หลงหนิงเดินกลับเข้าห้องมาในห้องได้ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงตะโกนตื่นตกใจ
จากด้านนอกเค้าวิ่งออกมาดูพบชายคนหนึ่งจากความทรงจำเค้าคือ จ้าว เฟ่ย
เค้าเป็นดังผู้ติดตามของหลงหนิ่ง มาตั้งแต่เค้าจำความได้
จ้าวเฟ่ยครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงนายกองของกองทัพภาคเหนือแม้จะไม่ใช่ตำแหน่งใหญ่โตอะไรแต่ก็นับว่าเป็นบุคคลที่มีฝีมื้อระดับหนึ่ง
แต่ที่เค้ายอมลดตัวมาเป็นผู้ติดตาม เพราะครั้งหนึ่งพ่อของหลงหนิ่งเคยช่วยเค้าและหน่วยของเค้าเอาไวหลังจากนั้นเมื่อทราบข่าวว่าหลงหนิ่งต้องประสบพบเจอกับโชคชะตาที่เลวร้าย
บิดาหายสาบสูญทั้งยังโดนไล่ออกมาจากตระกูล โดนเหล่าบรรดาผู้นำตระกูลสาขากลั่นแกล้ง
เค้าจึงลาออกจากกองทัพเพื่อมาค่อยอยู่รับใช้หลงหนิง และแม่
“เกิดอะไรขึ้น ผู้ที่สามารถฝากรอยฝ่ามื้อไว้ได้ลึกขนาดนี้
แถมปราณพิษที่แฝงทำให้ต้นไม้ใหญ่ตายลงได้ ต้องเป็นจอมยุทธระดับสูงแน่นอน”
เค้าพูดขณะจองมองไปยังต้นไม้ที่หนิงหลงใช้ทดสอบพลัง เมือเค้ากลับมาเห็นหนิงหลง
เค้ารีปกระโดดเข้าไปคว้าตัวหนิงหลงเข้าไปในห้องก่อนที่จะใช้ลมปรานปิดประตูหน้าต่างจนสนิด
และคุกเข่าลงตรงหน้าหนิงหลง ”ข้าน้อยทำงานละเลยหน้าที่ทำให้คุณชายเกือบเสียชีวิต
ตอนนี้เราไม่สามารถอยู่ที่นี้ได้แล้วเกรงว่าผู้ที่มาเยือนครั้งนี้จะแข็งแกร่งระดับจ้าวพิษข้าเกรงว่าจะไม่สามารเอาชนะมันได้ง่ายๆ
และจะทำให้คุณชายตกอยู่ในอันตราย” กล่าวจบจ้าวเฟ่ยได้รีปเก็บข้าวของ
โดยมีหนิงหลงค่อยห้ามอยู่ข้างๆ แต่จ้าวเฟ่ยคล้ายคนเสียสติ
ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงห้ามของหนิงหลง
“หยุด”
หนิงหลงตะโกนพร้อมรวบรวมพลังยุทธกระทืบเท้าลงพื้นเกิดเป็นรอยแตกและคลืนพลังปราณแผ่กระจากออกไปรอบๆจนประตูและหน้าต่างเปิดออกทุกอย่างหยุดนิง
จ้าวหลงหันกลับมามองราวกับว่าสิ่งมีค่าที่สุดของเค้ามาอยู่ตรงนี้แล้ว
“มันเกิดอะไรขึ้นนายน้อย นี้ท่าน ท่านมี
วิชายุทธได้ยังไงกันแถมยังสำเร็จได้โดยไม่มีผู้ชีแนะยังงันรึ” จ้าวเฟ่ยถามหนิงหลง
ตามความทรงจำของเค้าเด็กทุกคนที่ฝึกวิชานอกจากจะต้องมีตำรายุทธแล้วยังต้องมีผู้แนะนำซึ่งจะสำเร็จได้มากน้อยอยู่ที่ผู้แนะนำและตัวผู้ฝึกมีความสามารถแค่ไหน
แต่อย่างไรก็ตามผู้แนะนำก็ถือเป็นสิงสำคัญสำหรับการฝึกวิชา
ทุกวันนี้จึงมีสำนักและโรงเรียนผู้ฝึกยุทธมากมาย
หนิงหลงตัดสินใจบอกออกไปว่า
“รอยฝ่ามื้อที่ท่านเห็นด้านนอกคือฝ่ามื้อของอาจารข้าเอง
และตำราที่ข้าฝึกก็เป็นอาจารข้าที่นำมาให้และเป็นผู้ชี้แนะข้าด้วยตนเองท่านไม่ต้องตื่นตนกไป”
จ้าวเฟ่ยยิ้มอย่างยินดีก่อนที่จะรีปซ่อนตำราให้พ้นจากสายตาเค้าและมีสายตาผิดหวังเล็กน้อย
แต่การกระทำเหล่านี้ก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตาหนิงหลงไปได้
“ท่านน้าข้าก็เหมือนกำพร้าพ่อ นอกจากแม่ก็มีท่านนี้หละที่ดูแลข้ามาอย่างดี
ของที่ท่านเตรียมมาให้ข้าท่านนำมันออกมาเถอะ”
จ้าวเฟ่ยลังเลก่อนจะหยิบตำราเล่นหนึ่งออกมา
ลักษณะของมันเป็นตำราเก่าๆเล่มสีเทาสร้างความตกใจให้เค้าอย่างมากเพราะตำรานี่เค้าไม่เคยเห็นมาก่อน
จ้าวเฟ่ยกล่าวว่า “นี้คือวิชากระดูกเหล็ก เป็นวิชาพื้นฐานของเมืองเด็กทุกคนที่อายุพ้น
10 จะต้องฝึกฝน ตำรายุทธจะมีแค่ในโรงเรียนและจวนเจ้าเมือง กับตระกูลใหญ่ ๆ หากใครขโมยออกมาขายภายนอกจะถือว่ามีความผิดแต่ด้วยความที่เค้าโดนทางเจ้าเมืองกีดกันทางโรงเรียนไม่ให้รับเค้าเข้าเรียนและได้รับตำรา
ข้าจะพยายามทำภาระกิจเพื่อหาเงินซื้อจากการประมูลโลกใต้ดินมาหลายปี
แต่เกรงว่าจะไม่ทันในตัวข้ามีเพียงดาบเล่มเดียวที่มีค่าจึงนำไปแลกตำราแม้จะเป็นระดับต่ำแต่ก็คิดว่า
อย่างน้อยถ้านายน้อยมีวิชาก็มีโอกาสสอบเข้าโรงเรียนชั้นนำได้ ”
จ้าวเฟ่ยก้มหน้าก่อนจะพูดต่อว่า “ใครจะไปคิดว่าคนต่ำต่อยเช่นข้าจะคิดน้อยไปจะนำตำราที่อยู่เพียงระต่ำมาให้นายน้อยฝึก” หนิงหลงหยิบตำราออกมาจากมื้อจ้าวฟ่าง ก่อนที่จะกลางตำราออก
จ้าวฟ่างคล้ายจะทักท้วง หนิงเฟ่ยยกมื้อขึ้นห้าม
“ตอนนี้เลือดข้าเป็นพิษจากวิชาที่ฝึกหากไม่ได้วิชาที่เสริมสร้างกระดูกก็คงยากที่จะสำเร็จวิชาขั้นสูง
ขอบคุณท่านมากข้าขออยู่คนเดียวได้รึมัยข้าต้องการสมาธิในการฝึกวิชา”
จ้าวหลง
แสดงสีหน้ายินดีก่อนจะรับปากแล้วเดินออกไป.
เมื่อไม่มีใครอยู่หนิงหลงแสดงท่าทีดีใจจนไม่สามารถเก็บไว้ได้
มีหรือที่คนเค้าอย่างจะมองตำราต่างๆว่าไรค่า คนอย่างเค้าที่ไม่สามารถฝึกวิชาอะไรได้ในชาติที่แล้วมานับร้อยกว่าปี
ตอนนี้ตำราเก่าๆที่อยู่ในมื้อของเค้ามีค่ามากกว่าทองคำนับพันเสียอีก หนิงหลงค่อยๆเปิดตำราออกพินิจตำราที่เค้าไม่เคยเห็นเค้าพบว่าจริงๆ
แล้วตำรานี้คือตำรา ”สร้างกระดูกเทวะ”
เป็นวิชาที่เสริมสร้างให้กระดูกแข็งแกร่งทนทานต่อศาสตราวุธแทบทุกชนิด
ว่ากันว่าแม้ผู้ฝึกบ้างคนจะตายไปแล้วแต่กระดูกของผู้ที่ฝึกยังคงสภาพอยู่นับร้อยปีและมีพวกพ่อค้าตลาดมืดชอบแอบลักรอบนำมันไปใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาวุธหรือเครื่องป้องกัน
แต่วิชาที่อยู่ตรงหน้าเค้ากลับเป็นวิชาที่ถูกแปลงเนื้อหาทำให้ไม่สามารถสำเร็จได้แม้เพียงครึ่งขั้นต่อให้เป็นตำราที่สมบูรณ์กว่านี้ก็หนี้ไม่พ้น
1 ขั้น แถมตำรานี้ยังเป็นแค่ขั้นตอนการเสริมกระดูก และไม่มี อีก 3ขั้นที่เหลือ
ในตำรา
หนิงหลงใช้สมาธิกับตำราที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่เค้าจะรู้ตัวเค้าก็ได้เข้ามาสู่ห้องตำราหอแห่งการทดสอบ
เค้ามองไปรอบๆ ก่อนที่ตำราในมื้อของเค้าจะถูกแรงดูดกระชากจนหลุดมือ
ไปปะทะกับตำราเล่มหนึ่งนั้นคือตำราสร้างกระดูกเทวะ
ตำราที่ถูกหลอมรวมค่อยๆลอยลงมาตรงหน้าหนิงหลงรีปปรับลมปรานซึมซัพวิชา วิชานี้ถูกแบ่งด้วยกันเป็น
4 ขั้นคือ สร้างกระดูก เสริมกระดูก หลอมรวม ชำระล้าง ขั้นตอนที่ยากที่สุดของวิชานี้คือขั้นหลอมรวมที่จะทำการคัดกระดูกที่อ่อนแอ่ออกโดยการสลายและสร้างขึ้นมาใหม่อย่างช้าๆทำให้สร้างความเจ็บปวดแกผู้ฝึกยิ่งนัก
เค้าเดาว่าตำราที่ถูกสร้างขึ้นในภายหลังนี้ต้องมาจากผู้ที่ไม่สามารถฝึกสำเร็จ
หนิงหลง รวบรวมสมาธิดูดซับวิชาจากตำรา ผ่านไปได้ไม่นานตอนนี้หน้าของเค้าซีดลงคล้ายคนตาย
ร่างกายบ้างส่วนมีลักษณะผิดแปลกเกิดจากการที่กระดูกในส่วนนั้นถูกสลายและกำลังเสริมสร้างขึ้นมาใหม่สร้างความทรมารให้ร่างกายเค้ายิ่งนัก
แต่หากสำเร็จขั้นนี้ไปได้ร่างกายของเค้าจะเหมาะสมกับการฝึกยุทธระดับสูง เค้ายิ่งอยากท้าทายมันเข้าไปอีก
เวลาราวกลับจะหยุดนิ่งเค้าไม่แน่ใจว่าผ่านไปแล้วกี่ชั่วโมงกี่วันความรู้สึกก็ค่อยๆ
กลับมาร่างกายของเค้าเบาลงมากแต่รู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่มากขึ้น ตอนนี้กระดูกของเค้าเสริมสร้างจนแข็งแกร่งหากดาบทั่วไปฟันลงมาคงเป็นตัวดาบเองที่หักลงแล้ว
ขณะที่เค้ากำลังสำรวจร่างกายใหม่อยู่ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นที่รุนแรงเมื่อเค้ามองไปรอบๆก็พบว่ารอบตัวเค้ามีคราบและไขมันส่วนเกินต่างๆถูกขับออกมาจนกลิ่นคล้ายศพที่เน่าสลายเป็นเวลานาน
หนิงหลงพูดออกมาว่า “ถึงแม้จะสำเร็จได้เพียงครึ่งของการชำระล้างกระดูกแต่ก็รับรู้ถึงความแข็งแกร่งได้มากขนาดนี้”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 4
Comments