บทที่ ๔

ผมเริ่มเล่าแผนการให้คุณมาศฟัง ประการแรกเราจะต้องหาทางจัดการกับลูกตายักษ์ที่จับจ้องเราจากบนท้องฟ้า และประการที่สองเราต้องไม่เล่นตามเกมของพวกหมาป่า คุณมาศ พยักหน้ารับทราบ ขณะออกวิ่งผมก็คว้านมือไปในกระเป๋าเพื่อเช็กว่าหนังสือยังอยู่ดี

พวกเราเริ่มแผนการแรกโดยการเปลี่ยนเส้นทาง คุณมาศวิ่งไปตามแนวต้นไม้ใหญ่หนาทึบ ใช้เงาของต้นไม้ใหญ่ซ่อนเร้นกายจากดวงตาที่คอยสอดส่องจากฟากฟ้า คุณมาศพึมพำขณะออกวิ่งจากนั้นก้อนเมฆเริ่มหนาขึ้นและมันปกคลุมท้องฟ้าให้มืดอีกครั้ง คราวนี้คุณมาศเปลี่ยนจากการใช้สายฟ้าเป็นการใช้เมฆบดบังแทน ดวงตาที่อยู่เหนือท้องฟ้าถูกก้อนเมฆหนาบดบังเสียมิด

“คุณมาศ ทำให้ฝนตกได้ไหมครับ” คุณมาศไม่ได้ตอบกลับแต่เม็ดฝนเริ่มหยดลงมาทีละน้อย เพื่อเป็นการกลบกลิ่นของพวกเราผมเลือกที่จะใช้ฝนในการชะล้างกลิ่นให้เบาบางและยากต่อการตามล่า ประสาทสัมผัสในเรื่องกลิ่นของหมาป่านับว่าเป็นเลิศ ดังนั้น วิธีนี้จึงเหมาะสมที่สุดในเวลานี้ พวกเราหยุดพักใต้เงาของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วเริ่มแผนการที่สอง นั้นคือการใช้เหยื่อล่อ คุณมาศเข้าใจแผนการทั้งหมดเป็นอย่างดีเขาย่อขาหน้าลง เพื่อให้ผมได้ยอดตัวลงจากแผ่นหลังของเขา จากนั้นเขาร่ายคาถา “แสงที่เป็นดั่งแหล่งกำเนิด เงาที่เป็นดั่งภาพสะท้อนมายา อิม อิล ลู ชา ” แสงสว่างจากออกมาจากดวงตาของแมวตัวโตที่อยู่เบื้องหน้าผม สิ้นเสียงคุณมาศก็ปรากฏร่างแยกของคุณมาศและผมออกมา ไม่อยากเชื่อเลยว่าสิ่งที่ผมเห็นนั้นมันเกินจินตนาการตัวเองไปมากแค่ไหน ร่างแยกของผมที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนผมทุกอย่างแม้กระทั่งเสื้อผ้าหน้าผมแทบจะบอกได้ว่าเขามาจากกระจกเงาสะท้อน แต่ร่างแยกทั้งสองไม่สามารถพูดคุยหรือสื่อสารกับพวกเราได้ คุณมาศสั่งการให้ร่างแยกวิ่งไปอีกเส้นทางเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ส่วนพวกเราหลบในเงาต้นไม้ซุ่มดูพวกหมาป่าเงาสักพัก ถ้าหากแผนการเราสำเร็จเท่ากับพวกหมาป่าเงาจะถูกเราหลอกล่อไปให้ไกลจากพวกเรา

เมื่อแน่ใจแล้วว่าพวกมันตามร่างแยกไป พวกเราค่อย ๆ ย่องออกจากที่ซ่อน คุณมาศย่อตัวลงให้ผมขึ้นขี่หลังจากนั้นเข้าจึงออกวิ่งอีกครั้ง เมื่อไร้ศัตรูแล้วการเดินทางของพวกเราก็รวดเร็วขึ้น ผ่านไปได้ไม่นาน คุณมาศพาผมออกจากแนวขอบป่า ลัดเลาะต้นไม้ใหญ่จนในที่สุดก็มาถึงที่หมาย ด้านหน้าเป็นประตูไม้บานใหญ่สลักลวดลายแบบไทย มีทั้งรูปสลักของสัตว์ในวรรณคดี พรรณไม้ และลายกนกดูวิจิตรบรรจง มันทำให้ผมนึกถึงประตูไม้ที่ประดับอยู่ตามสถานที่โบราณสำคัญ ๆ อย่างวัดเก่าอายุหลายร้อยปี และรวมถึงในพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาของโบราณเหล่านี้ไว้

“ถึงแล้ว ทางออกจากมิติข้า ถ้าเจ้าก้าวข้ามธรณีประตูนี้ไปเจ้าจะกลับไป ยังโลกภายนอก และเริ่มรับบททดสอบของเจ้าซะ ข้ามาส่งเจ้าได้เพียงเท่านี้” คุณมาศ พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ ผมรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณในการช่วยเหลือในครั้งนี้มาก คุณมาศอาจจะเป็นเทพเจ้าแมวที่ดลบันดาลฝนฟ้าในโลกแห่งความเป็นจริงก็ได้ ก่อนที่ผมจะเดินข้ามประตูไป ผมเอ่ยชวนเจ้าของสถานที่แห่งนี้

“คุณมาศไม่ไปกับผมหรอครับ”

“ข้าทิ้งที่นี่ไม่ได้หรอก เพราะที่แห่งนี้คือมิติของข้า และตอนนี้ข้าต้องจัดการพวกผู้บุกรุก เจ้าจงรีบกลับไปทำหน้าที่ของเจ้าเถอะ”

ฟิ้ว! เสียงลมพุ่งผ่านอย่างรวดเร็วแต่ก่อนที่มันจะโดนเข้าที่ร่างของผมคุณมาศใช้ปากงับไว้ได้ทัน สิ่งที่คุณมาศคาบไว้ในปากคือลูกธนูสีดำปลายศรเป็นโลหะมันวาว เขากัดมันให้หักออกเป็นสองท่อนแล้วกระโดดกระทืบเท้าลงบนพื้นเกิดกระแสไฟฟ้ากระจายออกไปทั่วทิศ ทำให้ศัตรูที่แอบซ่อนอยู่ในเงามืดเผยตัวตนของมันออกมาทันที

“หือ เก่งไม่เบานิ ข้าเล็งหัวใจเจ้าเด็กนั่นไว้เชียวนะ” เสียงทุ้มต่ำจากชายปริศนา แต่งกายด้วยชุดสูทสีดำตอนนี้มันเปียกชุ่มไปด้วยหยาดฝนที่กำลังไหลรินลงมาปรอย ๆ เขาก้าวออกมาจากหลังต้นไม้ ลูกธนูนี่ คงมาจากหน้าไม้สีดำนั่น

“คุณเป็นใคร” ผมตะโกนถามชายคนนั้นที่หมายจะสังหารผม

“จะตายอยู่ละ ยังจะถามอีกนะไอ้ไก่อ่อน หึ!”

ไม่มีการตอบรับจากถ้อยคำของผมมีเพียงคำถากถางกลับมา

“พวกนักล่าแห่งจันทราโลหิต มันพวกผู้ที่ไม่ผ่านบททดสอบแล้วถูกความโลภครอบงำ ถวายชีวิตและทำงานให้กับองค์กรที่ชั่วร้าย” คำตอบจากคุณมาศ ทำเอาชายสวมชุดสูทสีดำ ยืนแสยะยิ้ม แล้วปรบมือให้

“เหอะ รู้เยอะเหมือนกันนิ ไอ้แมวจรจัด แต่ยังไงซะ ชีวิตของไอ้เด็กนั่นก็ต้องเป็นของข้า”

“ตราบใดที่ข้ายังอยู่พวกเจ้าก็อย่าหวังเลย”

ชายชุดดำเมินคำพูดของคุณมาศ เขายื่นมือไปตรงหน้าฝ่ามือใหญ่เขาใช้มีดปลายแหลมแทงลงไปที่นิ้วโป้งพลันเกิดบาดแผลก่อนที่หยดเลือดจะตกลงสู่พื้นดินพร้อมกับการร่ายเวท “หยอดเลือดแห่งการดับสูญ วิญญาณแห่งพันธสัญญา อาร์ค เทร เดียส ” ทันทีที่หยดเลือดสีแดงจากนิ้วมือของชายชุดดำหยดลงสู่พื้น พลันเกิดเป็นวงเวทสีม่วง ควันสีดำถูกปลดปล่อยออกมาจากที่ไหนสักแห่งใจกลางวงเวทนั้นมันลอยขึ้นไปบนแขนของชายชุดดำ จากนั้นหน้าไม้สีดำก็ปกคลุมไปด้วยควันสีดำก่อนเปลี่ยนเป็นดาบยาวประมาณหนึ่งช่วงศอก ด้ามจับขนาดพอดีมือ ไอความมืดที่เหลือซึมเข้าสู่ดาบเล่มนั้นย้อมสีให้มันเป็นสีดำสนิท

ความกลัวจับขั้วหัวใจ “นี่มันคืออะไร” ไอความมืดที่ปกคลุมชายชุดดำ แววตาแห่งความมุ่งร้ายพุ่งตรงมาที่ผม ดั่งเงาของปีศาจเข้าสิงสู่ร่างชายผู้นี้ ผมไม่เห็นแววตาของมนุษย์อีกต่อไป

ร่างของคุณมาศหดเล็กลง กลับสู่ร่างแมววิเชียรมาศตัวเล็กอีกครั้ง แต่ยังคงประกายแสงสีน้ำเงิน พร้อมกับประจุไฟฟ้า ที่แล่นไปในอากาศเสียงดัง เปรี้ยะ! คุณมาศไม่รอช้าวิ่งเข้าปะทะ ด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง การปะทะกันระหว่างดาบสีดำกับกรงเล็บสายฟ้า ท่วงท่าที่ปราดเปรียวและว่องไวของคุณมาศได้เปรียบคู่ต่อสู้ ประกายไฟจากการต่อสู้ของอาวุธทั้งสองทำเอาคนอย่างผมจับจ้องสถานการณ์ตรงหน้า โดยไม่สามารถละสายตาไปไหนได้

“พระขรรค์แห่งนิลกาฬ จะส่งแมวจรจัดอย่างแก กลับสู่ห้วงลึกแห่งความมืดเอง” ชายชุดดำเช็ดเลือดที่ไหล่ออกมาข้างแก้ม หลังจากที่โดนคมเล็บคุณมาศกรีดเป็นรอยแผลยาว

“ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าพวกนักล่าอย่างเจ้า จะมีฝีมือที่เก่งอย่างที่ปากว่าซักแค่ไหน เมี๊ยว!!” เสียงเล็กแหลมของคุณมาศกลับมาเหมือนเดิม ตอนแรกผมไม่ค่อยชินกับเสียงใหญ่ทุ่มสักเท่าไหร่ เมื่อ สิ้นเสียง ทั้งสองฝ่าย พุ่งเข้าหากันอีกครั้ง เคร้ง!! เคร้ง!! ผมได้ยินเสียงกระทบกันของพระขรรค์ และกรงเล็บทั้งสิบของคุณมาศ มันปลดปล่อยไอสีดำลอยล่องออกมาจากพระขรรค์และประกายแสงสายฟ้าที่แผ่ออกมาจากตัวคุณมาศ

การต่อสู้ด้วยความเร็วไม่มีใครยอมแพ้ใคร แรงลมจากการปะทะ เสียงกรงเล็บกระทบโลหะยังคงดังเป็นระยะ ความเร็วของทั้งคู่ทำเอาผู้สังเกตอย่างผมมองตามแทบไม่ทัน

จู่ ๆ เกิดแสงสว่าง เปล่งประกายขึ้นในกระเป๋าเป้ของผม ผมพลิกตัวเปิดกระเป๋า หนังสือเก่าเล่มเดิมเรืองแสงสีทองออกมา พร้อมกับการมาเยือนของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ อีกราย ‘ให้ตายเถอะผมขอเป็นผู้สังเกตแบบนี้ไม่ได้หรือไง'

นักล่าอีกคนกระโดดออกมาจากหลังพุ่มไม้ รูปร่างเล็กกว่าคนที่กำลังปะทะกับคุณมาศ เขาใส่แมสสีดำปิดส่วนล่างของใบหน้า ในมือถือดาบยาว ลักษณะเหมือนดาบสมัยโบราณ แววตานักฆ่าที่ไร้อารมณ์ ไม่มีคำกล่าวทักทายใด ๆ ชายคนนั้นถือดาบพุ่งตรงมาทางผม ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง หนังสือที่ สว่างเปลี่ยนรูปร่างเป็นดาบ “เฮ้ย นี่ มัน” ผมแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ดาบยาวสีทองขนาดใหญ่วางอยู่เหนือกระเป๋าผม ผมรีบใช้มือขวา ข้างที่ถนัดจับดาบขึ้นมาตั้งรับ แต่น้ำหนักของมันเบากว่าที่ผมคิด ความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นในใจ ผมรู้สึกคล่องมือ ราวกับว่าเคยใช้ดาบเล่มนี้มาก่อน

คมดาบของฝั่งตรงข้ามพุ่งมาหมายจะฟันส่วนสำคัญ ผมใช้ดาบใหญ่ในมือผมปัดมันออกไปแต่นั่นแค่ผ่านไปเพียงหนึ่งกระบวนท่าเท่านั้น ฝ่ายตรงข้ามถอยไปตั้งหลัก ไม่รอช้าเขาพุ่งเข้ามาแทงซ้ำอีกครั้ง

สำหรับการใช้ดาบครั้งแรกของผมถือว่าไม่เลวเพราะทุกส่วนในร่างกายของผมยังอยู่ครบแต่ฝีมือดาบของคู่ต่อสู้เหนือกว่าผม ผมเพียงเพื่อป้องกันตัวก็เท่านั้น ผมเหล่มองไปทางคุณมาศซึ่งตอนนี้ทั้งคู่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครยอมใคร

“มองไปทางนั้น เดี๋ยวหัวก็หลุด หรอกไอ้อ่อน” ราวกับเป็นคำเตือนจากผู้หวังจะบั่นคอผม ผมหันความสนใจกลับมาสู่สนามรบของตัวเองอีกครั้ง

เคร้ง! เสียงดาบของผมกับชายคนนั้นปะทะกันอย่างแรง ทำเอาผมเซถอยหลังออกมา ผมกัดฟันแล้วจ้องไปที่ใบหน้าของเขา แววตาของชายคนนั้นดู ดุร้ายขึ้น แม้จะใส่แมสปิดบังใบหน้าแต่ผมก็สัมผัสถึงรอยยิ้มชั่วร้ายภายใต้หน้ากากนั่น เหมือนว่าเขากำลังสนุกกับการห้ำหั่นผมอย่างไรอย่างนั้น สายฝนที่ตกปรอย ๆ ไม่ได้ช่วยชโลมจิตใจของผมให้ฉ่ำเย็นเลยสักนิด แต่กลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนหยดน้ำฝนตกกระทบลงมาพาให้ตะกอนขุ่นในใจของผมพุ่งขึ้นมา ผมไม่เข้าใจว่าทำไมนักล่าพวกนี้ถึงจ้องจะเอาชีวิตของผมนัก

“ทำไมคุณถึงต้อง หมายเอาชีวิตผม” ผมพยายามกัดฟันข่มความโกรธ

เขาลดดาบลงก่อนจะ เอ่ยปากสนทนาด้วยวาจาที่หยาบคาย “เพราะค่าหัวมึง ยังไงล่ะ งานง่าย ๆ รายได้ดี ยิ่งเป็นพวกหน้าใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร หึ เรามาทำเรื่องนี้ให้มันจบ ๆ กันเถอะ” ยังไม่ทันได้ถามกลับ เสียงร่ายคาถาจากชายคนนั้นก็ดังขึ้น “สายลมแห่งความเกรี้ยวกราดโทษะแห่งคิมหันต์ โล วา โย คัส ” สายลมสีดำโอบตัวนักล่า คมดาบวายุทมิฬ โพยพุ่งออกมา สายลมที่เสียดสีกันจนเกิดเสียงแหลมแสบแก้วหู ทันใดนั้น คมดาบวายุเหล่านั้นก็พุ่งตรงมาทางผม ผมใช้ดาบขึ้นมาตั้งรับใบมีดสีดำของศัตรู แรงปะทะที่รุนแรงทำให้ร่างของผมถอยร่นไปจนร่างชนเข้ากับต้นไม้ด้านหลัง

อีกฝ่ายไม่รอช้า ปล่อยปราณดาบวายุระลอกสองพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง คมดาบสายลม ครั้งนี้หนักหน่วงจนทำให้ผมพลาดพลั้ง หลังผมพิงต้นไม้ด้วยความเหนื่อยหอบ ผมใช้มือทั้งสองข้าง จับดาบพยุงร่างเอาไว้ เลื่อนมือขึ้นมาจับหัวไหล่

“เชี่ยเจ็บชะมัด” ผมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด คมดาบวายุทมิฬเฉียดเข้าที่บริเวณหัวไหล่ เลือดสีแดงหลั่งไหลออกมาจากบาดแผล ชายคนนั้นไม่รอเวลาให้ผมได้ทันตั้งตัวพุ่งเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง

ผมไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงในการจับดาบ เข่าผมอ่อนและทรุดตัวลง นึกย้อนกลับไปก็สงสารชะตาชีวิตของตนเองเป็นเพียงแค่เด็กมัธยมปลาย ที่ย้ายเข้ามาเรียนเมืองกรุง แต่กลับโดนทั้งหมาป่าเงา และพวกนักล่าไล่ล่าจ้องจะเอาชีวิต ถ้าผมยอมตายเสียตรงนี้ทุกอย่างก็คงจบลง ผมหลับตายอมรับในความพ่ายแพ้

แกร๊ก! เสียงของกรงเล็บและดาบหยุดอยู่ต่อหน้าผม ผมลืมตาขึ้นมาภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมคือแมววิเชียรมาศพุ่งเข้ามาขวางแนววิถีดาบของนักล่าเงาคนนั้น “วิ่งเข้าประตู แล้วกลับไปยังโลกของเจ้าซะ ข้าจะสกัดมันให้ เมี๊ยว!” ราวกับเป็นความหวังสุดท้ายในการใช้ชีวิต หยดน้ำตาของผมไหลออกมา แมวที่คุยเล่นด้วยในวันนี้ เอาตัวเข้ามารับคมดาบและปกป้องผม ความซาบซึ้งก่อเกิดเป็นพลังขึ้นในใจ ผมมันโง่จริง ๆ ความอ่อนแอเพียงเสี้ยววินาทีแทบจะทำลายความตั้งใจทุกอย่างตั้งแต่ต้นลง

“ผมไม่อยากเป็นภาระใคร และไม่อยากถูกใครปกป้องอีกแล้วครับ” ผมกัดฟันตอบไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น พร้อมกับข่มความเจ็บปวดจากบาดแผลก่อนหน้านี้ ไม่ใช่แค่ผมเท่านั้นที่มีบาดแผลตามตัวของคุณมาศก็มีรอยจากการโดนพระขรรค์ฟันเป็นแผลอยู่หลายที่ ผมทิ้งโอกาสสุดท้ายที่จะหนีไปจากตรงนี้เพียงลำพัง กัดฟันยืนเคียงข้างคุณมาศแมวที่ เสี่ยงชีวิตช่วยเหลือผม

“ให้มันได้อย่างนี้สิ พ่อนักสู้ เจ้าเป็นเพื่อนมนุษย์คนแรกที่ข้านับถือในความกล้าหาญ งั้นก็จงจับดาบของเจ้าให้แน่นเราจะต้องกำจัดพวกมัน และส่งเจ้ากลับไปให้ได้”

คุณมาศหันหน้ามายิ้มให้ผม ก่อนที่ คมดาบวายุทมิฬจะสาดเข้ามาอีกระลอก ผมเบี่ยงตัวหลบแนวรัศมีของมันได้ทัน ครั้งนี้เราจะต้องเริ่มเป็นฝ่ายบุกบ้าง ผมวิ่งเข้าหาพวกนักล่าด้วยดาบใหญ่สีทองที่ส่องประกาย ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่มีเวทมนตร์หรือถ้อยคำใด ๆ มีเพียงความตั้งใจในการฟาดฟัน คราวนี้ผมจะไม่หนีอีกต่อไป ผมจะต้องเก่งขึ้น ดาบทองในมือเปล่งประกายเจิดจ้าขึ้นน้ำหนักของมันเบาลงจากเดิม ผมวิ่งเข้าใกล้นักล่าสวมแมสสีดำแล้วเหวี่ยงดาบใส่เขา แรงเหวี่ยงและการฟันแต่ละครั้งทำให้นักล่าคนนั้น ถึงกับเซถลาถอยหลัง ผมไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งรับได้ทัน ผมใช้แขนซ้ายจับหัวของเขาแล้วใช้เข่ากระแทกเข้าไปที่ใบหน้า

“ฮึ มีฝีมืออยู่นิ นึกว่ามึงจะเป็นแค่เหยื่อที่ไร้เขี้ยวเล็บ” ชายชุดดำกล่าวหลังจากเขวี้ยงแมสที่ปกปิดใบหน้าทิ้งลงบนพื้นพร้อมกับเช็ดเลือดกำเดาที่รินไหลออกมา

ท้องฟ้ามืดครึ้มพร้อมกับเสียงร่ายเวทมนตร์จากคุณมาศ ก่อนที่เส้นสายฟ้าอัสนีสีเงินจะฟาดลงมาย้อมพื้นที่บริเวณนี้ให้สว่างจ้า ร่างนักล่าทั้งสองที่ยืนชิดกันถูกสายฟ้าตรึงร่างไว้ คุณมาศใช้กรงเล็บอัสนีพุ่งเข้าหานักล่าทั้งสอง แต่คนที่ตัวสูงกว่าคลายจากมนตร์สายฟ้าที่ตรึงร่าง เขาใช้เท้าถีบชายชุดดำอีกคนที่ร่างเล็กกว่าให้หลุดพ้นจากมนต์สะกด แต่สุดท้ายแล้วความตั้งใจของชายคนนั้นก็ไปไม่ถึง เมื่อกรงเล็บของคุณมาศจ่อถึงคอของชายคนนั้นเสียแล้ว

คอของชายตัวเล็กกว่าถูกคุณมาศฟันหลุดออกจากบ่า เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกจากร่างไร้วิญญาณที่ยืนแน่นิ่งไม่ไหวติง ย้อมพื้นดินบริเวณนั้นจนแดงฉาน ผมเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนกหัวใจผมเต้นแรงจนได้ยินเสียงดังตุ๊บๆ เม็ดเหงื่อกำลังไหล่ออกมาท่วมร่างของผมให้เปียกโชก นี้เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นการฆาตกรรมเกิดขึ้น ผมกำดาบในมือไว้แน่นภาวะนาให้ทุกอย่างจบสิ้นแต่ เมื่อร่างของนักล่าอีกคนร่วงหล่นลงไป ชายชุดดำที่รอดพ้นจากกรงเล็บของคุณมายืนมองร่างของสหายด้วย แววตานิ่งเฉย ไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับว่าเป็นเรื่องปกติที่ทำกัน แม้ว่าเลือดของเพื่อนจะนองพื้น เขาก็ไม่มีท่าทียี่หระใด ๆ นักล่าคนนั้นกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง ผมสังเกตเห็นริมฝีปากของเขากำลังขยับจากนั้นน้ำเสียงที่โกรธแค้นก็แผดดังขึ้น “โลหิตและดวงวิญญาณแห่งผู้วายชนม์ข้าขอสังเวยต่อท่านนาธาร อาร์ค โซ โล มอน! ” สิ้นเสียงคำร่ายชายชุดดำกระแทกเสียงพร้อมกับทรุดตัวลงกับพื้นดินไอสีดำค่อย ๆ โพยพุ่งออกมาจากป่ารอบ ๆ มันแผ่เข้ามาโอบล้อมร่างของชายผู้ร่ายคาถา

เลือดที่นองลอยขึ้นมาเหนือร่าง มันเปลี่ยนเป็นวงเวทสีแดงล้อมรอบร่างไร้วิญญาณที่นอนกองกับพื้น ไอความมืดสีดำลอยเข้าหานักล่าที่ร่ายเวท และลอยเข้ามาโอบล้อมซากศพนักล่าคนนั้น ราวกับมีประกายแสงในกลุ่มก้อนสีดำ จากนั้นก็ปรากฏร่างของสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดออกมา ร่างกายใหญ่โต ดวงตาของมันเป็นประกายสีแดงราวกับดวงตาคู่นั้นกำลังลุกโชนด้วยไฟ มันมีเขาแหลมที่พุ่งออกมาเหนือหัวทั้งสองข้างคล้ายเขาสัตว์ประเภทกระทิงแต่แตกต่างกับตรงที่เขาที่ยื่นออกมาเรียวเล็กและพุ่งตรงขึ้นไปบนฟ้า ในมือข้างขวามีหอกสามง่ามคล้ายตรีศูลแต่มีขนาดใหญ่กว่า

“ข้าของสังเวยคนตายเพื่อปลุกท่านให้ขึ้นมาล้างแค้น ท่าน เบเลียล”

ไม่มีเสียงใดเอ่ยตอบกลับมา แววตาสีแดงของเบเลียลจ้องมาทางผมและคุณมาศ คลื่นความตายแผ่ขยายออกจากตัวปีศาจ ต้นหญ้ารอบ ๆ เริ่มเหี่ยวเฉาสีเขียวสดถูกแทนที่ด้วยสีน้ำตาลไหม้ราวกับว่าพลังชีวิตของพวกมันกำลังถูกพรากจากไป ปีศาจที่ถูกอัญเชิญออกมาจากศพของชายคนนั้นกำลังแผ่กลิ่นอายความตายออกมา ผมจ้องมองมันไม่ไหวติงพร้อมกับกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ภาพของสิ่งมีชีวิตที่ผมเห็นมันในการ์ตูนกำลังปรากฏอยู่เบื้องหน้าของผม ขาของผมแข็งทื่อไม่ขยับเคลื่อนไปไหนทั้งที่ในใจของผมอยากวิ่งหนีไปให้ไกลจากตรงนี้

คุณมาศขยับกายแล้วเปิดฉากการต่อสู้ด้วยการเรียกสายฟ้าอัสนีสีเงินอีกครั้ง เสียงฟ้าร้องลั่นสนั่นหวั่นไหวก่อนที่สายฟ้าเส้นใหญ่ผ่าลงมากลางหัวปีศาจสีดำ แต่คราวนี้มันกลับถูกหอกใหญ่ในมือของปีศาจถ่ายโอนสายฟ้าสีเงินลงสู่พื้นดินไม่มีแม้แต่รอยไหม้บนร่างของปีศาจ

“ลูกไม้เดิม ๆ ของมึงใช้ไม่ได้ผลหรอก ไอ้แมวผี ฮะ ฮะ ฮ่า” นักล่าชุดดำเยาะเย้ยสายฟ้าของคุณมาศ แสงสีเงินในเส้นขนของคุณมาศดูประกายลดลงราวกับกำลังจะหายไป เสียงหอบของคุณมาศดังจนผมได้ยิน นักล่าถือพระขรรค์พุ่งตรงเข้าหาคุณมาศ แต่ผมไม่ปล่อยให้มันทำสำเร็จแม้ว่าขาของผมจะแข็งจนไม่กล้าขยับไปไหนวินาทีสุดท้ายผมรวบรวมความกล้าแล้วพุ่งตัวใช้ดาบใหญ่ของผมขวางไว้ เสียงของโลหะทั้งสองกระทบกันดังลั่น

ผมไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้ตั้งหลัก หาจังหวะที่คู่ต่อสู้ประมาทเหวี่ยงดาบสวนกลับไป แรงเหวี่ยงครั้งนี้ทำให้พระขรรค์ในมืออีกฝ่ายกระเด็นหลุด ใบหน้าของนักล่าเปลี่ยนสี แววตาที่มุ่งร้ายเปลี่ยนเป็นตกใจ ไม่คิดละสิว่าเด็กอย่างผมจะปัดอาวุธบนมือเข้าให้กระเด็นหายไปได้ ในโลกที่โหดร้ายใบนี้มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดผมรวบรวมความกล้า กำดาบยาวของผมแน่นแล้วเหวี่ยงเข้าที่คอของอีกฝ่าย แต่ใบหน้าของชายคนนั้นกลับเปลี่ยนไป เขาเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา ก่อนที่ดาบของผมจะ...

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!