“ดื่มเยอะๆเลยนะขิมงานนี้จัดเพื่อเธอโดยเฉพาะเลยนะรู้ไหม” เสียงจีบปากจีบคอดังพร้อมมือที่ดันแก้วเหล้าใส่มือบาง เจ้าของชื่อใช้ปลายนิ้วขยับแว่นสายตากรอบสีดำแนบชิดใบหน้า ท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ของเธอช่างขัดกับสถานที่ที่นั่งอยู่เสียเหลือเกิน แม้จะดูขัดหูขัดตาคนในกลุ่มอยู่บ้างแต่ก็สร้างความสนุกปนสมเพชยามทิ้งสายตามองเธอ
“เอ่อ… ขิมดื่มไม่ได้” มือกำแก้วเหล้าสีเข้มแน่น ความลำบากใจฉายชัดบนใบหน้า ทั้งที่นี่คือโอกาสในการเข้าสังคมของเธอแท้ๆ แต่เธอกลับไม่มีความกล้ามากพอ
สายขิม เด็กเรียนดีของสายชั้นผู้เป็นที่รักของอาจารย์ ซ้ำยังควบตำแหน่งนักเรียนดีเด่นสามปีซ้อน ทว่าเพราะความฉลาดเกินไปแถมยังใส่แว่นหนาเตอะ ทำให้เธอใช้ชีวิตมอปลายอย่างไร้เพื่อนฝูง หลายครั้งหลายหนที่เธอโดนเพื่อนกลั่นแกล้ง บ้างนินทา บ้างเมินเฉย ทำกับเธอเหมือนไร้ตัวตน เพียงเพราะคนเหล่านั้นอิจฉาเธอ ทั้งเรียนดีกว่า ฉลาดกว่า อาจารย์รักและเอ็นดูมากกว่า ความริษยาจึงมาลงที่เธอ
สังคมปัจจุบันการ Bully มีอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษาหรือที่ทำงาน แม้แต่ในโลกโซเชียลยังล้วนเกิดการ Bully ให้เห็นอยู่เสมอ เธอจึงทำใจให้ชินกับสิ่งที่ต้องประสบพบเจออยู่ทุกวี่ทุกวัน
มันก็แค่การแกล้งของพวกเด็กๆ
เธอคิดแบบนั้น และเลือกที่จะไม่สนใจ พยายามใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในมุมของเธอ ไม่วุ่นวายกับใครถ้าไม่จำเป็น กระทั่งวันสุดท้ายของการจบการศึกษา สายขิมคว้าผลการเรียนอันดับหนึ่งตามความคาดหมาย และสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังด้วยคะแนนสอบอันดับต้นๆ สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนจนถึงขั้นขึ้นป้ายหน้าประตูโรงเรียน
แน่นอน… ความริษยาจึงเพิ่มมากขึ้น
ทว่าตอนจบพิธีนั้น เธอได้รับคำชวนจากเพื่อนร่วมห้องซึ่งร้อยวันพันปีไม่เคยแยแสเธอสักนิด แต่วันนี้กลับเข้ามาชวนคุยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ด้วยความอ่อนต่อโลกเธอตกปากรับคำมางานเลี้ยงเรียนจบของห้อง และกำลังถูกเพื่อนๆ กลุ่มนั้นยัดเหยียดให้ดื่มเหล้า
“ไม่เป็นไรหรอกสายขิม ดื่มแค่นิดๆ หน่อยๆ ไม่เมาหรอก” ยิหวา ดาวเด่นประจำโรงเรียนคลี่ยิ้มหวานปานน้ำผึ้งขม เพื่อนคนอื่นพยักหน้าสมทบ
“ดื่มเถอะน่า ยิหวาอุตส่าห์ชวนทั้งทีนะ” ซอลลี่กรีดนิ้วลงบนแก้วตัวเองแล้วขยิบตาส่งให้ สายขิมเพิ่งสังเกตว่าในกลุ่มที่นั่งล้อมรอบเธออยู่นี้ล้วนเป็นสาวสวยประจำโรงเรียนทั้งสิ้น เมื่อเทียบกับตัวเธอที่สวมแว่นหนาเตอะ ผมเผ้ารวบเป็นหางม้า หน้าตาทาเพียงแป้งบางๆ ให้อารมณ์เชยเฉิ่มเสียจนตัวเองยังรู้สึกอายขึ้นมา
“งะ งั้นแค่นิดเดียวพอนะ”
ยิหวาส่งสายตาเลศนัยกับซอลลี่ขณะจ้องสายขิมยกแก้วจรดริมฝีปาก ปลายนิ้วเรียวยื่นดันก้นแก้วขึ้นกะทันหันส่งผลให้คนที่กำลังดื่มถึงกับสำลัก ความขมเปร่าเย็นเฉียบไหลลงคอหลายอึก สายขิมไอค่อกแค่กออกมา หน้าตาภายใต้แว่นหนาแดงก่ำ หอบหายใจแทบไม่ทัน
“แค่กๆ ขะ ขมมากเลย”
“ฮ่าๆ ก็มันเหล้านี่นาสายขิม อ่ะนี่ ดื่มนี่ตามสิจะได้ไม่ขม” ยิหวาหัวเราะ แก้วใสใบเล็กถูกส่งให้สายขิม เธอรับด้วยสีหน้างุนงง “อันนี้มีไว้ดับขมน่ะ”
“อ่า งั้นเหรอ ขอบคุณนะ” คำขอบคุณใสซื่อแสนวางใจของเธอเรียกรอยยิ้มร้ายจากสองสาว ทว่าเธอกลับมองไม่เห็น เมื่อยกแก้วใสขึ้นดื่มรวดเดียวหมด เธอสำลักขึ้นมาอีกรอบ “แค่กๆ ขมกว่าเก่าอีก!”
“ฮ่าๆ เธอนี่ตลกจัง! นั่นมันวอดก้านะ! เธอดื่มมันจริงๆ เหรอเนี่ย!” เสียงหัวเราะจากทุกคนสร้างความอับอายให้กับสายขิมอย่างมาก ตอนนี้เธอกลายเป็นตัวตลกไปแล้ว สายขิมอยากจะลุกขึ้น แต่ถูกมือบางรั้งให้นั่งลงที่เดิม ปลายเล็บแหลมจิกแน่นจนต้องเบ้หน้า “จะรีบไปไหนล่ะขิม พวกเรายังสนุกกันอยู่เลยนะ”
“นั่นสิๆ จะรีบกลับไปไหนล่ะ นี่เพิ่งจะสองทุ่มเองนะ” ซอลลี่ช่วยสมทบ “หรือว่าเด็กอนามัยอย่างเธอต้องนอนก่อนสองทุ่มเหรอ”
สายขิมก้มหน้าซ่อนความแดงก่ำ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ผสมกับความอับอายจากเสียงหัวเราะรอบตัวทำให้เธอรู้สึกมึนเมา ร่างกายร้อนผ่าวแปลกๆ สายตาพร่าเบลอไปหมด
ยิหวาส่งสายตากับซอลลี่ เธอส่งข้อความหาใครคนหนึ่งก่อนลุกขึ้นยืนโดยคว้าแขนสายขิมให้ลุกตาม ซอลลี่ลุกจับแขนสายขิมอีกข้าง กลายเป็นว่าทั้งสองกำลังหิ้วปีกสายขิมซ้ายขวา
“สายขิมเมาแล้ว เดี๋ยวพวกฉันพาเธอส่งขึ้นแท็กซี่กลับบ้านก่อนแล้วกัน”
ทุกคนพยักหน้าอืออออย่างไม่ใส่ใจนัก ทั้งสามเดินออกมาหน้าผับ ขึ้นรถยิหวาขับพามาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
“ยัยนี่ตัวหนักชะมัด ชิ!” ซอลลี่ปัดมืออย่างรังเกียจเมื่อโยนร่างบางลงบนเตียงเรียบร้อย เธอมองยิหวาที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง “หมอนั่นมาหรือยัง?”
“อยู่ที่คลับด้านล่างแล้ว เดี๋ยวก็ขึ้นมา ทิ้งมันไว้นี่แหละ”
“ก็ดี แล้วคีย์การ์ดล่ะ?”
“หมอนั่นมีใบหนึ่ง นี่อันสำรอง ฉันยืมไว้ เอาไปคืนก็จบล่ะ” คีย์การ์ดสีขาวในมือที่มีตัวเลข 909 ติดอยู่ถูกแกว่งไปมา ยิหวาปรายตามองร่างบางไร้สติบนเตียง สายตาเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง “ความผิดของเธอเองนะสายขิม เพราะเธอขวางหูขวางตาฉันเกินไป อย่าโทษฉันล่ะ ถือว่านี่คือการแก้แค้นก่อนจากแล้วกัน”
ยิหวามักเป็นที่หนึ่งเสมอทั้งหน้าตาและฐานะ มีเพียงการเรียนเท่านั้นที่ไม่ว่าเธอจะพยายามยังไงก็ยังทำได้แค่ที่สอง พ่อของเธอเป็นถึงประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ มีหน้ามีตาในสังคม ไม่ว่าจะด้านไหนเธอก็ทำได้ดีมาตลอด แต่ผลการเรียนกลับไม่เป็นที่น่าชื่นชม ถ้าหากไม่มีสายขิม ผลการเรียนอันดับหนึ่งคงเป็นของเธอไปแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจ
“ไปเหอะ บายนะยัยเด็กเนิร์ดสมควรตาย ฮึ!” ซอลลี่คลี่ยิ้มร้ายใส่ร่างบนเตียง ทั้งสองเดินออกจากห้องไปพร้อมประตูที่ปิดลงและชีวิตที่พังทลายของสายขิม
ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันหวนกลับของเธอ
ปึก!
แกร็ก!
“เวรเอ๊ย…” เสียงเมามายเจือหัวเสียดังจากริมฝีปากหนาที่ยังคาบมวนบุหรี่อยู่ ดวงตาคมกริบดุจสัตว์ป่าจ้องร่างสูงของคนที่เดินมาชนเขาอย่างไม่กลัวตาย
“เฮ้ย! วอนตีนเหรอวะ!” น้ำเสียงเข้มกระชากถามจากด้านหลัง ลมวูบหนึ่งผ่านร่างเขาไปพร้อมกับร่างหนาตรงหน้าที่ปลิวไปติดผนัง เจ้าของการกระทำสุดห่ามยืนหันหลังยกเท้าข้างหนึ่งเหยียบบนอกชายคนนั้น “ชนเฮียเสือนี่คืออยากตาย?”
“อั่ก…!” แรงกดปลายเท้าเพิ่มขึ้น ชายผู้เคราะห์ร้ายถึงกับตาสว่างสร่างเมาทันที “ขะ ขอโทษครับ อั่ก!”
“ถ้าขอโทษแล้วหายจะมีตำรวจไว้ทำเหี้ยไรครับ” อีกเสียงหนึ่งกดต่ำถามก่อนตามมาด้วยร่างสูงในชุดสีขาวตั้งหัวจรดเท้า มาดของเขาคล้ายเทวดาขัดกับรอยยิ้มปีศาจบนใบหน้าสิ้นเชิง
“เอาไงกับมันดีล่ะเฮีย” กวิน เจ้าของฝ่าเท้าที่ยังกดบนอกชายบนพื้นหันมาถาม เรือนผมสีเพลิงโดดเด่นในความมืด ดวงตาโหดเหี้ยมทอประกายสนุกผิดกับสถานการณ์
“…” คนถูกถามเพียงปรายตามองอย่างหมดอารมณ์จะใส่ใจ วันนี้เขาดื่มไปค่อนข้างหนัก รู้สึกได้ถึงความเดือดพล่านของเลือดในตัว
“เฮียเสือ จะเอาไง”
ร่างสูงถอนใจหนักๆ ก้มเก็บคีย์การ์ดของตัวเองที่โดนชนจนตกขึ้นมาใส่กระเป๋ากางเกง เขาไม่อยากเสียเวลาจึงสะบัดมือเป็นเชิงสั่งว่าปล่อยมันไป ฝ่าเท้าถูกยกออกอย่างไม่เต็มใจนัก ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นเก็บของบนพื้นแล้ววิ่งลนลานหนีไปท่ามกลางสายตาคุกรุ่นของชายผมสีเพลิง
คนกำลังอยากมีเรื่องแท้ๆ น่าเสียดายจริง…
“พวกมึงกลับไปได้ล่ะ”
“โอ้โห… พอจะได้กินเหยื่อก็ไล่เลยนะเฮีย”
“หรือมึงจะกินด้วย?” คิ้วหนาเลิกนิดๆ มองรุ่นน้องที่เดินตามมาจากไนต์คลับของโรงแรม
“ว่าแต่อยู่ห้องไหนเหรอครับ เธอได้บอกไหม?” เร็น หนุ่มชุดขาวขมวดคิ้วถาม สายตามองไปทางลิฟต์
“ห้อง 606 มั้ง...” คำตอบของเขา ทำสองหนุ่มถอดถอนใจพร้อมกัน
“ดูใหม่อีกทีเถอะครับ” น้ำเสียงระอาเอ่ยแนะ
“ทำไม? พวกมึงคิดว่าคนอย่างเสือพยัคฆ์จะจำผิด?”
“ก็เพราะเป็นเสือพยัคฆ์นี่แหละ”
“น่าห่วงสุดๆ เลยครับ”
รังสีอันตรายแผ่กระจายมาจากร่างสูงเจ้าของนาม เสือพยัคฆ์ เขาปรายตามองรุ่นน้องคู่ใจทั้งสองด้วยสายตาเชือดเฉือน กล้ามากที่ดูถูกเขา
“งั้นเอาไปดูเอง!” คีย์การ์ดสีขาวถูกล้วงจากกระเป๋าโยนใส่มือกวินที่ยกขึ้นตวัดรับ เขาชะงักพลางถอนใจอีกรอบ
“นี่มันห้อง 909 ต่างหากล่ะเฮีย จริงๆ เล้ย!”
“…” เสือพยัคฆ์หลุบตาลง คิ้วเรียวขมวด เขามองผิดเหรอวะ…
“งั้นชั้นเก้านะครับ เชิญ” ประตูลิฟต์เปิดออก เมื่อกดชั้นเก้าเสร็จ เร็นจึงเดินออกมาแล้วผายมือให้เสือพยัคฆ์เดินเข้าไป ร่างสูงเซเล็กน้อยแต่ก็ยังทรงตัวเดินเข้าลิฟต์
“เฮียเดินไหวไหมเนี่ย ชักห่วง”
“ไม่ต้องเสือกทุกเรื่องก็ได้ กูไม่ได้เมาขนาดนั้น”
“คร้าบๆ งั้นขอให้กินเหยื่ออย่างเอร็ดอร่อยนะเฮีย เนื้อนมไข่เบอร์นั้น รองรับเสือกินดุอย่างเฮียได้ยันเช้าแน่นอน ฮ่าๆ” กวินหัวเราะร่วนก่อนจะถูกเร็นเตะขาแรงๆ หนึ่งที เขาจึงเพิ่งสังเกตเห็นสีหน้าเหี้ยมๆ ของคนในลิฟต์
เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง รังสีกดดันพลันหายไปทันที พวกเขาถอนหายใจเฮือก ส่งสายตาให้กันเป็นเชิงว่า ‘เกือบกระตุกหนวดเสือเข้าแล้วสิ’
ติ้ด!
ประตูห้อง 909 ถูกเปิดออกพร้อมร่างสูงเดินเข้ามาภายใน เสียงกริ๊กเบาๆ ดังตามหลัง เจ้าของร่างสูงไม่ได้ใส่ใจ สาวเท้าเดินมาถึงเตียงนอนซึ่งมีร่างบางนอนหันหลังให้อยู่ เขาหลุบตามองเธอแวบเดียวแล้วเอื้อมปิดโคมไฟ
กฎของเสือพยัคฆ์มักชอบล่าในความมืด ไม่ว่าเหยื่อจะน่ามองน่าขย้ำเพียงไหนก็ไม่มีข้อยกเว้น
ความตื่นเต้นระหว่างกินเหยื่อมันคือสัญชาตญาณของสัตว์ป่า โดยเฉพาะเสือนักล่าอย่างเขา
และเหยื่อที่เขาหมายตา… ล้วนถูกล่ามาอยู่ใต้ร่างเขาทั้งสิ้น!
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments