เสียงปืนดังเป็นระลอกๆ เสียงร้องของผู้คนบริเวณใกล้เคียงก็ดังตาม
เสียงปืนด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่คนท่าทางแปลกๆ เหล่านั้นพยายาม จะวิ่งเข้าใส่พวกชายฉกรรจ์พร้อมอ้าปากกว้าง แต่แล้วก็ถูกยิงศีรษะจน สมองกระจายก่อนส้มลง ความน่าหวาดเสียวทวีคูณขึ้น เมื่อคนพวกนั้นวิ่งเข้าใส่ชายฉกรรจ์คนหนึ่ง
อย่างเร็ว ชายหนุ่มผู้เฝ้ามองนึกว่าคนคนนั้นจะตกเป็นเหยื่อเสียแล้ว แต่ กระสุนจากปืนอีกคนก็พุ่งมาสกัดไว้ใต้ทัน ชายคนที่เกือบเป็นเหยื่อหันไปเตะ ให้ซากศพกระเด็นออกห่างตัว แล้วเล็งไปยังเป้าหมายต่อไป
ชายหนุ่มเจ้าของผมยุ่งเหยิงตะลึงกับสิ่งใหม่ที่ได้รับรู้ เหตุผลที่ไม่มีใคร กล้าออกไปเสี่ยงเด่นชัดตรงหน้า ชายหนุ่มหลับตาแน่นชั่วขณะตั้งสติกับตัวเอง ก่อนจะลืมตาขึ้น เพราะอย่างไรก็หลบไปจากภาพความจริงไม่ได้ เขามองเห็น เหล่าคนไร้สติอีกหนึ่งคนเดินดื่มไปยังเด็กชายที่เพียรเคาะประตูบ้านหลังหนึ่ง
ว้ากกก!!"
ปัง!
เสียงปืนดังปกป้องเด็กชายไว้ได้ทันเวลา หัวและสมองของผู้ปองร้าย กระจายเลอะใบหน้าเด็กชายผู้รอดชีวิต
"หนีเร็ว!"
เจ้าหน้าที่คนที่ช่วยเหลือตะโกนบอก แต่....
ปัง! ปัง!
คนไร้สติอีกคนวิ่งจู่โจมเข้ามาทำร้ายเด็กคนนั้น ความเร็วของมัน กับกระสุนจากเจ้าหน้าที่ทันกันพอดี แต่โชคร้ายที่ศีรษะอันเปื่อยยุ่ยของซากศพ เดินได้ทำให้ลูกกระสุนเจาะทะลวงศีรษะของมัน ก่อนเจาะเข้ากลางหน้าผาก ของเด็กผู้โชคร้ายคนนั้นพอดิบพอดี เด็กชายล้มลง แต่เจ้าหน้าที่กลับหันไป เล็งปืนยังคนไร้สติคนต่อไป ไม่สนใจร่างอันไร้วิญญาณที่นอนจมกองเลือด อยู่ข้างๆ คนประหลาดนั้นเลย
แบบนี้เลยเหรอ!?!
“อย่านะ! กรี๊ดดดดด!!!
เสียงกรีดร้องของแม่ลูกอ่อนดังลั่น ทั้งๆ ที่คิดว่าหลบอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว แต่เพราะอะไรบางอย่าง ทำให้พวกคนประหลาดไว้ซึ่งสติค้นพบตัวเธอและ พุ่งเข้ามาหา พวกมันหวังกระชากเธอให้ออกมาจากที่ซ่อนจึงดึงด้วยแขนเน่าๆ สุดแรง เธอยื้อเด็กที่อยู่ในมือเอาไว้แล้วกระชากกลับ ฟันของมันจ้างเข้ามาใกล้ เพื่อขู่ หญิงสาวยกมือปัดป้อง
ปัง! ปัง!
ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้น สองแม่ลูกปลอดภัย แต่ใช่ว่าจะถูกทั้งหมด มือของคนเป็นแม่มีแผลเลือดไหลซิบๆ เธอนั่งลงตัวสั่น โดยเฉพาะมือของเธอ สั้นมากเป็นพิเศษ มันควบคุมไม่ได้ เธอพึมพำ....
“ฉันถูกกัด ฉันถูกกัด ไม่นะ ไม่!!!”
เธอกอดลูกน้อยแนบกายแน่นแล้วร้องให้คล้ายกับหมดอาลัยตายอยาก
ในชีวิต
ชายหนุ่มมองภาพเหล่านั้นด้วยความหวาดหวั่น คนเหล่านั้นเริ่ม เพิ่มจำนวน ไม่รู้ว่าเขาจะตกเป็นเหยื่อไปอีกคนเมื่อไร ใช่....เขาควรจะหลบไป ให้ไกลกว่านี้ แต่จะที่ไหนล่ะ? และโดยที่เขายังไม่ทันระวังตัว...
จู่ๆ หญิงร่างผอมหน้าหายไปเกือบครึ่งก็พุ่งเข้ามาหาชายหนุ่มเจ้าของ ผมยุ่งเหยิงอย่างไม่ให้ตั้งตัว ปากของเธออ้ากว้าง มือไขว่คว้ากลางอากาศ พอในหัวสั่งให้ขยับหนี เสียงหนึ่งก็ดังตามมาในทันที
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นก่อนที่หญิงคนนั้นจะพุ่งเข้ามาถึงตัวเขาในระยะไม่กี่ เซนติเมตร เขาหลับตาทันทีเมื่อสัมผัสถึงน้ำเหลืองเยิ้มๆ และเศษเนื้อเน่าๆ ที่สาดกระจายเต็มหน้า
"เหวอออ หึ้ย”
เขาร้องขึ้นมา คิ้วขมวดแน่น บ่งบอกว่ากำลังขยะแขยงอย่างที่สุด “นี่มันตัวบ้าอะไรกันน่ะ นี่มันเรื่องบ้าอะไร?!"
คล้ายว่าชายหนุ่มจะพึมพำกับตัวเอง พลางเอามือลูบหน้าเพื่อเอา เศษสมองเน่าๆ ทิ้ง กลิ่นมันเหม็นจนเขาแทบอยากจะอาเจียนออกมาสายตา ยังกวาดมองเหตุการณ์รอบข้างอย่างหวาดผวาว่าจะเกิดเหตุซ้ำ
เขามองเห็นชายวัยกลางคนท่าทางเพี้ยนถือไม้หน้าสามคนนั้นโยนไม้ทิ้ง แล้ววิ่งหนี ทิ้งให้เด็กสาวในชุดนักเรียนเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง แต่เด็กสาว ผู้กล้าหาญกลับคว้าไม้นั้นขึ้นมาจากพื้นก่อนกวัดแกว่งไปมาเพื่อป้องกันตัว
“ออกไปนะ ไอ้พวกบ้า ออกไป!”
ส่วนเหล่าชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบเองก็กำลังสู้อยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย กับคนประหลาดอีกสามคน เท่าที่ชายหนุ่มสังเกต คนพวกนั้นจะหยุด การเคลื่อนไหวก็ต่อเมื่อถูกยิงเข้าที่หัวเท่านั้น
แต่เขาไม่เข้าใจเลยว่าคนพวกนั้นกลายเป็นแบบนั้นได้อย่างไร โลกนี้ ได้เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่เมื่อไร หรือมันเป็นแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง? คำถามหลายอย่างเกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็จบลงเมื่อมันไร้คำตอบ
ชายหนุ่มหลับตาลงเขาไม่รู้จะเริ่มตามหาตัวตนของตนเองได้ที่ไหน
เพราะมาที่หลงเหลืออยู่ในหัวของเขาไม่ใช่ที่นี่ “โอ๊ย” เขารู้สึกปวดหัว ปวดหัวไปหมด
เวลาผ่านไป...
ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่ามันนานเท่าไรแล้ว แต่มันนานพอที่จะทำให้เขารับรู้ ถึงความสงบ ไม่มีเสียงที่เต็มไปด้วยความสับสน ไม่มีเสียงปืน มันเงียบ จนได้ยินเสียงสะอื้นไห้ดังลอดออกมาจากบ้านเรือนในละแวกนั้น
พวกเขาหวาดกลัว
ชายหนุ่มตระหนักว่าใช่ว่าความเคยชินจะสร้างเกราะคุ้มกันให้คนเหล่านี้ ได้เสียเมื่อไหร่
เสียงไซเรนได้หยุดลง แต่เสียงฟ้าร้องยังคงดังคำราม พายุฝนใกล้เข้ามาแล้ว
ชายหนุ่มกวาดตามอง ศพที่ถูกระเบิดหัวมากมายเกลื่อนถนนไปหมด เขามองเห็นรถขนาดใหญ่สองคันซึ่งมารออยู่แล้ว รถได้เคลื่อนตัวเข้ามา ก่อนจะจอดลงใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ที่แต่งตัวคล้ายชายกลุ่มแรก เพียงแต่ผ้ารัดแขน ของพวกเขาเป็นสีขาวปักคำว่า “UL 407 แล้วสวมชุดโปร่งใสทับอีกชั้น ทุกคน ค่อยๆ ทยอยลงมาจากรถ พวกเขาไม่มีปืน นอกจากบางคนจะสะพาย
กระเป๋าขนาดใหญ่ที่มีท่อสายยางสีเงินเชื่อมติด ซึ่งมันมีไอสีขาวถูกพ่น ออกมา มันเป็นยาฆ่าเชื้อ ส่วนบางคนก็กำลังช่วยกันยกร่างของพวกคน ที่อาละวาดเหล่านั้น รวมถึงศพของคนที่เรียกตนเองว่าเจ้าหน้าที่โยนเข้าไป ยังหลังรถบรรทุก
...ผู้คนที่หลบซ่อนอยู่ก็แง้มหน้าต่างออกมาเฝ้ามองเหตุการณ์ ไม่มีใคร กล้าย่างกรายออกมา บางคนแอบดูก่อนจะเบียนหน้าหลบกันไปเพราะภาพ ที่น่ารังเกียจ ไม่มีเสียงซุบซิบ ไม่มีเสียงต่อว่ากัน แม้ว่าพวกเขาจะทำเรื่องเห็นแก่ตัว เพียงไหน.......
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments