ฉันพยายามที่จะปฏิเสธผู้เป็นบิดาเพราะฉันรู้ว่าผู้เป็นบิดานั้นชอบเอาอกเอาใจลูกสาวมากเพียงใด ฉันทำหน้าบ้องแบ๊วออดอ้อนผู้เป็นบิดา แต่แล้วคำตอบที่ได้มาคือไม่แล้วก็ไม่
อะไรกันไม่ได้ผลหรือเนี่ย" ในระหว่างนั้นดยุคมอแกนก็หันมาพูดกับเอเวนน่า ต่อไปนี้เจ้าจะต้องขึ้นเป็นองค์จักรพรรดินีและขึ้นปกครองอาณาจักรแทนเหล่า จักรพรรดิที่จากไป
" แล้วทำไมท่านพ่อถึงไม่เป็นเองล่ะเจ้าค่ะทำไมต้องให้ลูกขึ้นเป็นด้วย " ตามจริงพ่อน่ะจะขึ้นเป็นเองก็ย่อมได้ แต่พ่อไม่ขอตอบในเรื่องนี้แต่ยังไงชะในอีก 2 วันนับจากนี้เจ้าจะต้องเข้าพิธีรับมอบมงกุฎเป็นองค์จักรพรรดินี
"อ่าวมีอย่างนี้ด้วย" แล้วพ่อขอย้ำเตือนอีกครั้งว่าลูกห้ามหนีไปไหนโดยเด็ดขาด ดยุคมอแกนพูดเสียงเข้ม "ถึงลูกจะบริหารบ้านเมืองไม่เป็นก็ตามเถอะ
"อะไรกันเนี่ยฉ้านนนนน เอาล่ะ เอเวนน่าพ่อขอโทษเจ้าด้วยที่อยู่คุยกับเจ้าได้ไม่นานพ่อจะต้องไปทำธุระจัดการเรื่องของลูกต่อจากนี้
ก่อนที่ดยุคมอแกนจะเดินจากไปเขาก็หันมาหาเอเลนน่าแล้วพูดคำนึงออกมา " พ่อขอย้ำอีกครั้งว่าลูกห้ามนี้โดยเด็ดขาด " หนูรู้แล้วน่าไม่ต้องมาพูดย้ำอีกก็ได้ เอเวนน่า พูดพร้อมกับทำหน้ามุ่ยไปด้วย " ทำให้ผู้เป็นบิดาอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดู แต่เอเวนน่านั้นไม่เห็นรอยยิ้มผู้เป็นบิดาเพราะเขากำลังหันหลังให้เอเวนน่าอยู่
ดยุคมอแกนเดินออกไปพร้อมกับอัศวินคู่กายตามหลังไปด้วย "ส่วนเอเวนน่าเองก็ได้แต่เดินกลับไปที่ห้องของเธอ " ฉันพยายามนึกหาเหตุผลว่าทำไมจะต้องให้ฉันผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านการปกครองอะไรเลยขึ้นมาเป็นองค์จักรพรรดินีด้วย มีหวังเราประชาชนคงได้สาปแช่งฉันแน่ๆทั้งๆที่ดยุคมอแกนก็มีคุณสมบัติเพียบพร้อมทุกอย่างแท้ๆทั้งความแข็งแกร่งอำนาจความรู้ความสามารถและความเป็นผู้นำ เฮ้อ นี่เขาคิดจะทำอะไรของเขานะ ในระหว่างนี้ฉันก็ฝึกฝนพลังเวทย์ของฉันต่อ
.............................................
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงวันที่ฉันจะต้องเข้าพิธีรับถ่ายทอดมงกุฎขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ โอ้ยทำไมมันถึงได้ตื่นเต้นอะไรอย่างนี้นะ ขบวนรถมา 20 คันจอดเรียงรายอยู่หน้าคฤหาสน์ อัศวินดำสวมเกราะเหล็กกล้าปิดบังทั้งตัวข้างเอวแต่ละนายล้วนถูกเน็บด้วยดาบยาวประจำตระกูลพร้อมกับควบม้าติดเกราะ ประมาณ 50 ชุด โดยแบ่งอารักขา ด้านหน้าขบวน 20 นาย ด้านหลังขบวนอีก 20 นาย ขนาบด้านข้างซ้ายขวาอีกข้างละ 5นาย ถึงแม้บางคนคนธรรมอาจจะมองว่าเหตุไดถึงได้ส่งทหารมาคุ้มกันน้อยนัก แต่พวกเขาเเหล่านั้นไม่รู้เลยว่าทหารเพียงแค่นายเดียวนั้นมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับทหารธรรมดา 1000 นาย ในราชวงศ์ไม่มีตระกูลไหนที่จะไม่รู้จักถึงความแข็งแกร่งของทหารเหล่านี้
ภายในห้องของเอเวนน่าเมดสาวทั้ง 5 คนพวกเธอกำลังช่วยกันจัดแต่งทรงเครื่องเสริมสวยให้กับว่าที่จักรพรรดินี พวกเธอหยอกล้อพูดคุยกันสนุกสนาน หลายวันมานี้พวกเธอสนิทกับเอเวนน่ามากเป็นพิเศษ เพราะตั้งแต่ที่เธอได้รับความทรงจำกับคืนมาอุปะนิสัยเธอก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากที่แต่ก่อนนั้นเมดในตระกูลนี้ต่างก็กลัวเอเวนน่ากันเกือบจะทุกคน นั่นก็เพราะนิสัยเดิมเธอนั้นเป็นคนที่ชอบจะเอาแต่ใจและชอบโมโหร้ายเมื่อไม่ได้ดังใจที่ต้องการก็จะชอบเขวี้ยงปาสิ่งของระบายใส่เมดเป็นประจำจนเมดหลายคนต้องลาออกไปไม่เว้นวัน
-นี่ๆ พวกเรา " ต่อไปนี้จะเรียกว่าคุณหนูเอเวนน่าไม่ได้แล้วนะ
- จริงสินะ " ก็คุณหนูเรากำจะขึ้นดำรงตำแหน่งขึ้นเป็นองค์จักรพรรดินีแล้วนี่นา อย่างนี้พวกเราก็คงคิดถึงคุณหนูแย่สิ
" แหม พวกพี่ๆไม่ต้องเป็นห่วงข้าไปหรอกน่า เพราะข้าไม่ยอมให้พวกพี่ๆอยู่เหงากันที่ปราสาทหรอกน่า
" เอะ " หรือว่าคุณหนูจะ " แน่นอนอยู่แล้วข้าต้องพาพวกพี่ๆไปกับข้าด้วยอยู่แล้ว " เย่ๆๆ " เหล่าเมดต่างก็ดีใจเมื่อเอเวนน่าจะพาพวกเธอเข้าวังไปกับเธอด้วย
- คุณหนูของพวกเราวันนี้ช่างดูสวยสง่างามมากเลยเจ้าคะ " ใช้ๆ "
- วันนี้คุณหนูของข้าช่างดูเหมือนกับเทพธิดาจุติลงมาบนโลกมนุษย์เลยเจ้าค่ะ เหล่าเมดต่างเอ่ยชมเอเวนน่า ในความสง่างาม
- ในตอนนี้ฉันกำลังมองไปที่กระจกแล้วก็ต้องหยุดชะงัก ขนาดตัวฉันเองก็ยังไม่วายต้องตกตลึงไปกับคุณเมดด้วย ความงามที่ยิ่งกว่าในนวนิยาย ชุดเดรสที่ถูกประดับประดาไปด้วยอัญมณีรองเท้าส้นสูงที่เหมือนกับเพรช เนื้อผ้าที่ถูกสารด้วยแร่ทองคำกับแร่เงิน เมื่อหลอมรวมเข้ากับความงามของเอเวนน่าแล้ว ในอาณาจักรแห่งนี้ไมมีอิสตรีนางใดที่จะเทียบเคียงกับความงามระดับนี้ได้เลยได้เลย
- " ก๊อกๆ " เรียนท่านหญิงขอรับขนะนี้ไกล้จะถึงเพลาราชพิธีแล้วขอรับ " อย่างนั้นรึเดี๋ยวสักครู่ข้าออกไป " ขอรับนายหญิง
ไม่นานเหล่าเมดก็ผลักประตูบานใหญ่ออกมา เอเวนน่าค่อยๆเก้าเท้าเดินพร้อมกับเมดสาวสองคนที่คอยทำหน้าที่พยุงแขนกันเอเวนน่าล้ม เมื่อฉันเดินออกมาเหล่าอัศวินก็นั่งคุกเข่าทำความเคารพอยู่สองฝั่งทางเดินไปยังรถม้าที่กำลังจอดรอรับฉันอยู่พร้อมกับอัศวินดำที่กำลังเปิดประตูยืนรอฉันอยู่ข้างรถม้า
เอเวนน่าเก้าเท้าขึ้นไปนั่งบนรถม้าภายในที่ประดับตกแต่งด้วยที่นั่งที่ทำด้วยขนสัตว์อสูรที่มีความนุ่มนิ่มยืดหยุ่นสูง เมื่อเอเวนน่าขึ้นรถม้าไปแล้วเหล่าอัศวินดำเข้าประจำที่พวกเขาขึ้นควบม้ากระตุกบังเหียนพวกมัน ขบวนรถม้าค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านบ้านเรือนของเหล่าประชาชน เอเวนน่าสังเกตเห็นว่าเหล่าประชาชนที่นี่นั้นมีความเป็นอยู่ที่ดีบ้านเรือนแต่ละหลังล้วนต่อเติมด้วยอิฐดินเผาซึ่งมีการตกแต่งบ้านเรือนของตัวเองตามสไตร์ของแต่ละหลัง เสียงควบม้านำขบวนของอัศวินดำเคลื่อนขบวนผ่านบ้านเรือนหลายหลัง ขบวนเริ่มเข้าสู่เขตราชฐาน
สังเกตุได้จากขนวนรถม้ากำลังเคลื่อนผ่านสะพานหินอ่อนผสมปูนเชื่อมระหว่างสองฝั่งแม่น้ำ ตรงหน้าเป็นเขตราชฐานเหล่าประชาชนต่างก็มายืนรอต้อนรับขบวนนำเสด็จของว่าที่จักรพรรดินีพระองค์ใหม่พร้อมกับเหล่าทหารที่คอยยืนอารักขาอยู่สองฝั่งของมวลชนที่มารอรับเสด็จ
- ขบวนเคลื่อนผ่านสะพานเข้าเขตราชฐาน ในตอนนี้ฉันกำลังมองลอดผ่านบานหน้าต่างของรถม้าเหล่าประชาที่แต่งตัวเหมือนกับคนยุคกลางต่างยกธงตราอัศวินควบม้าศึกสวัสดิ์ไสว พร้อมกับส่งเสียงทรงพระเจริญกล่าวต้อนรับเมื่อขบวนเคลื่อนเข้ามาไกล้เขตราชฐาน
- นี่ๆ พวกเจ้า " นั่นใช้ธิดาคนโตของดยุคมอแกนคนนั้นหรือป่าว ที่คอยสร้างเรื่องเสียๆหายๆไม่เว้นวันคนนั้นหรือป่าว " ข้าว่าใช้คนนั้นและ เสียงชุบซิบของเหล่าชาวมุง ตายจริงจะให้คนอย่างนั้นหรือขึ้นเป็นองค์จักรพรรดินีดยุคมอแกนท่านกำลังคิดอะไรอยู่กันเนี่ยบ้านเมืองคงได้ล้มจมกันแน่ๆล่ะทีนี้
- " นี่ๆพวกเจ้าจะนินทาใครก็ให้มันเบาๆหน่อยเดี๋ยวพวกแกทั้งสองก็ได้หัวหลุดจากบ่ากันหรอก พวกแกไม่รู้ข่าวลือนั่นหรือไงหลายวันมานี้น่ะ มีขุนนางหลายคนที่หายตัวไปโดยปริศนาบางคนก็เห็นศพรอยน้ำฟูฟ่องมาจากที่ไหนก็ไม่รู้จนเกิดข่าวลือต่างๆนาๆว่า ท่านดยุคมอแกนสั่งปิดปากพวกขุนนางที่ไม่เห็นด้วยกับท่าน " อย่างนั้นเชียวรึ ชายผิวคล้ำกล่าวอุทานด้วยอาการตกใจแล้วจากนั้นชายคนนั้นก็เริ่มพูดต่อ " บางคนก็พูดว่าขุนนางเหล่านั้นปฏิเสธที่จะให้ท่านเอเวนน่าขึ้นเป็นจักรพรรดินีแล้วไปสนับสนุนอีกฝ่ายแทน " อ้าวแล้วถ้างั้นเรื่องอย่างนี้ดยุคท่านอื่นๆจะยอมรับได้รึที่ดยุคมอแกนกระทำการตามใจตนเองเยี่ยงนี้
บัตรนี้เริ่มมีกลุ่มชายฉกรรจ์ยืนจับกลุ่มพูดคุยกันสนุกปาก ก่อนที่ขบวนรถม้าจะเคลื่อนผ่าน " ถ้าเกิดว่าเป็นเจ้า...เจ้าจะยอมไหมล่ะ ที่ดยุคเพียงแค่คนๆเดียวกระทำการเอาแต่ใจโดยที่ไม่เห็นหัวอกของดยุคท่านอื่นๆเลย ทั้งที่บุตรสาวของท่านพวกเราก็รู้ๆกันอยู่ว่าเป็นคนเช่นไรสร้างข่าวฉาวทั่วบ้านทั่วเมืองขนาดนั้น "แน่นอน เป็นข้า..ข้าก็ไม่ยอมหลอก " แล้วทำไมดยุคท่านอื่นๆถึงไม่ออกมาคัดค้านหรือทำอะไรบ้างเลยล่ะ " อืมมม..นั่นนะซิข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน " ทันใดนั้นก็มีชายแต่งตัวมีภูมิฐานเดินเข้าไปหากลุ่มที่กำลังพูดคุยนินทาว่าที่จักรพรรดินีพระองค์ใหม่"
" พวกเจ้าชั่งโง่เขานัก '' กลุ่มชายที่กำลังจับกลุ่มพูดคุยกันก็หันหน้ามายังชายที่พึ่งมาใหม่ " พระองค์ก็แค่ทวงสิทธิ์ที่มันจะเป็นของพระองค์ก็เท่านั้นเอง " เจ้าว่าไงนะ " พวกเจ้าไม่ได้ศึกษาอ่านประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองเลยหรือไง " ชายผู้นั้นพูดแทงใจดำใส่กลุ่มคนที่กำลังจับกลุ่มพูดคุย จะเรียกว่ากลุ่มก็ไม่ได้เพราะตรงบริเวณนั้นมีคนที่มายืนรอต้อนรับขบวนยืนอยู่หลายคนกันอยู่แล้ว
" เจ้าว่าทวงสิทธิ์รึมันหมายความว่ายังไงหรือท่านผู้รู้ เข้าพูดออกมาพร้อมกับทำหน้าไม่พ่อใจที่ถูกด่าว่าเป็นคนโง่ " ... ฮ่าฮ่าฮ่า...ก็ได้ข้าจะบอกให้เอาบุญหน่อยก็แล้วกัน" เมื่อกลุ่มชายเหล่านั้นได้ยินกิริยาท่าทางดูถูกของชายที่พึ่งมาใหม่ พวกเขาก็รู้สึกโกรธชายผู้นี้เป็นอย่างมากจนอยากจะต่อยอัดเข้าที่หน้าสักครั้งแต่ก็ไม่กล้าเพราะดูจากการแต่งกายแล้วหน้าจะเป็นพวกลูกขุนนางหรือพวกคนรวยที่ชอบโอ้อวดซึ่งพวกเขาไม่อยากที่จะมีปัญหา
พวกเจ้ารู้จักเมือง คอชต้าหรือไม่ " ชายแต่งตัวมีภูมิฐานกลาวถาม "ข้าย่อมรู้จักอยู่แล้วคุณชาย " งั้นก็ดีในอดีตเมื่อ 300 ปีก่อนอาณาจักรวินเนอร์นั้นเป็นเพียงแค่อาณาจักรเล็กๆเท่านั้น จุดสิ้นสุดเขตแดนทางตอนใต้ของอาณาจักรนั้นก็คือเมืองคอชต้าที่มีระยะทางห่างจากเมืองหลวงไปเพียง 300 กิโลเมตรเท่านั้น หลังจากนั้นชายผู้นั้นก็เหล้าสาธยายประวัติศาสตร์ของอาณาจักรนี้ให้กลุ่มคนเหล่านั้นฟังจากที่แต่เดิมมีเพียงแค่กลุ่มชายฉกรรจ์เท่านั้นบัตินี้ประชาชนที่มายืนรอรับเสด็จพวกเขาต่างก็หันหน้ามาฟังชายผู้นี้เหล่าประวัติศาสตร์ที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อน เกี่ยวกับความจริงที่ว่าอาณาจักรวินเนอร์มีอาณาเขตที่กว้างขวางลูกหลานมีแผ่นดินอยู่ทำกินจดทุกวันนี้นั้นก็เพราะ ตระกูลโคเรชที่เป็นผู้อุ้มชูสร้างความแข็งแกร่งให้แก่อาณาจักรนี้มาโดยตลอด และชายผู้นี้ยังได้เล่าเกี่ยวกับบันทึกสัญญาของราชวงค์ที่ได้ทำข้อตกลงกับตระกูลโคเรชเมื่อ 300 ปีก่อน เมื่อพวกเขาได้รู้เกี่ยวกับความจริงข้อนี้ความรู้สึกที่ไม่ดีเกี่ยวกับข่าวลือต่างๆที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโคเรชก็มลายหายสิ้นไปต่างคนก็บอกว่าพวกเขาเหมาะสมแล้ว ที่จะขึ้นเป็นผู้ปกครองคนใหม่ ถึงแม้จะรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับข่าวเสียๆที่เอเวนน่าได้สร้างไว้แต่ยังไงแล้วอาณาจักรก็ต้องการผู้นำในช่วงเวลานี้
" ขบวนรถม้าเคลื่อนผ่านเข้าเขตราชฐานเราประชาชนต่างเอ่ยคำสรรเสริญ เมื่อเราอัศวินเกราะดำดูหน้าเกรงขามดุจดั่งมัจจุราช ที่กำลังทำหน้าที่นำขบวนเคลื่อนผ่านเขตราชฐานไปยังเขตราชวังเสียงฝีเท้าของม้าศึกติดเกราะทั้งตัวกระทบกับพื้นสร้างความหวาดหวั่นตื่นเต้นให้กับเหล่าประชาที่มารอต้อนรับเเม้แต่เหล่านักฆ่าที่ถูกจ้างวานประปนอยู่กับฟูงชนก็ไม่แม้แต่จะกล้ากระดิกเพราะจิตรสังหารอันแรงกล้าที่ถูกปล่อยออกมาจากอัศวินแต่ละนายหล้วนบ่งบอกระดับของตัวอัศวินว่าพวกเขาแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดา เพื่อเป็นการส่งสารบอกให้เหล่านักฆ่าว่าพวกเขาไม่ควรเข้ามายุ่งหากคิดที่จะกระทำการอุกอาจนั้นก็เท่ากับเอาชีวิตมาทิ้งเปล่าๆ เพราะเหล่านั้งฆ่าเองก็สัมพัสจิตรสังหารของเหล่าอัศวินได้ว่า ทั้ง 50 นายนั้นล้วนแต่อยู่ในระดับอดามัลไทล์ ซึ่งสร้างความตกใจและความกลัวให้กับพวกนักฆ่าเป็นอย่างมากไม่นึกว่า ตระกูลโคเรชจะน่ากลัวถึงเพียงนี้
" ไม่นานขบวนรถม้าก็มาถึงหน้าพระราชวังเหล่าทหารกองเกียรติยศเป่าเเตรบรรเลงเสียงเพลงพร้อมกับเหล่าอัศวินตั่งแถวรอเป็นทางยาวไปจนถึงทางขึ้นพระวิหารทำพิธีเมื่ออัศวินดำเปิดประตูรถม้าพร้อมกับย่อเข่าในท่าอัศวินเพื่อเป็นการเคารพ เอเวนน่า เอเวนน่าก้าวเท้าเดินลงจากรถม้าเหล่าอัศวินที่มาต้องรับชักดาบออกจากฝักอย่างพร้อมเพียงพวกเขายกชันปายดาบหนักชี้ขึ้นบนฟ้าโดยด้ามดาบที่จับอยู่ในระนาบตรงกลางหน้าอกอย่างพร้อมเพียง
" ฉันที่กำลังก้าวลงจากรถม้าโดยมีคุณอัศวินเกราะดำคอยเปิดประตู้ให้เมื่อเดินลงมาก็ต้องตลึกกับกองอัศวินที่มายืนรอต้อนรับฉันเป็นจำนวนมากแต่ก็ต้องแปลกใจเพราะชุดเกราะที่พวกเขาใส่นั้นแตกต่างจากคุณอัศวินเกราะดำที่นำขบวนมาในครั้งนี้มากฉันจึงถามคุณอัศวินเกราะดำที่ยืนอยู่ข้างฉันจึงได้รู้ว่าอัศวินเหล่านี้นั้นเป็นอัศวินของอาณาจักรซึ่งก็คือไม่ได้มีความเกียวข้องกับอัศวินของตระกูลแต่อย่างใด
" ในแถวนั้นฉันสังเกตว่ามีผู้หญิงที่เป็นอัศวินประปนอยู่ด้วย พวกเธอช่างดูแข็งแกร่งและสวยงามจัง " ฉันเดินดูเหมือนนายกรัฐมนตรีตรวจดูทหารกองเกียรติยศ
ประตูวิหารบานใหญ่ถูกเปิดออกโดยอัศวินทั้งสองที่ยืนอยู่ทั้งสองข้างของประตู พร้อมกับเสียงเป่าประกาศถึงการมาของฉัน ในตอนนี้ใจฉันเต้นตุ๊บป่องๆเพราะความตื่นเต้นไม่นึกมาก่อนว่าทั้งชีวิตนี้จะต้องมาเป็นจักรพรรดินี
.....ฉันตื่นเต้นหัวใจฉันเต้นรัวๆไม่หยุด..งั้นฉันขอไปเบรคหน่อยก็แล้วกัน...
...................................................................................
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 9
Comments