ตอนที่ 2 คนบ้า

เมื่อเลิกเรียนคีตะก็ได้บอกให้ธารานั้นกลับก่อนตนเลย เพราะตนจะต้องไปเอาสมุดการบ้านคืนจากยิ้มหวานที่ชอบตั้งตัวเป็นคู่อริของตน

ถึงแม้ฉันจะไม่รู้เรื่องก็ตามว่าเผลอไปทำให้เธอไม่ชอบขี้หน้าตอนไหน

ขาเรียวก้าวเดินไปตามทางโดยตลอดข้างทางนั้นเด็กนักเรียนรุ่นเดียวกันอย่างเด็กผู้หญิงได้แต่หันมองตามคีตะจนคอแทบจะเขล็ด

“ฮอตเนิร์ดชัดๆ เห็นแบบนั้น เชื่อฉันเถอะ”

“มาฮงมาฮอตเนิร์ดอะไร เนิร์ดก็ยังเป็นเนิร์ดอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ จะไปสนใจทำไม”

คีตะเดินมาจนถึงหน้าห้องของยิ้มหวานโดยภายในห้องนั้นเงียบสนิท มีเพียงคนตัวเล็กเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ด้านใน คีตะจึงเดินเข้าไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างของอีกฝ่าย

“สมุดของเราล่ะ”

“อยากได้เหรอ”

“ยิ้มหวานอย่าทำตัวแบบนี้ เอาสมุดเราคืนมา”

“ทำไม ฉันทำตัวแบบไหนเหรอ”

หัวคิ้วของคีตะขมวดเข้าหากันอย่างฉงนใจ นี่ฉันไปทำให้หล่อนไม่พอใจตรงไหนอีกกัน ทำไมถึงมาหาเรื่องกันอย่างนี้

“ช่างเถอะ แต่เราจะกลับบ้านแล้ว นี่กระเป๋าเธอใช่ไหม”

“ไปส่งฉันที่บ้าน”

มือที่กำลังรูดซิปกระเป๋าของอีกฝ่ายลงหยุดชะงักในทันที

“ทำไมเราต้องไปส่งเธอด้วย”

“ถ้าไม่ไปส่งก็ไม่ให้ ฮึ”

ยิ้มหวานดึวกระเป๋าตัวเองกลับคืนไปแล้วออกตัวเดินนำไปที่ช่องจอดรถของเด็กนักเรียน

คีตะจึงได้แต่เดินไปที่รถของตนเองย่างจำใจ ไม่รู้ว่ายัยตัวเล็กนี่จะมาไม้ไหนอีก

“หมวก ใส่ซะ” คีตะหยิบหมวกกันน็ิึอคสำรองของตนเองสวมให้อีกฝ่าย มือกำลังจะช่วยใส่ให้โดนปัดออกจากคนตัวเล็ก

“สะ..ใส่เองเป็น! ไม่ต้องมายุ่ง”

ยิ้มหวานกลอกตาล่อกแล่กไปมาเพื่อหลบสายตาของคนตัวสูงกว่าที่มองมาทำให้ใส่หมวกกันน็อคไม่ได้เสียที

“ใส่เองเป็นอะไรของเธอ มานี่”

คีตะดึงมือเล็กออกแล้วจัดการให้เสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากคีตะได้สังเกตสักนิดอาจจะได้เห็นแววตาที่สั่นไหวของยิ้มหวานก็เป็นได้

เมื่อมาส่งถึงบ้านคีตะก็ได้แต่ตกตะลึงในความใหญ่ของบ้านอีกฝ่าย นี่ไม่ใช่บ้านแล้ว.. คฤหาสน์ชัดๆ เลยไม่ใช่รึไง

“คนอย่างเธอคงจะไม่เคยเห็นบ้านแบบนี้สินะ ฮึ เข้ามาข้างในสิ” คนตัวเล็กพูดเสียงเย้ยหยันพร้อมถอดหมวกที่อยู่บนหัวยื่นไปวางคืนตรงเบาะรถ

“ไม่เป็นไร เราต้องกลับบ้านไปอ่านหนังสือ”

“เนิร์ด! ฉันบอกให้ตามเข้ามา”

“คำก็เนิร์ด สองคำก็เนิร์ด เรามีชื่อนะยิ้มหวาน”

คีตะเป็นต้องจำยอมเดินตามอีกฝ่่ายเข้าไปด้านในอีกครั้ง แต่อาณาเขตคฤหาสน์นั้นกว้างใหญ่เกินจึงต้องนั่งรถกอล์ฟเข้าไปแทน โดยที่ตอนนี้คีตะกำลังนั่งอยู่ด้านข้างยิ้มหวานที่กำลังนั่ฃกอดอกเชิดใบหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

“..อะไรของยัยนี่”

“เธอพูดอะไรนะ!?”

“เปล่า ไม่ได้พูดอะไร เธอหูฝาดแล้วแหละ”

“คุณหนูคะ ส่งกระเป๋ามาได้เลยค่ะ แม่บ้านจัดเตรียมน้ำกับขนมไว้ให้คุณหนูกับเพื่อนของคุณหนูที่ห้องเรียบร้อยแล้วค่ะ”

“ขอบคุณค่ะแม่นม”

ยิ้มหวานส่งยิ้มบางๆ ให้แม่นมของตนเอง มือเล็กหยิบกระเป๋าของคีตะยื่นให้อีกฝ่าย

“ดะ..เดี๋ยวก่อน เอากระเป๋าเราไปทำอะไร”

“แค่เอาไปวางไว้ก่อน ตอนกลับจะมีคนเอามาให้”

“อือ ก็ได้” นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันละไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมต้องตามยัยนี่เข้ามาในนี้ด้วย ไม่ชินเอาซะเลย คนสวน แม่บ้าน พ่อบ้าน มีคนเยอะแยะเต็มไปหมดแต่ทำไมไม่เห็นพ่อกับแม่ของยัยตัวเล็กเลยนะ..?

ยิ้มหวานเดินนำขึ้นไปที่ห้องของตนเอง เมื่อมาถึงก็เดินมาจับจูงมือของคีตะให้ตามไปนั่งที่เตียง

“เรามาทำข้อตกลงกันเถอะ”

“ข้อตกลงอะไร? แล้วทำไมเราต้องทำด้วย”

“ทำไม เพราะฉันไม่ใช่น้องพิมอะไรของเธอรึไง”

“เกี่ยวอะไรกับน้องพิม แล้วนี่รู้จักน้องได้ยังไง คงจะไม่ได้ไปหาเรื่องน้องหรอกใช่ไหม”

“..นี่เนิร์ด เธอมองฉันเป็นคนแบบไหน ฉันยิ้มหวานนะยะ!! ยิ้มหวานไม่เคยไปหาเรื่องใครก่อนย่ะ จำไว้!”

“แล้วนี่ไม่ได้เรียกว่าหาเรื่องก่อนตรงไหนกัน” คีตะเบือนหน้าหนีแล้วพึมพำเสียงเบาเมื่อเห็นคนตัวเล็กปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออก

“ฉันจะคืนสมุดเธอที่บ้านทุกวันตอนเย็นก็ต่อเมื่อเธอสอนพิเศษให้ฉัน”

“แล้วจะถอดเสื้อทำไม..?”

“ฉันไม่ได้บอกให้สอนวิชาอะไรนี่”

ยิ้มหวานปลดกระดุมออกจนหมดแล้วดึงชายเสื้อออกจากกระโปรง คนตัวเล็กค่อยๆ เดินไปขึ้นนั่งคร่อมที่ตักของคีตะแต่เมื่อเห็นใบหน้าและใบหูที่ขึ้นสีของอีกฝ่ายแล้วก็ได้หัวเราะออกมาทันที

“คิกๆ เธอคิดว่าฉันจะทำอะไร เนิร์ดจริงๆ” คนตัวเล็กลุกออกไปแต่งตัวที่ตู้เสื้อผ้าทำให้คีตะต้องก้มลงมองมือที่วางอยู่บนตักของตนเองอย่างเดียว เพราะถึงแม้จะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่เธอกับยิ้มหวานก็ไม่ได้สนิทกันถึงขนาดที่จะเห็นเรือนร่างกันและกันได้อย่างสบายใจ

ยัยนี่ไม่อายเลยรึไง

“รีบบอกมาได้แล้ว เราไม่สอนให้เธอฟรีหรอกนะ เราคิดรายชั่วโมง”

“เธอต้องมาส่งฉันที่บ้านทุกวัน ยกเว้นวันหยุดแล้วก็สอนพิเศษเราวันละ 3 ชั่วโมง จาก 4โมงเย็นถึง 6โมงเย็น โอเคไหม 3ชั่วโมง ฉันให้วันละ 3,000”

“..มันเยอะเกินไป ปกติเราสอนชั่วโมงละ 300”

“อย่าเถียงนะเนิร์ด!!! ฉันสะดวกจะให้เท่านั้น เริ่มวันนี้เลย!!”

“เฮ้อ.. ถ้างั้นก็ได้”

สุดท้ายแล้วฉันก็ได้สอนพิเศษให้กับยิ้มหวานในเรทราคาชั่วโมงละ 1,000 บาท ถ้าแม่รู้เรื่องนี้คงจะรู้สึกขอบคุณยิ้มหวานมากเลยล่ะ

—ณ บ้านของพิมพา—

“น้องพิมไม่เข้าใจตรงไหนถามพี่ได้เลยนะ”

คีตะกำลังนั่งอยู่ในบ้านของรุ่นน้องคนสนิทอย่างน้องพิมพา ตอนที่คีตะได้เจอกับพิมนั้นช่างแตกต่างจากตอนนี้เสียจริง

“เอ่อ.. ถามนอกเรื่องได้ไหมคะ”

“ได้สิคะ ถามได้ค่ะ”

“พี่คีตะมีคนที่สนใจรึยังคะ มะ..หมายถึงเชิงเอ่อ.. ความรักน่ะค่ะ”

“ความรักเหรอ ตอนนี้พี่ยังไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ พอดีพี่กำลังเตรียมตัวยื่นพอร์ตรอบแรกที่มหาลัยอยู่น่ะ เราล่ะ”

“คะ?! ก็มีอยู่ค่ะ แฮะ”

พิมพาใบหน้าแดงระเรื่อยามเมื่อได้จ้องมองตามใบหน้าของผู้พี่ พี่คีตะน่ะไม่ได้แต่งหน้าหรือทาแป้งเลย แต่กลับดูดีเสียจนพิมพาไม่สามารถละสายตาออกจากเขาได้เลยทำให้คีตะที่กำลังนั่งเขียนแสดงวิธีทำโจทย์คณิตศาสตร์หยุดมือลง

“สนใจใครเหรอคะ คนนั้นต้องโชคดีมากๆ แน่เลยที่น้องพิมให้ความสนใจ”

“มะ..ไม่หรอกค่ะ ตอนนี้พิมยังไม่กล้าบอกเขาเลยค่ะ”

“งั้นรอวันที่เรากล้าแล้วค่อยไปบอกเขานะคะ พี่เป็นกำลังใจให้ค่ะ”

“ขอบคุณค่ะพี่คีตะ”

พิมพาโน้มหัวลงไปซบที่ไหล่ของคีตะด้วยความออดอ้อนทำให้คีตะได้แต่ยกมือขึ้นมาลูบผมด้วยความเอ็นดูอย่างเสียไม่ได้

หลังจากที่คีตะสอนพิเศษพิมพาที่บ้านอีกฝ่ายเสร็จนั้นก็รีบเดินออกมากกล้งจะเตะขาคร่อมรถจักรยานยนตร์ตัวเก่งของตัวเองก็ได้หยุดชะงักเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นร่างคุ้นเคยอยู่แถวนี้

“ยิ้มหวาน..?”

ลืมไปได้ยังไงว่าวันที่มาส่งยัยนี่ ยัยยิ้มหวานอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับน้องพิม

เหมือนเจ้าของชื่อจะได้ยินเสียงของคีตะ ดวงหน้าสวยหันมามองตามเสียงที่เรียกชื่อของตนเอง

คีตะรีบสวมหมวกกันน็อคทันทีเพื่อปกปิดใบหน้า ไปโรงเรียน 5 วัน เจอกันทุกวัน วันหยุดก็ยังจะเจออีกงั้นเหรอ ไม่ไหวเลยแฮะ

“ใครเรียกฉัน.. เสียงเหมือนยัยเนิร์ดเลย ช่างเถอะ ยัยเนิร์ดจะมาทำไมในย่านคนมีเงิน”

ใช่ ฉันมาทำงานที่ย่านคนทีเงินอย่างพวกเธออยู่ไงเล่า ยัยยิ้มหวาน!

คีตะถอนหายใจแล้วรีบสตาร์ทรถออกตัวกลับบ้านในทันที

— รุ่งเช้าต่อมา —

วันนี้เป็นวันที่คีตะจะต้องยืนเป็นเวรตรงประตูทางเข้าโรงเรียนเพราะเธอนั้นเป็นสภานักเรียน เวลาผ่านไปจนถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติก็ยังไม่เห็นคนหน้าหวานมาเสียที

“มองหาใครอยู่เหรอคะพี่คีตะ” เสียงใสของพิมพาเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อตนเองสังเกตเห็นรุ่นพี่คนสนิทชะเง้อมองหาอะไรอยู่นานแล้ว

“เอ่อ.. แค่จะดูน่ะว่ามีใครอีกไหม ถ้าไม่มีแล้ว พี่จะได้ปิดประตู”

“หนูว่าคงไม่มีแล้วล่ะค่ะ งั้นหนูไปปิดประ-”

“เดี๋ยวพี่ไปปิดเองค่ะ เรากลับห้องก่อนเลยนะ” คีตะโผล่หัวออกไปเห็นยิ้มหวานกำลังจะปีนกำแพงอีกฝั่งของโรงเรียนก็ได้แต่เบิกตากว้าง เมื่อรอพิมพาเดินไปแล้วจึงรีบก้าวเท้าเดินไปรอทางที่อีกฝ่ายจะปีนลงมา

ฟึ่บ

“!!!!!”

ร่างเล็กของยิ้มหวานกระโดดลงมาในอ้อมแขนของคีตะพอดิบพอดี เพราะคนตัวเล็กดันลืมมองด้านล่างแล้วตัดสินใจกระโดดลงมาเลย จึงตกใจเป็นอย่างมาก คนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่กลับมายืนอยู่ตรงหน้า

“ถ้าไม่รับไว้ เธอคงกระดูกร้าวแล้วมั้ง เจ็บตรงไหนรึเปล่า ทำไมไม่เข้าทางประตูดีๆ”

“ยัยโง่ ถ้าเข้าทางนั้นก็ได้เข้าแถวคนมาสายสิยะ!”

“แล้วไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม ขอเราดูหน่อยนะ”

คีตะลงไปนั่งคุกเข่าสอดส่องสายตามองตามเรียวขาของคนตัวเล็ก

“จะ..จะมาสนใจทำไม”

“ถ้าเธอกลับบ้านไปแล้วโดนแม่นมถาม เราจะได้ตอบได้”

ใช่.. ตั้งแต่ผ่านวันนั้นมาเธอก็ตัวติดกับยิ้มหวานมากขึ้น แค่เฉพาะตอนอยู่ที่บ้านหรือคฤหาสน์ของยัยตัวเล็กล่ะนะ กลายเป็นว่าคุณป้ามะลิ แม่นมของยิ้มหวานคิดว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของอีกฝ่ายไปแล้ว

“ไม่เจ็บตรงไหนก็ดี เดี๋ยวเราไปส่งที่ห้อง เอากระเป๋ามาสิ” คีตะไม่รอให้อีกฝ่ายได้ขยับตัว มือเรียวเอื้อมไปหยิบกระเป๋ามาถือให้แล้วอีกข้างก็จับมือเล็กให้เดินตามกันมา

“เดี๋ยวสิ! ถ้าคนอื่นเห็นเข้า..”

“ทำไม เธออายเหรอถ้าคนอื่นรู้ว่าเรารู้จักเธอ”

“มะ..ไม่ใช่อย่างนั้น ช่างเถอะ”

“อือ”

ยิ้มหวานมองแผ่นหลังกว้างกว่าตนเองของคีตะด้วยนัยน์ตาที่สั่นไหวก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปมองที่มือของตนเองที่กำลังโดนคนตัวสูงกอบกุมอยู่

คนบ้าเอ๊ย..

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 2

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!