้วพักฉันตกกระไดหัวทิ่มนอนไม่ได้สติอยู่แรมเดือนจนฉันมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์จนได้มาเจอกับพระเจ้าอีกครั้งนี่แหละคิดทบทวนย้อนกลับไปก็ปวดหัว ฉันเอามือทั้งสองข้างมานวดกระหม่อมที่กำลังปวดตุบๆอยู่ตอนนี้คิดแล้วก็อยากอาบน้ำขึ้นมาทันที
เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินมาทางนี้น่าจะประมาณ 2 คนได้มั้งหลังจากถูกฟื้นความทรงจำพร้อมกับปลดล็อคพลังประสาทสัมผัสทั้งหมดของฉันก็ดีขึ้นมากกว่าเก่ามากถึงขนาดที่จะบอกจำนวนคนคล้าวๆได้ว่ามีกี่คน เสียงฝีเท้าหยุดลงที่หน้าห้องฉัน ในระหว่างนั้นฉันก็เกิดมีความคิดแผงๆขึ้นมาไป ""ซ่อนดีกว่า "" ก่อนที่ประตูนั้นจะเปิดออกเอเวนน่ารีบเดินย่องๆเพื่อไม่ให้เกิดเสียงและหลบอยู่ที่ข้างๆประตู ประตูถูกเคาะดังขึ้น 3 ครั้งพร้อมกับกล่าวขออนุญาตเข้ามาในห้องตามมารยาทของแม่บ้านที่ถูกฝึกมา ไม่นานประตูก็เปิดออกพร้อมกับแม่บ้านสาว 2 คนที่กำลังถือถังน้ำพร้อมอ่างไม้พาดด้วยผ้าขาวสะอาดเมื่อเดินผ่านพ้นประตูเข้ามาแล้ว เอเวนน่า ร้องคิดๆอยู่ในใจ พร้อมกับกระโดดจับแผ่นหลังของสาวแม่บ้านโดยไม่ให้ตั้งตัว ใบหน้าบิดเบี้ยวของ เอเวนน่า พร้อมกับเสียงร้อง แบร่ๆ..อย่างสุดเสียง ทำให้แม่บ้านสาวทั้งสองหน้าถอดสีสะดุ้งโหยงกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความตกใจ ถังน้ำอ่างไม้ที่ถือมาด้วยปลิวไปคนละทิศละทาง พร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจกลัว เอเวนน่านั่งกุมท้องอยู่ที่พื้นเพราะตอนนี้เธอหัวเราะเสียงดังจนท้องเกรงนี่เป็นการแกล้งคนครั้งแรกนับตั้งแต่เธอมาอยู่ที่โลกนี้ ...แต่ไม่รวมอดีตที่ผ่านมาของฉันนะ..เอเวนน่า ขำออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความชอบใจจนน้ำตาเธอแตก ...เสียงกรีดร้องเมื่อกี้นี้ดังถึงขนาดที่ห้องข้างๆได้ยินเลยก็ว่าได้
ซึ่งทำให้คนที่กำลังนั่งทำงานอยู่ที่ห้องข้างๆลุกออกมาดูด้วยความร้อนรนเพราะเสียเมื่อกี้นี้มันดังมาจากห้องของลูกสาวของเขานั่นเอง ดยุคมอแกนรีบเดินมายังต้นเสียงพร้อมกับเห็นประตูห้องของเอเวนน่าที่เปิดทิ้งไว้ เขารีบเดินไปดูด้วยความร้อนรนแต่ก็ต้องผงะเมื่อเข้ามาเห็นถังน้ำที่กองอยู่ตรงหน้าเขาและมองเข้าไปยังด้านในพร้อมกับเห็นเหล่าแม่บ้านที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่ในห้องดยุค มอแกนได้ยินเสียงร้องคิกคักพร้อมขวดสายตามองรอบๆห้องก็ต้องผงะอีกครั้งเมื่อเห็นร่างบางที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่ข้างๆห้อง ดยุคมอแกนเมื่อเห็นดังนั้นน้ำตาก็เริ่มเอ่อล้นออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุเขารีบวิ่งเข้าไปช้อนร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดเขาทันทีพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก "" ลูกพ่อ...ลูกพ่อฟื้นแล้ว "" ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงเมตตา " ฮือๆ...ตาเฒ่านี่ร้องไห้เหมือนยังกับเด็กเลยนะเนี่ย เอเวนน่าคิดในใจ
.
.
.
จบตอนที่ 1 เนื้อหาบางส่วนนั้นอาจจะยังไม่ละเอียดมากนักต้องขอประทานอภัยและอาจจะมีคำผิดอีกมากมายต้องขอโทษด้วย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 9
Comments