เมื่อเลิกเรียนคีตะก็ได้บอกให้ธารานั้นกลับก่อนตนเลย เพราะตนจะต้องไปเอาสมุดการบ้านคืนจากยิ้มหวานที่ชอบตั้งตัวเป็นคู่อริของตน
ถึงแม้ฉันจะไม่รู้เรื่องก็ตามว่าเผลอไปทำให้เธอไม่ชอบขี้หน้าตอนไหน
ขาเรียวก้าวเดินไปตามทางโดยตลอดข้างทางนั้นเด็กนักเรียนรุ่นเดียวกันอย่างเด็กผู้หญิงได้แต่หันมองตามคีตะจนคอแทบจะเขล็ด
“ฮอตเนิร์ดชัดๆ เห็นแบบนั้น เชื่อฉันเถอะ”
“มาฮงมาฮอตเนิร์ดอะไร เนิร์ดก็ยังเป็นเนิร์ดอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ จะไปสนใจทำไม”
คีตะเดินมาจนถึงหน้าห้องของยิ้มหวานโดยภายในห้องนั้นเงียบสนิท มีเพียงคนตัวเล็กเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ด้านใน คีตะจึงเดินเข้าไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างของอีกฝ่าย
“สมุดของเราล่ะ”
“อยากได้เหรอ”
“ยิ้มหวานอย่าทำตัวแบบนี้ เอาสมุดเราคืนมา”
“ทำไม ฉันทำตัวแบบไหนเหรอ”
หัวคิ้วของคีตะขมวดเข้าหากันอย่างฉงนใจ นี่ฉันไปทำให้หล่อนไม่พอใจตรงไหนอีกกัน ทำไมถึงมาหาเรื่องกันอย่างนี้
“ช่างเถอะ แต่เราจะกลับบ้านแล้ว นี่กระเป๋าเธอใช่ไหม”
“ไปส่งฉันที่บ้าน”
มือที่กำลังรูดซิปกระเป๋าของอีกฝ่ายลงหยุดชะงักในทันที
“ทำไมเราต้องไปส่งเธอด้วย”
“ถ้าไม่ไปส่งก็ไม่ให้ ฮึ”
ยิ้มหวานดึวกระเป๋าตัวเองกลับคืนไปแล้วออกตัวเดินนำไปที่ช่องจอดรถของเด็กนักเรียน
คีตะจึงได้แต่เดินไปที่รถของตนเองย่างจำใจ ไม่รู้ว่ายัยตัวเล็กนี่จะมาไม้ไหนอีก
“หมวก ใส่ซะ” คีตะหยิบหมวกกันน็ิึอคสำรองของตนเองสวมให้อีกฝ่าย มือกำลังจะช่วยใส่ให้โดนปัดออกจากคนตัวเล็ก
“สะ..ใส่เองเป็น! ไม่ต้องมายุ่ง”
ยิ้มหวานกลอกตาล่อกแล่กไปมาเพื่อหลบสายตาของคนตัวสูงกว่าที่มองมาทำให้ใส่หมวกกันน็อคไม่ได้เสียที
“ใส่เองเป็นอะไรของเธอ มานี่”
คีตะดึงมือเล็กออกแล้วจัดการให้เสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากคีตะได้สังเกตสักนิดอาจจะได้เห็นแววตาที่สั่นไหวของยิ้มหวานก็เป็นได้
เมื่อมาส่งถึงบ้านคีตะก็ได้แต่ตกตะลึงในความใหญ่ของบ้านอีกฝ่าย นี่ไม่ใช่บ้านแล้ว.. คฤหาสน์ชัดๆ เลยไม่ใช่รึไง
“คนอย่างเธอคงจะไม่เคยเห็นบ้านแบบนี้สินะ ฮึ เข้ามาข้างในสิ” คนตัวเล็กพูดเสียงเย้ยหยันพร้อมถอดหมวกที่อยู่บนหัวยื่นไปวางคืนตรงเบาะรถ
“ไม่เป็นไร เราต้องกลับบ้านไปอ่านหนังสือ”
“เนิร์ด! ฉันบอกให้ตามเข้ามา”
“คำก็เนิร์ด สองคำก็เนิร์ด เรามีชื่อนะยิ้มหวาน”
คีตะเป็นต้องจำยอมเดินตามอีกฝ่่ายเข้าไปด้านในอีกครั้ง แต่อาณาเขตคฤหาสน์นั้นกว้างใหญ่เกินจึงต้องนั่งรถกอล์ฟเข้าไปแทน โดยที่ตอนนี้คีตะกำลังนั่งอยู่ด้านข้างยิ้มหวานที่กำลังนั่ฃกอดอกเชิดใบหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
“..อะไรของยัยนี่”
“เธอพูดอะไรนะ!?”
“เปล่า ไม่ได้พูดอะไร เธอหูฝาดแล้วแหละ”
“คุณหนูคะ ส่งกระเป๋ามาได้เลยค่ะ แม่บ้านจัดเตรียมน้ำกับขนมไว้ให้คุณหนูกับเพื่อนของคุณหนูที่ห้องเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะแม่นม”
ยิ้มหวานส่งยิ้มบางๆ ให้แม่นมของตนเอง มือเล็กหยิบกระเป๋าของคีตะยื่นให้อีกฝ่าย
“ดะ..เดี๋ยวก่อน เอากระเป๋าเราไปทำอะไร”
“แค่เอาไปวางไว้ก่อน ตอนกลับจะมีคนเอามาให้”
“อือ ก็ได้” นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันละไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมต้องตามยัยนี่เข้ามาในนี้ด้วย ไม่ชินเอาซะเลย คนสวน แม่บ้าน พ่อบ้าน มีคนเยอะแยะเต็มไปหมดแต่ทำไมไม่เห็นพ่อกับแม่ของยัยตัวเล็กเลยนะ..?
ยิ้มหวานเดินนำขึ้นไปที่ห้องของตนเอง เมื่อมาถึงก็เดินมาจับจูงมือของคีตะให้ตามไปนั่งที่เตียง
“เรามาทำข้อตกลงกันเถอะ”
“ข้อตกลงอะไร? แล้วทำไมเราต้องทำด้วย”
“ทำไม เพราะฉันไม่ใช่น้องพิมอะไรของเธอรึไง”
“เกี่ยวอะไรกับน้องพิม แล้วนี่รู้จักน้องได้ยังไง คงจะไม่ได้ไปหาเรื่องน้องหรอกใช่ไหม”
“..นี่เนิร์ด เธอมองฉันเป็นคนแบบไหน ฉันยิ้มหวานนะยะ!! ยิ้มหวานไม่เคยไปหาเรื่องใครก่อนย่ะ จำไว้!”
“แล้วนี่ไม่ได้เรียกว่าหาเรื่องก่อนตรงไหนกัน” คีตะเบือนหน้าหนีแล้วพึมพำเสียงเบาเมื่อเห็นคนตัวเล็กปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออก
“ฉันจะคืนสมุดเธอที่บ้านทุกวันตอนเย็นก็ต่อเมื่อเธอสอนพิเศษให้ฉัน”
“แล้วจะถอดเสื้อทำไม..?”
“ฉันไม่ได้บอกให้สอนวิชาอะไรนี่”
ยิ้มหวานปลดกระดุมออกจนหมดแล้วดึงชายเสื้อออกจากกระโปรง คนตัวเล็กค่อยๆ เดินไปขึ้นนั่งคร่อมที่ตักของคีตะแต่เมื่อเห็นใบหน้าและใบหูที่ขึ้นสีของอีกฝ่ายแล้วก็ได้หัวเราะออกมาทันที
“คิกๆ เธอคิดว่าฉันจะทำอะไร เนิร์ดจริงๆ” คนตัวเล็กลุกออกไปแต่งตัวที่ตู้เสื้อผ้าทำให้คีตะต้องก้มลงมองมือที่วางอยู่บนตักของตนเองอย่างเดียว เพราะถึงแม้จะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่เธอกับยิ้มหวานก็ไม่ได้สนิทกันถึงขนาดที่จะเห็นเรือนร่างกันและกันได้อย่างสบายใจ
ยัยนี่ไม่อายเลยรึไง
“รีบบอกมาได้แล้ว เราไม่สอนให้เธอฟรีหรอกนะ เราคิดรายชั่วโมง”
“เธอต้องมาส่งฉันที่บ้านทุกวัน ยกเว้นวันหยุดแล้วก็สอนพิเศษเราวันละ 3 ชั่วโมง จาก 4โมงเย็นถึง 6โมงเย็น โอเคไหม 3ชั่วโมง ฉันให้วันละ 3,000”
“..มันเยอะเกินไป ปกติเราสอนชั่วโมงละ 300”
“อย่าเถียงนะเนิร์ด!!! ฉันสะดวกจะให้เท่านั้น เริ่มวันนี้เลย!!”
“เฮ้อ.. ถ้างั้นก็ได้”
สุดท้ายแล้วฉันก็ได้สอนพิเศษให้กับยิ้มหวานในเรทราคาชั่วโมงละ 1,000 บาท ถ้าแม่รู้เรื่องนี้คงจะรู้สึกขอบคุณยิ้มหวานมากเลยล่ะ
—ณ บ้านของพิมพา—
“น้องพิมไม่เข้าใจตรงไหนถามพี่ได้เลยนะ”
คีตะกำลังนั่งอยู่ในบ้านของรุ่นน้องคนสนิทอย่างน้องพิมพา ตอนที่คีตะได้เจอกับพิมนั้นช่างแตกต่างจากตอนนี้เสียจริง
“เอ่อ.. ถามนอกเรื่องได้ไหมคะ”
“ได้สิคะ ถามได้ค่ะ”
“พี่คีตะมีคนที่สนใจรึยังคะ มะ..หมายถึงเชิงเอ่อ.. ความรักน่ะค่ะ”
“ความรักเหรอ ตอนนี้พี่ยังไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ พอดีพี่กำลังเตรียมตัวยื่นพอร์ตรอบแรกที่มหาลัยอยู่น่ะ เราล่ะ”
“คะ?! ก็มีอยู่ค่ะ แฮะ”
พิมพาใบหน้าแดงระเรื่อยามเมื่อได้จ้องมองตามใบหน้าของผู้พี่ พี่คีตะน่ะไม่ได้แต่งหน้าหรือทาแป้งเลย แต่กลับดูดีเสียจนพิมพาไม่สามารถละสายตาออกจากเขาได้เลยทำให้คีตะที่กำลังนั่งเขียนแสดงวิธีทำโจทย์คณิตศาสตร์หยุดมือลง
“สนใจใครเหรอคะ คนนั้นต้องโชคดีมากๆ แน่เลยที่น้องพิมให้ความสนใจ”
“มะ..ไม่หรอกค่ะ ตอนนี้พิมยังไม่กล้าบอกเขาเลยค่ะ”
“งั้นรอวันที่เรากล้าแล้วค่อยไปบอกเขานะคะ พี่เป็นกำลังใจให้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะพี่คีตะ”
พิมพาโน้มหัวลงไปซบที่ไหล่ของคีตะด้วยความออดอ้อนทำให้คีตะได้แต่ยกมือขึ้นมาลูบผมด้วยความเอ็นดูอย่างเสียไม่ได้
หลังจากที่คีตะสอนพิเศษพิมพาที่บ้านอีกฝ่ายเสร็จนั้นก็รีบเดินออกมากกล้งจะเตะขาคร่อมรถจักรยานยนตร์ตัวเก่งของตัวเองก็ได้หยุดชะงักเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นร่างคุ้นเคยอยู่แถวนี้
“ยิ้มหวาน..?”
ลืมไปได้ยังไงว่าวันที่มาส่งยัยนี่ ยัยยิ้มหวานอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับน้องพิม
เหมือนเจ้าของชื่อจะได้ยินเสียงของคีตะ ดวงหน้าสวยหันมามองตามเสียงที่เรียกชื่อของตนเอง
คีตะรีบสวมหมวกกันน็อคทันทีเพื่อปกปิดใบหน้า ไปโรงเรียน 5 วัน เจอกันทุกวัน วันหยุดก็ยังจะเจออีกงั้นเหรอ ไม่ไหวเลยแฮะ
“ใครเรียกฉัน.. เสียงเหมือนยัยเนิร์ดเลย ช่างเถอะ ยัยเนิร์ดจะมาทำไมในย่านคนมีเงิน”
ใช่ ฉันมาทำงานที่ย่านคนทีเงินอย่างพวกเธออยู่ไงเล่า ยัยยิ้มหวาน!
คีตะถอนหายใจแล้วรีบสตาร์ทรถออกตัวกลับบ้านในทันที
— รุ่งเช้าต่อมา —
วันนี้เป็นวันที่คีตะจะต้องยืนเป็นเวรตรงประตูทางเข้าโรงเรียนเพราะเธอนั้นเป็นสภานักเรียน เวลาผ่านไปจนถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติก็ยังไม่เห็นคนหน้าหวานมาเสียที
“มองหาใครอยู่เหรอคะพี่คีตะ” เสียงใสของพิมพาเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อตนเองสังเกตเห็นรุ่นพี่คนสนิทชะเง้อมองหาอะไรอยู่นานแล้ว
“เอ่อ.. แค่จะดูน่ะว่ามีใครอีกไหม ถ้าไม่มีแล้ว พี่จะได้ปิดประตู”
“หนูว่าคงไม่มีแล้วล่ะค่ะ งั้นหนูไปปิดประ-”
“เดี๋ยวพี่ไปปิดเองค่ะ เรากลับห้องก่อนเลยนะ” คีตะโผล่หัวออกไปเห็นยิ้มหวานกำลังจะปีนกำแพงอีกฝั่งของโรงเรียนก็ได้แต่เบิกตากว้าง เมื่อรอพิมพาเดินไปแล้วจึงรีบก้าวเท้าเดินไปรอทางที่อีกฝ่ายจะปีนลงมา
ฟึ่บ
“!!!!!”
ร่างเล็กของยิ้มหวานกระโดดลงมาในอ้อมแขนของคีตะพอดิบพอดี เพราะคนตัวเล็กดันลืมมองด้านล่างแล้วตัดสินใจกระโดดลงมาเลย จึงตกใจเป็นอย่างมาก คนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่กลับมายืนอยู่ตรงหน้า
“ถ้าไม่รับไว้ เธอคงกระดูกร้าวแล้วมั้ง เจ็บตรงไหนรึเปล่า ทำไมไม่เข้าทางประตูดีๆ”
“ยัยโง่ ถ้าเข้าทางนั้นก็ได้เข้าแถวคนมาสายสิยะ!”
“แล้วไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม ขอเราดูหน่อยนะ”
คีตะลงไปนั่งคุกเข่าสอดส่องสายตามองตามเรียวขาของคนตัวเล็ก
“จะ..จะมาสนใจทำไม”
“ถ้าเธอกลับบ้านไปแล้วโดนแม่นมถาม เราจะได้ตอบได้”
ใช่.. ตั้งแต่ผ่านวันนั้นมาเธอก็ตัวติดกับยิ้มหวานมากขึ้น แค่เฉพาะตอนอยู่ที่บ้านหรือคฤหาสน์ของยัยตัวเล็กล่ะนะ กลายเป็นว่าคุณป้ามะลิ แม่นมของยิ้มหวานคิดว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของอีกฝ่ายไปแล้ว
“ไม่เจ็บตรงไหนก็ดี เดี๋ยวเราไปส่งที่ห้อง เอากระเป๋ามาสิ” คีตะไม่รอให้อีกฝ่ายได้ขยับตัว มือเรียวเอื้อมไปหยิบกระเป๋ามาถือให้แล้วอีกข้างก็จับมือเล็กให้เดินตามกันมา
“เดี๋ยวสิ! ถ้าคนอื่นเห็นเข้า..”
“ทำไม เธออายเหรอถ้าคนอื่นรู้ว่าเรารู้จักเธอ”
“มะ..ไม่ใช่อย่างนั้น ช่างเถอะ”
“อือ”
ยิ้มหวานมองแผ่นหลังกว้างกว่าตนเองของคีตะด้วยนัยน์ตาที่สั่นไหวก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปมองที่มือของตนเองที่กำลังโดนคนตัวสูงกอบกุมอยู่
คนบ้าเอ๊ย..
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments