ตัดมาอีกฝั่งหนึ่ง
หลิงตงซ่านเดินเข้ามาในตำหนักของตนเอง พลางมีเหยาเฟยเดินตามมาด้วย "เหตุใด..จึงยื่นข้อเสนอให้ไป๋เหอชิงกันเล่าเจ้าค่ะ" เหยาเฟยเปิดปากถามออกมา เสียงหวานปนไปด้วยความผิดหวัง "เหมือนกับสตรีนางนั้น.."พลางเอ่ยต่ออย่างแผ่วเบา กลัวว่าผู้เป็นประมุขจะเคือง "ก็มิมีอะไร..ก็แค่เผลอใจอ่อนเท่านั้น" หลิงตงซ่านตอบออกไป พลางสานเท้าเดินไปตำหนักของตน "ง..งั้นก็ดีแล้วล่ะเจ้าค่ะ" เหยาเฟยกล่าวออกมาให้อีกฝ่ายได้ยิน "ข้าคิดว่า..จะต้องเก็บกวาดเขาเสียแล้ว" เหยาเฟยเอ่ยอย่างแผ่วเบา เหมือนมิได้เอ่ยอันใด แต่ถึงกระนั้นหลิงตงซ่านก็ได้ยิน เขาไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้น? หลิงตงซ่านคิดในใจ
"ไปแจ้งเซียนเอ๋อร์ ยามไฮ่(21.00 - 22.59)ในคืนนี้ข้าจะไปเรือนของเขา" หลิงตงซ่านกล่าว เหยาเฟยที่ได้ยินก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่ก็มิได้ปฏิเสธแต่อย่างใด พลางเอ่ยตอบ "เจ้าค่ะ" ก่อนที่จะใช้วิชาตัวเบา วิ่งไปเรือนของพี่ชายตนเองแล้วก็สานเท้ากระโดดถีบพี่ชายของตนอย่างรวดเร็ว ทางด้านของหลิงตงซ่านก็เดินเข้ามาที่ตำหนัก ก่อนจะโน้มตัวลงมานั่งที่เตียง และคิดทบทวนเนื้อเรื่องไปมาในหัว "หน้าปวดหัวชะมัด!" หลิงตงซ่านบ่นขึ้นมา สิ่งที่เขาคิดได้คือ ปวดหัว คิดอะไรไปก็ปวดหัว
มือก็พลางล็อคประตูไล่ล็อคกลอนประตูตั้งแต่ล่างถึงบนสุด หวังว่าถ้าเขาหลับจะไม่เจอฝันเหมือนเมื่อเช้านะ หลิงคงซ่านพลางคิดในใจ ถ้าเกิดเจอฝันเมื่อเช้าเขาคงนอนไม่ได้แน่ คิดแล้วแล้วก็ขนลุกซู่ซ่าส์ไปหมด พลางโน้มตัวลงไปกับเตียงนอนมือหาผ้าห่มมาห่มตัว ตาก็ปิดสนิท เข้าสู่ห้วงนิทรา
.
.
.
.
.
มีร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งแอบเข้ามาในตำหนักของหลิงตงซ่านทางหน้าต่าง พลางก้าวเท้าแผ่วเบาคล้ายกลัวว่าคนงามที่หลับไหลอยู่จะตื่น ค่อยๆย่องเดินตัวไปที่เตียงของคนงามอย่างเงียบเชียบ ดียิ่งนักที่ข้าฝึกวิชาย่างก้าวภูตพรายเงา ชายหนุ่มผู้นั้นพลางคิดในใจ ตัวก็ขยับไปนั่งบนเตียง กุมมือคนงามเอาไว้ริมฝีปากลอบกลืนน้ำลายดังอึก "ท่านประมุข..ท่านช่างงามเสียนี่" ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยขึ้นมาเสียงอ่อน มือปล่อยจากที่กุมไว้ก่อนที่มือก็พลางไปลูบร่างกายอีกฝ่ายทั่ว
หลิงตงซ่านไม่ใช่คนตัวใหญ่หรือคนตัวหนาหากตัดอาภรณ์หรือเสื้อผ้าหรูหราปนเรียบง่ายที่สวมใส่ก็นับไปว่าเขาจะกลายเป็นคนตัวบางขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่บางถึงขั้นเหมือนสตรีแต่แค่เหมือนเกือบ100% มือนั้นยังคงลูบไล้ร่างกายของหลิงตงซ่านอย่างสนุกมือ รอมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างพอใจเล็กน้อยแต่ก็หุบลง เขาต้องการมากกว่านี้ นี้คือสิ่งที่ชายหนุ่มปริศนาผู้นั้นคิด
เมื่อคิดได้ดั่งนั้นมือก็เร็วเหมือนความคิด มือนั้นลูบไล้จนถึงช่วงเอวก่อนที่จะปลดสายรัดที่อาภรณ์ของหลิงตงซ่านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มือทั้งสองจะมาลูบตรงช่วงหน้าอกของหลิงตงซ่าน ก่อนที่มือนั้นจะปลดอาภรณ์ของหลิงตงซ่านออกเผยให้เห็นยอดอกสีสวยของหลิงตงซ่าน มือของชายหนุ่มผู้นั้นก็จิกเล็บบนยอดอกทันที ทั้งดูดทั้งเลีย
ทางหลิงตงซ่านก็ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง เพราะหลิงตงซ่านจุดกำยานคลายเครียดทำให้หลับลึกเช่นนี้ หน้าต่างก็เปิดอยู่ ชายหนุ่มปริศนาก็ยกยิ้มมุมปาก "อื้อ.." หลิงตงซ่านบิดเร้าไปมาเล็กน้อย เผลอเสียงครางออกมา ชายหนุ่มปริศนาชะงักเล็กน้อยกับท่าทางของหลิงตงซ่าน บอกตามตรงว่าตอนนี้เขาอยาก. . .กับหลิงตงซ่านตอนตื่นมากๆ ฟังเสียงครางสุดไพเราะนั้นสิ~~
แต่ก็ต้องเป็นอันชะงักไปคล้ายคิดอะไรออก เวลาในยามนี้ก็ใกล้ค่ำขึ้นทุกทีแล้ว ชายปริศนาจึงลังเลเล็กน้อยไปมา ว่าตนควรทำให้เสร็จกิจก่อนหรือควรออกไปดี ชายหนุ่มปริศนานั่งคิดแบบนั้นอยู่นานสองนานก็พลันลุกจากเตียงมาจัดแจงอาภรณ์ให้กับคนงามก่อนก้าวเท้าไปหน้าประตู มือพลางไล่เปิดประตูกลอนที่ล็อค แล้วก็สานเท้าเดินออกไปอย่างไว
ยามไฮ่(21.00 - 22.59)
เหยาจื่อเซียนนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ เท้าคางมองเหยาเฟยหน้านิ่ง"เจ้าหลอกข้าหรือ เหยาเฟย" "แน่นอนว่าไม่" เหยาเฟยหันหน้าทันขวับไปตอบเสียงแข็ง คล้ายไม่พอใจ แต่ไหนแต่ไรมานางและเหยาจื่อเซียนไม่เคยถูกกันอยู่แล้ว แม้จะเป็นสายเลือดเดียวกันแต่ก็ไม่แยแสกันและกัน แค่ถูกกระแนะกระแหนแซวว่าเป็นพี่น้องหรือมีสายเลือดเดียวกัน ก็หลั่งคำวาจาหยาบออกมา 'ใครญาติพี่น้องไอ้ตัวน่ารังเกียจนั้น!'
ทั้งสองคนจ้องตากันปานจะฆ่ากันตายไปข้าง รังสีอำมหิตถูกปล่อยออกมาจนถึงขนาดหลิงตงซ่านที่ยืนอยู่นอกเรือนยังเผลอตัวสั่นตามสัญชาตญาณของตัวเอง เขาคิดผิดมหันต์. .ไอ้สองตัวนี้ไม่มีทางญาติดีกัน แม้จะอยู่ต่อหน้าเขาก็ตาม ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังสองตัวนี้ก็ยังกัดกันตายอยู่ดี!!
คิดได้ดั่งนั้นก็ชะงักเล็กน้อย ภายในเรือนทั้งเหยาเฟยและเหยาจื่อเซียนยังคงจ้องกันเอาเป็นเอาตายอยู่ แต่ก่อนที่เหยาจื่อเซียนจะเปิดปากด่าเหยาเฟยให้ยับๆ จนเถียงไม่ออก ประตูเรือนก็เปิดออกโดยหลิงตงซ่าน เจ้าตัวเดินดุ้มๆ เข้ามานั่งที่ปลายเตียง ไม่พูดไม่จา
เหยาเฟยที่เห็นอย่างนั้นก็กะว่าจะเปิดบทสนทนา แต่ก็ต้องเป็นอันชะงัก
"ข้าอยากพบ'นาง'เสียหน่อย เจ้าไปตามนางเหยาเฟย"
"..เจ้าค่ะ"
เหยาเฟยใช้วิชาตัวเบาเบาเดินออกไปตาม'นาง'ที่หลิงตงซ่านพูดถึง นางที่ว่าไม่ใช่ใครอื่นอีกนอกคนที่หลิงตงซ่าน(คนก่อน)ให้ความสนใจนักหนา แซ่เวิน นามเสี่ยวอิง . .
เวินเสี่ยวอิง . .
ลับหลังเหยาเฟยก็ลอบกัดฟันดัง'กรอด~' และหงุดหงิดเล็กน้อย(?) เหยาเฟยเคยมีเรื่องกับนางเอกนิยายครั้งหนึ่ง การไปตามอีกฝ่ายก็คล้ายกับการเผชิญหน้ากับศัตรูคู่แค้น ยิ่งกับมารสาวที่ควงติดกันยิ่งน่ารำคาญ เอาแต่พ้ำเพ้อถึงความงามของหลิงตงซ่านจนเก็บไปฝัน ไม่ก็ลอบแอบมอง ในตอนที่เดินมาจวนเล็กๆที่ปลีกวิเวกของหลิงตงซ่านนางแอบเห็นมารตนนั้นถอนสายบัวซะสง่างาม เอาเด่นเต็มที แต่มีหรือที่หลิงตงซ่านในตอนนั้นจะแลเห็น แม้แต่เงายังไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะเห็นหรือป่าว หึ!
พอเหยาเฟยออกไปตาม'นาง'หลิงตงซ่านก็คล้ายโล่งใจอย่างกับพึ่งยกภูเขาออกจากหัวใจดวงน้อยๆของตน ที่จริงก็ไม่ได้อยากเจอหรอก แต่จะอ้างให้ไปตามไป๋เหอชิงก็กระไรอยู่ เหยาเฟยยิ่งชอบมองค้อนใส่พระเอกบ่อยยิ่งกว่าอะไร เผลอๆพอให้ไปตามนางพลั้งมือไปทำพระเอกเลือดตกยางออกจะทำยังไง! คนที่ซวยอ่ะคือ เขา!
หลิงตงซ่านเหม่อคิดไปก็สะดุ้งโดยไม่รู้ตัว น่ากลัว! เหยาจื่อเซียนมองท่าทีแบบนั้นก็อดขำในลำคอไม่ได้ ช่วงนี้ท่านประมุขของเขาช่างน่าเอ็นดูเสียจริง สงสัยอายุคงเป็นแค่ตัวเลขประดับแน่แท้
ประดับบิดา. .เจ้าสิ!
หลิงตงซ่านมองเหยาจื่อเซียนที่กำลังขำในลำคออย่างเอ็นดูก็ส่วนกลับทางความคิดไปอย่างรู้ว่าอีกคนคิดอะไรอยู่ ไอ้สายตากับท่าทางแบบนั้นทำไมเขาจะไม่รู้!? คิดว่าเขาโง่หรือไง ห้ะ!
เหยาจื่อเซียนที่พึ่งรู้ว่าถูกคนงามมองหน้ายู่ ก็พลันชอบใจอย่างแบบไม่ถูก "โกรธข้าหรือขอรับ?" เสียงทุ้มของอีกฝ่ายเอ่ยพ้นคำหวานๆออกจากปาก หลิงตงซ่านก็ขำในลำคอประชดประชัน
"หึ!"
"ใครจะกล้าโกรธ'ภัยพิบัติแห่งพรรคมาร'ได้กัน? ข้ามิกล้า"
เจ้าของฉายาที่ถูกขานถึงหัวเราะร่าอย่างไม่ทุกข์ใจสักนิดเดียว ดวงตาหรี่มองอย่างหยอกเย้า "แต่ข้าอยากให้ท่านกล้านะ ท่าน'ผู้เป็นดั่งดวงใจทั้งหลายของพรรคมาร' "
เหยาจื่อเซียนอมยิ้มหวานให้ แต่หลิงตงซ่านก็ไม่ได้ยิ้มตาม เหยาจื่อเซียนพลางเอ่ยหน้าตาย ก่อนที่เหยาจื่อเซียนจะเอ่ยต่ออีก
"มารฟ้าบรรพกาลโลหิต แซ่หลิง นามตงซ่าน นามรอง หลิงซือรุ่ย ดวงใจของพรรคมารที่มิมีผู้ใดสามารถเทียบเคียงได้ บุตรชายเพียงคนเดียวของจักรพรรดิมารผู้องอาจและน่าเกรงขาม"
"หลิงตงซ่าน"
เจ้าของนามก็ไม่ได้อะไรมาก แต่การที่เจ้าตัวดันไปรู้เรื่องของหลิงตงซ่านออริจินอลมากเกินไป เอ็งรอดมาได้ไงว่ะ!? แล้วทำไมไอ้ออริจินอลถึงปล่อยวางให้ลูกน้องสืบข้อมูลตัวเองฟร่ะ!? ไหนจะนามรองที่ในนิยายไม่กล่าวถึงหรือไม่สำคัญ?..
หลิงตงซ่าน "..."
เหยาจื่อเซียน "..?" ข้าพูดอะไรผิดรึป่าว..?
ในบรรยากาศที่ยากจะอธิบาย ประตูเรือนก็ถูก(ถีบ)เปิดเข้ามา "นางมาแล้วเจ้าค่ะ!" เหยาเฟยพลางเดินเข้ามา ใบหน้าแสดงความเหนื่อย(ไม่)เล็กน้อย "เฮ้อ..เซียนเอ๋อร์ไปเอาชามารับแขก" หลิงตงซ่านถอนหายใจพลางเอ่ย "แต่..นี่เรือนข้า" เหยาจื่อเซียนทำหน้าน้ำตาคลอ
อะไรกลัวสกปรกหรอ? คิดว่าข้าสกปรกขนาดนั้นเชียว? หลิงตงซ่านทำหน้าเอือมระอา "พาแขกไปห้องรับรอง" หลิงตงซ่านเอ่ยพลางส่ายหน้าไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัว แต่พอจะออกไปก็อดไม่ได้ที่จะมองค้อนเหยาจื่อเซียน อีกฝ่ายที่โดนมองอย่างงั้นก็พลันหน้าเปลี่ยนสี ไม่ว่าจะมองยังไงท่านประมุขของข้าก็น่ารักที่สุด!! เหยาจื่อเซียนพลางคิดในใจ
หลิงตงซ่านเดินไปกับเหยาเฟย ส่วนเหยาจื่อเซียนนั้นตามมาทีหลัง ส่วนคุณนางเอกก็เดินบิดไปมาหน้าแดงอยู่นั้นแหละ ไม่รู้ทำไมนางถึงชอบเดินเอียงมาทางเขาตลอด เดินไปเดินมาก็มีสะดุดบ้างจนเขาต้องเอียงตัวไปรับ จับแตะเนื้อต้องตัวกันไม่รู้กี่ครั้งแล้ว กว่าจะเดินมาถึงคุณนางเอกก็ซบอกเขาซะแล้ว บอกตามตรงนางค่อนข้างเตี้ยกว่าเขานิดนึง ส่วนอีตาพระเอกก็ไม่ต้องบอก เรื่องไหนๆแม่งก็ให้พระเอกสูงเท่าเปรต ไอ้สัสแม่งอิจฉา จะได้รุกนางเอกของเรื่องได้ง่ายเลยให้อีพระเอกสูง
อิจฉาโว้ยยยย!!
พอมาถึงห้องรับรองแล้วเหยาเฟยก็แยกทางออกไปเอาชา ส่วนเหยาจื่อเซียนก็จัดแจงห้องให้พร้อม หลิงตงซ่านกับเวินเสี่ยวอิงก็เลยต้องซบอกกันนานสองนาน เวินเสี่ยวอิงหรี่ตามองต่ำ ใครจะนึกล่ะว่านางเองก็เป็นหนึ่งในคนที่หลงเสน่ห์หลิงตงซ่าน ประมุขมารคนงามแถมยังแทบคลั่งอีกด้วย เห็นทีนางคงได้เรื่องเอาไปเล่าอวดให้ลู่หาน สหายสนิทของนางฟังแล้ว
ใครจะนึกล่ะว่าเวินเสี่ยวอิงจะจากที่หรี่ตามองต่ำอยู่ดีๆ ก็กวาดสายตาขึ้นมามองหน้าเขาเฉย หน้าขึ้นสีแดงน้อยๆ ปากอ้าลงเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูด ภาพลักษณ์อ่อนโยน และขี้อายของคุณนางเอกเผลอทำเขายิ้มเฉย พอยิ้มแล้วกลัวภาพลักษณ์พังเลยจำเป็นต้องหันหน้าหนี เวินเสี่ยวอิงเห็นอย่างงั้นเลยเข้าใจว่าหลิงตงซ่านเขินนาง ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย
เวินเสี่ยวอิงเอ่ย"ห..หากมิรังเกียจท่านจักสามารถให้ข้าไปมาหาสู่ท่านที่จวนแบบนี้ตลอดได้หรือไม่..?"
"..ย่อมได้" หลิงตงซ่านว่า
ทำไมจะไม่ได้ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธคุณนางเอก ถ้าไม่นับว่านางเป็นนางเอก ดรุณีน้อยอย่างนางเองก็น่าเอ็นดูให้เสียข้าวสุกมิน้อยเลย รอดูตอนเจริญเติบโตก็น่าจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจไม่น้อย เสียข้าวสุก ที่อยู่อาศัย ค่าเลี้ยงดูนิดหน่อย (นิดหน่อยสำหรับคนมีเงินอย่างนายเอก;-;) แลกกับสาวงามล้มเมืองที่จะค่อยๆแพงฤทธิ์ความงามเผยออกมาทีละนิดๆ นับได้ว่าน่าสนใจแต่นางเป็นนางเอกนี้สิอีกเรื่องนึง
หลิงตงซ่านทำหน้าปลงเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสนใจห้องรับรองแขกที่รอมานานสองนานว่าเมื่อไหร่จะเสร็จสักที เหยาจื่อเซียนเดินออกมาใบหน้ายิ้มแย้มกล่าว"เชิญข้างในขอรับ ท่านประมุข คุณหนูเวิน" โดยที่เน้นคำว่าคุณหนูเวินเสียงเข้มเป็นพิเศษ จนหลิงตงซ่านแปลกใจ ตาหันขวับไปมอง เหยาจื่อเซียนเพียงยิ้มตอบกลับมา
แปลกดีแท้..แต่ยังไงก็ช่าง ¯\_(ツ)_/¯
หลิงตงซ่านที่เดินเข้าไปในห้องคนอยู่ในอ้อมอกก็เดินตามตาม หน้าแดงนิดๆ พอเข้ามาก็แยกกันนั่งที่ใครที่มัน ซึ่งเหยาจื่อเซียนอาสาขอไปช่วยเหยาเฟยยกชา ซึ่งเอาตามตรงคงไปแย่งหน้าที่ซะมากกว่า ข้ออ้างเช่นนี้เขา..ไม่สิ หลิงตงซ่านเจ้าของร่างคุ้นดี มันเลยทำให้เขาพลอยคุ้นชินตาม พออยู่กับเวินเสี่ยวอิงสองต่อสองหลิงตงซ่านก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ได้ เลยเลี่ยงมาจ้องภาพวาดที่ติดผนังแทน
อาภรณ์สีขาวสง่าลายหงส์สีเทาลวดลายงดงามยิ่งขัดให้ใบหน้าขาวดูเป็นธรรมชาติและงดงามขึ้นมาจนเด่นเป็นสง่าจากที่เด่นอยู่แล้วยิ่งเด่นเข้าไปอีก แม้อาภรณ์จะไม่ถึงขั้นจัดว่าเรียบร้อยมากแต่เพราะนี้คือหลิงตงซ่านคนงาม ไม่ว่าจะอาภรณ์ไหนเรียบร้อยหรือไม่ก็งามตาไปหมดทุกแบบ ไม่มีผู้ใดไม่พอใจเผลอๆอาจเป็นอาหารตาชั้นดีเยี่ยมเลยด้วยซ้ำ เรือนผมสีขาวยาวถึงสะโพกก็ยิ่งเข้ากับเจ้าตัวมาก ยิ่งดวงตากวาดมองสิ่งอื่นนิ่งเฉยราวกับว่าเบื่อหน่ายยิ่งชัดเสน่ห์ของเจ้าตัวให้เพิ่มขึ้น ท่านั่งเขว่ขายิ่งทำให้ดูสูงส่ง มือที่กำลังประคองหน้าไม่ให้ล้มยิ่งทำให้เจ้าตัวดุจเทพเซียน แม้จะเป็นมารแท้ๆก็ตาม เหตุใดใครจะมิทราบประมุขมารผู้นี้งามกว่าสาวงามในเมืองหลวงที่ว่ากันว่างามจนฮ่องเต้ต้องไปสู่ขอด้วยตัวเอง โดยตำแหน่งฮองเฮานางจึงจะพอใจ ข่าวเสียๆหายๆผู้คนในยุทธภพย่อมรู้ว่าทุกข่าวล้วนมาจากที่เจ้าของข่าวชื่อเสียงามเกินหน้าเกินตาไปจนคนอื่นอิจฉาเลยปล่อยข่าวเสียๆใส่ แต่ก็มิทำให้เสน่ห์ของเจ้าของชื่อเสียลดลงเสียนี่กระไร กลับกันมันทำให้เจ้าของชื่อเสียดูลึกลับ โหดร้าย จนคนพากันเรียกแมวป่าจอมยั่ว แม้จะดุร้ายแค่ไหนแต่ก็มีเสน่ห์เย้ายวนไม่น้อย และกร้าวใจมากขึ้นเสียอย่างนั้น
ซึ่งหลิงตงซ่านตามออริจินอลก็ไม่ได้อะไรมาก เพราะนั้นไม่ใช่ข่าวเดียวของตนเอง ข่าวแบบนั้นมีเป็นร้อยๆข่าว ไม่ว่าจะบอกว่าเขาร่วมเตียงใช้เสน่ห์ของตนเองเพื่อยั่วยวนให้ประมุขฝ่ายธรรมะจบศึกก็ไม่ปาน ตนปีนขึ้นเตียงเจ้าสำนักเต๋าคนนึงบ้างล่ะ ใช้เสน่ห์ยั่วให้แม่ทัพในแคว้นตนเองฆ่าฮูหยินบ้างล่ะ กรรมใดใครก่อเขาไม่รู้แต่แพะรับบาปคือเขาตลอด ถ้าหาตัวคนร้ายไม่เจอก็ความผิดเขา ภรรยาฆ่าสามีเพราะสามีนอกใจก็มิปานโยนความผิด กล่าวคำเท็จว่าเขาหลอกให้สามีตนเองฆ่าตัวตายพิสูจน์รักบ้างแหละ บอกที่ฮ่องเต้แคว้นฉู่เก็บด้านฝึกตนมากกว่าร้อยปี ไม่ยอมทำงานบริหารแคว้น เพราะตนยั่วว่าหากผ่านด้านถึงขั้นมหาปราช์ญได้จักยอมร่วมเตียงด้วยบ้างแหละ เพราะข่าวไร้มูลไร้สาระพวกนี้เขาเลยกลายเป็นคนไม่ดี และคนที่ถูกกล่าวว่างดงามจนทุกสิ่งไม่อาจต้าน ทั้งๆที่ท่านพ่อของเขายังดูรูปงามกว่าเลย หรือแม้แต่สาวงามในหอนางโลมเขายังว่าสวยเลย
กล่าวเช่นนี้ว่าร้ายตนเองรึ? คนเราก็งดงามต่างกันมิใช่รึ..? เขาว่าเขาคิดถูกนะคนพวกนั้นน่ะก็แค่รับรู้ข่าวเกินจริงไปเท่านั้น จนรู้สึกว่าตนไร้ค่า เลยลดค่าตัวเองลงว่าไม่อาจจำเทียบเคียงกับตัวเขาได้ ราวกับว่าหากคนพวกนั้นสามารถเทียบได้ เขาจะฆ่าตายเสีย..
ข่าวที่บอกว่าเขาร่วมหลับนอนกับคนอื่น เขาต้องขอบอกกล่าวน่ะตรงนี้เลยว่าจับมือกับสตรียังรังเกียจ เข้าใกล้ผู้คนก็แทบจักไม่เคย นอนกับใครไหนเลยหลิงตงซ่านออริจินอลจะกล้า เพราะจักรพรรดิมารสั่งไว้แต่เด็กว่าห้ามเด็ดขาด ด้วยความเป็นเด็กนิ่งๆเลยรับคำทำจนเคย ถ้าไม่ใช่คนสนิทจริงๆจะไม่แม้แต่จะคุยด้วย แต่ถ้าจำเป็นก็จักฝืนคุยด้วย แต่อาจจะดูแปลกนิดๆ(?)
จักรพรรดิมารตามใจแต่เด็กยันโต แต่เขาไม่ได้ร้องขออะไรสักอย่าง ของที่มีคือบิดาประทานมาให้ทั้งนั้น ทั้งตำแหน่งประมุขมารอันมั่นคงที่(ฝืน)เต็มใจรับมา องค์รักษ์คุ้มกันตัว10,000นาย แม่บ้านประจำตัว6-7คน พ่อบ้าน 4-10คน อาจารย์ผู้สอนวิชามาร 5-9คน เครื่องประดับเพชรพลอย 500,000อันทำจากหินจิตวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งหมด เงินทอง อำนาจ ความเอ็นดูเกินหน้าเกินตาแบบโคตรๆ ความรักอันยิ่งใหญ่จนรับไม่ไหว จูบอันเร่าร้อนของจักรพรรดิมารแบบที่เจ้าตัวเต็มใจ.. สถานะกึ่งลูกกึ่งเมียบิดาตนเอง รอยกัดตอนมีอะไรกันบนเตียงของจักรพรรดิมาร สถานะเป็นดั่งดวงใจของเหล่ามาร เป็นผู้มีอำนาจล้นมือ สาเหตุเพราะบิดาที่รักทรงหายตัวคามุยหายไป อำนาจเลยเพิ่มขึ้นไม่มากแต่ก็ไม่น้อย ราชองการที่จะแต่งตั้งให้เป็นผู้สั่งทุกอย่างรองลงมาจากบิดา สั่งสอนที่ควรได้รู้ ความลับที่ต้องรู้ ท่าตอนมีเซ็กส์ลีลาต้องไม่แพ้ใคร เป็นคู่นอนที่บิดารักที่สุดในโลก น้ำกามจากแทงเอ็นของบิดาจนล้นเหลือ ความสุขบนเตียงร่วมบิดา
ผ่านไปมากกว่าร้อยปีจนปานนี้ทุกคนแทบจะลืมเลือนว่าเคยมีจักรพรรดิมารผู้สูงศักดิ์อยู่ ส่วนจนตอนนี้มนุษย์นับว่าหลิงตงซ่านมีอำนาจเยอะที่สุดแล้ว ทั้งๆที่ควรเป็นหลิงฟูจ้าว จักรพรรดิมารแท้ๆ หากไม่มีเขาคอยสั่งสอนหลิงตงซ่านก็คงไม่มีมาถึงทุกวันนี้
กลับมาปัจจุบัน. .
หลิงตงซ่านนั่งเท้าคางมองรูปภาพติดผนังเลี่ยงการสบตากับเวินเสี่ยวอิงจนปวดตา แต่ก็ไม่มีทีท่าเลยว่าแม่นางเวินเสี่ยวอิงคนงาม จะละสายตาจากเขา นานแล้วนะ.. เขาสาบานได้เลยว่านางจะเลิกจ้องเขาก็ต่อเมื่อมีบางอย่างมาขัดไม่ก็กวนใจจนหงุดหงิด จนละสายตาไปเอง แต่ก็ได้แต่ภาวนาในใจ
เหยาเฟยเดินยกถาดชาเข้ามาในห้อง พร้อมอีกมือนึงลากคอเสื้อเหยาจื่อเซียนมาด้วย พนันได้เลยว่าพวกเอ็งต้องชกต่อยกันแย่งหน้าที่ใช่มั้ย? หลักฐานคือ รอยยับที่เสื้อ แล้วก็รอยช้ำเขียวจางๆ
"เหตุใดท่านมองข้าเช่นนั้นเจ้าค่ะ? ท่านประมุข" เหยาเฟยเอ่ย
หลิงตงซ่าน "ม..ไม่มีอะไร"จริงๆ มั้งนะ
เวินเสี่ยวอิง "..." ใช้หางตาเหลือบมองนิดๆ
เหยาเฟยเดินเข้ามาทางหลิงตงซ่านแล้วปล่อยมือจากคอเสื้อหยาบๆของพี่ชายไม่รักดีของตนเอง เปลี่ยนมาจับแก้วชาวางไว้ข้างหลิงตงซ่านแล้วรินชาให้อย่างสง่า แล้วเดินมาทำเช่นเดียวกันกับเวินเสี่ยวอิง แต่กลับแข็งกระด้างมากกว่า และมิได้รินชาให้เองพลางอ้าปากเรียวเอ่ย
"คุณหนูกิริยาดีเช่นเจ้า คงรินชาเองได้ใช่หรือไม่ หื้ม?" เหยาเฟยเอ่ย
เวินเสี่ยวอิง "......" มองเหยาเฟยอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ปนอาฆาตนิดๆ (?)
เวินเสี่ยวอิงยกกาน้ำชาขึ้นมารินชาเอง แววตาไม่พอใจอย่างไม่ปกปิด หากมิใช่เพราะซ่านเอ๋อร์มีเจ้าเป็นมือซ้าย ข้าคงต่อยเจ้าทะลุกำแพงไปแล้ว ใช่ว่านางสู้เหยาเฟยไม่ได้แต่มิอยากสู้ต่างหาก หากเผลอทำเรือนรับรองของคนงามพัง นางคงจักมิโดนเกลียดขี้หน้าหรอกหรือ?
"เหยาเฟยเจ้าอย่าทำกิริยาเช่นนี้กับผู้ใดอีก มันดูมิงามเอาเสียเลย...และไร้มารยาท.." อย่างมาก
ประโยคหลังหลิงตงซ่านเติมลงไปในความคิด เหยาเฟยที่โดนตำหนิคล้ายกลายเป็นหมาหงอยมองเขาอย่างสั่นๆ หวั่นๆ "เหตุใดท่านกล่าวเช่นนั้นเจ้าค่ะ มีกิริยาอันใดที่ข้ามิควรทำ?" เหยาเฟยเอ่ยคล้ายไม่จำว่าตนผิด พร้อมมองหน้าหลิงตงซ่าน
"ปล่อยให้แขกรินชาเอง นับว่าเป็นการเสียมารยาท คงต้องขอโทษคุณหนูเวินด้วย"หลิงตงซ่านเอ่ย
"คงมิขนาดนั้นเจ้าค่ะ และก็ข้าเป็นผู้น้อยการถูกเรียกว่าคุณหนูย่อมดูฟังเกินไปหน่อยนะเจ้าค่ะ อีกอย่างท่านก็อาวุโสกว่าข้า ข้ามิกล้าให้เรียกเช่นนั้น"
"ท่านให้เกียรติข้ามากเกินไปเสียแล้ว'แม่นางเวิน' อีกอย่างข้าเป็นเจ้าบ้านทำกิริยาหน้าละอายเช่นนี้ นับเป็นอันใดได้อีก"
หลิงตงซ่านเอ่ยออกไป เขาก็ละอายใจจริงๆนั้นแหละ ถ้าเหยาเฟยไม่สองมาตรฐานก็คงออกมาดีกว่านี้ คงเพราะไม่ถูกกันด้วยละมั้ง เขาเข็ดแล้ว..นี่ฉันหวังอะไรกับความสัมพันธ์ของสองคนนี้ที่เป็นไปไม่ได้กัน? เฮ้อ..
เขาถอนหายใจมาหนึ่งที เหยาเฟยที่เห็นก็เดินเข้ามานั่งที่พื้นข้างๆเขา เหมือนหมาเลยแฮะ..อุ๊ปส์--- ฉ...ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ! จริงๆ
ไป๋เหอชิงที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ก็สะดุดตากับเรือนรับรองที่ยังคงมีไฟจุดอยู่จึงมิวาย เดินเปิดประตูเข้ามา พอเห็นว่ามีใครอยู่ก็เป็นอันต้องเงียบกริบ "กลางค่ำกลางคืนแล้วเหตุใดท่านจึงยังมินอนเล่า ท่านประมุข" กล่าวพลางมองหลิงตงซ่าน หลิงตงซ่านเพียงปลายตามองพลางเอ่ยสวนไป
"แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังมิเข้านอนเล่า หรือว่าหาทางหนีทีไร่อยู่กัน เด็กน้อย"
"...."ไป๋เหอชิงตอบไม่ได้ หลิงตงซ่านย่อมรู้อยู่แล้ว วันแรกๆของการอยู่พรรคมารพระเอกย่อมไม่อยู่เฉย ย่อมต้องเดินหาทางสำรวจไปทั่วอยู่แล้ว หาทางหนีทีไร่เผื่อไว้ก็มิเห็นแปลก ใครบ้างล่ะที่จะอยู่ฐานศัตรูแล้วอยู่เฉย เร่งหาทางหนีไว้ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว "เด็กน้อยข้าขอบอก ทางออกของจวนนั้นอยู่ไกลจากตัวเรือนข้าไม่เท่าไหร่"
"แต่หากเป็นทางออกจากพรรคย่อมห่างไกลจากที่นี้อยู่หลายลี้ และต้องได้รับอนุญาตจากข้าเสียก่อน จึงจะออกได้ ทางออกนั้นช่างไกลเสีย ด้านนอกพรรคก็เป็นป่าต้องสาปที่มิมีผู้คนกล้าเข้า การจะเข้าออกพรรคใช่ว่าง่ายๆ เข้ายากยามออกก็ต้องยากเช่นกัน พวกมารย่อมอยากอยู่ภายในพรรค หากออกไปก็เท่ากับตาย"
"พวกนักเพรตฝึกเซียนอะไรนั่น ย่อมตามล่าพวกมารที่ออกไปอยู่แล้ว ดังนั้นพรรคมารจึงเป็นสถานที่ที่พวกมารอยู่กัน และมิแวะเวียนไปไหน พวกที่ออกไปย่อมเป็นพวกเจียมตัวดีหรืออาจขอตัวไปฝึกวิชาที่ภพมนุษย์"
หลิงตงซ่านเอ่ยไปซะเสียยาวก็เจ็บคอจำต้องยกชามาจิบ โดยที่หารู้ไม่ว่าคำที่เอ่ยไปกลับให้ใจความที่เข้าใจได้ไม่ยาก 'เรือนข้าอยู่ใกล้ทางออกจวนนะ แต่ทางออกพรรคอยู่ไกลหลายลี้ และต้องได้รับอนุญาตจากข้าก่อน ข้างนอกเป็นป่าต้องสาปออกไปก็เท่ากับไปรนหาที่ตายเสียเปล่าๆ' หลิงตงซ่านผู้ไม่รู้อะไรก็พลางส่ายหัวเล็กน้อยๆ หรี่ตามองไป๋เหอชิง ประมาณเป็นเชิงเตือน อีกฝ่ายรู้ว่าเขาจะหาทางออกหรือ..ถึงเตือนขนาดนั้น
"ข้าเข้าใจแล้วขอรับท่านประมุข"
เข้าใจ? เข้าใจอะไร? ฉันไม่ได้ชี้แนะหรือให้บทเรียนแกซะหน่อยอีพระเอก หลิงตงซ่านนั้นได้แต่เก็บความคิดนั้นไว้ในใจ เปลี่ยนมาหลับตาพักสายตาแทน เหยาเฟยก็คลอเคลียหน้าตักเขา จำเลยวางแก้วชาพลางนำมือมาป้องปากกันเสียงหัวเราะร่าของตัวเอง หรี่ตามองเจ้าตัวอย่างไม่ถือ "เจ้าควรได้รับการอบรมนะ เฟยเอ๋อร์ คิกๆ" เหยาเฟยมองนายตัวเองตาแป๋วกะพริบตาปริบๆ ทำหน้ามุ่ย คิ้วตก บ่กบอกว่าเจ้าตัวโกรธ แน่ล่ะเหยาเฟยไม่ชอบเรียนมารยาท หลิงตงซ่านออริจินัลไม่ได้บังคับเลยปล่อยเลยตามเลย แต่นางก็พอมีความรู้เรื่องมารยาทอยู่บ้าง
ภายในห้องเรียกได้ว่าเงียบมีเพียงเสียงหัวเราะร่าของหลิงตงซ่านเท่าไหร่ เสียงที่ใครๆได้ยินก็ต้องหลงไหล ไป๋เหอชิงที่ปิดประตูห้องตอนไหนไม่รู้ก็พลันตัวแข็งจากเสียงหัวเราะร่าจากคนงาม เหยาเฟยคล้ายได้ใจเต็มๆก็พลันเคลื่อนตัวลุกไปคลอเคลียตรงช่วงท้องและจักจี้แทน ซึ่งเรียกได้ว่าจากที่ขำอยู่ดีๆ ก็ต้องเสียวแทน "อ..อื้อ!! อ๊าส์! พ..พอแล้วๆ!!" หลิงตงซ่านเอ่ยเสียงหลงเลยทีเดียว
ซึ่งเหยาจื่อเซียนที่ฟื้นตอนไหนไม่รู้ ลุกเดินไปหาน้องสาวตัวดีของตนแล้วจับคอเวียงไปไกล พลางเช็คมองโอเคของหลิงตงซ่าน ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวกำลังหน้าแดง ขอบตามีน้ำตาคลอ หูแดงเป็นมะเขือเทศเลยก็ว่าได้ "ฮึก.." พลางส่งเสียงสะอึกสะอื้น กะพริบตาแล้วมาสบตากับเหยาจื่อเซียน "...ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่" เหยาจื่อเซียนเอ่ย "ฮึก..เจ้า..เห็นว่าข้าสบายอยู่รึไง..?!" หลิงตงซ่านเอ่ยคล้ายตะคอกนิดๆ
"เหยาเฟย เจ้าไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่ประสาทมาร หากไม่สำนึกมิต้องกลับมาหาข้า!" หลิงตงซ่านเอ่ย
เหยาเฟยทำหน้าคล้ายไม่พอใจแต่ก็ขานรับแบบหงอยๆแล้วหายตัวไปเลย เหยาจื่อเซียนเช็คตามตัวของหลิงตงซ่านแบบเป็นห่วง "จะคุยกับแม่นางเวินต่อ หรือจักให้ข้าพาท่านกลับเรือนเลยดีขอรับ ท่านประมุข" เหยาจื่อเซียนเอ่ยแบบเป็นห่วงๆ หลิงตงซ่านทำท่าคิดอยู่สักพักด้วยใบหน้าคล้ายร้องไห้ แล้วจึงเอ่ย"...นี้ก็ค่ำแล้วเชิญแม่นางกลับก่อนเถิด ข้าว่าแม่นางคงจักอยากกลับมากแล้วเป็นแน่ เซียนเอ๋อร์ไปส่งแขก ชิงเอ๋อร์เจ้าไปส่งข้า"
ในขณะที่เหยาจื่อเซียนกำลังพาแม่นางเวินเสี่ยวอิงไปส่งเก้าออกไปหน้าเรือน หลิงตงซ่านที่เดินอยู่หน้าเรือนแต่คนละทางโดยมีไป๋เหอชิงประคองก็ชะงักฝีเท้า แล้วกล่าว"อ้อ..แล้วก็ข้าเปลี่ยนใจแล้ว แม่นางอยู่ต่ออีกหน่อยเถอะเห็นว่าไม่มีที่ไปอยู่ด้วย"
"เจ้าค่ะ?"
เวินเสี่ยวอิงคล้ายอึ้งสมองไม่ประมวล1วิ หลิงตงซ่านก็เดินหนีไปแล้ว ส่วนไป๋เหอชิงก็เดินไปด้วย เหยาจื่อเซียนเห็นนางไม่ยอมเดินไปสักทีก็เอ่ยขึ้น"ท่านประมุขบอกให้เจ้าอยู่ได้อีกเท่าที่ต้องการ เห็นว่าไม่มีที่ไปและพึ่งเข้ามาสักพักแล้วแต่ก็ไม่มีแผนที่จะไปไหนเลย" คล้ายตกใจจนนิ่งไป มุมปากค่อยๆเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขึ้น แล้วหันไปเดินนำพลางคิดถึงใบหน้างามของหลิงตงซ่าน เอ่ย"ช่างใจกว้างเสียจริง คงมิใช่ว่าถ้ามีใครขอไปอยู่ด้วยคงตอบตกลงใช่หรือไม่?"
เหยาจื่อเซียนทำหน้าเย็นชา ปากก็ขยับยิ้มแล้วเอ่ยสวนกลับ"แน่นอนท่านประมุขของข้าใจดีจะตาย แต่หากเกิดขึ้นจริงข้าคงไล่กระทืบคนผู้นั้นเป็นแน่" เวินเสี่ยวอิงเงียบจ้องมองค้อนเหยาจื่อเซียน ก่อนจะเหมือนคิดอันใดได้จึงเอ่ย"บุรุษผู้นั้นเป็นใคร? ศิษย์ใหม่ของสำนักข้าหรือ? อ่อนแอนัก จนข้าเกือบคิดว่าเป็นคนธรรมดา พลังปราณอ่อนยิ่งนัก มิเห็นแข็งแกร่งเลยสักนิด" เหยาจื่อเซียนมองสตรีตรงหน้าก่อนจะเอ่ย
"เจ้าก็รู้ท่านประมุขน่ะใจกว้าง อีกอย่างก็เป็นท่านประมุขนี้แหละที่ชวนเจ้านั้นเข้าพรรค เห็นว่าชื่อไป๋เหอชิง เป็นเศษสวะของสำนัก"
"หึ! ช่างโมโหนักนะ" เวินเสี่ยวอิงเอ่ย
"ข้าเห็นด้วยยิ่งนัก เวินเสี่ยวอิง"
...
....
.....
×××××××××××××××××××××××××××××
ไป๋เหอชิงเดินตามคนงามมาแบบตามติด พลางเอ่ย"ท่านไม่เป็นไรนะขอรับ ท่านประมุข.." หลิงตงซ่านนิ่งหยุดฝีเท้าหมุนตัวหันตัว สานเท้าเดินไปหาไป๋เหอชิง พลางนำมือข้างนึงมาจับหน้าเจ้าตัว จนอีกฝ่ายเบิกตากว้าง มืออีกข้างพลางชี้หน้าตัวเองเอ่ยเสียงกึ่งตะคอกนิดๆแฝงน้ำเสียงโมโห"หน้าข้าเหมือนคนที่สบายดีรึ!?" ไป๋เหอชิงทำอะไรไม่ถูก หลิงตงซ่านเลยปล่อยมือหมุนตัวกลับไปเดินต่อ
ไป๋เหอชิงเป็นอันต้องเดินตาม ปากพลางพึมพำบางอย่าง ซึ่งหลิงตงซ่านหาได้สนใจ ตอนนี้เขาโกรธมาก..เหยาเฟยกล้าล่วงเกินเขามากเกินไป เขาไม่ชอบมันอย่างแรง!! พอเดินไปก็พบกับเรือนทิวทัศน์สวยแต่หลิงตงซ่านหาได้สนเดินดิ่งเข้าไปเลย แต่ไป๋เหอชิงก็ดึงเขามาก่อน จนเขาเป็นอันต้องตกไปซบอกอีกฝ่าย "อะไร!!"
"ค..คือว่าข้าจำต้องส่งท่านถึงเตียงหรือไม่?"
แค่นี้หรอ...เอ็งดึงกูมาเพื่อถาม แ ค่ นี้ หรอ ว่ะ!?! แม่งเสียเวลาชีวิต ดวงตาเรียวหงส์มองบุรุษข้างหลังตนก่อนที่จะดึงมืออีกฝ่ายมาเดินไปเปิดประตูเรือนตนเองแล้วปิด แล้วก็พลักอีกฝ่ายไปตรงเตียง พลางคร่อมอีกฝ่ายแล้วก็เอ่ย"หากถามมากความเช่นนี้ก็มิต้องกลับเรือน!? นอนกับที่นี้เสีย!!" อีกฝ่ายที่ได้ยินก็ชะงักตกใจมาก
หลิงตงซ่านไม่ยื้อลุกเดินหนีไปสระโบตั๋นของตนเองพลางถอดอาภรณ์ออก ก่อนจะลงไปแช่ในน้ำ ทำความสะอาดร่างกายก่อนที่จะลุกไปหน้าฉากกั้น ที่มีอาภรณ์ชุดนอนอยู่ แล้วก็หยิบมาใส่ เดินออกมาซึ่งก็เห็นไป๋เหอชิงกำลังนั่งเอ๋อแดกอยู่ ก็เลยเอ่ย"ไปอาบน้ำ..อาภรณ์พาดอยู่ที่ฉากกั้น" "ข..ขอรับ!!" ไป๋เหอชิงก็ขานรับก่อนจะเดินไป
1-2เค่อผ่านไป
(1 เค่อ \= 15นาที)
หลิงตงซ่านจนตาจะปิด อีพระเอกกกกมึงอาบน้ำนานแท้ นั่งหน้ามุ้ยอยู่อย่างงั้นแหละ พอพูดถึงก็มาปั๊บ ไป๋เหอชิงเดินออกมาด้วยอาภรณ์ชุดนอนและไซส์มันก็พอดี เพราะอะไร? เพราะหลิงตงซ่านมีแต่อาภรณ์หลวมๆใหญ่ๆนะสิ เพราะมันใส่สบายเขาจะไม่ถือแล้ว ปากพลางเอ่ย"ช้าเสียจริงนะเจ้านะ" ไป๋เหอชิงมองหน้าเขาก่อนที่จะเอ่ย"ข้าแค่แปลกใจนะขอรับ ที่ท่านประมุขใส่อาภรณ์ที่ตัวใหญ่ขนาดนี้..ทั้งที่ท่านตัวเล็ก.." หลิงตงซ่านกระอักเลือดในใจ ไอ้นี่!? หาเรื่อง!! เดี๋ยวพ่อต่อยปากแตกเลยนี้!
หลิงตงซ่านคิดไปก็แผ่รังสีไป ไป๋เหอชิงที่รับรู้ได้ก็ยกมือทั้งสองมาแบคล้ายห้าม พลางยิ้มแห้ง "ข..ข้ามิได้หมายความเช่นนั้นขอรับ แหะๆ " หลิงตงซ่านมองค้อนก่อนที่จะเอ่ย"มานี้ เด็กน้อย" พูดไปก็พลางตบเตียงไป "ข..ขอรับ~" ไป๋เหอชิงเดินไปนั่ง "นอน" หลิงตงซ่านเอ่ยแล้วก็จับหัวไป๋เหอชิงให้โค้งตัวนอนลงเตียง
ไป๋เหอชิง "...." หน้าแดงเพราะบางอย่าง
หลิงตงซ่าน "???" เอิ่ม.. Whet?
'ข้าควรบอกเขาหรือไม่..? ว่าไหล่ของเขาเปิดออก ท่านประมุข!!!'
หลิงตงซ่านขยับเข้าไปใกล้ไป๋เหอชิงแล้วก็หลับตา ส่วนอีกคนตอนนี่เกร็งจัดๆ 'ท่านอย่าใช้ความงามนั้น โจมตีข้าสิ~~~' ไป๋เหอชิงได้แต่คิดในใจ น้ำตาแทบไหลริน ละสายตาจากไหล่ขาวๆของท่านประมุขไม่ได้เลย...น่าขบให้เป็บรอยเสียนี่กระไรเลย..
.
.
.
.
.
.
.
....
(จบตอนที่2)
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments